1 / 61

บทที่ 3

บทที่ 3. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย. อาจารย์สนธยา เรืองหิรัญ. วัตถุประสงค์. รู้เหตุผลว่าทำไมต้องมีการจัดเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย สามารถคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้ประเภทต่าง ๆ ได้ ทราบถึงบทลงโทษ เกี่ยวกับการไม่จ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีต่างๆ

Download Presentation

บทที่ 3

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 3 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย อาจารย์สนธยา เรืองหิรัญ

  2. วัตถุประสงค์ • รู้เหตุผลว่าทำไมต้องมีการจัดเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย • สามารถคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย จากเงินได้ประเภทต่าง ๆ ได้ • ทราบถึงบทลงโทษ เกี่ยวกับการไม่จ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีต่างๆ • นำภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปเขียนในแบบแสดงรายการเพื่อยื่นภาษีประจำปีได้

  3. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่าย คือการเสียภาษีวิธีหนึ่งของผู้มีเงินได้ โดยกฎหมายกำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้ในบางกรณีทำหน้าที่คำนวณหักเงินไว้ และนำส่งสรรพากรแทนผู้มีเงินได้ โดยภาษีหัก ณ ที่จ่ายนี้ ให้ถือเป็น เครดิตภาษี

  4. การหักภาษี ณ ที่จ่าย • 1. หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 • 2. หักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 3 เตรส

  5. การหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเงินได้ประเภทที่ 1 และ 2 ให้คำนวณเหมือนภาษีเงินได้ตอนสิ้นปี โดยเงินได้ที่คำนวณ เสมือนทั้งปี โดยมีตัวคูณคือ • กรณีจ่ายค่าจ้างเป็นรายเดือนให้คูณด้วย 12 • กรณีจ่ายค่าจ้างเดือนละ 2 ครั้งให้คูณด้วย 24 • กรณีจ่ายค่าจ้างเป็นรายสัปดาห์ให้คูณด้วย 52 เมื่อคำนวณภาษีแล้วได้เท่าไร ให้หารด้วย จำนวนครั้งที่จ่ายต่อปี ผลที่ได้คือภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต่อครั้ง

  6. ตัวอย่าง การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเงินได้ (1) และ (2) กรณี มีเงินเดือนเท่ากันทุกเดือน และไม่มีเงินได้อื่น นายวอร์รูม มีเงินเดือน ๆ ละ 50,000 บาท และต้องอุปการะบิดาซึ่งมีอายุ 62 ปี และมารดาอายุ 61 ปี ให้คำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ว่าต้องหักเดือนละเท่าไร

  7. คำนวณภาษี 150,000 บาทแรก = ยกเว้น 300,000 บาท ถัดมา 10% =30,000 บาท รวม = 30,000 บาท ดังนั้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย ต้องหักเดือนละ 30,000/12 =2,500 บาท

  8. ตัวอย่าง กรณีมีการเปลี่ยนแปลงเงินได้ในระหว่างปี ปีภาษี 2542 นาย ก. ได้รับเงินเดือน มกราคม-กันยายน เดือน ละ 30,000 บาท ตุลาคมเป็นต้นไปเดือนละ 60,000 บาท นาย ก. ได้แจ้งสถานะการหักลดหย่อนไว้ดังนี้ ภรรยาไม่มีเงินได้ และบุตรกำลังศึกษา 2 คน ต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตในเดือนกรกฎาคม 2542 จำนวน 9,600 บาท และ ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมฯ ที่จะต้องจ่ายทั้งปี จำนวน 13,200 บาท ให้คำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายในแต่ละเดือน

  9. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ของเดือน มค-กย. เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี        30,000 x 12     360,000    หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                300,000     หัก ค่าลดหย่อนส่วนตัว                 30,000 ค่าลดหย่อนคู่สมรส                        30,000 ค่าลดหย่อนบุตรศึกษา 2 คน          34,000 ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิต              9,600 ค่าลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมฯ10,000113,000 คงเหลือเงินได้สุทธิ186,400บาท ภาษีเงินได้ทั้งปี (150,000 ยกเว้น)+(36,400 X10%)      =     3,640   บาท ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแต่ละเดือน 3,640 หาร 12                    = 303.33    บาท

  10. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เดือน ตค.-ธค. เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี(60,000 x 12)                            720,000 บาท หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                        660,000 หัก ค่าลดหย่อน 113,000บาท คงเหลือเงินได้สุทธิ546,400บาท ภาษีเงินได้ทั้งปี (150,000 ยกเว้น)+ (350,000 X10%) + (46,400 X 20%)   =      44,280 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป 44,280/12       =         3,690 บาท

  11. กรณีมีการจ่ายเงินพิเศษเป็นครั้งคราวในระหว่างปีภาษี เดือนมีนาคม 2542 นาย ก. ได้รับเงินโบนัสอีก จำนวนหนึ่งเป็นเงิน 90,000 บาท ผู้จ่ายเงินได้จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย เดือนมีนาคม 2542

  12. เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี (30,000 x 12)  360,000    บวก เงินโบนัส (90,000 X 1)                                    90,000 รวมเงินได้พึงประเมิน                                              450,000  หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                      390,000 หัก ค่าลดหย่อน 13,600 เงินได้สุทธิ276,400

  13. ภาษีเงินได้ทั้งปีของเงินเดือนรวมเงินโบนัสภาษีเงินได้ทั้งปีของเงินเดือนรวมเงินโบนัส (126,400 X10%)        12,640 บาท หัก ภาษีเงินได้ทั้งปีเฉพาะเงินเดือน3,640บาท คงเหลือภาษีเงินได้ของโบนัส   9,000 บาท บวก ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เงินเดือนของเดือนมีนาคม 303.33บาท รวม ภาษีต้องหัก ณ ที่จ่าย เดือนมีนาคม9,303.33บาท

  14. สรุป ผู้จ่ายเงินได้จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายของ นาย ก. ในกรณีนี้ ดังนี้ เดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ เดือน           =          303.33 บาท เดือนมีนาคม                                          =       9,303.33 บาท เดือนเมษายน ถึง พฤศจิกายน เดือนละ       =          303.33 บาท เดือนธันวาคม                                            =          303.37 บาท

  15. กรณีจำนวนคราวที่จ่ายเงินได้พึงประเมินไม่สม่ำเสมอตลอดปีภาษี นาย ก. ได้รับเงินเดือนและได้รับเงินค่าล่วงเวลาดังนี้เดือนมกราคมได้รับค่าล่วงเวลา 6,500 บาท เดือนกุมภาพันธ์ได้รับค่าล่วงเวลา 5,200 บาท ผู้จ่ายเงินได้ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายอย่างไร

  16. มกราคม เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี (30,000 x 12)       360,000 บวก ค่าล่วงเวลาเดือนมกราคม  6,500 รวมเงินได้พึงประเมิน                                         366,500 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท) 60,000 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                     306,500 หัก ค่าลดหย่อน 113,600 คงเหลือเงินได้สุทธิ192,900

  17. ภาษีเงินได้ทั้งปีของเงินเดือนรวมค่าล่วงเวลา 42,900X10%            4,290.00 หัก ภาษีเงินได้ทั้งปีเฉพาะเงินเดือน 3,640.00 คงเหลือภาษีเงินได้ค่าล่วงเวลาเดือนมกราคม                      650.00 บวก ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเงินเดือนของเดือนมกราคม303.33 รวมภาษีต้องหัก ณ ที่จ่ายเดือนมกราคม (650 + 303.33)         953.33

  18. กุมภาพันธ์: เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี (30,000 x 12)          360,000 บวก ค่าล่วงเวลาเดือนมกราคม                                           6,500 ค่าล่วงเวลาเดือนกุมภาพันธ์  5,200 รวมเงินได้พึงประเมิน                                                   371,700 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                  311,700 หัก ค่าลดหย่อน 113,600 คงเหลือเงินได้สุทธิ198,100

  19. ภาษีเงินได้ทั้งปีของเงินเดือนรวมค่าล่วงเวลา (48,100 X10%)               4,810 หัก ภาษีเงินได้ทั้งปีเฉพาะเงินเดือน 3,640 ภาษีเงินได้ของค่าล่วงเวลา                                       1,170 หัก ภาษีเงินได้ค่าล่วงเวลาเดือนมกราคม650 คงเหลือภาษีเงินได้ค่าล่วงเวลาเดือนกุมภาพันธ์                520 ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเงินเดือนของเดือนกุมภาพันธ์303.33 รวมภาษีต้องหัก ณ ที่จ่ายเดือนกุมภาพันธ์ 823.33บาท

  20. สรุป ผู้จ่ายเงินได้จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายของ นาย ก. ในกรณีนี้ ดังนี้ เดือนมกราคม                                                           =       953.33 บาท เดือนกุมภาพันธ์                                                        =       823.33 บาท เดือนมีนาคม ถึง พฤศจิกายน เดือนละ                     =        303.33 บาท เดือนธันวาคม                                                           =       303.37 บาท

  21. กรณีนายจ้างออกเงินค่าภาษีเงินได้แทนให้ลูกจ้าง สำหรับเงินเดือนหรือค่าจ้างที่ ลูกจ้างได้รับในปีภาษี โดยลูกจ้างไม่ต้องรับภาระในการเสียภาษีเงินได้ด้วยตนเองเลย วิธีคิด ให้คำนวณหาภาษีที่นายจ้างออกให้ที่แท้จริงหลาย ๆ ครั้งจนกว่าจำนวนภาษีจะคงที่ ให้ถือเอาจำนวนที่คงที่นั้นเป็นภาษีที่นายจ้างต้องจ่ายให้

  22. นายลิขิตมีเงินเดือน ๆ ละ 25,000 บาท มีภรรยาชอบด้วยกฎหมาย และบุตร กำลังศึกษา 1 คน บริษัทออกเงินภาษีให้ตลอดไป ผู้จ่ายเงินได้ ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย เท่าไร

  23. ครั้งที่ 1 เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี   (25,000 x 12)                          300,000 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)60,000 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย        240,000  หัก ค่าลดหย่อนส่วนตัว                              30,000 ค่าลดหย่อนคู่สมรส                                 30,000 ค่าลดหย่อนบุตรศึกษา 1 คน17,000 77,000 เงินได้สุทธิ186,400 ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 1 (36,400 X10%) =       3,640 บาท

  24. ครั้งที่ 2 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี  (25,000 x 12)            300,000 บาท บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 1                                            3,640 รวมเงินได้พึงประเมิน        303,640  หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท) 60,000 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                  243,640   หัก ค่าลดหย่อน  77,000 เงินได้สุทธิ 166,640 ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 2 (16,640 X10%)      1,640   บาท

  25. ครั้งที่ 3 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี    300,000 บาท บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 2                                        1,640 รวมเงินได้พึงประเมิน                                                  301,640  หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                 241,640  หัก ค่าลดหย่อน  77,000 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,640บาท ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 3 (14,640 X10%)       1,464    บาท

  26. ครั้งที่ 4: เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี 300,000  บวกภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 3                           1,464 รวมเงินได้พึงประเมิน                                             301,464 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)60,000 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                              241,464 หัก ค่าลดหย่อน   77,000 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,464 ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 4 (14,464 X10%)     1,446.40 บาท

  27. ครั้งที่ 5 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี 300,000.00 บาท บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 4                           1,446.40 รวมเงินได้พึงประเมิน                                         301,446.40 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท) 60,000.00 เงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                              241,446.40 หัก ค่าลดหย่อน 77,000.00 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,446.40บาท ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 5 (14,446.40 X10%)         1,444.64

  28. ครั้งที่ 6 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี 300,000.00 บาท บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 5                       1,444.64 รวมเงินได้พึงประเมิน  301,444.64 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท) 60,000.00 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย            241,444.64 หัก ค่าลดหย่อน7,000.00 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,444.64 บาท ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 6 (14.444.64 X 10%)           1,444,46 บาท

  29. ครั้งที่ 7 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี 300,000.00  บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 6                                            1,444.46 รวมเงินได้พึงประเมิน                                                      301,444.46 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท)  60,000.00 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                                   241,444.46 หัก ค่าลดหย่อน  77,000.00 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,444.46 ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 7 (14,444.46 X 10%)            1,444.45 บาท

  30. ครั้งที่ 8 : เงินเดือนเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี 300,000.00  บวก ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 7                            1,444.45 รวมเงินได้พึงประเมิน                                        301,444.45 หัก ค่าใช้จ่าย (40 % ไม่เกิน 60,000 บาท) 60,000.00 คงเหลือเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย                    241,444.45 หัก ค่าลดหย่อน  77,000.00 คงเหลือเงินได้สุทธิ164,444.45 ภาษีที่คำนวณได้ครั้งที่ 8 (14,444.45 X 10%)        1,444.45

  31. ดังนั้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแต่ละเดือน เท่ากับ 1,444.45 ÷ 12 = 120.37 บาทเหลือเศษ .001 บาท จำนวนเงินเหลือเศษให้รวมกับเงินภาษี ที่จะต้องหักไว้ครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคม = 120.37 + (0.001 X 12)      =        120.38 บาท

  32. การหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเงินได้ มาตรา 40(3) ให้ผู้จ่ายเงินได้คำนวณภาษี หัก ณ ที่จ่ายตามอัตราเงินได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนใด ๆ หากเป็นเงินได้ ที่จ่ายให้กับผู้รับซึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศไทยให้คำนวณหัก ภาษีในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้

  33. นางสาวนงนุชได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการขายบทประพันธ์ ให้กับสำนักพิมพ์หิ่งห้อยเป็นเงิน 200,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเท่าไร คำนวณ: 100,000 x 5% 5,000 100,000 บาทที่เหลือ 10%10,000 รวมต้องหัก ณ ที่จ่าย 15,000

  34. การหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายเงินได้มาตรา 40(4) หัก ณ ที่จ่าย 15% ได้แก่ • ดอกเบี้ย • ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ เฉพาะที่เกิน 20,000 บาท • ดอกเบี้ยที่บุคคลธรรมดาจ่ายให้บุคคลธรรมดาที่อยู่ต่างประเทศ (ดอกเบี้ยที่บุคคลธรรมดาจ่ายให้บุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย) หัก ณ ที่จ่าย 10 % ได้แก่ • เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร

  35. บริษัท สุโก้ย จำกัดจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับนาง ข เป็นเงิน 30,000 บาท และนาง ข ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารประเภทสะสมทรัพย์จากธนาคารกรุงเทพเป็นเงิน 40,000 บาท นอกจากนี้นาง ข ยังได้รับดอกเบี้ยจากนาย ค เนื่องจากการให้กู้เงิน ซึ่งนาย ค อยู่ในประเทศไทย อีก 50,000 บาท ให้คำนวณ ภาษี หัก ณ ที่จ่ายที่ นาง ข โดนหัก

  36. ดอกเบี้ยเงินกู้ จากบริษัทหลินปิง 30,000 x 15% = 4,500 ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร (ส่วนที่เกิน 20,000) 20,000x15% = 3,000 ดอกเบี้ยจากนาย ค (ได้รับยกเว้นไม่ต้องหัก) 0 รวม 7,500

  37. การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายเงินได้ตามมาตรา 40(5)และ 40(6) ได้แก่ 40(5) เงินได้จาก การให้เช่าทรัพย์สิน และ 40(6) คือเงินได้ประเภทวิชาชีพอิสระต่าง ๆ ที่จ่ายให้แก่ผู้รับซึ่งไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ให้หักภาษี ณ ที่จ่ายร้อยละ 15 แต่ถ้าจ่ายให้ผู้อยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย

  38. บริษัท อับราฮิมจำกัดซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยได้ว่าจ้างนางอุนุชิโว ซึ่งอยู่ที่ประเทศอุรุกวัยให้ตรวจสอบบัญชีให้ โดยจ่ายค่าตรวจสอบบัญชีทั้งสิ้น 75,000 บาท ต้องหัก ณ ที่จ่ายเท่าไร บริษัท อิบราฮิม ต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่ายได้ไว้เท่ากับ 11,250 บาท (75,000 x 15%)

  39. กรณีหน่วยงานของรัฐจ่ายเงินกรณีหน่วยงานของรัฐจ่ายเงิน หากหน่วยงานของรัฐจ่ายเงินได้ประเภทที่ 5 – 8 และเงินที่จ่ายรวมกันตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 1% (ไม่รวมถึงการจ่ายค่าซื้อพืชผลทางการเกษตรและเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์)

  40. การหักภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายเงินได้ตามมาตรา 40(8) เฉพาะที่จ่ายให้ผู้ที่ขายอสังหาริมทรัพย์และการโอนกรรมสิทธิ์ครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่มีค่าตอบแทน ยกเว้น 1. ขาย แลกเปลี่ยน ให้ หรือโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ 2. การโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมรดกให้แก่ทายาท

  41. ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขายที่ดินข้อควรรู้เกี่ยวกับการขายที่ดิน 1. ราคาขาย คือราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ ณ วันที่มีการโอน

  42. ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขายที่ดินข้อควรรู้เกี่ยวกับการขายที่ดิน 2. การขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินได้จากมรดกหรือจากเสน่หา และมีที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยา หรือการปกครองท้องถิ่นอื่น ได้รับยกเว้น 200,000 บาท โดยให้นำเงินจำนวนนี้ไปหักออกจากราคาขายก่อนที่จะคำนวณภาษี

  43. หลักเกณฑ์ กรณีที่เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จากกองมรดก หรือจากเสน่หา • ให้หักค่าใช้จ่ายได้ 50% • เงินได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย ให้ไปคูณ กับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผลที่ได้คือภาษีหัก ณ ที่จ่าย • หาก ภาษีที่คำนวณเกินร้อยละ 20 ของราคาขาย ให้เสียภาษีเพียงร้อยละ 20 ของราคาขายเท่านั้น

  44. หลักเกณฑ์ (ต่อ) กรณี การขายอสังหาริมทรัพย์อื่น ที่ไม่ใช่ได้จากมรดกหรือได้โดยเสน่หา • ให้หักค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา • เงินได้ที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่าย ให้หารด้วยจำนวนปีที่ถือครอง ผลลัพธ์ที่ได้ให้นำไปคูณด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา • ได้ผลเท่าไรให้คูณด้วยจำนวนปีที่ถือครอง ผลที่ได้คือภาษีที่ต้องหักและนำส่ง

  45. ค่าใช้จ่ายตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายตามพระราชกฤษฎีกา

  46. นายตุ๊ดตู่ เสื้อแดง ขายที่ดินมรดกซึ่งแม่ให้มาตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช จำนวน 2,000,000 บาทโดยที่ดินนี้นับจากวันที่ได้มาถึงวันที่ขายเป็นเวลา 5 ปี ที่ดินแปลงนี้มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธินิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน 2,500,000 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่ายของนายตุ๊ดตู่ ที่โดนหักคือเท่าไร

  47. เงินได้พึงประเมิน 2,500,000 บาท หัก ค่าใช้จ่าย 50% 1,250,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1,250,000 หารจำนวนปีที่ถือครอง (5ปี) 1,250,000/5 250,000 ภาษีเฉลี่ยต่อปี (100,000x5%)+(150,000x10%) 20,000 คูณ จำนวนปีที่ถือครอง 20,000x5 100,000 บาท ภาษีเงินจำนวน 100,000 บาท คำนวณแล้วเป็นร้อยละ 4 ของราคาขาย ซึ่งไม่เกินร้อยละ 20 ดังนั้น นายตุ๊ดตู่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย จำนวน 100,000 บาท

  48. สมมติว่าที่ดินอยู่นอกเขตเทศบาลการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็นดังนี้ เงินได้พึงประเมิน 2,500,000 บาท หัก ส่วนที่ได้รับการยกเว้น 200,000 เงินได้คงเหลือ 2,300,000 หัก ค่าใช้จ่าย 50% 1,150,000 เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย 1,150,000 หารจำนวนปีที่ถือครอง (5ปี) 1,150,000/5 230,000 บาท ภาษีเฉลี่ยต่อปี (100,000x5%)+(130,000x10%) 18,000 บาท คูณ จำนวนปีที่ถือครอง 18,000x5 90,000 บาท ภาษีเงินจำนวน 90,000 บาท คำนวณแล้วเป็นร้อยละ 3.60 ของราคาขาย ซึ่งไม่เกินร้อยละ 20 ดังนั้น นายตุ๊ดตู่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย จำนวน 90,000 บาท

  49. นายสามเกลอ หัวเป็นสังกะตัง ได้ขายที่ดินซึ่งซื้อมาเมื่อ 6 ปีก่อนในราคา 1,200,000 บาท ราคาที่ดินมีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนฯ 1,000,000 บาท ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายคำนวณดังนี้

More Related