1 / 22

บทที่ 10 : ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 10 : ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ และการเปลี่ยนแปลง. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ. คือ รายได้ประชาชาติที่อยู่ในระดับเดียวกับความต้องการใช้จ่ายมวล รวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพจะคงที่ ตราบใดที่ส่วนประกอบของ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมไม่เปลี่ยนแปลง. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ).

Download Presentation

บทที่ 10 : ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ และการเปลี่ยนแปลง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 10: ระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพและการเปลี่ยนแปลง

  2. รายได้ประชาชาติดุลยภาพรายได้ประชาชาติดุลยภาพ คือ รายได้ประชาชาติที่อยู่ในระดับเดียวกับความต้องการใช้จ่ายมวล รวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพจะคงที่ ตราบใดที่ส่วนประกอบของ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมไม่เปลี่ยนแปลง

  3. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Ye) จะเกิดขึ้นที่อุปสงค์รวมของประเทศ (Aggregate Demand: AD) มีค่าเท่ากับอุปทานรวมของประเทศ (Aggregate Supply: AS)

  4. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) AD = C+I+G+(X-M) AS = Y ดังนั้น AD = AS C+I+G+(X-M)= Y แก้สมการหา Y ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Y = Ye)

  5. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) แนวทางการวิเคราะห์รายได้ดุลยภาพแบ่งได้ 2 แนวทาง 1. อุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม (AD=AS) 2. ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด (S+T+M=I+G+X)

  6. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) 1. อุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม รายได้ประชาชาติดุลยภาพเกิดขึ้นเมื่อ อุปสงค์รวม (AD) เท่ากับอุปทานรวม (AS) AD = AS C+I+G+(X-M)= Y แก้สมการหา Y ซึ่งค่าที่ได้จะเป็นรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (Y = Ye)

  7. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) การวิเคราะห์จากกราฟ AD, AS AS = Y AD<AS AD = C+I+G+(X-M) E AD = AS = Ye AD>AS 45 • Y 0 Ye Y2 Y1

  8. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. ให้ใช้ข้อมูลต่อไปนี้หารายได้ประชาชาติดุลยภาพ, C, M, I, T C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 (Y= 2250/0.76, )

  9. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) 2. ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด รายได้ประชาชาติดุลยภาพเกิดขึ้นเมื่อ ส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด • ส่วนรั่วไหลคือส่วนที่ทำให้รายได้ประชาชาติลดลง เมื่อตัวแปร ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย S , T , M • ส่วนอัดฉีดคือส่วนที่ทำให้รายได้ประชาชาติเพิ่มขึ้น เมื่อตัวแปร ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ประกอบด้วยรายจ่ายอิสระ Ia , G , X

  10. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) รายได้ประชาชาติจะอยู่ในระดับดุลยภาพเมื่อ: S + T + M = Ia + G + X โดยIa: เป็นการลงทุนอิสระ

  11. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) วิเคราะห์จากกราฟ S+T+M, I+G+X S + T + M E I+G+X Ia 0 Y Ye

  12. รายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. ให้ใช้ข้อมูลต่อไปนี้หารายได้ประชาชาติดุลยภาพ, C, M, I, T C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1

  13. การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพการเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อ: • ปัจจัยที่กำหนดรายได้ประชาชาติเปลี่ยน • อุปสงค์รวมและ/หรืออุปทานรวมเปลี่ยน เช่น การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่มีผลต่อ C , I , G , (X-M) ตัวได้ตัวหนึ่งเปลี่ยนหรือ ทุกตัวพร้อมกัน หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของส่วนรั่วไหลและ ส่วนอัดฉีด (S, T, M, I, G, X)

  14. การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับดุลยภาพ โดยวิธีอุปสงค์รวมเท่ากับอุปทานรวม วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของระดับดุลยภาพ โดยวิธีส่วนรั่วไหลเท่ากับส่วนอัดฉีด S+T+M=I+G+X AD AS = Y S+T+M AD2 I+G’+X AD1 เมื่อ G I+G+X เมื่อ G 0 Y Y1 Y2 45 • Y 0 Y2 Y1

  15. การเปลี่ยนแปลงระดับรายได้ประชาชาติดุลยภาพ (ต่อ) Ex. จากข้อมูลเก่า (ข้างล่าง) C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 สมมติให้รัฐเพิ่มการใช้จ่ายจาก 1200 ล้านบาท เป็น 2000 ล้านบาท จงหารายได้ ประชาชาติที่เปลี่ยนไป (ตอบ รายได้ดุลยภาพใหม่เท่ากับ 4013.157)

  16. ตัวทวีคูณ ( multiplier ) คือ ค่าที่เป็นตัวเลขที่แสดงว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบอิสระใดๆ (Autonomous Variables) ของอุปสงค์รวม (AD) แล้ว ระดับรายได้ ประชาชาติจะเปลี่ยนแปลงไปกี่เท่าขององค์ประกอบอิสระนั้นๆ ∆Y = k.∆A เมื่อ ∆Y: การเปลี่ยนแปลงของรายได้ประชาชาติ ∆A: การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบอิสระเช่น Ia, Ca, G, Ma เป็นต้น k : ตัวทวี (Multiplier)

  17. ตัวทวี ( multiplier ) (ต่อ) Ex. ให้หาตัวทวีจากอุปสงค์รวมต่อไปนี้ 1. ให้หาตัวทวีของ Ca, Ia, และ G โดยให้ C = Ca+bYd, I = Ia, G = Ga, t = t, T = tY 2. ให้หาตัวทวีของ Ca, Ia, X, และ T โดยให้ C = Ca+bYd, I = Ia+iY, G = Ga, X = Xa M = Ma+mY, t = t, T = Ta+tY

  18. ตัวทวี ( multiplier ) (ต่อ) Ex. จากข้อมูลเก่า (ข้างล่าง) C = 400+0.6Yd, I = 100+0.2Y, G = 1200, X = 600 M = 50+0.5Y, t = 0.1 สมมติให้รัฐเพิ่มการใช้จ่ายจาก 1200 ล้านบาท เป็น 2000 ล้านบาท จงหารายได้ ประชาชาติที่เปลี่ยนไป จงหาตัวทวีทั้งวิธีธรรมดา และโดยการดิฟฯ (ตัวทวีเท่ากับ dY/dG = 1/[1-(1-t)b-i+m] = 1.316)

  19. ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด รายได้ประชาชาติดุลยภาพที่เกิดขึ้นจริงในขณะใดขณะหนึ่ง อาจจะมีค่าไม่เท่ากับรายได้ ประชาชาติ ณ ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่(full employment income หรือ potential income ) เมื่อไม่เท่ากัน ส่วนต่างดังกล่าวเรียกว่า ช่วงห่างรายได้ (income gap )

  20. ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) • รายได้ประชาชาติดุลยภาพ(Ye) จะเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์รวม (AD) มีค่าเท่ากับอุปทานรวม (AS) • รายได้ประชาชาติ ณ ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่(Yf) จะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนทุกคนมีงานทำ ทรัพยากรทั้งหมดถูกใช้อย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด AD, AS AD2 E2 ADf Ef AD1 E1 0 Y Y1 Yf Y2

  21. ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) เมื่อรายได้ประชาชาติดุลยภาพที่เกิดขึ้นจริงไม่เท่ากับรายได้ประชาชาติ ณ ระดับที่มี การจ้างงานเต็มที่ จะทำให้เกิดส่วนต่างระหว่างรายได้ทั้งสอง เรียกว่า ช่วงห่างรายได้ (Income Gap) และยังก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างความต้องการใช้จ่ายมวล รวมที่เกิดขึ้นจริง (ADa) กับความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่ (ADf) ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ช่วงห่างการเฟ้อ ( Inflationary gap ) : สภาวะที่ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่เกิดขึ้นจริงมีค่ามากกว่าความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่ 2.ช่วงห่างการฝืด ( Deflationary gap ) : สภาวะที่ความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่เกิดขึ้นจริงมีค่าต่ำกว่าความต้องการใช้จ่ายมวลรวมที่มีการจ้างงานเต็มที่

  22. ช่วงห่างการเฟ้อ และช่วงห่างการฝืด (ต่อ) กราฟช่วงห่างการเฟ้อและช่วงห่างการฝืด AD , AS AS = Y ช่วงห่างการเฟ้อ AD2 E2 A ADF Ef AD1 E1 ช่วงห่างการฝืด F : ระดับที่มีการจ้างงานเต็มที่ (Full Employment) 45 o Y 0 Y1 YF Y2

More Related