1 / 34

บทที่ 9

บทที่ 9. สถิติแบบไม่ใช้พารามิเตอร์. บทที่ 9 Non-parametric.

Download Presentation

บทที่ 9

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 9 สถิติแบบไม่ใช้พารามิเตอร์

  2. บทที่ 9 Non-parametric ในการศึกษาสถิติอ้างอิงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการประมาณค่าพารามิเตอร์ หรือการทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับพารามิเตอร์ มักทราบว่าประขากรมีการแจกแจงแบบใด และการแจกแจงที่สำคัญก็คือการแจกแจงแบบปกติ และข้อสมมติ (assumption) ของสถิติต่างๆเช่นการวิเคราะห์ความแปรปรวน ก็มีข้อสมมติของการแจกแจงของประชากรว่ามีการแจกแจงแบบปกติ

  3. แต่ในความเป็นจริงเราต้องทำการทดสอบก่อนว่าข้อมูลที่ทำการศึกษานั้นมาจากประชากรที่มีการแจกแจงแบบปกติจริงหรือไม่ การทดสอบทำได้หลายลักษณะ เช่นการพิจารณาจากกราฟ หรือสถิติ Kolmogorov-Smirnov ถ้าข้อมูลไม่ได้มาจากประชากรที่มีการแจกแจงแบบปกติก็ไม่สามารถใช้สถิติหลายๆตัวที่ผ่านมาได้ เช่น t-test F-test ดังนั้น Non-parametric จึงนำมาใช้ในสถิติอ้างอิงในกรณีที่ไม่ทราบการแจกแจงของประชากร

  4. Menu Analyze > Non-parametric Tests > ผลจากการใช้คำสั่งนี้มีสถิติให้เลือกดังนี้ 1. Chi-square 2. Binomial 3. Runs 4. 1-sample K-S 5. 2-independent samples 6. K-independent samples 7. 2-related samples 8. K-related samples

  5. กรณี 1-sample สถิติที่ใช้ในการทดสอบในกรณีตัวอย่างกลุ่มเดียวมีหลายตัวด้วยกัน เช่น 1. Binomial test 2. Sign test 3. Wilcoxon-signed rank test 4. Wald-Wolfowitz runs test 5. Kolmogorov-Smirnov test 6. Chi-square test

  6. Binomial test เป็นการทดสอบว่าสัดส่วนของสิ่งที่สนใจของประชากรมีค่าดังที่คาดไว้หรือไม่ โดยลักษณะของประชากรมี 2 แบบเท่านั้นคือสิ่งที่สนใจกับสิ่งที่ไม่สนใจเท่านั้น H0 : p = p* vs H1: p p* H0 : p = p* vs H1: p < p* H0 : p = p* vs H1: p > p* สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ T = จำนวนของการเกิดสิ่งที่เราสนใจ

  7. Sign test เป็นการทดสอบว่าค่ามัธยฐานของประชากรมีค่าเท่ากับค่าที่คาดไว้หรือไม่ วิธีการคือเปรียบเทียบค่าสังเกตจากตัวอย่างสุ่มกับค่า med.ที่คาดไว้ ถ้าค่าสังเกตมีค่ามากกว่าค่า med. ให้เครื่องหมาย + ถ้าค่าสังเกตมีค่าน้อยกว่า med. ให้เครื่องหมาย -

  8. สมมติฐานในการทดสอบคือสมมติฐานในการทดสอบคือ H0 : P(+) = P(-) =0.5 vs H1 : P(+) P(-) H0 : P(+) = P(-) =0.5 vs H1 : P(+) > P(-) H0 : P(+) = P(-) =0.5 vs H1 : P(+) < P(-) สถิติที่ใช้ในการทดสอบ คือ M โดย M คือจำนวนเครื่องหมาย + หรืออาจเป็นเครื่องหมาย - M มีการแจกแจงแบบทวินาม

  9. Wilcoxon-Signed rank test ในการทดสอบ Sign test เป็นการทดสอบโดยใช้เครื่องหมายไม่นำขนาดของผลต่างระหว่าง ค่าสังเกตกับค่า med. มาพิจารณา ดังนั้น Wilcoxon-Signed rank test จึงนำผลต่างดังกล่าวมาพิจารณา แล้วให้อันดับ (rank) กับค่าความแตกต่างนั้นโดยไม่คำนึงถึงเครื่องหมาย แล้วแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ อันดับของกลุ่มที่มีเครื่องหมาย + และอันดับของกลุ่มที่มีเครื่องหมาย - H0 : vs H1 : ให้ di =

  10. สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือสถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ T+ = ผลรวม rank ที่มีเครื่องหมาย + T- = ผลรวม rank ที่มีเครื่องหมาย - T = T+ หรือ T- ที่มีค่าน้อยกว่า การทดสอบนี้สามารถทดสอบกับความแตกต่างของประชากร 2 กลุ่มแต่ตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มเป็น related samples (xi , yi ) หาค่า di = yi - xi แล้วทำวิธีเหมือนกับกรณี 1-sample

  11. Wald-Wolfowitz runs test เป็นการทดสอบว่าค่าสังเกตที่ได้มานั้นได้มาโดยสุ่มหรือไม่ H0 : ข้อมูลที่ศึกษาได้มาโดยสุ่ม H1 : ข้อมูลที่ศึกษาไม่ได้มาโดยสุ่ม สถิติที่ศึกษาคือจำนวน run Run คือ กลุ่มของค่าสังเกตที่มีเครื่องหมายเหมือนกันอยู่ติดกัน ถูกคั่นด้วยเครื่องหมายที่ต่างออกไป

  12. ลักษณะของการทดสอบนี้ จะแทนค่าสังเกตด้วยเครื่องหมาย 2 ชนิด อาจเป็น + - โดยเครื่องหมาย + อาจเป็นค่าสังเกตที่มีค่ามากกว่า med. และ เครื่องหมาย - คือค่าสังเกตที่มีค่าน้อยกว่า med. ตัวอย่าง : 15 12 13 10 9 17 9 8 13 (med.=10) + + + 0 - + - - + (5 runs) ปฏิเสธสมมติฐานถ้าจำนวน run มีมากหรือน้อยจนเกินไป

  13. Kolmogorov-Smirnov test เป็นการทดสอบว่าตัวอย่างที่สุ่มได้นั้นมีการแจกแจงแบบที่คาดไว้หรือไม่ ลักษณะการทดสอบใช้ฟังก์ชั่นการแจกแจงแบบสะสม H0 : F(x) = F0(x) vs H1: F(x) F0(x) F0(x) คือ distribution function ของประชากรที่คาดว่าจะเป็น

  14. ให้ S(x) คือการแจกแจงแบบสะสมของค่าสังเกตจากตัวอย่าง สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือค่าความแตกต่างที่มากที่สุดระหว่าง F0(x) และ S(x) D = max.IF0(x) - S(x)I

  15. Chi-Square test สำหรับตัวอย่าง 1 กลุ่ม เป็นการทดสอบว่าประชากรมีการแจกแจงดังที่คาดไว้หรือไม่ แต่ลักษณะของข้อมูลไม่เหมือนกับ Kolmogorov-Smirnov test เพราะข้อมูลในการทดสอบ Chi-square เป็นค่าความถี่ที่ตกใน categories ต่างๆ โดยค่า X จะถูกแบ่งออกเป็น k categories แล้วพิจารณาในแต่ละ category ว่ามีค่าสังเกตอยู่ใน category นั้นเท่าใด

  16. H0 : ประชากรมีการแจกแจงดังที่คาดไว้ H0 : ประชากรไม่ได้มีการแจกแจงดังที่คาดไว้ สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ เมื่อ Oiคือความถี่ของค่าสังเกตที่ตกใน cat. ที่ i Eiคือความถี่ของค่าคาดหวังเมื่อ H0จริงที่ตกใน cat. ที่ i

  17. Menu Analyze > Nonparametric test > Binomial หน้าจอจะปรากฏ box ทางขวามือคือ box test variable list ใส่ชื่อตัวแปรที่เราต้องการทดสอบลงใน box นี้ Test Proportion : โดยปกติจะทำการทดสอบที่ค่า 0.5 แต่อาจใส่ค่าความน่าจะเป็นของ success ลงในช่องนี้ Define dichotomy : ในการระบุว่าจะแบ่งข้อมูลออกเป็น 2 กลุ่มได้อย่างไร ทำโดย 1. ใช้จากข้อมูล 2. กำหนดค่า cut point

  18. OPTION กลุ่มของ Statistics ประกอบด้วย 1. Descriptive 2. Quartiles หาค่า Q1 , Q2 , Q3 กลุ่มของ missing values ประกอบด้วย 1. Exclude cases test by test : วิเคราะห์ตัวแปรที่ไม่สูญหาย ไม่ตัดทิ้งทั้งหมด (Default) 2. Exclude cases listwise : ตัด case ที่มีค่าสูญหายออกไม่นำมาวิเคราะห์สถิติใดๆทั้งสิ้น

  19. Menu Analyze > Nonparametric test > Runs หน้าจอปรากฏ box ทางขวามือเป็น box ของ Test variable list ใส่ชื่อตัวแปรที่ต้องการทดสอบลงใน box นี้ Cut point : การแบ่งกลุ่มข้อมูล เลือกได้ 4 วิธีคือ 1. Median 2. Mean 3. Mode 4. Custom (ระบุค่าที่ต้องการให้แบ่ง)

  20. Menu Analyze > Nonparametric test > Chi-Square ใส่ชื่อตัวแปรที่ต้องการทดสอบลงใน box ทางขวามือ Expected Values : ค่าคาดหวังในแต่ละ categories 1. ทุกกลุ่มมีค่าคาดหวังเท่ากัน 2. แต่ละกลุ่มมีค่าคาดหวังไม่เท่ากันให้ใส่จำนวนร้อยละของค่าคาดหวังในแต่ละกลุ่มลงไป (หรืออาจใส่สัดส่วนของค่าคาดหวัง) click add จนครบทุก categories ลำดับของการใส่มีความสำคัญ cat. 1 ใส่ค่าคาดหวังก่อนตามด้วย cat. 2 ,3...

  21. Expect Range 1. Get from data : โปรแกรมจะถือว่าค่าสังเกตที่แตกต่างกันคือกลุ่มที่ต่างกัน (Default) 2. Use Specified range : เรากำหนดช่วงที่ใช้ในการทดสอบเองใส่ค่าจำนวนเต็มแสดงค่าสูงสุดต่ำสุดในแต่ละช่วงที่ต้องการทดสอบ

  22. Menu Analyze > Nonparametric test > 1 sample K-S ใส่ชื่อตัวแปรที่ต้องการทดสอบลงใน box ทางขวามือ ลักษณะการทดสอบโดย Kolmogorov-Smirnov สามารถทดสอบได้ว่าประชากรมีการแจกแจงแบบต่างๆดังนี้ 1. Normal (Default) 2. Uniform 3. Poisson

  23. 2 Independent samples สำหรับการทดสอบในกรณีที่ตัวอย่าง 2 กลุ่มเป็นอิสระต่อกัน Non-parametric มีสถิติในการทดสอบหลายตัวด้วยกันคือ 1. Mann-Whitnet U test 2. Kolmogorov-Smirov Z test 3. Moses extremes reaction 4. Wald-Wolfowitz run s test

  24. Menu > Analyze> 2 Independent Samples > .. หน้าจอจะปรากฏ box variable list และ Grouping variable ใส่ตัวแปรที่ต้องการทดสอบความแตกต่างลงไปใน variable list และกลุ่มของตัวแปรใน grouping variable ตัวอย่าง ต้องการทดสอบว่าเงินเดือนเริ่มต้นของชนชาติมีความแตกต่างกันหรือไม่ ใส่ Beginning Salary ลงใน variable list ใส่ Minority ลงใน grouping variable พร้อมทั้ง define groups (ระบุกลุ่มที่ต้องการทดสอบ)

  25. Mann-Whitney U test เป็นการทดสอบว่าค่ากลางของประชากร 2 กลุ่มมีค่าแตกต่างกันหรือไม่ ค่ากลางนั้นมักใช้ค่ามัธยฐาน วิธีการนำค่าสังเกตจากตัวอย่างที่ 1 (ขนาด n1) และค่าสังเกตจากตัวอย่างที่ 2 (ขนาด n2) มาให้อันดับจากน้อยไปมาก ตั้งแต่ 1 จนถึง n1+n2 ให้ S คือผลรวม rank ของกลุ่มที่ 1 สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ

  26. Kolmogorov-Smirnov Z test เป็นการทดสอบว่า ตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน 2 กลุ่มนั้นมีการแจกแจงที่เหมือนกันหรือไม่ ลักษณะของการทดสอบใช้การแจกแจงแบบสะสมจากตัวอย่างทั้ง 2 ชุดมาพิจารณาความแตกต่าง นำค่าความแตกต่างที่มากที่สุดมาทดสอบว่าต่างกันอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ D = max.IS1(x) - S2(x)I

  27. Wald-Wolfowitz runs test เป็นสถิติที่ใช้ในการทดสอบว่าตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน 2 กลุ่มนั้นมาจากประชากรที่มีการแจกแจงที่เหมือนกันหรือไม่ วิธีการคือนำค่าสังเกตจากตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มมารวมกันจัดเรียงลำดับแล้วนับจำนวน run ที่เกิดขึ้น ถ้าจำนวน run มีมากเกินไป แสดงว่าตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มไม่น่าจะมาจากประชากรกลุ่มเดียวกัน

  28. K-independent samples ในการทดสอบว่าตัวอย่างที่เป็นอิสระต่อกัน k กลุ่มโดย k > 2 มีค่ามัธยฐานที่แตกต่างกันหรือไม่ สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ 1. Kruskal-Wallis H test 2. Median test H0 : M1 = M2 = …. = Mk H1 : MJ อย่างน้อย 1 ค่าแตกต่างจากค่าอื่น j=1,2,…,k

  29. 2-related samples ในกรณีที่ตัวอย่าง 2 กลุ่มมีความสัมพันธ์กันเช่นอาจเป็นตัวอย่างชุดเดียวกันทำข้อสอบซ้ำ 2 ครั้งหรืออาจเป็นคู่แฝดที่ศึกษาพฤติกรรมบางอย่าง สิ่งที่ต้องการศึกษาคือค่ากลางของประชากร 2 กลุ่มมีความแตกต่างกันหรือไม่ สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ 1. Wilcoxon test 2. Sign test 3. McNemar test

  30. ลักษณะของข้อมูลจะใส่เป็น 2 ตัวแปร เช่น pre-test คือตัวแปรที่ 1 post-test คือตัวแปรที่ 2 Clickvar. 1 ตามด้วย var. 2 เมื่อปรากฏทั้ง 2 ตัวแปรแล้วจึง click ลูกศรให้ใส่ตัวแปรใน box ทางขวามือ

  31. k-related samples ในกรณีที่ตัวอย่าง k กลุ่มมีความสัมพันธ์กัน สิ่งที่ต้องการศึกษาคือค่ากลางของประชากร k กลุ่มมีความแตกต่างกันหรือไม่ สถิติที่ใช้ในการทดสอบคือ 1. Friedman test 2. Kendall’s W test 3. Cohcran’s Q test

  32. Friedman test เป็นการศึกษาว่าค่ามัธยฐานของประชากร k กลุ่มมีความแตกต่างกันหรือไม่โดยที่ตัวอย่างมีความสัมพันธ์กัน ลักษณะคล้ายกับการวางแผนการทดลองแบบ RBD โดยมี Block เป็นความสัมพันธ์ ค่าสังเกตในแต่ละ Block มีความสัมพันธ์กันไม่ใช่เป็นอิสระต่อกันเหมือนในกรณีของค่าสังเกตใน RBD

  33. Kendall’s W test เป็นการวัดความสอดคล้องของค่ามัธยฐานของประชากร k กลุ่มว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ เมื่อตัวอย่างมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น การให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันร้องเพลง 10 คนโดยมีกรรมการ 5 ท่านเป็นผู้ให้คะแนน ลักษณะนี้มีตัวอย่างขนาด 10 แล้วทำการศึกษาว่าการให้คะแนนของกรรมการ 5 (k=5) ท่านนั้นมีความสอดคล้องกันหรือไม่

  34. Cochran’s Q test เป็นการศึกษาว่าประชากร k กลุ่มมีค่ามัธยฐานแตกต่างกันหรือไม่ โดยตัวอย่างนั้นมีความสัมพันธ์กัน และลักษณะของข้อมูลในแต่ละกลุ่มอยู่ในรูปของความถี่ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่มีค่าสังเกตมากกว่าหรือเท่ากับมัธยฐาน และอีกส่วนหนึ่งคือส่วนที่มีค่าสังเกตที่ต่ำกว่ามัธยฐาน

More Related