1 / 43

โดย คุณพ่อ สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อ สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์

โดย คุณพ่อ สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อ สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์.

gad
Download Presentation

โดย คุณพ่อ สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อ สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โดย คุณพ่อ สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธุ์ คุณพ่อ สุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์

  2. “แม่พระแห่งลูกประคำ” นามนี้มีกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด ไม่มีใครทราบแน่ชัด อาจกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 8มีการสวดบท “ข้าแต่พระบิดา” ซ้ำไปซ้ำมา โดยใช้ลูกประคำ 150 บท ตามจำนวนบทสดุดีในพระคัมภีร์ แล้วต่อมาจึงนำ บท “วันทามารีอา” ท่อนแรกมาใช้แทนบท “ข้าแต่พระบิดา”

  3. สายประคำนำชีวิต อาวุธคู่กายของบรรดาคริสตัง • หลายคนมีมากกว่าหนึ่งสายและสวดมากกว่าหนึ่งสาย

  4. “แม่พระลูกประคำ” เกี่ยวโยงกับการประจักษ์ของแม่พระต่อนักบุญดอมินิโก ใน ปี ค.ศ. 1208 นักบุญดอมินิโกกำลังต่อสู้กับอิทธิพลอันใหญ่หลวงของลัทธิเฮเรติก ท่านรู้สึกถึงความท้อแท้ เพราะการทำงานของท่านไร้ผล แม่พระประจักษ์มาและทรงสอนท่านว่า “อย่าแปลกใจเลย ที่การทำงานของลูกไร้ผล ลูกกำลังทำงานบนผืนดินที่แห้งแล้ง โดยไม่รดน้ำด้วยพระหรรษทาน เมื่อพระเจ้าทรงประสงค์จะเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่นั้น พระองค์เริ่มด้วยการส่งฝนแห่งความเจริญงอกงาม นั่นคือ การแจ้งสารของเทวทูต (คำทักทายว่า “วันทามารีอา”) ฉะนั้น ลูกจงเผยแพร่การสวดคำทักทายของเทวทูตนี้ 150 ครั้ง และบท “ข้าแต่พระบิดา” 15 ครั้ง แล้วลูกจะเก็บเกี่ยวได้อย่างอุดมสมบูรณ์”

  5. นักบุญดอมินิโก เริ่มต้นเผยแพร่ความศรัทธาต่อการสวดลูกประคำ ที่สุดท่านได้รับชัยชนะ ในสมัยของAlan de Rupe (1428-1475) ซึ่งได้ฉายาว่า “อัครสาวกผู้ยิ่งใหญ่แห่งลูกประคำ” เป็นผู้จุดประกายให้เห็นความเกี่ยวข้องของนักบุญดอมินิโกและลูกประคำ และได้เผยแพร่การสวดลูกประคำ จนเป็นที่นิยมไปทั่วทุกแห่งหน • ในวันที่ 7 ตุลาคม 1571 สมาชิกแห่งแนวร่วมในการสวดสายประคำ ร่วมชุมนุมสวดสายประคำ เพื่อขอพรสำหรับกองทัพคริสตัง ที่กำลังสู้รบกับพวกเติร์กมุสลิม ที่เมือง Lepantoพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 5 ทรงร่วมสวดด้วย และที่สุดกองทัพคริสตังได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งช่วยให้ยุโรปรอดพ้นจากการยึดครองของมุสลิม พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 5 จึงกำหนดให้วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ.1571 เป็นวันรำลึกถึงแม่พระลูกประคำประจำปีตั้งแต่นั้นมา

  6. พระแม่แห่งสายประคำในรูปแบบต่างๆเกิดจากความศรัทธาที่มีต่อแม่พระ • ผ่านทางพระแม่ คำภาวนาของเรามุ่งไปสู่พระเยซูเจ้า

  7. เมื่อกล่าวถึงแม่พระแห่งลูกประคำ เราคิดถึงเหตุการณ์ที่แม่พระประจักษ์มาให้แก่ท่านนักบุญดอมินิโก และสอนให้ท่านเผยแพร่การสวดลูกประคำ จิตรกรจึงมักวาดรูปแม่พระแห่งลูกประคำเป็นรูปแม่พระอุ้มพระกุมาร และมอบสายประคำให้แก่นักบุญดอมินิโก แต่ด้วยความศรัทธาที่คริสตชนมีต่อนักบุญคาทารีนา แห่งซีเอนา (1347-1379) ซึ่งเป็นสมาชิกขั้นที่ 3 ของคณะดอมินิกัน นักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนา ซึ่งเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของคณะดอมินิกันก็ว่าได้ ในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ และสามารถช่วยให้พระสันตะปาปากลับมาอยู่กรุงโรมได้อีกครั้ง ในสมัยนั้น ที่พระสันตะปาปาต้องจากกรุงโรมไปอยู่ที่ Avignon ประเทศฝรั่งเศส ชาวอิตาเลียนยังถือว่า นักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนาเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของประเทศอิตาลี คู่กับนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีอีกด้วย ฉะนั้น เมื่อจิตรกรวาดภาพแม่พระลูกประคำ จึงมักมีรูปของนักบุญ คาทารีนาแห่งซีเอนาอยู่คู่กับนักบุญดอมินิโกด้วยนั่นเอง

  8. พระแม่แห่งสายประคำ ปอมเปอี นักบุญโดมินิโกและคาเทรีนาแห่งซีเอนารับสายประคำ

  9. รูปแม่พระอุ้มพระกุมารกำลังประทานสายประคำแก่นักบุญทั้งสองนี้ เกิดขึ้นมาเมื่อไรแน่ หรือมีชื่อเรียกรูปนี้ว่าอะไร ไม่มีบันทึกแน่ชัด เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และได้รับนามว่า “แม่พระแห่งลูกประคำ” ก็ในปลายศตวรรษที่ 19 โดยเริ่มต้นที่เมือง Campania ในหุบเขาปอมเปอี รูปนี้จึงได้รับชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “แม่พระแห่งปอมเปอี” ที่น่าสังเกตก็คือ “รูปแม่พระแห่งปอมเปอี” นี้ เป็นรูปแม่พระอุ้มพระกุมารด้วยพระหัตถ์ขวา ส่วนพระหัตถ์ซ้ายของแม่พระยื่นสายประคำให้แก่นักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนา ขณะที่พระกุมารเองหันพระพักตร์ไปยังนักบุญดอมินิโก และใช้พระหัตถ์ส่งสายประคำให้นักบุญดอมินิโกส่วนรูปแม่พระพระองค์ใหญ่ เหนือพระแท่นในวัดกาลหว่าร์ของเรา ซึ่งเป็นรูปปั้นตั้งอยู่ในตำแหน่งอันเป็นองค์อุปถัมภ์ของวัด เป็นรูปแม่พระอุ้มพระกุมารด้วยพระหัตถ์ซ้าย แล้วใช้พระหัตถ์ขวาส่งสายประคำให้นักบุญดอมินิโก ขณะที่พระกุมารหันพระพักตร์ไปยังนักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนา และส่งสายประคำให้นักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนา นั่นคือ สลับกันนั่นเอง • ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเราเหมือนกัน ที่จะรู้จักความเป็นมาของรูปแม่พระแห่งปอมเปอี นี้สักหน่อย

  10. รูปแม่พระแห่งปอมเปอีที่วัดกาลหว่าร์

  11. 1. แม่พระลูกประคำ แม่พระแห่งปอมเปอี • ปอมเปอี เป็นชื่อเมืองๆ หนึ่งที่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพราะใน ปี ค.ศ. 79 ภูเขาไฟวิสุเวียสได้เกิดระเบิดขึ้น และลาวาของภูเขาไฟ พร้อมทั้งฝุ่นเถ้าภูเขาไฟ ได้ถล่มลงมาและกลบเมืองๆ นี้ไว้ แบบชนิดที่ว่าประชาชนไม่ได้ตั้งตัว เป็นความหายนะแบบฉับพลันทันที รวดเร็วมาก หลังจากผ่านพ้นไปหลายศตวรรษ จึงได้มีการขุดค้นเมืองนี้ขึ้นมา ทำให้เมืองเก่าแก่โบราณนี้มีคุณค่าอย่างยิ่งทางด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมโบราณ • พ่อขอนำพวกเราไปแสวงบุญยังสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากซากปรักหักพังดังกล่าวนี้ ประมาณ 5 นาทีขับรถเท่านั้น เมืองนี้มีชื่อว่า คัมปาเนีย (Campania) อยู่ในหุบเขา Pompeii (Valle de Pompeii) ที่นี่มีวัดอยู่แห่งหนึ่ง อุทิศให้กับ “แม่พระลูกประคำ” ได้รับการขนานนามว่า “แม่พระแห่งปอมเปอี”ดังนั้น จึงเป็นเรื่องความศรัทธาพิเศษ และความมหัศจรรย์จากความศรัทธาที่มีต่อลูกประคำ เรามารู้จักสถานที่นี้กันเลย

  12. การระเบิดของภูเขาไฟเวซูเวียส เถ้าฝุ่นและลาวาทำลายเมืองปอมเปอีชนิดที่ชาวเมือง • ไม่ทันตั้งตัว

  13. ปอมเปอีมีวิหารเทพเจ้าต่างๆมากมาย • เทพอะปอลโล เทพวีนัส ฯลฯ สนามกีฬา • ภาพบน ชาวเมืองเสียชีวิตแบบไม่ทันตั้งตัว

  14. ศิลปะและสิ่งก่อสร้างต่างๆแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของปอมเปอี อาณาจักรโรมันได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอาณาจักรกรีกโบราณ

  15. 2. วัดประจำเมือง • บันทึกเก่าแก่ทำให้เราทราบว่า ในศตวรรษที่ 4 วัดใหญ่หลังหนึ่งถวายเกียรติแด่พระผู้ไถ่ ได้รับการก่อตั้งขึ้น ในศตวรรษที่ 11 ฤษีคณะเบเนดิ๊กตินเป็นผู้ดูแลวัดนี้ • ปี ค.ศ. 1659 โรคมาเลเรียได้ทำลายชีวิตคนเมืองนี้ไปเป็นจำนวนมาก เหลือเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้น • ปี ค.ศ. 1740 วัดใหญ่ “พระผู้ไถ่” พังลงมา จึงสร้างวัดเล็กๆ หลังหนึ่งขึ้นมาแทน มีสัตบุรุษเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ดูแลโดยพระสงฆ์อาวุโสองค์หนึ่งเท่านั้น สภาพของวัดเสื่อมโทรมลง ประชาชนหันมาเชื่อนอกรีต (Superstition) มีการก่ออาชญากรรม และคนจำนวนมากได้กลายเป็นโจรผู้ร้าย จนกระทั่งบริเวณนี้ถูกเรียกว่า Pompeii เป็นบ้านพักของโจรผู้ร้าย • สภาพของปอมเปอีนี้ดำเนินเช่นนี้จนกระทั่งมาถึงช่วงเวลาของ Bartolo Longo

  16. บุญราศี บารโตโล ลองโก คนบาปกลับใจ เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาต่อแม่พระแห่งสายประคำ • เป็นผู้ริเริ่มสักการะสถาน ก่อตั้งงานด้านเมตตาต่างๆ เป็นผู้แสวงหาพระรูปแม่พระแห่งสายประคำ ท่านเปลี่ยนรูปนักบุญโรซา เป็นนักบุญ คาทารีนาแห่งซีเอนา

  17. 3. ต้นกำเนิด • ประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1891 บันทึกว่า “วัดนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน เล็กและทรุดโทรม ยากจน จนไม่อาจมีโรงเรียน ชาวบ้านก็เป็นพวกนอกรีตและนอกกฎหมาย หลายคนเป็นขโมย” • Bartolo Longoผู้ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของ Valle de Pompeii เป็นผู้ก่อสร้างสักการสถานแม่พระลูกประคำ เกิดใน ปี ค.ศ.1841 เป็นลูกชายนายแพทย์ ท่านเรียนกฎหมาย ระหว่างที่เรียนได้เข้าร่วมกับนิกายนอกรีตนิกายหนึ่ง จนได้บวชเป็นสงฆ์แห่งซาตาน เวลานั้น ท่านพยายามอย่างที่สุดที่จะทำลายอิทธิพลของคาทอลิก

  18. ที่สุด เพื่อนที่ดีคนหนึ่งแนะนำท่านให้รู้จักกับพระสงฆ์ดอมินิกันคนหนึ่งชื่อ Alberto Radente ซึ่งศรัทธาเป็นพิเศษต่อแม่พระ และส่งเสริมความศรัทธาต่อลูกประคำ • เมื่อ Bartolo กลับใจล้างบาป ท่านได้เลือกชื่อล้างบาปว่า Maria เพราะท่านสำนึกว่า ท่านเป็นคนบาป และแม่พระคือ “ที่หลบภัยของคนบาป” และเพื่อใช้โทษบาปในอดีต ท่านสัญญาที่จะทำงานเพื่อคนยากจน และท่านยังได้พิมพ์สารที่เรียกว่า “The Rosary of New Pompei” อีกด้วย • เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ท่านอยู่ใกล้วัดที่ทรุดโทรม มีหนูและสัตว์เลื้อยคลานวิ่งเพ่นพ่านอยู่ ท่านพบกับประสบการณ์ที่ลึกลับ ท่านเขียนไว้ว่า

  19. “ข้าพเจ้ามีความรู้สึกถึงความสิ้นหวังและเกือบจะฆ่าตัวตาย ทันใดนั้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสะท้อนในหู เป็นเสียงของคุณพ่อ Alberto ที่ย้ำคำพูดของแม่พระว่า ‘ถ้าลูกต้องการแสวงหาความรอด จงเผยแพร่การสวดลูกประคำ แม่สัญญา’ คำพูดนี้ ส่องสว่างวิญญาณของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคุกเข่าลง และพูดว่า หากเป็นจริงแล้ว ลูกจะไม่ไปจากหุบเขานี้ จนกว่าการเผยแพร่สวดลูกประคำจะสำเร็จ” • Bartolo ชักชวนชาวบ้านให้มาช่วยกันทำความสะอาดวัดแห่งนี้ แล้วก็ชวนให้มาสวดลูกประคำด้วยกันในเย็นวันหนึ่ง มีเด็กไม่กี่คนเท่านั้นที่มา • Bartolo จึงออกเยี่ยมทุกบ้าน แจกลูกประคำ รูปพระ และเชิญชวน แต่ก็ได้ผลไม่มากนัก ชาวบ้านถึงแม้จะรักและเคารพ Bartolo แต่พวกเขาไม่เข้าใจ และไม่สนใจที่จะรู้จักกับลูกประคำ

  20. Bartolo ออกทุนจัดงานเทศกาลฉลองลูกประคำศักดิ์สิทธิ์ ใน ปี ค.ศ. 1873 ครั้งแรกล้มเหลว นอกจากฝนตกแล้ว ผู้เทศน์ก็เทศน์เป็นภาษา อิตาเลียนทางการ ไม่ใช่ภาษาท้องถิ่นที่ชาวบ้านเข้าใจ ปีต่อมา ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่บางคนก็เริ่มสวดลูกประคำเป็นแล้ว ปีที่สาม ท่านเชิญพระสงฆ์คณะพระมหาไถ่มาเทศน์มิชชั่น 2 สัปดาห์ ท่านถือโอกาสบูรณะวัดใหม่ • Bartolo เริ่มโครงการหารูปแม่พระแห่งลูกประคำ รูปที่ท่านมีอยู่เป็นเพียงรูปภาพสีน้ำมันบนกระดาษ ในเวลานั้น กฎหมายของพระศาสนจักรกำหนดให้ภาพศักดิ์สิทธิ์ต้องวาดด้วยสีน้ำมันบนผ้าใบ หรือบนไม้เท่านั้น มีคนบอก Bartolo ว่า มีรูปแม่พระลูกประคำเก็บไว้ในอารามแห่งหนึ่ง ซึ่งซื้อมาจากร้านซอมซ่อแห่งหนึ่งในราคา 3,40 ลีร์ Bartolo เขียนอธิบายไว้ว่า

  21. “รูปภาพนี้ไม่เพียงแต่ถูกหนอนกินเท่านั้น แต่พระหัตถ์ของแม่พระ ยังเป็นเหมือนหญิงชาวบ้านที่หยาบกระด้าง ผ้าใบส่วนหนึ่งที่อยู่เหนือศีรษะของแม่พระก็หายไป เสื้อคลุมก็มีรอยแตก ไม่ต้องพูดถึงความน่าเกลียดของรูปส่วนอื่นๆ นักบุญดอมินิกดูแล้วเหมือนคนมอมแมมข้างถนน ทางซ้ายมือของแม่พระคือนักบุญโรซา ต่อมา ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนภาพนี้ให้เป็นนักบุญคาทารีนาแห่งซีเอนา ข้าพเจ้าลังเลที่จะเอารูปนี้หรือไม่เอา ที่สุด ข้าพเจ้าเอา” • Bartolo ให้จิตรกรสมัครเล่นคนหนึ่งซ่อมแซมภาพนี้ และที่สุด ตั้งไว้ในวัด เมื่อ 13 กุมภาพันธ์ 1876 ต่อมา ใน ปี ค.ศ.1880 จิตรกรที่มีชื่อเสียงชาวอิตาเลียนชื่อ Federico Madlarelli เสนอตัวซ่อมแซมภาพนี้อีกครั้ง ที่สุด จิตรกรจากวาติกันได้ซ่อมแซมอีกครั้งเมื่อ ปี ค.ศ. 1965

  22. 4. อัศจรรย์ • หลังจากตั้งรูปนี้ในวัดครั้งแรก ก็มีแผนที่จะสร้างวัดใหญ่ที่เหมาะสมกับแม่พระลูกประคำ ชาวบ้าน 300 คน ช่วยอดออมเงินหนึ่งเพนนีต่อเดือนเพื่องานของแม่พระนี้ ที่สุดได้วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1876 ภายในเดือนนั้นเอง ก็เริ่มมีอัศจรรย์เกิดขึ้นที่สักการสถานแห่งนี้ นั่นคือ มีบันทึกว่า คนป่วย 4 คน ได้รับการรักษาให้หาย และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระหว่างปี ค.ศ. 1891-1894 มีอัศจรรย์นับร้อยเกิดขึ้น และได้รับการบันทึกไว้ที่สักการสถานแห่งนี้ เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จใน ปี ค.ศ.1883 Bartolo เรียกร้องต่อชาวบ้านว่า • “ ณ สถานที่แห่งนี้ซึ่งถูกเลือกไว้สำหรับอัศจรรย์มากมาย เราปรารถนาที่จะทิ้งอนุสาวรีย์ของราชินีแห่งชัยชนะไว้ให้กับชนรุ่นปัจจุบัน และอนาคต อนุสาวรีย์ที่คู่ควรมากขึ้นต่อความยิ่งใหญ่ของพระนาง แต่คู่ควรยิ่งกว่าต่อความเชื่อและความรักของเรา”

  23. ใน ปี ค.ศ.1891 Bartolo และภรรยา ได้ถวายวัดหลังใหม่ให้แก่พระสันตะปาปาเป็นผู้ปกครองดูแล และในวันเปิดสักการสถานแห่งใหม่นี้ รูปภาพก็ได้รับการประดิษฐานอย่างยิ่งใหญ่ • ใน ปี ค.ศ.1965 หลังจากการบูรณะรูปภาพเป็นครั้งที่สาม พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ตรัสในระหว่างบทเทศน์ว่า “เฉกเช่นเดียวกับที่รูปภาพของพระนางมารีอาพรหมจารีนี้ได้รับการบูรณะ และประดับประดา ขอให้พระฉายาของพระนางมารีอาที่เราคริสตชนต้องมีอยู่ในชีวิตของเรา ได้รับการบูรณะและประดับประดาให้ใหม่และสวยงามนี้ด้วย” ในโอกาสนี้ พระสันตะปาปาได้ประดับมงกุฎบนศีรษะของพระเยซูเจ้าและพระนางมารีอา มงกุฎที่บรรดาสัตบุรุษได้ถวายนั่นเอง

  24. พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ประดับมงกุฎถวายเกียรติแด่พระเยซูเจ้า • และพระนางมารีอา • ปี 1965

  25. ความสวยงามของสักการะสถานแม่พระแห่งปอมเปอียามค่ำคืน ถ้าภาพชัดจะสวยกว่านี้มาก

  26. สถานที่นี้เหมาะแก่การแสวงบุญอย่างยิ่ง เป็นสักการะสถานขึ้นตรงต่อ • สันตะสำนัก • (Pontifical Shrine)

  27. แท่นกลางของสักการะสถาน เหนือแท่นเป็นรูปแม่พระแห่งปอมเปอี

  28. ความสวยงามภายในสักการะสถาน ศิลปะที่โดมและภายในทำให้เกิดบรรยากาศการภาวนา

  29. บุญราศี บารโตโล ลองโก ในชุดสมาชิกชั้น 3 คณะโดมินิกัน ซึ่งมีความศรัทธาพิเศษต่อแม่พระแห่งสายประคำ

  30. บุญราศี บารโตโล ลองโกถวายวัดหลังใหม่แด่ • พระสันตะปาปาเลโอเนที่ 13 และภาพห้องพักเล็กๆของท่าน เหตุการณ์ยิ่งใหญ่เกิดจากคนบาปธรรมดาคนหนึ่ง

  31. ร่างกายของท่านอยู่ใต้แท่นวัดน้อยร่างกายของท่านอยู่ใต้แท่นวัดน้อย • ภายในสักการะสถานแห่งใหม่

  32. ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1926 อายุ 85 ปี

  33. สภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทยแสวงบุญโอกาสเข้าเฝ้า Ad Limina ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2008 • พระคาร์ดินัล มีชัย กิจบุญชู • เป็นประธานในสักการะสถาน

  34. คงดีไม่น้อยหากพวกเรา • จะมีโอกาสถวายบูชามิสซาที่นี่บ้าง คงมีสักวัน คงมีสักวัน

  35. พระสังฆราช Liberati ประจำเขตปอมเปอี ถ่ายภาพร่วมกับสมณทูต Salvatore Pennacchio • และสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทย • พ่อผู้ดูแลสักการะสถานนำชมและอธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับสักการะสถานและชีวิตของบุญราศี

  36. บรรดาพระสังฆราชให้ความสนใจอย่างมาก ไม่มีใครหลับในห้องเรียนเลย • พบพ่อองค์นี้โดยบังเอิญ ท่านเคยอยู่ที่บ้านเรา ปัจจุบัน ประจำที่สักการะสถานพ่อปีโอที่ • Giovanni Rotondo

  37. ในระหว่างที่กำลังก่อสร้างวัดเพื่อการแสวงบุญอยู่นั้น BartoloMariaLongo ก็เริ่มทำงานมากมายด้านการกุศล ท่านและภรรยาได้สร้างบ้านสำหรับเด็กหญิงกำพร้า พวกแรก มีเด็กกำพร้าเล็กๆ 15 คน เท่ากับ 15 ทศของสายประคำ ท่านยังตั้งบ้านพักสำหรับเด็กชายลูกๆ ของนักโทษ และบ้านพักสำหรับเด็กหญิง • ท่านเป็นผู้ก่อตั้งคณะ Daughters of the Holy Rosary of Pompei นักบวชหญิง เพื่อดูแลสักการสถาน และบ้านเพื่อการศึกษา ที่ติดอยู่กับสักการสถาน ท่านยังตั้งคณะดอมินิกันชั้นที่สามใกล้ ๆ กับสักการสถานด้วย

  38. งานด้านการกุศลของสักการะสถานมีมากมาย สถานเลี้ยงเด็กและโรงเรียน มีเด็กๆในความอุปการะกว่า 400 คน • ทั้งนี้เป็นไปตามจิตตารมณ์ของท่านบุญราศี

  39. วันที่ 21 ตุลาคม 1979 พระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยี่ยม Pompei ในโอกาสแสวงบุญแห่งชาติ • วันที่26 ตุลาคม 1980 พระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ได้สถาปนาท่านเป็นบุญราศีพระองค์ทรงเรียกท่านว่า “บุรุษแห่งพระมารดา” และ “อัครสาวกแห่งลูกประคำ” • พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เสด็จจาริกแสวงบุญที่ปอมเปอี วันที่ 7 ตุลาคม 2003ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทรงประกาศเป็นปีแห่งสายประคำ • พระสันตะปาปาเบเนดิ๊กที่ 16 เสด็จจาริกแสวงบุญที่ปอมเปอี วันที่ 19 ตุลาคม 2008ทรงภาวนาต่อราชินีแห่งสายประคำเพื่อการประชุมสมัชชาพระสังฆราชในหัวข้อ พระคัมภีร์ในชีวิตของพระศาสนจักร ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ที่กรุงโรมในขณะนั้น

  40. ภาพแห่งความทรงจำ • และประทับใจ พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงภาวนาสายประคำต่อหน้าพระรูป

  41. พระสันตะปาปาเบเนดิ๊กที่ 16 เสด็จจาริกแสวงบุญ 19 ตุลาคม 2008

  42. ทรงภาวนาต่อหน้าหลุมศพบุญราศี แบบอย่างแห่งความเชื่อความศรัทธา • ดังนั้น เราควรไปสักครั้ง

More Related