130 likes | 486 Views
การขนส่งและการโคจรของดาวเทียม. เสนอ อาจารย์ ปัณณิ กา ไยนวล โดย นางสาวเกวลี แสนหลวง เลขที่ 2 นายสุชาติ แซ่เฒ่า เลขที่ 19 นายมงคล ร่มโพธิ์พระคุณ เลขที่ 20 นายประเสริฐ เทิดชัย กียรติ เลขที่ 21 นายไพโรจน์ เลาหาง เลขที่ 22 นายฟุ้งเกียรติ วิสัยทัศนกุล เลขที่ 23.
E N D
การขนส่งและการโคจรของดาวเทียมการขนส่งและการโคจรของดาวเทียม เสนอ อาจารย์ ปัณณิกา ไยนวล โดย นางสาวเกวลี แสนหลวง เลขที่ 2 นายสุชาติ แซ่เฒ่า เลขที่ 19 นายมงคล ร่มโพธิ์พระคุณ เลขที่ 20 นายประเสริฐ เทิดชัยกียรติ เลขที่ 21 นายไพโรจน์ เลาหาง เลขที่ 22 นายฟุ้งเกียรติ วิสัยทัศนกุล เลขที่ 23
การขนส่งและการโคจรของดาวเทียมการขนส่งและการโคจรของดาวเทียม
ยุคสำรวจอวกาศเริ่มอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2500เมื่อสหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก1ขึ้นไปในอวกาศ หลังจากนั้นสหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1โดยมีสุนัขตัวเมียขึ้นไปในอวกาศด้วย ต่อมาสหรัฐอเมริกาจึงส่งดาวเทียมเอกซ์พลอเรอร์เข้าสู่วงโคจรของโลกในปี พ.ศ. 2501ในการส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศ จะต้องอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูง สามารถ เอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกที่พยายามดึงดูดมวลทุกอย่างเข้าสู่พื้นโลก ความเร็วของจรวดหรือยานอวกาศที่สามารถเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกได้เรียกว่า ความเร็วจากผิวโลกที่จะขึ้นถึงวงโคจร (characteristic velocity)
s แบบจำลองของดาวเทียมเอกซ์พลอเรอร์ 1
แบบจำลองของดาวเทียมเอกซ์พลอเรอร์1แบบจำลองของดาวเทียมเอกซ์พลอเรอร์1 ผู้ที่ชูแบบจำลองคนซ้ายคือ ดร. วิลเลียมเอช.พิกเคอริง ประธานเจพีแอล คนกลางคือ ดร. เจมส์ เอ, แวนอัลเลน คนขวาคือ เวอร์เนอร์ ฟอน บราวน์ (ภาพจาก NASA)ในการส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศ จะต้องอาศัยจรวดที่มีแรงขับดันและความเร็วสูง สามารถ เอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกที่พยายามดึงดูดมวลทุกอย่างเข้าสู่พื้นโลก ความเร็วของจรวดหรือยานอวกาศที่สามารถเอาชนะแรงโน้มถ่วงของโลกได้เรียกว่า ความเร็วจากผิวโลกที่จะขึ้นถึงวงโคจร (characteristic velocity) ยิ่งสูงค่าความเร็วจากผิวโลกที่จะขึ้นถึงวงโคจรมีค่ามากขึ้น ดังตารางต่อไปนี้
ถ้าต้องการให้จรวดสามารถขึ้นสู่อวกาศได้จะต้องขับเคลื่อนด้วยความเร็วมากกว่า 7.91กิโลเมตร/วินาที แต่ถ้าใช้ความเร็วในการขับเคลื่อน 8.10กิโลเมตร/วินาที จรวดจะขึ้นไปโคจรในระดับสูง 322กิโลเมตร เป็นต้นสำหรับดาวเทียมที่ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลกนั้น จะต้องมีความเร็วในการโคจรรอบโลกค่าหนึ่งซึ่งเรียกว่า ความเร็วในวงโคจรที่เป็นวงกลม (circular velocity) ถ้าดาวเทียมมีความเร็วในวงโคจรน้อยไป จะตกลงสู่พื้นโลก แต่ถ้ามีความเร็วในวงโคจรมากเกินไป จะหลุดจากวงโคจรรอบโลกได้ ความเร็วในวงโคจรในแต่ละระดับความสูงจะมีค่าต่างกัน ยิ่งสูงความเร็วในวงโคจรยิ่งลดลง ส่วนเวลาที่ดาวเทียมโคจรรอบโลก 1รอบ เรียกว่า คาบของการโคจร จะมีค่าเพิ่มขึ้น ดังตาราง
จากตารางจะเห็นว่า ถ้าต้องการให้ดาวเทียมโคจรรอบโลกในระดับต่ำสุด (0กิโลเมตร) ได้ ดาวเทียมต้องมีความเร็ว 7.91กิโลเมตร/วินาที และสามารถโคจรรอบโลกครบ 1รอบในเวลา 1ชั่วโมง 24.3นาที แต่ที่ความสูง 161กิโลเมตรจากพื้นโลก ดาวเทียมต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 7.80กิโลเมตร/วินาที จึงจะโคจรรอบโลกอยู่ได้โดยไม่ตกลงมาหรือหลุดจากวงโคจรรอบโลก และจะโคจรรอบโลก 1รอบในเวลา 1ชั่วโมง 27.7นาที เป็นต้น
ที่ระดับความสูง 35,880กิโลเมตร ถ้าดาวเทียมโคจรด้วยความเร็ว 3.07กิโลเมตร/วินาที จะโคจรรอบโลก 1รอบในเวลา 24ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาเท่ากับที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1รอบ เรียกวงโคจรนี้ว่า วงโคจรค้างฟ้า ที่ระดับนี้ดูจากโลกเหมือนว่าดาวเทียมจะไม่เคลื่อนที่ แต่จะอยู่บนตำแหน่งเหนือพื้นโลกบริเวณนั้นตลอดเวลา แต่ถ้าต้องการให้จรวดหนีออกไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ จรวดจะต้องขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่มากกว่าเรียกว่า ความเร็วหลุดพ้น (escape velocity) ความเร็วหลุดพ้นจากโลกจะลดต่ำลง เมื่อจรวดอยู่สูงจากพื้นผิวโลก มากขึ้น
ขอบคุณคับ ขอบคุณค่ะ