1 / 26

กลศาสตร์วิศวกรรม

กลศาสตร์วิศวกรรม. Engineering Mechanics. CEN1002. เกณฑ์การเก็บคะแนนวิชากลศาสตร์ คะแนนทดสอบ ย่อย 5 . จิตพิสัย 10 คะแนน 10 คะแนน การบ้านและแบบฝึกหัด 2 0 คะแนน สอบ กลางภาค 3 0 คะแนน 4 . สอบปลายภาค 3 0 คะแนน. รายชื่อหนังสืออ่านประกอบการเรียน ตำราหลัก

floria
Download Presentation

กลศาสตร์วิศวกรรม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. กลศาสตร์วิศวกรรม Engineering Mechanics CEN1002

  2. เกณฑ์การเก็บคะแนนวิชากลศาสตร์เกณฑ์การเก็บคะแนนวิชากลศาสตร์ • คะแนนทดสอบย่อย 5. จิตพิสัย 10 คะแนน • 10คะแนน • การบ้านและแบบฝึกหัด20คะแนน • สอบกลางภาค • 30คะแนน • 4. สอบปลายภาค • 30คะแนน

  3. รายชื่อหนังสืออ่านประกอบการเรียนรายชื่อหนังสืออ่านประกอบการเรียน • ตำราหลัก 1. กลศาสตร์วิศวกรรม ภาคสถิตยศาสตร์: รศ. วีระศักย์ กรัยวิเชียร, รศ.ธีระยุทธ สุวรรณประทีป, รศ. สมาน เจริญกิจพูนผล, รศ. มนตรี พิรุณเกษตร และผศ. สันติ ลักษิตานนท์ 2. กลศาสตร์วิศวกรรม ภาคพลศาสตร์ : รศ. วีระศักย์ กรัยวิเชียร, รศ.ธีระยุทธ สุวรรณประทีป, รศ. สมาน เจริญกิจพูนผล, รศ. มนตรี พิรุณเกษตร และผศ. สันติ ลักษิตานนท์

  4. ตำราประกอบ • Engineering Mechanics (Statics), Engineering Mechanics (Dynamics) • J.L. Meriam ,L.G. Kraige. • R. C. Hibbeler 2. หนังสือกลศาสตร์วิศวกรรม ภาคสถิตยศาสตร์ และภาคพลศาสตร์ (ภาษาไทย) เล่มอื่นๆ การประเมินผลแบบอิงเกณฑ์

  5. Course Outline • หลักการพื้นฐานของกลศาสตร์วิศวกรรม • ระบบแรง • สมดุลของอนุภาค • ผลลัพธ์ระบบแรง โมเมนต์ • สมดุลของวัตถุแข็งเกร็ง • การวิเคราะห์โครงสร้าง โครงถัก • จลนศาสตร์ของอนุภาค ให้นำเครื่องคิดเลขเข้าเรียนด้วยทุกครั้ง

  6. บทที่ 1 หลักการพื้นฐานของกลศาสตร์วิศวกรรม • กลศาสตร์ (Mechanics) เป็นวิชาฟิสิกส์สาขาหนึ่ง • ศึกษาเกี่ยวกับการกระทำของแรงต่อวัตถุ (ก้อนหรือชิ้นหรือส่วนหนึ่งของสสาร อาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรือแก๊ส ก็ได้) • ศึกษาเกี่ยวกับผลที่เกิดขึ้นต่อวัตถุนั้นภายหลังที่ถูกแรงมากระทำ • กลศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 แขนง • สถิตยศาสตร์ (Statics)ซึ่งว่าด้วยแรงที่กระทำต่อวัตถุซึ่งเป็นของแข็ง โดยที่วัตถุนั้นนิ่งอยู่กับที่ • พลศาสตร์ (Dynamics)ซึ่งว่าด้วยการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นของแข็ง และผลของแรงที่ทำให้วัตถุเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยพลศาสตร์อาศัยกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันเป็นหลัก

  7. พลศาสตร์แบ่งออกเป็น 2 สาขาคือ • จลนพลศาสตร์ (Kinetics) เป็นสาขาหนึ่งของพลศาสตร์ ซึ่งว่าด้วยการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นของแข็ง และแรงที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนที่นั้นด้วย • จลนศาสตร์ (Kinematics) เป็นสาขาหนึ่งของพลศาสตร์ ซึ่งว่าด้วยการเคลื่อนที่ของวัตถุที่เป็นของแข็ง โดยไม่คำนึงถึงแรงที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนที่นั้น • กลศาสตร์แบ่งออกได้เป็น 3 สาขาตามลักษณะของวัตถุ • กลศาสตร์ของวัตถุแข็งเกร็ง (Mechanics of rigid bodies) วัตถุถูกสมมติว่าแข็งเกร็งสมบูรณ์ไม่มีการผิดรูป แต่อันที่จริงแล้วการผิดรูปเหล่านี้มักเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และไม่ส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขต่างๆของสมดุลหรือการเคลื่อนที่ของโครงสร้าง • กลศาสตร์ของวัตถุแปรรูปได้ (Mechanics of deformable bodies) ซึ่งว่าด้วยการกระจายของแรงภายในและการผิดรูปของวัตถุเมื่อมันรับแรงกระทำ และเน้นศึกษากันในวิชากลศาสตร์ของวัสดุวิชากลศาสตร์ของวัตถุผิดรูปได้ หรือวิชาความต้านแรงของวัสดุ • กลศาสตร์ของของไหล (Mechanics of fluids) ซึ่งว่าด้วยของไหล (ของเหลวหรือแก๊ส) ที่อยู่นิ่งกับที่หรือเคลื่อนที่

  8. 1.1) นิยามสำคัญ ปริภูมิ (space)เป็นขอบเขตทางเรขาคณิตซึ่งมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ซึ่งจะมีความหมายเป็นขอบเขต 2 มิติ หรือ 3 มิติ เวลา (time)คือการวัดความต่อเนื่องของเหตุการณ์โดยเทียบกับมาตรฐานสากล หน่วยของเวลาที่ใช้เป็นวินาที มวล (mass)คือการวัดเชิงปริมาณของความเฉื่อยซึ่งเป็นสมบัติของวัตถุที่จะคงสภาพนิ่งอยู่อย่างเดิมตลอดไปหรือคงสภาพเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอในแนวเส้นตรงตลอดไป มวลวัตถุมีผลต่อแรงดึงดูดจากความโน้มถ่วงระหว่างตัวมันเองกับวัตถุอื่น แรง (force)คือการกระทำของวัตถุหนึ่งต่ออีกวัตถุหนึ่ง แรงมีแนวโน้มที่จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับทิศทางของแรง แรงหนึ่งนิวตัน นิยามไว้เท่ากับปริมาณของแรงที่ต้องการสำหรับการเร่งมวลหนึ่งกิโลกรัมให้มีความเร่งเท่ากับหนึ่งเมตรต่อวินาทีกำลังสอง)

  9. 1.1) นิยามสำคัญ (ต่อ) อนุภาค (particle)คือวัตถุที่ถือว่าไม่มีขนาด ในทางคณิตศาสตร์ถือว่าอนุภาคมีขนาดเข้าใกล้ศูนย์แต่บางครั้งเพื่อความสะดวกในการกำหนดตำแหน่งหรือการเคลื่อนที่เราอาจถือว่าวัตถุที่มีขนาดเป็นอนุภาคก็ได้ วัตถุเกร็ง (rigid body)คือวัตถุที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างเมื่อถูกแรงกระทำ สภาพเช่นนี้เป็นอุดมคติเท่านั้นเพราะว่าวัตถุจริงทั้งหมดจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อถูกแรงกระทำ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดทั้งหมดของวัตถุจึงอาจถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง

  10. 1.2)ปริมาณสเกลาร์ และปริมาณเวกเตอร์ • สเกลาร์ (scalar) คือ ปริมาณที่บ่งบอกให้ทราบเฉพาะขนาดเพียงอย่างเดียว ได้แก่ เวลา ปริมาตร ความหนาแน่น อัตราเร็ว พลังงาน และมวล เป็นต้น • เวกเตอร์ (vector)คือปริมาณที่บ่งบอกให้ทราบทั้งขนาด และทิศทาง ได้แก่ การกระจัด ความเร็ว ความเร่ง แรง โมเมนต์ และโมเมนตัม เป็นต้น • ปริมาณเวกเตอร์สามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิด • เวกเตอร์อิสระ (free vector)เป็นเวกเตอร์ที่มีตำแหน่งไม่แน่นอน ดังนั้นจึงเขียนได้เฉพาะขนาดและทิศทางเท่านั้น เช่น เวกเตอร์ของการกระจัดของจุดทุกจุดบนวัตถุใดๆ ซึ่งเคลื่อนที่โดยปราศจากการหมุน และเวกเตอร์ของแรงคู่ควบ • เวกเตอร์เลื่อนที่ได้ (sliding vector)เป็นเวกเตอร์ที่มีแนวแน่นอนไปตามเส้นตรงหนึ่งในปริภูมิ ตำแหน่งของเวกเตอร์เปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องอยู่บนแนวเส้นตรงเดิม เช่น เวกเตอร์ของแรงภายนอกที่กระทำกับวัตถุเกร็ง • เวกเตอร์ตรึง (fixed vector) เป็นเวกเตอร์ที่มีแนวกระทำ และตำแหน่งแน่นอนที่จุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียวบนวัตถุหนึ่งๆ เช่น เวกเตอร์ของแรงที่กระทำกับวัตถุแปรรูป ทั้งนี้ ถ้าเวกเตอร์เปลี่ยนตำแหน่งกระทำจะมีผลต่อการแปรรูปของวัตถุ ดังนั้นจึงต้องกำหนดตำแหน่งของเวกเตอร์ให้คงที่แน่นอน

  11. สัญลักษณ์ของเวกเตอร์ B A • ใช้เส้นตรงที่มีลูกศร แทน เวกเตอร์ • ความยาวของเส้นตรง แทน ขนาด (magnitude) ของเวกเตอร์ • ทิศของลูกศร แทน ทิศทาง (direction) ของเวกเตอร์ • A : หางลูกศร คือจุดเริ่มต้น (origin, tail) ของเวกเตอร์ • B : หัวลูกศร คือจุดสิ้นสุด (terminus, tip) ของเวกเตอร์ • แทนเวกเตอร์ เช่น

  12. คุณสมบัติของเวกเตอร์ • การเท่ากันของเวกเตอร์ • ก็ต่อเมื่อเวกเตอร์ทั้งสองมีขนาดเท่ากันและมีทิศทางเดียวกัน • (ลบเวกเตอร์ /เวกเตอร์ลบ คือเวกเตอร์ที่มีขนาดเท่ากับ แต่มีทิศทางตรงกันข้าม • เวกเตอร์ศูนย์(zero vector: ) มีขนาดเท่ากับศูนย์และไม่มีทิศทาง • เป็นเวกเตอร์ที่มีขนาดเป็น kเท่าของขนาดของ • มีทิศทางเดียวกับ เมื่อ • มีทิศทางตรงข้ามกับ เมื่อ

  13. การบวกเวกเตอร์ • นิยาม : คือผลบวกของเวกเตอร์ และ ที่มีผลลัพธ์เป็นเวกเตอร์ที่มีจุดเริ่มต้นที่จุดเริ่มต้นของ และจุดสิ้นสุดที่จุดสิ้นสุดของ • การหาเวกเตอร์ลัพธ์โดยวิธีการเขียนรูป • นำหางลูกศรของเวกเตอร์ที่ 2 ต่อหัวลูกศรของเวกเตอร์แรก • เวกเตอร์ลัพธ์หาได้โดยการลากลูกศรจากหางของเวกเตอร์แรกไปยังหัวของเวกเตอร์สุดท้าย • หรือสร้างรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มี และ เป็นด้านประชิด และเส้นทแยงมุมคือเวกเตอร์ลัพธ์

  14. 1.3) กฎของนิวตัน กฎข้อที่หนึ่ง กล่าวว่า ถ้าผลรวมของแรงต่างๆซึ่งกระทำต่ออนุภาคหนึ่งเป็นศูนย์ อนุภาคนั้นจะยังคงสภาพนิ่งอยู่อย่างเดิมตลอดไป (ถ้าเดิมอยู่นิ่งกับที่) หรือคงสภาพเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอในแนวเส้นตรงตลอดไป (ถ้าเดิมกำลังเคลื่อนที่) ตราบใดที่ไม่มีแรงไม่สมดุลมากระทำต่อมัน สมดุล รูปที่ 1 แสดงอนุภาคอยู่ในสภาพสมดุล

  15. กฎข้อที่สอง กล่าวว่า ถ้าผลรวมของแรงต่างๆซึ่งกระทำต่ออนุภาคหนึ่งไม่เป็นศูนย์ ผลรวมของแรงต่าง ๆ จะมีค่าเท่ากับผลคูณของมวลสารของอนุภาคกับความเร่งลัพธ์ของอนุภาค นั่นคือ โดยที่ แทน ผลรวมของแรงต่างๆ (แรงลัพธ์) ซึ่งกระทำต่ออนุภาค แทน มวลสารของอนุภาค แทน ความเร่งลัพธ์ของอนุภาคในทิศทางของแรงลัพธ์ ซึ่งเห็นได้ว่า อนุภาคมีความเร่งเป็นสัดส่วนตรงกับแรงลัพธ์ และอยู่ในทิศทางของแรงลัพธ์ดังแสดงในรูปที่ 2 และเป็นสัดส่วนกลับกับมวลสารของอนุภาค เคลื่อนที่มีความเร่ง รูปที่ 2 แสดงอนุภาคกำลังเคลื่อนที่โดยมีความเร่ง

  16. กฎข้อที่สาม กล่าวว่า แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยาระหว่างวัตถุสองชิ้นซึ่งมีการกระทำต่อกัน (สัมผัสกัน) จะมีขนาดเท่ากัน ทิศทางตรงข้ามกัน และอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน รูปที่ 3 แสดงแรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา แรงของ A กระทำต่อ B 1.4) หน่วย แรงของ B กระทำต่อ A หน่วยที่นิยมใช้คือ หน่วย SI (International System of units) หน่วยมูลฐานที่พบเห็นกันบ่อยทางกลศาสตร์วิศวกรรม ได้แก่

  17. ตารางที่ 1คำอุปสรรคของหน่วย

  18. ตารางที่ 1คำอุปสรรคของหน่วย (ต่อ) ตัวอย่าง หน่วยพื้นฐานความยาว 4,000 เมตร (4,000m) หรือเท่ากับ 4 x 103 m สามารถเขียนโดยใช้ตัวอุปสรรคเป็น 4 กิโลเมตร ( 4 km ) เป็นต้น

  19. หมายเหตุ • ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำนำหน้า เฮกโต เดคา เดซิ และเซนติ ยกเว้นการวัดพื้นที่ ปริมาตร • เลขชี้กำลังของคำนำหน้าหน่วยอ้างถึงคำนำหน้าหน่วยทั้งหมด เช่น mm3 หมายถึง (mm)3 • ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำนำหน้าหน่วยหนึ่งซ้อนกันสองคำหรือมากกว่า เช่น GN ไม่ใช่ kMNหรือ nm ไม่ใช่ mμm • ในการเขียนหน่วยผสม ควรใช้คำนำหน้าหน่วยเฉพาะตัวเศษ ยกเว้นหน่วยฐานกิโลกรัม เช่น kN/ m ไม่ใช่ N/ mm หรือ N /kg ไม่ใช่ kN /Mg หรือ Mg/ m3 ไม่ใช่ mg/ mm3

  20. 1.5) กฎความโน้มถ่วง (ของนิวตัน) “วัตถุ 2 ก้อนดึงดูดซึ่งกันและกัน ด้วยแรงคู่หนึ่งซึ่งมีขนาดเท่ากันตรงข้ามกัน และกระทำตามแนวซึ่งเชื่อมต่อระหว่างวัตถุ” โดยขนาดของแรงดึงดูดหาได้จาก โดยที่ F แทน แรงดึงดูดซึ่งกันและกันระหว่างวัตถุ G แทน ค่าคงที่ความโน้มถ่วงสากล (Universal gravitational constant) มีค่า = 6.673 x 10-11 m3 / (kg.s2) เป็นค่าคงตัวของแรงดึงดูดระหว่างมวล และเป็นค่าเดียวกันเสมอ ไม่ว่าวัตถุที่ดึงดูดกันจะเป็นวัตถุใด ๆ ก็ตาม m1 , m2แทน มวลของวัตถุทั้งสอง r แทน ระยะทางระหว่างจุดศูนย์กลางของm1และm2

  21. จากกฎข้อที่ 2 ของนิวตัน (F = ma) เมื่อวัตถุตกลงมาในสุญญากาศจะถูกกระทำด้วยแรงดึงดูดของโลกเนื่องจากความเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วง g ดังนั้นจาก F=ma แล้ว จะได้ เมื่อmคือ มวลของวัตถุ M คือ มวลของโลก = 5.9742 ×1024kg rคือ รัศมีของโลก = 6.378 × 106 m คำนวณค่า gได้เท่ากับ 9.81 m / s2 นั่นคือ วัตถุทุกชนิดตกลงสู่พื้นผิวโลกด้วยความเร่ง 9.81 m / s2

  22. ตัวอย่าง จงคำนวณแรงดึงดูดระหว่างโลกและดวงจันทร์ โดย มวลของโลก = 5.9742×1024 kg , รัศมีของโลก = 6378 km, มวลของดวงจันทร์ = 0.073483×1024 kg , รัศมีของดวงจันทร์ = 1738 km, ระยะห่างระหว่างโลกและดวงจันทร์ = 384×103 km เมื่อ

  23. 1.6) มวล (mass) และน้ำหนัก (weight) • มวล คือ ปริมาณของสสาร เป็นปริมาณที่แสดงว่า วัตถุก้อนนั้นสามารถต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพเคลื่อนที่ได้มากน้อยแค่ไหน ปริมาณที่คงที่เสมอ (หน่วย:kg) • เมื่อมีมวลมาวางอยู่ในผิวโลก กฎของแรงโน้มถ่วงกำหนดให้มีแรงดึงดูดของโลกกระทำต่อมวลนั้น ขนาดของแรงที่โลกกระทำต่อมวลนั้นเราเรียก น้ำหนัก (หน่วย: N) • เมื่อWคือ น้ำหนัก (N) , mคือ มวลสาร (kg) , gคือ ความเร่งจากแรงโน้มถ่วง มีหน่วยเป็น m/s2(บนโลก 9.81 m/s2) • น้ำหนักจะเปลี่ยนไปตามค่าความเร่งจากแรงโน้มถ่วง • ในทางปฏิบัติทั่วไป มักนำหน่วยของมวล (kg) ไปใช้กับหน่วยของน้ำหนัก (N) ซึ่งไม่ถูกต้อง

  24. ตัวอย่าง จงคำนวณน้ำหนักของรถยนต์ซึ่งมีมวล 1400 kg เมื่อ ตัวอย่าง จงมวลของวัตถุซึ่งมีน้ำหนัก a) 20 mN b) 150 kN เมื่อ a) b)

  25. แบบฝึกหัดที่ 1 1. ดาวเทียมซึ่งมีมวล 3.0×104 kg อยู่ในวงโคจรเหนือผิวดวงจันทร์เป็นระยะทาง 1.6×106 m จงคำนวณแรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่มีต่อดาวเทียม กำหนด มวลของดวงจันทร์ = 0.073 483×1024 kg และรัศมีของดวงจันทร์ =1738 km ตอบ 13.20 kN 2. วัตถุหนึ่งมีมวลสาร m เท่ากับ 675 kg อยู่บนผิวโลก จงคำนวณน้ำหนัก W ของวัตถุนี้ ตอบ W = 6.62 kN 3. จงคำนวณน้ำหนักของวัตถุซึ่งมีมวล (ก) 10 kg (ข) 0.5 g (ค) 4.50 Mg ตอบ (ก) 98.1N (ข) 4.90×10−3 N (ค) 44.1kN

  26. 4. คนหนึ่งมีมวล 50 kg จงคำนวณน้ำหนักของคนนี้ • (ก) บนพื้นโลก • (ข) บนดวงจันทร์ • กำหนด gmoon=1.62 m/ s2 • ตอบ (ก) 491N (ข) 81.0 N • 5. ถ้าคนหนึ่งชั่งน้ำหนักบนดวงจันทร์ได้ 133 N โดยที่ gmoon=1.62 m/ s2 • จงคำนวณมวลของคนนี้ • จงคำนวณน้ำหนักของคนนี้เมื่อเขาอยู่บนพื้นโลก • ตอบ (ก) 82.1 kg (ข) 805 N

More Related