1 / 46

สรุปสาระสำคัญของการจัดทำระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระบบใหม่

สรุปสาระสำคัญของการจัดทำระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระบบใหม่. ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน วิธีประเมินผล Competency วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล

glenys
Download Presentation

สรุปสาระสำคัญของการจัดทำระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระบบใหม่

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สรุปสาระสำคัญของการจัดทำระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระบบใหม่สรุปสาระสำคัญของการจัดทำระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการระบบใหม่ • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  2. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ระบบการบริหารผลการปฏิบัติราชการของสำนักงาน ก.พ.วางอยู่บนแนวทางซึ่งผสมผสานระหว่าง ข้อกำหนดที่ใช้เป็นมาตรฐานเดียวทั่วทุกส่วนราชการ กับ ความยืดหยุ่นที่ส่วนราชการสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตนเอง วัตถุประสงค์ของการพัฒนาการประเมินผลการปฏิบัติราชการ • เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการประเมิน ที่เกิดจากความไม่เห็นด้วยในผลการประเมิน ให้เหลือน้อยที่สุด • เพื่อลดอิทธิพลของการใช้ความรู้สึกส่วนตัวของผู้ประเมิน ให้เหลือน้อยที่สุด • เพื่อให้ผลการประเมินมีความชัดเจน และสามารถอธิบายผลคะแนนได้มากขึ้น

  3. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >ปัจจัย หรือองค์ประกอบที่ใช้ในการประเมิน< 70% 30% ->

  4. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >ปัจจัย หรือองค์ประกอบที่ใช้ในการประเมิน< (ต่อ) • องค์ประกอบผลสัมฤทธิ์ของงาน • คือ การวัดผลสัมฤทธิ์หลักๆ ที่จะได้จากการทำงานของแต่ละตำแหน่งงาน • องค์ประกอบพฤติกรรม • คือ การวัดผลสมรรถนะของบุคคล ที่ได้มีการกำหนดขึ้นสำหรับการปฏิบัติราชการ • การมุ่งผลสัมฤทธิ์ • บริการที่ดี • การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชีพ • จริยธรรม • ความร่วมแรงร่วมใจ สมรรถนะหลัก 5 ตัวของสำนักงาน ก.พ.

  5. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >รอบการประเมินผล< รอบการประเมินกำหนดให้มีปีละ 2 ครั้ง (ตามรอบปีงบประมาณ) • ครั้งที่ 1 (1 ตุลาคม - 31 มีนาคมของปีถัดไป) • ครั้งที่ 2 (1 เมษายน - 30 กันยายนของปีเดียวกัน)

  6. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >แบบฟอร์มที่ใช้ในการประเมินผล< การประเมินจะกระทำในเอกสารแนบ และนำคะแนนมาสรุปใน “แบบฟอร์มสรุปผลการปฏิบัติราชการ”

  7. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >แบบฟอร์มที่ใช้ในการประเมินผล<(ต่อ) แบบฟอร์มฯที่ใช้ จะบังคับเฉพาะ แบบฟอร์มสรุปผลการปฏิบัติราชการจำนวน 3 แผ่น (ดังแสดงข้างล่าง) ที่ได้กำหนดเป็นมาตรฐานกลางไว้ เพื่อให้ใช้ทุกส่วนราชการเหมือนกัน ตัวอย่างเอกสารแนบ

  8. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >แบบฟอร์มที่ใช้ในการประเมินผล<(ต่อ) ส่วนแบบฟอร์มการประเมินผลสัมฤทธิ์ และ การประเมินสมรรถนะ เป็นเอกสารที่ส่วนราชการสามารถปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม (ดังแสดงตัวอย่างด้านล่าง) ซึ่งแบบฟอร์มการประเมินผลสัมฤทธิ์ และ การประเมินสมรรถนะนี้ จะนำมาแนบเข้ากับแบบฟอร์มสรุปผลการปฏิบัติราชการ ตัวอย่าง

  9. การบริหารผลการปฏิบัติราชการตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. >แนวทางปฏิบัติพื้นฐาน< • ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละบุคคล สื่อสารและทำความเข้าใจถึงหัวข้อ และเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผล และการให้คะแนน ทั้งในส่วนขององค์ประกอบผลสัมฤทธิ์ของงาน (KPI) และองค์ประกอบพฤติกรรม (Competency) โดยควรดำเนินการตั้งแต่ต้นรอบการประเมิน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และรับทราบก่อนการปฏิบัติงาน • ข้อตกลงดังกล่าวอาจปรับเปลี่ยนระหว่างรอบการประเมินได้ หากงานที่ได้รับมอบหมายเปลี่ยนแปลงไป • ในระหว่างรอบการประเมิน ผู้บังคับบัญชาต้องติดตามผลการปฏิบัติราชการเป็นระยะ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในประเด็นต่างๆ เช่น การแก้ปัญหาที่พบในการทำงาน เป็นต้น • ผู้บังคับบัญชา (ผู้ประเมิน) ต้องแจ้งผลการประเมินด้วยตนเอง พร้อมทั้งร่วมกันวางแผนการปฏิบัติราชการในรอบการประเมินถัดไป

  10. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ วงจรการบริหารผลการปฏิบัติงาน วางแผน (Plan) ระบบ การบริหาร ผลการปฏิบัติราชการ ติดตาม (Monitor) ให้รางวัล (Reward) ประเมิน (Appraise) พัฒนา (Develop)

  11. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ >การวางแผน (Plan) < • ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาตกลงเป้าหมายผลการปฏิบัติราชการร่วมกัน (ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย) ตั้งแต่ต้นรอบการประเมิน • กำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายโดยบันทึกตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่เห็นพ้องต้องกันลงในเอกสารแนบส่วนผลสัมฤทธิ์ของงาน • กำหนดน้ำหนักของแต่ละตัวชี้วัด (เมื่อรวมกันแล้วต้องเท่ากับ 100%) • ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมกันพิจารณาพฤติกรรมการปฏิบัติราชการที่คาดหวัง • ระบุชื่อสมรรถนะ ระดับที่คาดหวัง และน้ำหนักของสมรรถนะที่จะใช้สำหรับการประเมินผล

  12. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ >การติดตาม (Monitor) < • ผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ควรทำหน้าที่ดังนี้ • ปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการปรับปรุงตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย • ปรึกษาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติราชการของ ผู้รับการประเมิน • หากต้องปรับปรุงตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย ให้แก้ไขในเอกสารแนบส่วนผลสัมฤทธิ์ของงาน • ปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงทำงาน และพัฒนาความรู้/ทักษะที่ผู้รับการประเมินจำเป็นต้องใช้ในการทำงาน

  13. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ >การพัฒนา (Develop) < • ผู้รับการประเมินพิจารณาพฤติกรรมของตนเองในระหว่างการทำงาน ว่าเป็นไปตามพฤติกรรมที่คาดหวังหรือไม่ พร้อมทั้งหากิจกรรมหรือวิธีการปรับปรุงตนเอง • ผู้บังคับบัญชาพิจารณาพฤติกรรมของผู้รับการประเมินในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ว่าเป็นไปตามสมรรถนะที่ควรจะเป็นหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลดังกล่าว มาประกอบการให้คำแนะนำ การสอนงาน (Coaching) และการกำหนดหลักสูตรหรือกิจกรรมที่จะใช้พัฒนาต่อไป • ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาปรึกษาหารือร่วมกันถึงแนวทางในการปรับปรุงวิธีการทำงาน และวิธีการพัฒนาความรู้/ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน • ผู้รับการประเมินเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการพัฒนา

  14. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ >การประเมิน (Appraise) < • ผู้บังคับบัญชา ควรทำหน้าที่ดังนี้ • รวบรวมข้อมูลผลการปฏิบัติราชการของผู้ใต้บังคับบัญชา • เปรียบเทียบผลงานจริงกับเป้าหมายที่กำหนด • (ประเมินในเอกสารแนบในส่วนผลสัมฤทธิ์ของงาน) • ให้คะแนนสมรรถนะที่แสดงออกจริงเมื่อเทียบกับระดับที่คาดหวัง • (ประเมินในเอกสารแนบในส่วนของสมรรถนะ) • นำคะแนนที่ได้จากเอกสารแนบทั้งสอง ไปสรุปไว้ในแบบสรุปการประเมินผลการปฏิบัติราชการ เพื่อคำนวณคะแนนรวม • นำผลการประเมินไปปรึกษาหารือกับผู้บังคับบัญชาในลำดับถัดไป โดยในขั้นตอนนี้อาจมีการปรับแก้ผลการประเมินได้ ตามความเหมาะสม • แจ้งผลการประเมินให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทราบ • ร่วมกันวางแผนสำหรับการประเมินในรอบถัดไป • ร่วมกันวางแผนพัฒนาผู้รับการประเมิน

  15. บทบาทของผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ในการประเมินผลฯ >ให้รางวัล (Reward) < • นำผลการประเมินไปประกอบการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน • การเลื่อนเงินเดือนในระบบใหม่ จะเลื่อนเงินเดือนเป็นเปอร์เซ็นต์

  16. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  17. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  18. การประเมินพฤติกรรม (Competency) ส่วนราชการสามารถเลือกวิธี และมาตรวัดในการประเมินสมรรถนะได้ โดย อ.ก.พ. กรม เป็นผู้ประกาศใช้ • วิธีการ : จะประเมินโดย • (1) วิธีผู้ประเมินคนเดียว เช่น ประเมินโดยผู้บังคับบัญชา • (2) วิธีให้ผู้รับการประเมินทำการประเมินตนเองก่อน และสรุปผลการประเมินร่วมกับผู้ประเมิน • (3) วิธีผู้ประเมินหลายคน เช่น 360 องศา • มาตรวัด: จะใช้มาตรวัดแบบ • (1) มาตรวัดแบบ Rating Scale • (2) มาตรวัดแบบ Bar Scale • (3) มาตรวัดแบบ Hybrid Scale

  19. การประเมินสมรรถนะด้วย Rating Scale ตัวอย่างการประเมินสมรรถนะโดยใช้ Rating Scale เป็นดังแสดง ซึ่งวิธีดังกล่าว จะดึงพฤติกรรมในระดับที่มุ่งหวังเป็นฐานอ้างอิง เพื่อเทียบกับ Scale ที่ใช้ในการประเมิน เกณฑ์อ้างอิง

  20. การประเมินสมรรถนะด้วย Rating Scale[ต่อ] ในกรณีของ Rating Scaleส่วนราชการสามารถกำหนดมาตรวัดได้หลายรูปแบบ • ประเมิน • จุดแข็ง • ประเมิน • ระดับการพัฒนา

  21. การประเมินสมรรถนะด้วย Bar Scale การประเมินสมรรถนะโดย Bar Scale จะใช้พฤติกรรมสมรรถนะในพจนานุกรม เป็น Scale ในการเทียบประเมิน Scale

  22. การประเมินสมรรถนะด้วย Bar Scale [ต่อ] การประเมินสมรรถนะโดย Bar Scale เมื่อคิดคะแนนการประเมิน จะเป็นดังนี้ • พิจารณาสมรรถนะของผู้ถูกประเมินว่าทำได้ตามที่ระบุในนิยามสมรรถนะอย่างครบถ้วน สมบูรณ์ และ สม่ำเสมอ สูงสุด ณ. ระดับใด • - สมมุติว่า ได้สูงสุดที่สมรรถนะระดับ 3 • พิจารณาว่าสมรรถนะที่ประเมินได้ดังกล่าว เมื่อเทียบกับระดับสมรรถนะที่คาดหวัง สูงกว่า เท่ากับ หรือ ต่ำกว่า เพียงใด และให้คะแนนตามตารางข้างล่าง • - สมมุติว่า ระดับสมรรถนะที่คาดหวัง คือ ระดับ 4 • - สมรรถนะที่ประเมินได้คือระดับ 3 ต่ำกว่าระดับ 4 หนึ่งระดับ = 2 คะแนน

  23. การประเมินสมรรถนะด้วย Hybrid Scale การประเมินสมรรถนะโดย Hybrid Scale จะผสมผสานการใช้พฤติกรรมสมรรถนะเป็นมาตรวัดเบื้องต้น เมื่อประเมินได้ระดับสมรรถนะแล้ว จึงลงใช้มาตรวัดแบบ Rating Scale พฤติกรรมสมรรถนะระดับ 5 พฤติกรรมสมรรถนะระดับ 4 พฤติกรรมสมรรถนะระดับ 3 พฤติกรรมสมรรถนะระดับ 2 พฤติกรรมสมรรถนะระดับ 1 คะแนนประเมิน = ระดับสมรรถนะ - ตัวทอน ไม่แสดงพฤติกรรมสมรรถนะ

  24. การประเมินสมรรถนะด้วย Hybrid Scale[ต่อ] การประเมินสมรรถนะโดย Hybrid Scale เมื่อคิดคะแนนการประเมิน จะเป็นดังนี้ • พิจารณาสมรรถนะของผู้ถูกประเมินว่าทำได้ตามที่ระบุในนิยามสมรรถนะณ.ระดับใด • - สมมุติว่า สมศักดิ์ทำได้ผ่านสมรรถนะระดับ 2 และมีพฤติกรรมที่แสดงออกในช่วงสมรรถนะระดับ 3 • พิจารณารายละเอียดของสมรรถนะระดับ 3 ในมิติของ (1) ความครบถ้วนสมบูรณ์ และ (2) ความสม่ำเสมอ • - สมมุติว่า ได้ผลประเมินดังแสดง • คะแนนประเมิน = • ระดับสมรรถนะ – ตัวทอน • = 3 – 0.5 = 2.5

  25. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  26. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน (KPI) การให้คะแนนการประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน เป็นการนำเอาข้อมูลที่เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจริง ที่ผู้ถูกประเมินสามารถทำได้สำเร็จ ไปเทียบว่าตรงกับค่าใดที่กำหนดไว้เป็นค่าเป้าหมาย ซึ่งจะเป็นคะแนนการประเมิน KPI ข้อนั้น ค่าเป้าหมาย ผลงานที่ทำได้สำเร็จ

  27. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของงาน (KPI) แนวทางการกำหนดค่าเป้าหมายเป็น 5 ระดับ ค่าเป้าหมายต่ำสุดที่รับได้ ค่าเป้าหมายในระดับท้าทาย มีความยากค่อนข้างมาก โอกาสสำเร็จ <50% ค่าเป้าหมายในระดับต่ำกว่ามาตรฐาน ค่าเป้าหมายที่มีความยากปานกลาง ค่าเป้าหมายที่เป็นค่ามาตรฐานโดยทั่วไป

  28. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  29. สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย 29 • KPI = • พิจารณาวัตถุประสงค์ : งานนี้ทำไปเพื่ออะไร • กำหนดตัวชี้วัด : จะวัดความสำเร็จของงานได้อย่างไร (พร้อมระบุหน่วยที่จะใช้วัด เช่น จำนวน ร้อยละ ระยะเวลาที่เสร็จ ฯลฯ) • กำหนดค่าเป้าหมาย : ระดับค่าเป้าหมายของความสำเร็จคืออะไร (ระบุค่าเป้าหมาย ณ.ระดับต่างๆ ) • กำหนดน้ำหนัก : ตัวชี้วัดนี้ มีน้ำหนักความสำคัญเพียงใด เมื่อเทียบกับตัวชี้วัดอื่นๆ • วัดผลสำเร็จ : จะวัดหรือเก็บข้อมูลเมื่อใด และจากแหล่งไหน หรือจะอ้างอิงวิธีการประเมินอย่างไร

  30. การกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในส่วนผลสัมฤทธิ์ของงานการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายในส่วนผลสัมฤทธิ์ของงาน 1. กำหนดตัวชี้วัด โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธีร่วมกัน • การถ่ายทอดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงานจากบนลงล่าง (Goal Cascading Method) • การสอบถามความคาดหวังของผู้รับบริการ (Customer-Focused Method) • การไล่เรียงตามผังการเคลื่อนของงาน (Work Flow Charting Method) • ให้เริ่มต้นจากวิธีถ่ายทอดตัวชี้วัดจากบนลงล่าง เป็นแกนหลัก จากนั้นเสริมด้วยวิธีอื่น • 2. ระบุค่าเป้าหมาย (โดยจำแนกเป็น 5 ระดับ) 3. บันทึกตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่เห็นพ้องต้องกันลงในเอกสาร • หมายเหตุ1. การกำหนดตัวชี้วัด และค่าเป้าหมาย ให้ผู้ประเมิน และผู้ถูกประเมิน ร่วมกันกำหนดขึ้นตั้งแต่ต้นรอบการประเมิน • 2. ตัวชี้วัด และค่าเป้าหมาย สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงระหว่างรอบการประเมิน • (ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด)

  31. 1. การถ่ายทอดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงานจากบนลงล่าง (Goal Cascading Method) เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ อาจประกอบด้วย แผนปฏิบัติราชการ แผนยุทธศาสตร์ของส่วนราชการ หรือคำรับรองการปฏิบัติราชการ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ เป้าหมายตามภารกิจและอื่นๆ หัวหน้า ส่วนราชการ รองหัวหน้า ส่วนราชการ คำรับรองการปฏิบัติราชการ ผู้อำนวยการ สำนัก/กอง/ศูนย์ หัวหน้าหน่วยงานภายใต้ สำนัก/กอง ผู้ปฏิบัติราชการที่ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชา

  32. 1. การถ่ายทอดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงานจากบนลงล่าง (Goal Cascading Method)- ต่อ ตัวอย่าง: การถ่ายทอดเป้าหมายลงสู่ผู้ปฏิบัติราชการในระดับถัดไป กำหนดเป้าหมายของหน่วยงานในองค์กร กำหนดพันธกิจ และเป้าหมายการทำงานหลักขององค์กร 2 1 “อะไรคือบทบาท พันธกิจ และ เป้าหมายหลักขององค์กร” กรมคุมประพฤติ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัด พันธกิจ: ดำเนินการแก้ไขฟื้นฟู และสงเคราะห์ผู้กระทำผิด และผู้ติดยาเสพติด ในชุมชน เพื่อคืนคนดีสู่สังคม • เป้าหมายหลักของสำนักงาน: • อัตราการกระทำผิดซ้ำของผู้ผ่านกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพในระบบบังคับ รักษา และระบบต้องโทษภายใน 4 ปีหลังจากได้รับการปล่อยตัว ไม่เกินร้อยละ 8 • อัตราการกระทำผิดซ้ำของเด็ก เยาวชน นักโทษเด็ดขาดและผู้ถูกคุมประพฤติภายใน 4 ปีหลังจากได้รับการปล่อยตัวหรือพ้นจากการคุมประพฤติ ไม่เกินร้อยละ 5 เป้าหมายหลัก: อัตราการกระทำผิดซ้ำของผู้พ้นการคุมประพฤติไม่เกินร้อยละ 30 อัตราการเสพยาเสพติดซ้ำของผู้ที่ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพไม่เกินร้อยละ 50

  33. 1. การถ่ายทอดตัวชี้วัดผลสำเร็จของงานจากบนลงล่าง (Goal Cascading Method) - ต่อ 33 กรม (อธิบดี) ผอ.คุมประพฤติจังหวัด พนักงานคุมประพฤติ อัตราการกระทำผิดซ้ำของผู้พ้นการคุมความประพฤติไม่เกินร้อยละ 30 อัตราการกระทำผิดซ้ำของเด็ก เยาวชน นักโทษเด็ดขาด และผู้ถูกคุมประพฤติภายใน 4 ปี หลังจากได้รับการปล่อยตัวหรือพ้นการคุมประพฤติแล้วไม่เกินร้อยละ 5 ผู้ถูกคุมความประพฤติที่พ้นการคุมประพฤติแล้วไม่กลับมากระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลา 3 ปี ร้อยละ 25-30 จำนวนกิจกรรมอบรมให้ความรู้แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติ 4 ครั้งต่อปี ผู้ผ่านการควบคุม สอดส่องและแก้ไขฟื้นฟูแล้วกลับมากระทำผิดซ้ำไม่เกินร้อยละ 20 จำนวนผู้ถูกคุมความประพฤติที่เข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟูที่กลับไปกระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลา 6 เดือน ร้อยละ 15-20 จำนวนผู้ถูกคุมความประพฤติที่เข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟู 61-70 คน ผู้กระทำผิดภายหลังปล่อยหรือภายหลังพ้นการคุมความประพฤติได้รับการสงเคราะห์ตรงตามสภาพปัญหาและความต้องการไม่น้อยกว่าร้อยละ 94 คดีควบคุมสอดส่องและฟื้นฟูที่ปฏิบัติได้ตามมาตรฐานที่กำหนดร้อยละ 66-70 จำนวนผู้ที่ได้รับการสงเคราะห์สอดส่องตรงกับสภาพปัญหาความจำเป็น 76-80 ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ได้รับการแก้ไขฟื้นฟูจากอาสาสมัครคุมประพฤติสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติไม่น้อยกว่าร้อยละ 97 ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ผ่านการดูแลจากอาสาสมัครคุมประพฤติที่กลับมากระทำผิดซ้ำภายในระยะเวลา 6 เดือนร้อยละ 15-20 ศูนย์ยุติธรรมชุมชนมีส่วนร่วมและมีบทบาทในการอำนวยความยุติธรรมร้อยละ 70 จำนวนศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่มีความเข้มแข็งและสามารถดำเนินงานได้ตามบทบาท ผู้จำนวนศูนย์ยุติธรรมชุมชนที่ถูกตั้งขึ้นถูกต้องตามเกณฑ์ 5 ศูนย์

  34. 2. การสอบถามความคาดหวังของผู้รับบริการ (Customer-Focused Method) • ใครคือผู้รับบริการ? • ผู้รับบริการต้องการ/คาดหวังอะไร? • จะตั้งเป้าหมายในการให้บริการอย่างไร? • จัดทำข้อตกลงการให้บริการ (Service Level Agreement) • ประเมินผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ วิธีนี้เหมาะสำหรับงานที่เน้นให้บริการกับผู้อื่นผลสำเร็จของงาน คือสิ่งที่ทำหรือสิ่งที่ส่งมอบแก่ลูกค้า หรือผู้รับบริการ ผู้รับบริการ ก ผลผลิต บริการ ผลผลิต บริการ ผลผลิต บริการ หน่วยงาน/ ตำแหน่งงาน ผู้รับบริการ ง ผู้รับบริการ ข ผลผลิต บริการ ผู้รับบริการ ค

  35. 2. การสอบถามความคาดหวังของผู้รับบริการ (Customer-Focused Method)- ต่อ ตัวอย่าง: การกำหนดตัวชี้วัดจากการสอบถามความคาดหวังของผู้รับบริการ งานพิมพ์ดีด - ร้อยละของจำนวนรายงาน ที่ไม่สามารถพิมพ์ได้ทันภายใน 1 วัน หลังรับเรื่อง เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานบังคับคดี งานค้นหาเอกสาร -จำนวนครั้งในการค้นหาเอกสารในระบบไม่พบ

  36. 3. การไล่เรียงตามผังการเคลื่อนของงาน (Work Flow Charting Method) 36 วิธีนี้เหมาะสำหรับการกำหนดตัวชี้วัดของงานที่เน้นการปฏิบัติราชการให้ได้ตามมาตรฐานของงานเป็นหลัก Key Results Role-Result Matrix Key Process ขั้นตอนปฏิบัติที่ 1 เริ่มต้น ขั้นตอนปฏิบัติที่ 2 ขั้นตอนปฏิบัติที่ 3 ขั้นตอนปฏิบัติที่ 4 ผลผลิต

  37. 3. การไล่เรียงตามผังการเคลื่อนของงาน (Work Flow Charting Method) - ต่อ 37 ตัวอย่าง: การกำหนดตัวชี้วัดโดยการไล่เรียงตามผังการเคลื่อนของงาน ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับชุมชนและศึกษาพื้นที่ อบรมสมาชิกเครือข่ายยุติธรรมชุมชน พัฒนาศักยภาพเครือข่าย พนักงานคุมประพฤติ คัดเลือกพื้นที่และทำการศึกษาให้แล้วเสร็จ - ระดับความสำเร็จในการศึกษาพื้นที่ จัดอบรมสมาชิกเครือข่ายให้มีคุณภาพ - ระดับคะแนนการประเมินเฉลี่ยของผู้เข้ารับการอบรม ลงพื้นที่เพื่อร่วมงานกับเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง - จำนวนครั้งเฉลี่ยในการลงพื้นที่ต่อเดือน นักประชาสัมพันธ์ ประสานงานการจัดการฝึกอบรม - จำนวนผู้เข้ารับการอบรมเมื่อเทียบกับเป้าหมาย

  38. ประเภทตัวชี้วัด และ ค่าเป้าหมาย ตัวชี้วัด และค่าเป้าหมาย อาจแยกออกได้เป็น 2 ประเภท ผลการทำงานที่เป็นผลลัพธ์ในรูป “ตัวเลข” เช่น ร้อยละของจำนวนรายการที่ดำเนินการล่าช้ากว่า 30 นาที เชิงปริมาณ (Quantitative KPI) ผลการทำงานที่ต้องมีการเก็บข้อมูล และสามารถแปลงค่าเป็นรูป “ตัวเลข” ได้ เช่น ร้อยละของความพึงพอใจของผู้รับบริการ ประเภท KPI เชิงคุณภาพ (Qualitative KPI) ผลการทำงานที่เป็นลักษณะการอธิบายเชิงพรรณาถึงผลลัพธ์ ที่ต้องมีหลักฐานอ้างอิง เช่น คุณภาพรายงานที่นำเสนอ

  39. คุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดีคุณสมบัติของตัวชี้วัดที่ดี การกำหนดตัวชี้วัดตามหลักของ SMART… S มีความเจาะจง ว่าต้องทำอะไร และ ผลลัพธ์ที่ต้องการคืออะไร เจาะจง (Specific) M วัดได้ (Measurable) ต้องวัดผลที่เกิดขึ้นได้ A เห็นชอบ (Agreed Upon) ต้องเห็นชอบร่วมกันระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชา และ ผู้บังคับบัญชา R เป็นจริงได้ (Realistic) ต้องท้าทาย และสามารถทำสำเร็จได้ ภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม (Time Bound) มีระยะเวลาในการทำงานที่เหมาะสม ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป T

  40. การตั้งค่าเป้าหมายที่ดีการตั้งค่าเป้าหมายที่ดี สะท้อนต่อค่าในการวัดตามตัวชี้วัด สามารถแยกผลงานออกตามระดับการประเมินได้อย่างชัดเจน ไม่เกิดความสับสน มีอำนาจจำแนก สามารถแยกผลการปฏิบัติงานที่ดี จากผลการปฏิบัติงานที่ด้อยกว่าออกจากกัน มีความสมดุล แฝงไว้ด้วยกลไกที่สามารถสอบทานผลการปฎิบัติงาน ต้องสามารถเก็บข้อมูลได้ และไม่เกิดภาระในการเก็บข้อมูลมากนัก

  41. ควรจะตั้งตัวชี้วัดอย่างไร?ควรจะตั้งตัวชี้วัดอย่างไร? ระยะเวลาเฉลี่ยของการออกใบรับรองให้แล้วเสร็จ (มาตรฐานคือ 30 นาที) ร้อยละของจำนวนครั้งในการออกใบรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 30 นาที

  42. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  43. สิ่งที่พึงคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัดลงสู่ระดับบุคคลสิ่งที่พึงคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัดลงสู่ระดับบุคคล 1. ตัวชี้วัดบุคคลขึ้นอยู่กับการแบ่งงาน และการมอบหมายงานเป็นอย่างมาก จึงต้องคำนึงถึงการแบ่งงาน และการมอบหมายงานอยู่เสมอ 2. การกำหนดค่าเป้าหมายเป็นกำหนดความคาดหวังของผลงาน การกำหนดค่าเป้าหมายที่ดีจะทำให้เกิดความชัดเจนในเป้าหมายของงาน และเป็นการกำหนดขอบเขตในการใช้ดุลยพินิจของผู้ประเมินในการประเมินผลการปฏิบัติงาน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตั้งค่าเป้าหมายในเชิงคุณภาพ) 3. การเก็บข้อมูลเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงตลอดเวลาว่าจะสามารถเก็บข้อมูลได้หรือไม่ ยากง่ายเพียงใด อาจต้องมีการปรับตัวชี้วัดให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถวัดได้ เก็บข้อมูลได้ 4. ในบางกรณีตำแหน่งงานมากกว่า 1 ตำแหน่ง อาจใช้ตัวชี้วัดร่วมกันได้

  44. หัวข้อหลักสูตร • ระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. • วิธีการประเมินผล และการให้คะแนนการประเมิน • วิธีประเมินผล Competency • วิธีประเมินผล KPI และวิธีการกำหนดค่าเป้าหมาย • เทคนิคการกำหนด KPI รายบุคคล • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกำหนด KPI และค่าเป้าหมาย • กิจกรรมฝึกปฏิบัติการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏฺบัติงาน

  45. แบบฟอร์มต่างๆ ในระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน การประเมินผล ครั้งที่ 1 1 ต.ค. 31 มี.ค. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. ต้นรอบการประเมิน ระหว่างรอบการประเมิน ปลายรอบการประเมิน แบบฟอร์มกำหนด KPI และน้ำหนักคะแนนของ KPI และ Competency รายข้อ (ข้อตกลงในหัวข้อการวัดผล) แบบฟอร์มประเมิผล (ให้คะแนน) KPI และ Competency และสรุปผลคะแนนการประเมิน

  46. ถาม-ตอบ

More Related