1 / 34

บทที่ 5 การบริหารเวลาโครงการ (Project Time Management)

บทที่ 5 การบริหารเวลาโครงการ (Project Time Management). การบริหารเวลาโครงการ. เป็นกระบวนการ ที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่า โครงการจะแล้วเสร็จในเวลาที่เหมาะสม. ขั้นตอนการบริหารเวลาโครงการ. การ กำหนดกิจกรรม (Activity definition) การจัดลำดับกิจกรรม (Activity sequencing)

eris
Download Presentation

บทที่ 5 การบริหารเวลาโครงการ (Project Time Management)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 5การบริหารเวลาโครงการ(Project Time Management)

  2. การบริหารเวลาโครงการ • เป็นกระบวนการที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่า โครงการจะแล้วเสร็จในเวลาที่เหมาะสม

  3. ขั้นตอนการบริหารเวลาโครงการขั้นตอนการบริหารเวลาโครงการ • การกำหนดกิจกรรม (Activity definition) • การจัดลำดับกิจกรรม (Activity sequencing) • การประมาณการระยะเวลากิจกรรม (Activity duration estimating) • การจัดทำตารางเวลา (Schedule development) • การควบคุมตารางเวลา (Schedule control)

  4. 1. การกำหนดกิจกรรม (Activity Definition) • คือ การระบุกิจกรรมที่สมาชิกทีมงานโครงการและบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องกระทำอย่างเฉพาะเจาะจงลงไป เพื่อผลิตชิ้นงานของโครงการ กิจกรรม (Activity หรือ Task) • (Activity หรือ Task) คือ ส่วนของงานที่มีลักษณะย่อยจนสามารถเข้าใจและเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง • โดยทั่วไป กิจกรรมเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในโครงสร้างกิจกรรมย่อย (WBS) และถูกกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลา ต้นทุน และทรัพยากรที่คาดว่าจะต้องใช้

  5. 1. การกำหนดกิจกรรม (Activity Definition) (ต่อ) • ผลผลิตที่ได้รับจากขั้นตอนการกำหนดกิจกรรมนี้ก็คือ • รายละเอียดข้อมูลสำคัญๆ เพิ่มเติมที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่โครงการจะผลิตขึ้น • ข้อสมมติฐานและข้อจำกัดของกิจกรรมแต่ละกิจกรรม

  6. 1. การกำหนดกิจกรรม (Activity Definition) (ต่อ) • การกำหนดกิจกรรม ควรจะได้รับความร่วมมือจากทั้งสมาชิกทีมงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เพื่อให้ได้ตารางเวลาโครงการที่มีรายละเอียดครบถ้วน ทั้งจำนวนกิจกรรมทั้งหมดที่จำเป็นต้องมีในโครงการ ระยะเวลา ต้นทุนและทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้

  7. 2. การจัดลำดับกิจกรรม (Activity Sequencing) • เป็นการระบุความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมของโครงการไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร • กระบวนการจัดลำดับกิจกรรมนี้ จะเริ่มจากการพิจารณากิจกรรมต่างๆ ใน WBS จัดลำดับกิจกรรมจาก รายละเอียดคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการที่จะผลิต ข้อสมมติฐานที่เกี่ยวข้อง และข้อจำกัด เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมของโครงการ • การประเมินถึงความสัมพันธ์ที่กำหนดขึ้น และประเภทของความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมเหล่านั้น

  8. 2. การจัดลำดับกิจกรรม (Activity Sequencing) • ความสัมพันธ์ (Relationship) เป็นการแสดงการจัดลำดับกิจกรรมของโครงการ เช่น การแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมใดควรมาก่อนกิจกรรมใด กิจกรรมใดควรจะแล้วเสร็จก่อนกิจกรรมถัดไปถึงจะเริ่มต้นดำเนินการได้ หรือกิจกรรมใดบ้างที่สามารถกระทำไปได้พร้อมๆ กัน เป็นต้น • การกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมเหล่านี้ จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญและมีผลกระทบต่อการสร้างและการบริหารตารางเวลาโครงการเป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมในโครงการโดยทั่วไปมีอยู่ 3 ประเภท หลักๆ คือ

  9. ความสัมพันธ์ (Relationship) ของกิจกรรม • ความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องมี (Mandatory relationship) เป็นความสัมพันธ์โดยธรรมชาติ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในโครงการและไม่สามารถขาดได้ ยกตัวอย่างเช่น การสร้าง WBS จะกระทำก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการของลูกค้าไม่ได้ เป็นต้น

  10. ความสัมพันธ์ (Relationship) ของกิจกรรม 2. ความสัมพันธ์ที่กำหนดตามความเหมาะสม (Discretionary relationship)เป็นความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยทีมงาน ตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ ความสัมพันธ์ลักษณะนี้จะต้องถูกกำหนดขึ้นอย่างระมัดระวังเนื่องจากการกำหนดความสัมพันธ์ดังกล่าว อาจมีผลกระทบต่อจำนวนทางเลือกในการบริหารตารางเวลาในภายหลังได้ ยกตัวอย่าง เช่น การเริ่มต้นออกแบบระบบสารสนเทศในโครงการ จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้จัดการโครงการได้อนุมัติผลการวิเคราะห์ระบบสารสนเทศนั้นอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นต้น

  11. ความสัมพันธ์ (Relationship) ของกิจกรรม 3. ความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอก (External relationship)เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างกิจกรรมของโครงการกับกิจกรรมภายนอกโครงการ ยกตัวอย่าง เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างการดำเนินการทำสัญญาโครงการกับการอนุมัติโครงการโดยประธานคณะกรรมการบริหารกิจการของลูกค้า หรือผู้ใช้ เป็นต้น

  12. ความสัมพันธ์ (Relationship) ของกิจกรรม • กิจกรรมทั้งหมดของโครงการพร้อมทั้งความสัมพันธ์จะถูกนำมาเขียนเป็นแผนผัง (Diagram) เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ตามลำดับก่อนหลังระหว่างกิจกรรมต่างๆ อย่างชัดเจน แผนผังแสดงความสัมพันธ์ดังกล่าวที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน เรียกว่า แผนผังเครือข่าย (Network diagram)

  13. แผนผังแสดงความสัมพันธ์แผนผังแสดงความสัมพันธ์

  14. แผนผังเครือข่าย • โดยทั่วไป สามารถถูกสร้างได้ 2 วิธี คือ 1. ตามหลักการของกิจกรรมบนลูกศร (Activity-on-arrow (AOA) หรือ Arrow diagramming method (ADM)) 2. ตามหลักการของกิจกรรมบนจุดเชื่อมต่อ (Activity-on-node (AON) หรือ Precedence diagramming method (PDM))

  15. หลักการของกิจกรรมบนลูกศร (Activity-on-arrow (AOA) • ลูกศร (Arrow)1 ลูกศร จะเป็นตัวแทนของกิจกรรมย่อย 1 กิจกรรม ซึ่งถูกเชื่อมต่อกันด้วยจุดเชื่อมต่อ (Node)และลูกศรแต่ละลูกศรยังช่วยแสดงความสัมพันธ์ตามลำดับก่อนหลังของกิจกรรมแต่ละกิจกรรมในโครงการ

  16. หลักการของกิจกรรมบนลูกศร (Activity-on-arrow (AOA) • ในแผนผังเครือข่ายแบบ AOA นั้น บางครั้งจำเป็นต้องใช้กิจกรรมสมมุติหรือกิจกรรมจำลอง (Dummy activity) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เพียงแต่สมมุติขึ้นมาโดยไม่มีตัวตนที่แท้จริง ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือ เพื่อขจัดปัญหาการเขียนแผนผังเครือข่ายแบบ AOA • ในกรณีที่ไม่สามารถเขียนแผนผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมต่อได้ในบางครั้ง ดังนั้น กิจกรรมสมมุติจะไม่มีระยะเวลาในการทำกิจกรรม (Duration = 0) และไม่ใช้ทรัพยากรใดๆ ทั้งสิ้น (Resources = 0) นอกจากนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างกิจกรรมปกติกับกิจกรรมสมมุติ กิจกรรมสมมุติจะถูกแสดงด้วยสัญลักษณ์ลูกศรที่เป็นเส้นประ • ยกตัวอย่าง เช่น จากรูปถ้าสมมุติว่า กิจกรรม B จะต้องมาก่อนกิจกรรม D ด้วย เราสามารถลากลูกศรเส้นประเพื่อแทนกิจกรรมสมมุติขึ้นระหว่าง Node #3 และ Node #2 เพื่อแสดงความสัมพันธ์ดังกล่าวได้

  17. หลักการของกิจกรรมบนจุดเชื่อมต่อ (Activity-on-node (AON) • นิยมใช้กันมากกว่าแผนผังเครือข่ายแบบ AOA โดยกล่องหรือวงกลม จะเป็นตัวแทนของกิจกรรม

  18. (Activity-on-node (AON)

  19. (Activity-on-node (AON) 1) โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สำหรับการบริหารจัดการโครงการ ส่วนใหญ่ใช้หลักการของแผนผังเครือข่ายแบบ AON 2) แผนผังเครือข่ายแบบ AON ตัดปัญหาการใช้กิจกรรมสมมุติ (Dummy activity) หรือพูดอีกแง่หนึ่งก็คือ หลักการของแผนผังเครือข่ายแบบ AON ไม่มีความจำเป็นต้องใช้กิจกรรมสมมุติ 3) แผนผังเครือข่ายแบบ AON สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมได้ในหลากหลายรูปแบบ ขณะที่แผนผังเครือข่ายแบบ AOA สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมได้ในรูปแบบเดียว คือ แบบ Finish-to-start ซึ่งโดยทั่วไป

  20. แสดงตารางเปรียบเทียบการเขียนแผนผังเครือข่ายแสดงตารางเปรียบเทียบการเขียนแผนผังเครือข่าย กิจกรรมบนลูกศร (Activity-on-arrow (AOA) และกิจกรรมบนจุดเชื่อมต่อ (Activity-on-node (AON)

  21. แผนผังเครือข่าย • กิจกรรมทุกกิจกรรมบนแผนผังเครือข่ายเป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้โครงการทั้งโครงการแล้วเสร็จ • กิจกรรมย่อยบางกิจกรรมที่ถูกกำหนดไว้ใน WBS อาจไม่จำเป็นต้องปรากฏอยู่บนแผนผังเครือข่าย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่มีขนาดเล็กเกินไปโดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ • ในกรณีที่ต้องการจะแสดงกิจกรรมย่อยๆ บนแผนผังเครือข่ายของโครงการขนาดใหญ่ ทีมงานโครงการอาจจัดทำแผนผังเครือข่ายย่อยเพื่อประกอบแผนผังเครือข่ายใหญ่

  22. 3. การประมาณการระยะเวลากิจกรรม (Activity Duration Estimating) • เป็นการประมาณการช่วงระยะเวลาของกิจกรรมแต่ละกิจกรรมของโครงการ ที่ทีมงานโครงการจำเป็นต้องใช้เพื่อดำเนินกิจกรรมนั้นๆ ให้แล้วเสร็จ • จำเป็นต้องคำนึงถึงในการประมาณการช่วงระยะเวลาของกิจกรรม ก็คือ ค่าของช่วงระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งจะเป็นผลรวมของระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินกิจกรรมนั้นๆ จริงและระยะเวลาที่จำเป็นต้องสูญเสียไปในระหว่างที่ดำเนินกิจกรรมนั้นอยู่

  23. 3. การประมาณการระยะเวลากิจกรรม (Activity Duration Estimating) • ยกตัวอย่างเช่น ช่วงระยะเวลาในการเขียนโปรแกรม (Coding) ในโครงการสร้าง Web site สำหรับการประกอบธุรกิจ Online ของกิจการหนึ่งจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงทั้งระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการเขียนโปรแกรมจริงๆ และระยะเวลาในการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Code และระยะเวลาที่จะต้องสูญเสียไปในการแก้ Code ที่ผิดพลาดเข้าไปรวมอยู่ด้วย เป็นต้น • ถึงแม้ว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการทุกๆ ฝ่าย จะมีบทบาทในการประมาณการระยะเวลากิจกรรม แต่บุคคลที่มีบทบาทและมีอิทธิพลมากที่สุดในการประมาณการ คือ บุคคลที่จะเป็นผู้รับผิดชอบและดำเนินกิจกรรมนั้นๆ • การปรับปรุงแก้ไขช่วงระยะเวลาจะต้องเกิดขึ้นทุกครั้งหลังจากที่ขอบเขตงานโครงการได้ถูกปรับเปลี่ยนไป

  24. 3. การประมาณการระยะเวลากิจกรรม (Activity Duration Estimating) • ควรศึกษาโครงการในอดีตที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ความชำนาญในโครงการประเภทเดียวกัน • การพิจารณาและคำนึงถึงปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อโครงการ และความถูกต้องเที่ยงตรงแม่นยำของระยะเวลาอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วงระยะเวลาของโครงการ จะทำให้ตารางเวลาโครงการสามารถสะท้อนให้เห็นความเป็นจริง และปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอย่างถูกต้องแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น

  25. 4.การจัดทำตารางเวลา (Schedule Development) • การจัดทำตารางเวลา (Schedule development) จะเริ่มจากการวิเคราะห์ลำดับก่อนหลังของกิจกรรมไปพร้อมๆ กับระยะเวลาที่ประมาณการไว้และทรัพยากรที่คาดว่าจะต้องใช้ของแต่ละกิจกรรม แล้วนำข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ทั้งหมดมาใช้สร้างตารางเวลาสำหรับโครงการอีกทีหนึ่ง • อาศัยผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนทุกขั้นตอนในการบริหารเวลาโครงการก่อนหน้า มาประกอบการพิจารณาด้วย • หลังจากการดำเนินการในขั้นตอนนี้ ทีมงานโครงการจะได้รับตารางเวลาโครงการที่ใกล้เคียงความเป็นจริงและแสดงอย่างชัดเจนถึงวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของโครงการ เพื่อที่จะนำไปใช้ในการตรวจสอบความก้าวหน้าของโครงการตามระยะเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้

  26. 4.การจัดทำตารางเวลา (Schedule Development) • การใช้ Gantt chart ซึ่งถือเป็นเครื่องมือขั้นพื้นฐานในการจัดทำและแสดงข้อมูลเกี่ยวกับตารางเวลาโครงการอย่างง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาในการพิจารณาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ตามลำดับก่อนหลังของกิจกรรมในโครงการ • การวิเคราะห์ด้วย Critical path method (CPM) เป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างและควบคุมตารางเวลาโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ • การวิเคราะห์ด้วย Program evaluation and review technique (PERT) เป็นเทคนิคในการประเมินความเสี่ยงของตารางเวลาโครงการ ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้เมื่อโครงการนั้นๆ จำเป็นต้องใช้เงินทุนสูงและมีความเสี่ยงสูง

  27. Gantt Chart

  28. Gantt Chart • สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีดำ (Black diamond) เป็นสัญลักษณ์แทนเหตุการณ์สำคัญของโครงการ (Milestone) ที่มีระยะเวลาเป็น 0 หน่วย • แถบทึบสีดำที่มีลูกศรอยู่ที่หัวและท้ายของแถบ เป็นสัญลักษณ์แทนกิจกรรมหลัก (Summary task) • แถบบางสีเทา เป็นสัญลักษณ์แทนช่วงระยะเวลาของกิจกรรมแต่ละกิจกรรม • ลูกศรที่เชื่อมสัญลักษณ์ต่างๆ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรม

  29. Gantt chart • ปัจจุบันเราสามารถใช้ประโยชน์ของ ในรูปแบบพิเศษเพื่อช่วยประเมินความก้าวหน้าของโครงการ โดยการเปรียบเทียบข้อมูลด้านเวลาที่เกิดขึ้นจริงกับที่ได้วางแผนเอาไว้ ซึ่งจะปรากฏอยู่บน Gantt chart ที่สามารถตามรอยได้ หรือเรียกว่า Tracking Gantt chart • แถบบางสีเทาเป็นสัญลักษณ์แทนช่วงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมที่ได้กำหนดไว้ตามแผน เรียกว่า Baseline และสัมพันธ์กับวันที่ในการทำกิจกรรมที่กำหนดไว้ตามแผน เรียกว่า Baseline date • แถบทึบสีดำด้านล่างที่อยู่ติดกับแถบบางสีเทาแต่ละแถบเป็นสัญลักษณ์แทนช่วงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรม ที่ได้ใช้ไปจริง • สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีขาว (White diamond) เป็นสัญลักษณ์แทนกิจกรรมสำคัญของโครงการที่แล้วเสร็จช้ากว่าเวลาที่ได้กำหนดไว้ตามแผน (หรือถือเป็น Slipped milestone) • นอกจากนั้น ค่าเปอร์เซ็นต์ที่ปรากฏอยู่ทางด้านขวามือของแถบต่างๆ แสดงค่าร้อยละที่กิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ

  30. Tracking Gantt chart

  31. Program Evaluation and Review Technique (PERT) และ Critical Path Method (CPM) • สามารถแสดงความสัมพันธ์ก่อนหลังของกิจกรรมในโครงการได้ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง PERT และ CPM คือ เทคนิค PERT ใช้ค่าเวลาประมาณการ 3 ค่าต่อกิจกรรมหนึ่งกิจกรรม เพื่อคำนวณค่าคาดการณ์ (Expected value) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ของกิจกรรม ขณะที่เทคนิค CPM ทำงานบนข้อสมมุติฐานที่ว่า เวลาในการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเป็นค่าที่เป็นที่รู้กันบนพื้นฐานของความแน่นอนไม่มีความเสี่ยง จึงสามารถกำหนดค่าเวลาได้เป็นเพียงค่าเดียวต่อกิจกรรมหนึ่งกิจกรรม

  32. Program Evaluation and Review Technique (PERT) และ Critical Path Method (CPM) • กำหนดโครงการและสร้าง WBS • สร้างความสัมพันธ์ตามลำดับก่อนหลังระหว่างกิจกรรม • เขียนแผนผังเครือข่ายที่เชื่อมต่อกิจกรรมเข้าด้วยกันตามความสัมพันธ์ที่ระบุไว้ • กำหนดเวลาและ/หรือต้นทุนโดยประมาณให้กับแต่ละกิจกรรม • คำนวณเส้นทางที่ใช้เวลานานที่สุดหรือเส้นทางวิกฤต (Critical path) ของแผนผังเครือข่าย • นำแผนผังเครือข่ายที่สร้างขึ้นไปใช้ในการวางแผน การจัดทำตารางเวลา การตรวจสอบ และการควบคุมโครงการ

  33. 5. การควบคุมตารางเวลา (Schedule Control) • คือ การควบคุมและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงของตารางเวลาอันอาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการดำเนินโครงการ • เน้นให้สมาชิกทีมงานโครงการเล็งเห็นความสำคัญของการมีระเบียบวินัยในการปฏิบัติงานให้ได้ และสามารถดำเนินงานแล้วเสร็จตามตารางเวลาของโครงการที่ได้กำหนดไว้ • คำนึงถึงหลักการที่ถูกต้องในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ควบคู่ไปกับการจัดทำตารางเวลาที่เหมาะสม และการบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ “โครงการส่วนใหญ่ล้มเหลวลงเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับคน ไม่ใช่เพราะความผิดพลาดจากการสร้างแผนผัง PERT ที่ไม่ดี”

  34. คำถามท้ายบท • จงอธิบายถึงความสำคัญของตารางเวลาโครงการและการบริหารเวลาโครงการที่ดี • ขั้นตอนการบริหารเวลาโครงการมีอะไรบ้าง • แผนผังเครือข่ายมีประโยชน์อย่างไร • การควบคุมเวลาตารางเวลา ควรควบคุมส่วนใดมากที่สุดเพราะเหตุใด • การประมาณการระยะเวลากิจกรรมควรทำอย่างไร จงอธิบาย

More Related