1 / 23

บทที่ 6 การบริโภค การออม การลงทุน

บทที่ 6 การบริโภค การออม การลงทุน. การบริโภค การออม การลงทุน. การบริโภคและการออม. ปัจจัยที่กำหนดการบริโภคและการออม. รายได้ที่ใช้จ่ายได้ (Disposable Income) สินทรัพย์ของผู้บริโภค สินค้าคงทนที่ผู้บริโภคมีอยู่ การคาดการณ์ของผู้บริโภค สินเชื่อเพื่อการบริโภคและอัตราดอกเบี้ย

floyd
Download Presentation

บทที่ 6 การบริโภค การออม การลงทุน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 6 การบริโภค การออม การลงทุน การบริโภค การออม การลงทุน

  2. การบริโภคและการออม ปัจจัยที่กำหนดการบริโภคและการออม • รายได้ที่ใช้จ่ายได้ (Disposable Income) • สินทรัพย์ของผู้บริโภค • สินค้าคงทนที่ผู้บริโภคมีอยู่ • การคาดการณ์ของผู้บริโภค • สินเชื่อเพื่อการบริโภคและอัตราดอกเบี้ย • ค่านิยมทางสังคม (Social Value) • อัตราเพิ่มของประชากรและโครงสร้างอายุของประชากร

  3. ความหมายของการบริโภค หมายถึง รายจ่ายของครัวเรือนในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ในรอบหนึ่งปี เป็นองค์ประกอบใหญ่ที่สุดในรายจ่ายประชาชาติของไทย(เกินกว่า 50 %)

  4. ฟังก์ชั่นการบริโภค (consumption function) • ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ระดับรายได้ (สมมติให้ปัจจัยอื่นคงที่) • การบริโภคขึ้นอยู่กับระดับรายได้เท่านั้น • C = f (Yd) • โดยที่ Yd =รายได้สุทธิที่บุคคลได้รับ (disposable income) คือรายได้หลังหักภาษีหรือรายได้ที่ใช้จ่ายได้จริง Yd = Y – T และ Yd = C + S หรือ S = Yd – C(ดังนั้นการออมคือรายได้ส่วนที่เหลือจากการบริโภค) • C และ Yd มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน • Yd  Cหรือ Yd C

  5. ตัวอย่าง

  6. สมการการบริโภค *สมการการบริโภคที่เป็นเส้นตรง คือ C = a + bYd * โดยที่ C = ค่าใช้จ่ายในการบริโภคทั้งหมด a = ค่าคงที่ มีจำนวนเท่ากับค่าใช้จ่ายในการบริโภค เมื่อรายได้(Yd) =0 เรียกว่าการบริโภคอิสระ (autonomous consumption) หรือการบริโภคที่ไม่ขึ้นอยู่กับรายได้ b =C=MPC = ความชัน (slope) ของเส้นการบริโภค Yd หมายถึงเมื่อรายได้เปลี่ยนไป 1 หน่วย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริโภค เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าใด Yd = รายได้สุทธิที่บุคคลได้รับ

  7. จากตัวอย่างในตาราง จงหาสมการ C = a + bYd หาค่า a เมื่อรายได้เป็นศูนย์ รายจ่ายในการบริโภค = 100 บาท นั่นคือเมื่อ Yd = 0 ; C =100 ดังนั้น a = 100 ………………. หาค่า b เมื่อ Yd1 = 100 ; C1 = 175 Yd2 = 200 ; C2 = 250 ดังนั้น b = C / Yd = C2 – C1 / Y2 – Y1 = 250-175 / 200-100 b = 0.75………………. ดังนั้น จะได้สมการการบริโภค คือ C = 100 + 0.75 Yd……………….

  8. เส้นการบริโภค จุดB ที่ Yd = 700 จาก C= 100+0.75Yd แทนค่า Yd = 700 C = 100 + 0.75 X 700 C = 100 + 525 = 625 จุดAสมมติที่ Yd = 600 จาก C= 100+0.75Yd แทนค่า Yd = 600 C = 100 + 0.75 X 600 C = 100 + 450 = 550 จุดEที่ Yd = 400 C = 400 Yd = C เรียก จุดเสมอตัว C C = 100 +0.75 Yd B 625 A  C = 75 550 E  Yd = 100 400 ได้เส้น C มีความชันเป็นบวก 100 Y O 600 700 400

  9. การออม หมายถึง รายได้ที่เหลือจากการบริโภค ฟังก์ชันการออม คือ S = f (Yd) การออมมีความสัมพันธ์กับ Yd ในทิศทางเดียวกัน Yd  S YdS

  10. การออม สมการการออม S = -a + (1-b)Yd โดยที่ a = ค่าคงที่ คือการออม ณ ระดับรายได้เป็นศูนย์(การออมเป็นลบ) (1–b) = MPS = S= ค่าความชัน (slope) ของเส้น S Yd คือเมื่อรายได้เปลี่ยนไป 1 หน่วย จะทำให้การออมเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าใด ตัวอย่าง จากสมการ C = 100 + 0.75 Yd ได้สมการ S = -100 + 0.25 Yd

  11. เส้นการออม S เป็น + S S เป็น - S= -100+0.25Yd 0 Y 400 S=0 Y=400=C -100

  12. ความโน้มเอียงในการบริโภคเฉลี่ยและความโน้มเอียงในการออมเฉลี่ยความโน้มเอียงในการบริโภคเฉลี่ยและความโน้มเอียงในการออมเฉลี่ย C Y d ความโน้มเอียงในการบริโภคเฉลี่ย(The Average Propensity to Consume: APC) หมายถึง อัตราส่วนของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคต่อระดับรายได้ APC = …………………… ตัวอย่างเมื่อมีระดับรายได้ 600 บาท มีการบริโภค 550 บาท ค่า APC = 550 / 600 = 0.92 หมายความว่า รายได้ 1 ส่วน จะใช้บริโภคเท่ากับ 0.92 ส่วน ความโน้มเอียงในการออมเฉลี่ย (Average Propensity to Save: APS) หมายถึง จำนวนการออมโดยเฉลี่ยต่อรายได้ 1 หน่วย กล่าวคือรายได้ทั้งหมดที่มีอยู่ จะแบ่งไปเก็บออมเป็นสัดส่วนเท่าใด APS = S…………………… Yd ตัวอย่าง ที่ระดับรายได้เท่ากับ 600 บาท จำนวนเงินออมเท่ากับ 50 บาทค่า APS = 50 /600 =0.08 หมายความว่าในรายได้ 1 ส่วน มีการออมอยู่ 0.08 ส่วน

  13. ความโน้มเอียงในการบริโภคหน่วยสุดท้ายความโน้มเอียงในการบริโภคหน่วยสุดท้าย และความโน้มเอียงในการออมหน่วยสุดท้าย ความโน้มเอียงในการบริโภคหน่วยสุดท้าย(The Marginal Propensity to Consume: MPC) หมายถึง การบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องจากรายได้เปลี่ยนแปลงไป 1 หน่วย MPC = C…………………… Yd เช่น เมื่อรายได้เพิ่มขึ้นจาก 500 บาท เป็น 600 บาท ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคจะเพิ่มขึ้นจาก 475 บาท เป็น 550 บาท ค่า MPC = (550 – 475) / (600 – 500 ) = 0.75 หมายความว่า เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น 1 หน่วย การบริโภคจะเพิ่มขึ้นเท่ากับ 0.75 หน่วย

  14. ความโน้มเอียงในการบริโภคหน่วยสุดท้ายความโน้มเอียงในการบริโภคหน่วยสุดท้าย และความโน้มเอียงในการออมหน่วยสุดท้าย D S D Y d ความโน้มเอียงในการออมหน่วยสุดท้าย (Marginal Propensity to Save: MPS) หมายถึง การออมที่เปลี่ยนแปลงไปอันเนื่องมาจากรายได้เปลี่ยนแปลงไป 1 หน่วย MPS = …………………… เช่น เมื่อรายได้เพิ่มขึ้นจาก 500 บาท เป็น 600 บาท การออมจะเพิ่มขึ้นจาก 25 บาท เป็น 50 บาท ค่า MPS = (50 – 25) / (600 – 500 ) = 0.25 หมายความว่า เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น 1 หน่วย การออมจะเพิ่มขึ้น 0.25 หน่วย

  15. ตัวอย่าง

  16. ความสัมพันธ์ของ APC APS MPC MPS • เมื่อรายได้มากขึ้น จะมีสัดส่วนการบริโภคต่อรายได้ลดลง นั่นคือเมื่อ Yd มากขึ้น จะทำให้ APC ลดลง 2. เมื่อรายได้มากขึ้น จะมีสัดส่วนการออมต่อรายได้สูงขึ้น นั่นคือเมื่อ Yd มากขึ้น จะทำให้ APS สูงขึ้น • APC + APS = 1 • MPC + MPS = 1 • กรณีสมการการบริโภคและการออมเป็นเส้นตรง ค่า MPC และ MPS คงที่

  17. หมายถึง การลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการลงทุนในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อจัดหาสินค้าทุนถาวรใหม่ เช่น ที่อยู่อาศัย โรงงาน เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์การผลิตใหม่ เป็นต้น การลงทุน

  18. ปัจจัยที่กำหนดการลงทุนปัจจัยที่กำหนดการลงทุน ระดับรายได้ประชาชาติ 2. ความก้าวหน้าทางวิทยาการผลิต 3. ราคาสินค้าทุน และค่าบำรุงรักษา 4. ปริมาณสินค้าทุนที่มีอยู่ 5. อัตราดอกเบี้ย 6. กำไรที่คาดว่าจะได้รับ 7. นโยบายรัฐบาลและเสถียรภาพทางการเมือง

  19. การลงทุน 0 รายได้ ประเภทของการลงทุน • การลงทุนแบบอิสระ • (autonomous investment) • *หมายถึง การลงทุนของภาคเอกชน • ที่ไม่ขึ้นกับรายได้ • *อาทิ ลงทุนตามนโยบาย • ลงทุนตามเทคโนโลยี • * ตัวอย่าง การลงทุนในกิจการ • สาธารณูปโภค • *ฟังก์ชันการลงทุนอิสระ • I = Iaค่าคงที่ • *เส้น Iaเป็นเส้นตรงที่ขนานแกนนอน Ia I = Ia

  20. การลงทุน Ii 0 รายได้ประชาชาติ • การลงทุนแบบจูงใจ (induced investment) • *หมายถึง การลงทุนที่ขึ้นอยู่กับรายได้ประชาชาติ และมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันคือ เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น การลงทุนจะเพิ่มขึ้น หรือถ้ารายได้ลดลง การลงทุนก็จะลดลง • *ฟังก์ชันการลงทุนแบบจูงใจ • I = Ii = i Y ……. • โดย • i = ความโน้มเอียงในการลงทุนหน่วยสุดท้าย • (Marginal Propensity to invest: MPI) • = I /Y • คือเมื่อรายได้เพิ่มขึ้น 1 บาท • จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นกี่บาท • *เส้น Iiเป็นเส้นตรงทอดขึ้นจากซ้ายไปขวา

  21. การลงทุน I = Ia + Ii I = Ia + Ii D H Ii Ii Ia Ia 0 A F รายได้ประชาชาติ ฟังก์ชั่นการลงทุนรวมและเส้นการลงทุนรวม ฟังก์ชั่นการลงทุนรวม I = Ia+ IiI = Ia+ iY C เส้นการลงทุนรวม หาได้โดยรวมการลงทุนแบบอิสระ และการลงทุนแบบจูงใจ ณ ระดับรายได้เดียวกันเข้าด้วยกัน E

  22. การลงทุนอิสระ การลงทุนแบบจูงใจ และการลงทุนรวมที่ระดับรายได้ต่างๆ การลงทุนอิสระเท่ากับ 20 ล้านบาทและ MPI = = จะได้สมการการลงทุนคือ I = 20 + 1/5 Y หรือ I = 20 + 0.2 Y

  23. การลงทุน I=Ia+ iY=20+1/5 Y Ii 40 20 Ia รายได้ประชาชาติ 0 100 200 300 400

More Related