860 likes | 1.1k Views
บทที่ 6 การรักษาดุลยภาพ ในร่างกาย. 6.2 ระบบขับถ่ายกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย 6.2.1 การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว 6.2.2 การขับถ่ายของสัตว์ 6.2.3 การขับถ่ายของคน . ระบบขับถ่ายกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย. Excretory System.
E N D
บทที่ 6 การรักษาดุลยภาพในร่างกาย
6.2 ระบบขับถ่ายกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย • 6.2.1 การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว • 6.2.2 การขับถ่ายของสัตว์ • 6.2.3 การขับถ่ายของคน
ระบบขับถ่ายกับการรักษาดุลยภาพของร่างกายระบบขับถ่ายกับการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
Excretory System • หมายถึง การกำจัดของเสียซึ่งเกิดจาก metabolism ภายในร่างกายสิ่งมีชีวิต ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ เก็บไว้ไม่ได้ เพราะเป็นอันตรายต่อเซลล์ของร่างกาย จำเป็นต้องกำจัดออกเช่น ยูเรีย แอมโมเนีย กรดยูริก
ประเภทของเสียในร่างกายประเภทของเสียในร่างกาย 1) CO2ได้จากการหายใจระดับเซลล์ โดยการสลายคาร์โบไฮเดรต 2) คีโตนบอดี(Ketone Body) ได้จากการสลายสารอาหารพวกไขมัน 3) สารที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารบางชนิด เช่น น้ำดี(Bile) 4) น้ำที่มากเกินพอ (น้ำไม่จัดเป็นผลิตผลที่เป็นของเสียแต่เนื่องมาจากพืชและสัตว์จะต้องรักษาสมดุลของน้ำ จึงต้องกำจัดส่วนเกินออกไป) 5) ของเสียที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ (Nitrogenous Waste) หรือกากเหลือจากกรดอะมิโน
การขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวการขับถ่ายของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
Protozoa • Amoeba , Paramecium • มีโครงสร้าง contractile vacuole • ขยายขนาดได้ เพราะได้รับสารส่วนใหญ่เป็นน้ำที่มีของเสียปนอยู่ และจะแฟบลงได้จากการปล่อยสิ่งต่างๆ ออกจากเซลล์ • ของเสียถูกกำจัดโดยการแพร่
Hydra • การกำจัดของเสียเกิดขึ้นโดยการแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ออกมาเช่นเดียวกับในพวกโพรโทซัว • ของเสียที่แพร่ผ่านออกมาอาจผ่านออกมาทางเนื้อเยื่อชั้นนอก หรือผ่านออกมาทางช่องว่างกลางลำตัว (Gastrovascular Cavity)
การขับถ่ายของหนอนตัวแบนการขับถ่ายของหนอนตัวแบน • เช่น พยาธิใบไม้ พลานาเรีย • โครงสร้างที่ทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียคือ เฟลมเซลล์ (Flame Cell)กระจายอยู่ทั้งสองข้าง ตลอดตามความยาวของลำตัว • ภายในเฟลมเซลล์เป็นโพรงและมีซิเลีย (Cilia) ซึ่งเป็นขนเส้นเล็กๆ โบกพัดของเหลวในเฟลมเซลล์ให้ออกสู่ท่อขับถ่าย (Excretory Pore) ที่ผนังลำตัว • การโบกพัดของซิเลียในเฟลมเซลล์ มีลักษณะคล้ายเปลวเทียน (Flame)เมื่อของเหลวไหลออกจากเฟลมเซลล์ • พวกแอมโมเนีย จะถูกกำจัดออกนอกร่างกายโดยการแพร่ผ่านทางผิวหนัง
การขับถ่ายของ Annelida • ได้แก่ ไส้เดือนดิน ตัวอ่อนของแมลงต่างๆ หรือสัตว์จำพวกมอลลัสก์ • พวกมอลลัสก์ จะมีส่วนที่เรียกว่า โปรโทเนฟริเดียม ของเสียในรูปของเหลว จะไหลเข้าไปในท่อกลวงของเฟลมเซลล์ ซึ่งมีขนเส้นเล็กๆ คล้ายซีเลีย • ไส้เดือนดิน มีอวัยวะขับถ่าย คือ เนฟริเดียม (Nephridium) มีลักษณะเป็นท่อปลายเปิด ปลายด้านหนึ่งเปิดออกที่ข้างลำตัว อีกข้างหนึ่งอยู่ในโพรงระหว่างลำตัวกับลำไส้ • การยืดหดของกล้ามเนื้อผนังลำตัว และการโบกของซีเลียทำให้ของเหลวถูกขับออกนอกลำตัว
เนฟริเดียม 1 คู่ ของไส้เดือนดินแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ1) Nephrostomeลักษณะคล้ายปากแตรภายในปากแตรแต่ละท่อมีซิเลียโบกพัดของเสียพวกแอมโมเนียและยูเรียที่อยู่ในช่องว่างของลำตัวเข้าสู่ปากแตร2) Nephridial Tubuleเป็นท่อขดพองออกคล้ายถุงเป็นที่พักของของเหลว เรียกส่วนที่พองออกนี้ว่าBladder3) Nephridioporeช่องเปิดของท่อขับถ่ายอยู่ที่ผิวหนัง
การขับถ่ายของArthropoda • เช่น แมลง • ขับถ่ายของเสียทางท่อมัลพิเกียน (Malpighian tubule)ของเสียจากเลือดของแมลงจะซึมเข้าไปในท่อมัลพิเกียนแล้วถูกเปลี่ยนเป็นกรดยูริกมีสภาพเป็นสารกึ่งแข็งที่ไม่ละลายน้ำถูกขับออกนอกร่างกายทางทวารหนัก- การเปลี่ยนไนโตรเจนเป็นกรดยูริก เกิดผลดีคือ1. ช่วยประหยัดน้ำในร่างกาย2. ป้องกันไม่ให้สารที่เป็นพิษต่อร่างกายแพร่เข้าสู่เซลล์อื่น ๆ
การขับถ่ายของกุ้ง • ขับถ่ายโดยใช้ต่อมเขียว (green gland) เป็นต่อมคู่สีเขียวอมดำ อยู่บริเวณส่วนหัวเหนือปาก ในช่องมีของเหลวบรรจุอยู่เต็ม แบ่งออกเป็น 3 ส่วน • ส่วนแรก เป็นถุง (cortex) ทำหน้าที่ แยกและกรองของเสีย พวกแอมโมเนียออกจากเลือดของกุ้ง • ส่วนที่สอง เป็นท่อนำของเสีย • ส่วนที่สาม กระเพาะพัก (bladder) ของเสียที่ ขับออกทางช่องเปิดบริเวณโคนหนวด และสามารถขับถ่ายแอมโมเนียและยูเรียทางเหงือกที่สัมผัสกับน้ำตลอดเวลา ต่อมสร้างน้ำย่อย (hepatopancreas) สีเหลืองแกมแดง ในช่องอกช่วยในการขับถ่าย
การขับถ่ายของสัตว์เลื้อยคลานการขับถ่ายของสัตว์เลื้อยคลาน • สัตว์เลื้อยคลานที่อยู่แถบทะเลทราย กำจัดของเสียในรูปของกรดยูริก เป็นวิธีการที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำน้อยมาก • โครงสร้างของโกลเมอรูลัสของสัตว์เลื้อยคลานมีขนาดเล็กมาก ทำให้ น้ำที่กรองผ่านออกมามีปริมาณน้อย • กรดยูริก เคลื่อนเข้าไปอยู่ในโคลเอกา (Cloaca) จะถูกดูดน้ำกลับคืนเข้าสู่ร่างกายทำให้กรดยูริกมีความเข้มข้นสูง เมื่อถูกกำจัด ออกนอกร่างกายจะมีลักษณะสีขาวคล้ายแป้ง
การขับถ่ายของสัตว์มีปีกการขับถ่ายของสัตว์มีปีก • นกหรือสัตว์ปีกขับถ่ายของเสียออกมาในรูปของกรดยูริก • น้ำปัสสาวะของนกมีกรดยูริกสูงกว่าในเลือด 3,000 เท่า
อวัยวะในการใช้ขับถ่ายของคนอวัยวะในการใช้ขับถ่ายของคน • ไต(kidney) ทำหน้าที่ขับถ่ายปัสสาวะ ของเสียพวกยูเรียและ เกลือแร่ ที่เกินความต้องการออกจากร่างกาย • ผิวหนัง(skin) ผิวหนังทำหน้าที่ขับเหงื่อ การขับเหงื่อช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติด้วย • ปอด(lung)ขับถ่ายก๊าซ CO2 โดยระบบหายใจ • ตับ(liver) ทำหน้าที่เปลี่ยนสารซึ่งเกิดจากเมแทบอลิซึมของโปรตีน คือ แอมโมเนีย (NH3) เป็นยูเรีย ขับถ่ายออกทางไต • ลำไส้ใหญ่(large intestine)ขับอุจจาระ ออกทางทวารหนัก
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ (THE URINARY SYSTEM) ระบบขับถ่ายปัสสาวะของคนประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ดังนี้ • 1.ไต (kidney) กรองน้ำ – ของเสียออกจากร่างกาย • 2.ท่อไต (ureter) นำน้ำปัสสาวะจากไตไปยังกระเพาะปัสสาวะ • 3.กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) เก็บน้ำปัสสาวะชั่วคราว-->บีบตัวสู่ urethra • 4.ท่อปัสสาวะ (urethra) ผ่านทางน้ำปัสสาวะสู่ภายนอกร่างกาย
ไต (kidney) • เป็นอวัยวะคู่ อยู่ด้านท้ายของช่องท้องสองข้างระดับเอว คล้าย เมล็ดถั่ว ยาวประมาณ 10-13cm กว้าง 6cm และหนา 3cm • ไตทั้งสองข้างหนัก 300 กรัม หรือประมาณ 0.4% ของน้ำหนักตัว • ภายในไตมีหน่วยที่ทำหน้าที่ในการกรองหรือเนฟรอน (nephron) • ไตแต่ละข้างมี nephron ประมาณ 1.0 - 1.25 ล้านหน่วย • nephron ของคนแต่ละคนจะมีจำนวนคงที่ โดยสร้างมาตั้งแต่เกิด แล้วไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีก
โครงสร้างของไต • 1. รีนัลแคปซูล (renal medulla) คือ ส่วนที่ อยู่นอกสุด เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มอยู่รอบๆ ไต • 2. รีนัลคอร์เทกซ์ (renal cortex) หรือเนื้อไตส่วนนอก สีแดง มีลักษณะเป็นจุดๆ สีแดงๆแต่ละจุดคือ หน่วยที่ทำหน้าที่ในการกรองหรือ nephron • nephron ประกอบด้วย • โกลเมอรูลัส (glomerulus) • โบว์แมนแคปซูล (bowman’s capsule) • หลอดไตส่วนต้น (proximal tublue) • หลอดไตส่วนปลาย (distal tubule)
3. รีนัลเมดัลลา (renal medulla)สีจางกว่าเนื้อไต ส่วนนอก ลักษณะเป็นเส้นๆ คล้ายพีระมิด เรียกว่า เมดัลลารี พีระมิด (medullary pyramid) ประกอบด้วยหลอดไตร่วม(collecting tubule) และห่วงเฮนเล (loop of Henle) • มีช่องเล็กๆ (papilla) ยื่นจดกับกิ่งกรวยไตหรือแคลิกซ์ (calyx) รองรับปัสสาวะที่ไหลมาจากหลอดไตร่วม • 4. กรวยไต (pelvis) เป็นส่วนที่อยู่ตรงส่วนเว้าของไตเป็นที่รวมของน้ำปัสสาวะที่มาจากแคลิกซ์ เป็นส่วนที่ต่อกับท่อไต
5. เนฟรอน (nephron) ทำหน้าที่ กรอง เนฟรอนแต่ละหน่วยประกอบด้วย 1. รีนัลคอร์พัสเคิล (renal corpuscle) เป็นส่วนของ หลอดไตที่ปลายตัน เป็นเยื่อบางๆ พองออกเป็นรูปกลมๆ มีรอยบุ๋มตรงกลาง เรียกว่าโบว์แมนแคปซูล (Bowman’s capsule) ภายในรอยบุ๋มของโบว์แมนแคปซูล มีกลุ่มของเส้นเลือดฝอยซึ่งเรียกว่า โกลเมอรูลัส (glomerulus) • รีนัลคอร์พัสเคิล พบเฉพาะ ส่วนของเนื้อไตส่วนนอก (renal cortex) เท่านั้น
2. รีนัลทิวบูล (renal tubule) ต่อจากโบว์แมนแคปซูล แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 2.1 หลอดไตส่วนต้น (proximal tubule) ต่อจากโบว์แมนแคปซูล ขดไปขดมา ภายในมี ไมโครวิลไล (microvilli)มากเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการดูดสารต่างๆ กลับสู่กระแสเลือด • เซลล์มีไมโทคอนเดรียมาก เนื่องจาก มีการดูดสารกลับเป็นแบบ active transport เป็นส่วนใหญ่ หลอดไตส่วนต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 50 - 65 ไมคอน
2.2 ห่วงเฮนเล (loop of Henle) ต่อจากหลอดไตส่วนต้น โดยโค้งลงสู่เนื้อไตส่วนใน (renal medulla) แล้วโค้งขึ้นเป็นรูปตัวยูเซลล์บริเวณนี้มีไมโครวิลไลและไมโทรคอนเดรียเล็กน้อย มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 14 - 22 ไมครอน • 2.3 หลอดไตส่วนท้าย (distal tubule) ต่อจากห่วงเฮนเลขึ้นมา ลักษณะขดไปขดมาคล้ายหลอดไตส่วนต้นแต่ขดน้อยกว่าเซลล์มีไมโครวิลไลเล็กน้อยแต่มีไมโทรคอนเดรียมาก • 2.4 หลอดไตร่วม (collecting tubule) ต่อจากหลอดไตส่วนท้ายเปิดรวมกันกับท่อไตร่วมของเนฟรอนอื่นๆ เพื่อนำน้ำปัสสาวะที่กรองได้ ส่งเข้าสู่กรวยไตและท่อไต