1 / 23

สถิติทดสอบที (t - test Statistic)

สถิติทดสอบที (t - test Statistic). สถิติทดสอบที (t- test Statistic).

Download Presentation

สถิติทดสอบที (t - test Statistic)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สถิติทดสอบที(t - test Statistic)

  2. สถิติทดสอบที(t- test Statistic) เป็นการทดสอบสมมติฐานชนิดหนึ่งที่ผู้วิจัยใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก (n < 30) การทดสอบผู้วิจัยจะต้องทราบค่าความแปรปรวนของประชากร หรือในกรณีไม่ทราบค่าความแปรปรวนของประชากรเพราะในงานวิจัยผู้วิจัยจะไม่มีโอกาสทราบค่าความแปรปรวนของประชากรผู้วิจัยก็อาจจะใช้ค่าความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่าง (S2) แทน (ยุทธ ไกยวรรณ์. 2543 : 148)

  3. การทดสอบที(t - test)ใช้ทดสอบกรณีต่าง ๆ ดังนี้ 1. การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มเดียว 2. การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของประชากรสองกลุ่ม

  4. 1. การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของประชากรกลุ่มเดียว การทดสอบแบบนี้ใช้ในกรณีผู้วิจัยสุ่มตัวอย่างมาเพียงกลุ่มเดียว แล้วต้องการทดสอบว่าคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มนี้จะแตกต่างจากค่าเฉลี่ยมาตรฐานอื่นๆหรือไม่ค่าต่างๆที่กำหนดเป็นเกณฑ์ถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยของประชากร (ยุทธ ไกยวรรณ์. 2543 : 148)

  5. 2. กำหนดสมมติฐานทางสถิติ สำหรับการทดสอบแบบสองทิศทาง H๐: H1 : สำหรับการทดสอบแบบทิศทางเดียว H๐: H1 : หรือ อย่างใดอย่างหนึ่ง = = > < ซึ่งขั้นตอนในการทดสอบมีดังนี้ 1. ตรวจสอบข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติทดสอบ มีดังนี้ 1.1 กลุ่มตัวอย่างได้มาจากการสุ่มและเป็นอิสระจากกัน 1.2 ประชากรมีการแจกแจงแบบปกติ 1.3 ไม่ทราบค่าความแปรปรวนของประชากร 1.4 ข้อมูลอยู่ในมาตราอันตรภาคหรืออัตราส่วน

  6. 5.กำหนดขอบเขตวิกฤตโดยหาค่า tวิกฤต 5.1 t tและ t tสำหรับH1 : 5.2 t tสำหรับH1 : < 5.3 t tสำหรับ H1:> 3. กำหนด 4. คำนวณค่าสถิติ t จากสูตร t = เมื่อ (degree of freedom) df = n - 1

  7. 6. สรุปผลการทดลอง พิจารณาตัวเลขเท่านั้นไม่คิดเครื่องหมาย t t วิกฤต จะปฏิเสธ H๐ t < t วิกฤต จะยอมรับ H๐

  8. ตัวอย่างที่ 1.1 ผู้ผลิตไอศครีมรายหนึ่งเชื่อว่าไอศครีมของเขาประกอบด้วย แคลอรี่เฉลี่ย 500 แคลอรี่ ต่อไอศกรีมหนัก 1 กรัม เขาจึงสุ่มไอศกรีมหนักก้อนละ 1 กรัมมา 25 ก้อน คำนวณปริมาณ แคลอรี่เฉลี่ยได้ 510 แคลอรี่ต่อกรัม และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 23 แคลอรี่ อยากทราบ ว่าสิ่งที่ผู้ผลิตเชื่อจริงหรือไม่ ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ถ้าปริมาณแคลอรี่ในไอศกรีมหนัก 1 กรัม มีการแจกแจงใกล้เคียงกับการแจกแจงแบบปกติ วิธีทำ ขั้นที่ 1 ตรวจสอบข้อมูลพบว่า สอดคล้องกับข้อตกลงเบื้องต้น t – test ขั้นที่ 2ตั้งสมมติฐานเพื่อการทดสอบ H๐: ปริมาณแคลอรี่เฉลี่ยในไอศกรีม เท่ากับ500 แคลอรี่ต่อกรัม หรือ H๐: = 500 H1 : ปริมาณแคลอรี่เฉลี่ยในไอศกรีม ไม่เท่ากับ 500 แคลอรี่ต่อกรัม หรือ H1 : 500 ขั้นที่ 3 ให้ = 0.05 ขั้นที่ 4 คำนวณค่าสถิติ t จากสูตร

  9. จากสูตร t = เมื่อ df = n - 1

  10. ขั้นที่ 5 ค่า t วิกฤต เมื่อ = 0.05 , df = n - 1 = 24 แบบ two - tailed test คือ t (.05,24) = 2.064 ขั้นที่ 6 t > t วิกฤต ( 2.17 > 2.064 ) จึงปฏิเสธ H๐ นั่นคือ ปริมาณแคลอรี่เฉลี่ยต่อไอศครีม 1 กรัมไม่เท่ากับ 500 แคลอรี่ t = = = 2.17

  11. 2. การทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของประชากรสองกลุ่ม กรณีกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มเป็นอิสระจากกัน (Independent Samples) เป็นการทดสอบสมมติฐานเพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างสอง กลุ่ม ในกรณีที่ไม่ทราบความแปรปรวนของประชากร และกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มที่มีขนาดเล็ก กล่าวคือ n1 < 30 และ n2 < 30 ซึ่งก่อนที่จะทำการทดสอบโดยใช้สถิติทดสอบที จะต้องนำค่าความแปรปรวนของกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่ม ไปทดสอบเพื่อสรุปว่า ประชากรที่ศึกษานั้นมีความแปรปรวนเท่ากันหรือไม่

  12. ซึ่งขั้นตอนในการทดสอบมีดังนี้ซึ่งขั้นตอนในการทดสอบมีดังนี้ 1. ตรวจสอบข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติทดสอบ มีดังนี้ 1.1 กลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มได้มาโดยการสุ่มอย่างเป็นอิสระจากกัน 1.2 ประชากรทั้งสองกลุ่มมีการแจกแจงแบบปกติ 1.3 ข้อมูลอยู่ในมาตราอันตรภาคหรืออัตราส่วน 1.4 ไม่ทราบค่าความแปรปรวนของประชากร 2. กำหนดสมมติฐานทางสถิติ สำหรับการทดสอบแบบสองทิศทาง H๐: = H1 : สำหรับการทดสอบแบบทิศทางเดียว H๐: H1 : > หรือ < อย่างใดอย่างหนึ่ง =

  13. 3. กำหนด 4. คำนวณค่าสถิติ t จากสูตร ใดสูตรหนึ่งใน 2 สูตร ดังนี้ 4.1 เมื่อทดสอบได้ว่า = เรียกสูตรนี้ว่า t – test ชนิด Pooled Variance มี df = n1 + n2 - 2 t = Sp2แทน ความแปรปรวนร่วม (Pooled Variance) Sp2 = ดังนั้น อาจสรุปสูตรได้ดังนี้ t =

  14. t = โดยมี df = 5. กำหนดขอบเขตวิกฤตโดยหาค่า t วิกฤต 6. สรุปผลการทดลอง พิจารณาตัวเลขไม่คิดเครื่องหมาย t t วิกฤต จะปฏิเสธ H๐ t < t วิกฤต จะยอมรับ H๐ 4.2 เมื่อทดสอบได้ว่า เรียกสูตรนี้ว่า t – test ชนิด Separated Variance

  15. กลุ่ม A , S12 = 9 กลุ่มB , S22 = 10 กำหนดให้ และ 0.01 = = ตัวอย่างที่ 1.2 ในการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสถิติของนิสิต 2 กลุ่ม โดยสุ่มนิสิตกลุ่ม A จำนวน 15 คน กลุ่ม B จำนวน 20 คน ใช้แบบทดสอบวิชาสถิติได้ผลการสอบ ดังนี้ จงทดสอบว่า นิสิตกลุ่ม A และกลุ่ม B มีความสามารถทางสถิติแตกต่างกัน โดย วิธีทำ ขั้นที่ 1 ตรวจสอบข้อมูลพบว่า สอดคล้องกับข้อตกลงเบื้องต้น t – test ขั้นที่ 2ตั้งสมมติฐานเพื่อการทดสอบ H๐: = H1 :

  16. t = = = ขั้นที่ 3 กำหนด = 0.01 ขั้นที่ 4 คำนวณค่าสถิติ t จากสูตร

  17. ขั้นที่ 5ค่า t วิกฤต เมื่อ = 0.01 , df = n1 + n2 - 2 = 33 แบบ two-tailed test คือ t (0.01,33) = 2.733 ขั้นที่ 6 t < t วิกฤต ( 2.034 < 2.733 ) จึงยอมรับ H๐ = 2.034 นั่นคือ นิสิตกลุ่ม A และกลุ่ม B มีความสามารถทางสถิติไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ 0.01

  18. เมื่อ df = n - 1 กรณีกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มไม่เป็นอิสระจากกัน ( Dependent Samples ) เป็นการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างที่มีความสัมพันธ์กันด้วย t - test (ยุทธ ไกยวรรณ์. 2543 : 148) คำนวณจากสูตร

  19. ตัวอย่างที่ 1.3 จากการทดลองใช้วิธีการสอนแบบใหม่กับนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ก่อนทำการสอนได้มี การทดสอบก่อน หลังจากนั้นครูทำการสอนด้วยวิธีการสอนแบบใหม่ แล้วทำการ ทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบชุดเดิมผลการสอบปรากฏ ดังนี้ จงทดสอบว่า การสอนด้วยวิธีการใหม่ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นหรือไม่ กำหนดให้ = 0.05

  20. วิธีทำ ขั้นที่ 1 ตรวจสอบข้อมูลพบว่า สอดคล้องกับข้อตกลงเบื้องต้น t – test ขั้นที่ 2ตั้งสมมติฐานเพื่อการทดสอบ H๐: = H1 : > ขั้นที่ 3 กำหนด = 0.05 ขั้นที่ 4 คำนวณค่าสถิติ t จากสูตร เมื่อ df = n - 1

  21. = 2.935 ขั้นที่ 5 ค่า t วิกฤต เมื่อ = 0.05 , df = n - 1 = 7 แบบ 0ne - tailed test คือ t (0.05,7) = 1.895 ขั้นที่ 6 t > t วิกฤต (2.935 > 1.895) จึงปฏิเสธ H๐ นั่นคือ การสอนโดยวิธีการแบบใหม่ ทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 0.05

  22. จบการนำเสนอ

More Related