กิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ เรื่อง การพัฒนาทักษะความรู้ให้กับสมาชิก Thaitrade.com หลักสูตรที่ 1 เพื่อการค้าเบื้องต้

1. กิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฎิบัติการ เรื่อง การพัฒนาทักษะความรู้ให้กับสมาชิก Thaitrade.com หลักสูตรที่ 1 เพื่อการค้าเบื้องต้น “หลักการเลือกใส่รายละเอียด และบรรยายภาพ”

2. หลักการเลือกใส่รายละเอียดและคำบรรยายหลักการเลือกใส่รายละเอียดและคำบรรยาย สร้างศักยภาพ SMEs ไทย โดย ภาวนา เทียนศิริ บริษัท ไชโย โฮสติ้ง จำกัด

3. Topic: • การทำการตลาดออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการขาย • การตลาดออนไลน์รูปแบบต่างๆ • เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • การทำการตลาดผ่าน Search Engine • การทำการตลาดผ่าน Social Network

4. การทำการตลาดออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการขาย

5. การตลาดออนไลน์ รูปแบบต่างๆ Online - Marketing คือ การทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิตอล ซึ่งสื่อดิจิตอลเป็นสื่อที่มีรหัสระบุตัวผู้ใช้ได้ ทำให้เหล่านักการตลาดสามารถสื่อสารแบบ 2 ทาง ( Two - way communication) กับลูกค้าได้เป็นรายบุคคล

6. รูปแบบของ Online - Marketing Web Sites ADVT SMTP E-MAIL Cell Phones SMS SEO SMM Your Customer

7. Off-Line Marketing Source : http://www.connectionmodel.com/digital-marketing-agency/

8. Off-Line to On-Line Marketing Source : http://www.connectionmodel.com/digital-marketing-agency/

9. อัตราการเติบโตของการทำการตลาดออนไลน์อัตราการเติบโตของการทำการตลาดออนไลน์ Mobile phone Online any device Computer at home 55% 86% 70% 74% 56% 84% 2010 2011

10. ค่าเฉลี่ยที่ใช้ในการรับสื่อในรูปแบบต่างๆค่าเฉลี่ยที่ใช้ในการรับสื่อในรูปแบบต่างๆ Internet Broadcast TV Radio Newspaper 5.2 3.7 16.6 10.9 จากผลการสำรวจจะเห็นว่าคนไทยใช้เวลากับอินเตอร์เน็ตมากที่สุดและใช้เวลากับหนังสือพิมพ์น้อยที่สุด Source : Nielsen Report Digital consumers age 15+

11. การตลาดออนไลน์ยุค 3.0 (Online Marketing 3.0) Pay Per Click Search Engine (PPC) Search Engine Optimization (SEO) Social Media Marketing (SMM) Location Based Marketing Mobile Marketing Email Marketing Banner Advertising Source : go-gulf.com/blog/online-ad-spending

12. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ

13. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • ชื่อสินค้า (Product Name) • ควรเขียนให้สั้นได้ใจความ • รายละเอียดของสินค้า (Product Brief) • การเขียนรายละเอียดของสินค้า ควรเขียนให้ได้ใจความ น่าสนใจ • ภาพสินค้า (Picture Product) • ควรถ่ายภาพให้ดูน่าสนใจ เห็นรายละเอียดสินค้าชัดเจน

14. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • 4. ราคา (FOB Price) กำหนดราคาให้ชัดเจน • การกำหนดราคาหรือแสดงราคาชัดเจน จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้น • 5. ราคา (FOB Price) กำหนดราคาให้ชัดเจน • การกำหนดราคาหรือแสดงราคาชัดเจน จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้น • 6. ราคา (FOB Price) กำหนดราคาให้ชัดเจน • การกำหนดราคาหรือแสดงราคาชัดเจน จะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายขึ้น

15. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • 7. สั่งซื้อขั้นต่ำ (Minimum Order) • ควรใส่รายละเอียดการสั่งซื้อขั้นต่ำเพื่อให้ลูกค้าทราบจำนวนที่ต้องสั่งซื้อ • 8. ระยะเวลาส่ง (Deliver Time) • ควรแจ้งรายละเอียดการส่งกับลูกค้า • 9. ชื่อของสถาบันการเงิน(Name of Financial Institute) • ควรแจ้งรายละเอียดสถาบันการเงินที่รับชำระค่าบริการ

16. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • 10. เงื่อนไขการชำระเงิน (Payment Terms) • ควรกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย • 11. เงื่อนไข/ข้อตกลงต่างๆ ควรมีระบุไว้ในร้านค้าหรือสินค้านั้นๆ • การแสดงเงื่อนไข/ข้อตกลงต่างๆ หากมีระบุไว้อย่างชัดเจน จะทำให้เวลาที่มีปัญหาจะสามารถช่วยให้ร้านค้าแสดงหรืออ้างอิงข้อมูลได้สะดวกขึ้น เช่น เงื่อนไขการชำระเงิน, เงื่อนไขการคืนเงิน เป็นต้น

17. เขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจเขียนเนื้อหา/บทความอย่างไรให้น่าสนใจ • 12. รายละเอียดการจัดส่งสินค้า(Delivery Detail) • ควรแจ้งวิธีการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ทราบ • 13. รายละเอียดบรรจุภัณฑ์ (Packaging Detail) • ควรแจ้งรายละเอียดของ Packaging ให้ลูกค้าทราบด้วยเช่นกัน

18. การทำการตลาด ผ่าน Search Engine

19. 2. การทำการตลาดผ่าน Search Engine Search Engine Optimization (SEO) เป็นการทำการตลาดออนไลน์ผ่านเว็บเสริชเอ็นจิ้น (Search Engine) โดยใช้ เว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด ซึ่งนับได้ว่าเป็นการทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและสะดวกรวดเร็ว โดยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลกผ่านการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต

20. Search Engine Optimization (SEO) Search Engine คืออะไร เสิร์ชเอนจิน (Search Engine) คือ โปรแกรมที่ช่วยในการค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ, รูปภาพ, ภาพเคลื่อนไหว, เพลง, ซอฟต์แวร์, แผนที่ ฯลฯ ซึ่งเสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ขึ้นมา

21. SEO and Pay Per Click on Google ผลการทำ PPC ผลการทำ PPC ผลการทำ SEO

22. การค้นหารูปภาพบนเว็บไซต์ Google

23. ประโยชน์ที่ได้รับจากเว็บ Search Engine 1. ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว 2. มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล 3. รองรับการค้นหา ภาษาไทย 4. ค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทางได้ เช่น ซอร์ฟแวร์ 5. ค้นหาแบบเจาะลึกได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3

24. รู้จักกับ Search Engine ที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก 10 อันดับ Web Search Engine 2012

25. ปัจจัยหลักที่ใช้ค้นหาเว็บไซต์มีดังนี้ปัจจัยหลักที่ใช้ค้นหาเว็บไซต์มีดังนี้ 1. ทำการค้นหาจากชื่อเว็บไซต์ หรือ ชื่อโดเมนเนม 2. ทำการค้นหาจากคำที่มีอยู่ในส่วนของ Title ของเว็บไซต์ 3. ทำการค้นหาจากคำสำคัญหรือ keyword 4. ทำการค้นหาจากส่วนที่ใช้อธิบายหรือ Description 5. ค้นหาจากเนื้อหาภายในเว็บไซต์

26. การวางโครงสร้างภายในของเว็บไซต์การวางโครงสร้างภายในของเว็บไซต์ สำหรับ SEO (On-Page Factor)

27. การวางโครงสร้างภายในของเว็บไซต์ สำหรับ SEO (On-Page Factor) การปรับแต่งภายในเว็บไซต์ หรือ On PageFactor หมายถึง การปรับปรุงโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ หรือ ในส่วนของเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ให้สอดคล้องกับการจัดเรียงลำดับของ Search Engine ซึ่งการปรับแต่งในส่วนของหน้าเว็บไซต์ ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่ง่ายที่สุด เพราะเราสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วปัจจัยภายในนั้นสามารถแบ่งออกเป็นได้ 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1. โครงสร้างของเว็บไซต์ (Website Structure) 2. เนื้อหาของเว็บไซต์ (Website Content) 3. ลิงก์ออกไปยังเว็บอื่น (Outbound-Links)

28. การวางโครงสร้างภายในของเว็บไซต์ สำหรับ SEO การปรับแต่งภายในเว็บไซต์ (On-Page Factor) สิ่งสำคัญที่ต้องปรับแต่งภายในเว็บไซต์มีดังนี้ 1. โครงสร้างของเว็บไซต์ (Website Structure) 2. เนื้อหาของเว็บไซต์ (Website Content) 3. ลิงค์ที่ออกไปยังเว็บอื่น (Outbound-Links)

29. On-Page Factor 1. โครงสร้างของเว็บไซต์ (Website Structure) โครงสร้างของเว็บไซต์ ส่วนสำคัญที่ควรปรับได้แก่ • Domain name หรือ ชื่อเว็บไซต์ • Title • Meta description • Meta keyword • Heading Tag (H1, H2, H3, H4, H5, H6) ใช้บอกความสำคัญของแต่ละหัวข้อในหน้าต่างๆ

30. On-Page Factor 2. เนื้อหาของเว็ปไซต์ (Website Content) เนื้อหาของเว็บไซต์ (Website Content) ควรมีการปรับแต่งดังนี้ • นำคีย์เวิร์ดมากระจายลงไปในส่วนต่างๆ ของเนื้อหา • ให้นึกถึงคีย์เวิร์ดที่ต้องการเขียนเพียงหนึ่งหรือสองคำเท่านั้น • พยายามเขียนเนื้อหาให้กระชับได้ใจความ โดยแบ่งเป็นหัวข้อต่าง ๆ

31. On-Page Factor 3. ลิงค์ที่ออกไปยังเว็ปอื่น (Outbound-Links) การปรับในส่วนลิงค์ที่ต้องลิงก์ออกไปยังเว็บอื่น (Outbound-Links) • ควรใส่ rel=“nofollow” ลงใน tag ลิงก์ด้วย เช่น<a href=“http://www.google.co.th” rel=“nofollow”>Google Thailand</a>

32. การเขียน Title ความสำคัญของ Title

33. การเขียน Title ความสำคัญของ Title • Title ควรเขียนให้สั้น กระชับ ได้ใจความ • ไม่ควรเขียนยาวเกิน 65 ตัวอักษร • ใน Title ต้องมี keyword อยู่

34. การเขียน Title ความสำคัญของ Title

35. META ประเภทต่าง ๆ และความสำคัญ

36. META ประเภทต่างๆ และความสำคัญ • Meta description • ควรเขียนประมาณ 165 ตัวอักษร • เอาบางส่วนมาจาก content โดยต้องมี keyword ประกอบอยู่ด้วย

37. META ประเภทต่างๆ และความสำคัญ • 2. Meta Keywords • ควรเขียนหน้าละประมาณ 5 คำ • การเขียนให้ใส่เครื่องหมาย , (comma)คั่นระหว่างคำ

38. การวาง content เว็บไซต์ และ การให้ความสำคัญของ content

39. การวาง Content เว็บไซต์ และการให้ความสำคัญ • content ควรเน้น keyword โดยการใส่เครื่องหมาย <b หรือ ใส่ link <a> ให้กับ keyword พร้อมคำอธิบาย • เช่น <a href="บ้าน.html" title="บ้าน">บ้าน</a> • ใส่ Heading Tag (h1,h2,h3,h4,h5,h6) โดยต้องมี keyword อยู่ • ตัว content เองต้องมีส่วนของ keyword อยู่ด้วย • รูปภาพต้องสัมพันธ์กับ เนื้อหา โดยการตั้งชื่อไฟล์ให้สอดคล้องกับเนื้อหา และ keyword

40. การวาง Keyword

41. การวาง Keyword • Meta Keywords • Keywords ควรสัมพันธ์กับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ • ควรเขียนหน้าละประมาณ 5 คำ • การเขียนให้ใส่เครื่องหมาย , (comma)คั่นระหว่างคำ

42. การทำ SEO ในส่วน ภายนอก (off – page factor)

43. การทำ SEO ในส่วน ภายนอก (Off-Page Factor) • การเพิ่ม Backlinks และ ซับมิตเว็บไซต์ ในเว็บ Directory ต่าง ๆ • ความสำคัญของการเพิ่มลิงก์ หรือ การสร้าง Backlink

44. การทำ SEO ในส่วน ภายนอก (Off-Page Factor) การปรับแต่งภายนอกเว็บไซต์(Off-Page Factor) • การเพิ่มลิงค์ หรือ การสร้าง Backlink คือ การหาลิงค์จากภายนอกเว็บไซต์ให้ลิงก์กลับเข้ามาหาเว็บไซต์เรา

45. Off-Page Factor การเพิ่มลิงก์ หรือ การสร้าง Backlink การเพิ่มลิงก์ หรือ การหา Backlink สามารถทำได้ดังนี้ 1. หา Backlinks จากเว็บไซต์ในเครือ 2. ซื้อ Backlinks 3. สร้าง Blog ขึ้นมาเอง 4. การลงลายเซ็นต์ในเว็บบอร์ด [url=http://www.myweb.com]บ้าน[/url] 5. หา Backlink โดยการ submit เว็บไซต์เราตาม web directory ต่าง ๆเช่น directory.truehits.net, webindex.sanook.com, directory.narak.com, www.dmoz.org เป็นต้น

46. การ Submit เว็บไซต์ใน Web Directory ต่างๆ (DMOZ) DMOZ เป็น Open Directory Project ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วิธีการเพิ่มเว็บไซต์ใน DMOZ (www.dmoz.org) สำหรับเว็บไซต์ภาษาไทยให้เข้าไปที่ http://www.dmoz.org/ คลิกเลือกหมวดหมู่ต่างๆ จะเข้ามาหน้าแบบฟอร์ม ให้กรอกรายละเอียด แล้วกดปุ่ม ส่ง ที่ด้านล่าง.

47. ความสำคัญของการเพิ่มลิงก์ หรือ การสร้าง Backlink ปัจจุบันนี้ Google และ Yahoo เอาปัจจัยนี้มาเป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับ ดังคำกล่าวที่ว่า “Link is King, Content is Queen”

48. ความสำคัญของ PageRank

49. ความสำคัญของ PageRank PageRank คือ ค่าคะแนนคุณภาพของเว็บไซต์ โดย Google ให้ค่าคะแนนเว็บไซต์ไว้ตั้งแต่ 0-10

50. ความสำคัญของการเพิ่มลิงก์ หรือ การสร้าง Backlink ปัจจุบันนี้ Google และ Yahoo เอาปัจจัยนี้มาเป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับ ดังคำกล่าวที่ว่า “Link is King, Content is Queen”