290 likes | 1.07k Views
บทที่ 10 : ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ และการเปลี่ยนแปลง. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ. คือ รายได้ประชาชาติที่อยู่ในระดับเดียวกับความต้องการใช้จ่ายมวล รวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพจะคงที่ ตราบใดที่ส่วนประกอบของ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมไม่เปลี่ยนแปลง. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ).
E N D
บทที่ 10: ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพและการเปลี่ยนแปลง
รายได้ประชาชาติดุลยภาพรายได้ประชาชาติดุลยภาพ คือ รายได้ประชาชาติที่อยู่ในระดับเดียวกับความต้องการใช้จ่ายมวล รวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพจะคงที่ ตราบใดที่ส่วนประกอบของ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมไม่เปลี่ยนแปลง
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Ye) จะเกิดขึ้นที่อุปสงค์รวมของประเทศ (Aggregate Demand: AD) มีค่าเท่ากับอุปทานรวมของประเทศ (Aggregate Supply: AS)
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) AD = C+I+G+(X-M) AS = Y ดังนั้น AD = AS C+I+G+(X-M)= Y แก้สมการหา Y ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Y = Ye)
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) แนวทางการวิเคราะห์รายได้ดุลยภาพแบ่งได้ 2 แนวทาง 1. อุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม (AD=AS) 2. ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด (S+T+M=I+G+X)
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) 1. อุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพเกิดขึ้นเมื่อ อุปสงค์รวม (AD) เท่ากับอุปทานรวม (AS) AD = AS C+I+G+(X-M)= Y แก้สมการหา Y ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Y = Ye)
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) การวิเคราะห์จากกราฟ AD, AS AS = Y AD<AS AD = C+I+G+(X-M) E AD = AS = Ye AD>AS 45 • Y 0 Ye Y2 Y1
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. ให้ใช้ข้อมูลต่อไปนี้หารายได้ประชาชาติดุลยภาพ, C, M, I, T C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 (Y= 2250/0.76, )
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) 2. ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด รายได้ประชาชาติดุลยภาพเกิดขึ้นเมื่อ ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด • ส่วนรั่วไหลคือส่วนที่ทำให้รายได้ประชาชาติลดลง เมื่อตัวแปร ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย S , T , M • ส่วนอัดฉีดคือส่วนที่ทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น เมื่อตัวแปร ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วยรายจ่ายอิสระ Ia , G , X
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) รายได้ประชาชาติจะอยู่ในระดับดุลยภาพเมื่อ: S + T + M = Ia + G + X โดยIa: เป็นการลงทุนอิสระ
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) วิเคราะห์จากกราฟ S+T+M, I+G+X S + T + M E I+G+X Ia 0 Y Ye
รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. ให้ใช้ข้อมูลต่อไปนี้หารายได้ประชาชาติดุลยภาพ, C, M, I, T C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1
การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพการเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อ: • ปัจจัยที่กำหนดรายได้ประชาชาติเปลี่ยน • อุปสงค์รวมและ/หรืออุปทานรวมเปลี่ยน เช่น การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มีผลต่อ C , I , G , (X-M) ตัวได้ตัวหนึ่งเปลี่ยนหรือ ทุกตัวพร้อมกัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของส่วนรั่วไหลและ ส่วนอัดฉีด (S, T, M, I, G, X)
การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับดุลยภาพ โดยวิธีอุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับดุลยภาพ โดยวิธีส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด S+T+M=I+G+X AD AS = Y S+T+M AD2 I+G’+X AD1 เมื่อ G I+G+X เมื่อ G 0 Y Y1 Y2 45 • Y 0 Y2 Y1
การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. จากข้อมูลเก่า (ข้างล่าง) C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 สมมติให้รัฐเพิ่มการใช้จ่ายจาก 1200 ล้านบาท เป็น 2000 ล้านบาท จงหารายได้ ประชาชาติที่เปลี่ยนไป (ตอบ รายได้ดุลยภาพใหม่เท่ากับ 4013.157)
ตัวทวีคูณ ( multiplier ) คือ ค่าที่เป็นตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบอิสระใดๆ (Autonomous Variables) ของอุปสงค์รวม (AD) แล้ว ระดับรายได้ ประชาชาติจะเปลี่ยนแปลงไปกี่เท่าขององค์ประกอบอิสระนั้นๆ ∆Y = k.∆A เมื่อ ∆Y: การเปลี่ยนแปลงของรายได้ประชาชาติ ∆A: การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบอิสระเช่น Ia, Ca, G, Ma เป็นต้น k : ตัวทวี (Multiplier)
ตัวทวี ( multiplier ) (ต่อ) Ex. ให้หาตัวทวีจากอุปสงค์รวมต่อไปนี้ 1. ให้หาตัวทวีของ Ca, Ia, และ G โดยให้ C = Ca+bYd, I = Ia, G = Ga, t = t, T = tY 2. ให้หาตัวทวีของ Ca, Ia, X, และ T โดยให้ C = Ca+bYd, I = Ia+iY, G = Ga, X = Xa M = Ma+mY, t = t, T = Ta+tY
ตัวทวี ( multiplier ) (ต่อ) Ex. จากข้อมูลเก่า (ข้างล่าง) C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 สมมติให้รัฐเพิ่มการใช้จ่ายจาก 1200 ล้านบาท เป็น 2000 ล้านบาท จงหารายได้ ประชาชาติที่เปลี่ยนไป จงหาตัวทวีทั้งวิธีธรรมดา และโดยการดิฟฯ (ตัวทวีเท่ากับ dY/dG = 1/[1-(1-t)b-i+m] = 1.316)
ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด รายได้ประชาชาติดุลยภาพที่เกิดขึ้นจริงในขณะใดขณะหนึ่ง อาจจะมีค่าไม่เท่ากับรายได้ ประชาชาติ ณ ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่(full employment income หรือ potential income ) เมื่อไม่เท่ากัน ส่วนต่างดังกล่าวเรียกว่า ช่วงห่างรายได้ (income gap )
ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) • รายได้ประชาชาติดุลยภาพ(Ye) จะเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์รวม (AD) มีค่าเท่ากับอุปทานรวม (AS) • รายได้ประชาชาติ ณ ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่(Yf) จะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนทุกคนมีงานทำ ทรัพยากรทั้งหมดถูกใช้อย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด AD, AS AD2 E2 ADf Ef AD1 E1 0 Y Y1 Yf Y2
ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) เมื่อรายได้ประชาชาติดุลยภาพที่เกิดขึ้นจริงไม่เท่ากับรายได้ประชาชาติ ณ ระดับที่มี การจ้างงานเต็มที่ จะทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างรายได้ทั้งสอง เรียกว่า ช่วงห่างรายได้ (Income Gap) และยังก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างความต้องการใช้จ่ายมวล รวมที่เกิดขึ้นจริง (ADa) กับความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่ (ADf) ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ช่วงห่างการเฟ้อ ( Inflationary gap ) : สภาวะที่ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่เกิดขึ้นจริงมีค่ามากกว่าความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่ 2.ช่วงห่างการฝืด ( Deflationary gap ) : สภาวะที่ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่เกิดขึ้นจริงมีค่าต่ำกว่าความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่
ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) กราฟช่วงห่างการเฟ้อและช่วงห่างการฝืด AD , AS AS = Y ช่วงห่างการเฟ้อ AD2 E2 A ADF Ef AD1 E1 ช่วงห่างการฝืด F : ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่ (Full Employment) 45 o Y 0 Y1 YF Y2