1 / 50

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแบ่งเป็น 2 ประเภท. พฤติกรรม ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทาง ภายในประเทศ (Domestic ) พฤติกรรม ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอก ประเทศ (Outbound). พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic).

Download Presentation

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย

  2. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแบ่งเป็น 2 ประเภท • พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic) • พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ (Outbound)

  3. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic) พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐ หรือบุคคลที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง ปัจจัยที่เข้ามาทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เดินทางท่องเที่ยวคือ 1. สถานที่ท่องเที่ยว 2. ช่วงฤดูในการท่องเที่ยว 3. ระยะเวลาในการท่องเที่ยว 4. สถานที่พัก 5. การจัดสรรค่าใช้จ่าย 6. ประเภทของอาหารที่ใช้บริการ 7. กิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยว 8. การเลือกซื้อสินค้า และของฝากของที่ระลึก

  4. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ (Outbound) พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต, ถิ่นที่อยู่, เชื้อชาติ, ศาสนา แรงจูงใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เดินทางท่องเที่ยว คือ • สิ่งดึงดูดใจ • สิ่งอำนวยความสะดวก • การคมนาคม • การประชาสัมพันธ์ • การให้บริการ • รูปแบบของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว

  5. ความแตกต่างของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว คือ ... 1. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อความสนุกสนาน และความบันเทิง 2. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน 3. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาวัฒนธรรม 4. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการกีฬา 5. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจประชุม และสัมมนา 6. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา

  6. การสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทย • สํานักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ทำการสํารวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ในระหว่างเดือน เมษายน-มิถุนายน 2555 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จํานวน 65,868 ราย

  7. ผลการสํารวจพบว่า

  8. เอกลักษณ์ความเป็นไทยในสายตานักท่องเที่ยวเอกลักษณ์ความเป็นไทยในสายตานักท่องเที่ยว

  9. ความเป็นไทย • ภาษา • การแต่งกาย • การแสดงความเคารพ • สถาปัตยกรรม • ศิลปะวัฒนธรรมและประเพณี • ดนตรี • กีฬาไทยและการละเล่นพื้นฐาน

  10. 1. ภาษา • ภาษาพูด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ภาษากลาง และภาษาท้องถิ่น • ภาษาเขียน

  11. 2. การแต่งกาย การแต่งกายของคนไทยมีเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมประจำชาติ ไม่ลอกเลียนแบบชาติใดทั้งสิ้น คนไทยชอบแต่งกายตามสบายให้เหมาะแก่ความสะดวก ความประหยัด และสภาพภูมิอากาศแต่ละยุคสมัย เครื่องแต่งกายจึงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยนั้นๆ โดยแบ่งการแต่งกานสมัยต่างๆ ดังนี้

  12. 1. สมัยเชียงแสน • ประมาณปี พ.ศ. 1661-1731 ผู้หญิงแต่งตัว เกล้าผมรัดด้วยเกี้ยว ใส่ต่างหู สวมเสื้อคอกลมปิดคอ นุ่งซิ่นป้ายด้านหน้าเป็นผ้าลายทางขวางตัว สลับสีสวยงาม ผู้ชายเก้าผมสูง สวมเสื้อคอกลมมีกระดุม 5 เม็ด แขนยาว แต่งชายเสื้อและปลายแขนด้วยผ้าลายต่างๆ สวมกางเกงขายาวครึ่งน่อง มีลายเลิงปลายขามีผ้าคาดเอว

  13. 2. สมัยสุโขทัย • การแต่งกายของคนไทยในสมัยสุโขทัย พระมหากษัตริย์สวนเทริมทำด้วยทอง สวมเครื่องประดับเป็นกำไลหลายอัน สวมเสื้อมีเชิงที่คอและแขน ห่อสไบทับเสื้อ และสวมกำไลนุ่งผ้าทับสนับเพลา ผู้หญิงชาววังเกล้าผมรัดเกี้ยวหรือมาลัย เป็นผมทรงสูงเรียก “โองโขดง” ดั้งเดิมไม่สวมเสื้อ ระยะหลังห่มผ้าสไบจีบ นุ่งผ้าจีบมีลวดลายสวยงาม

  14. 3. สมัยอยุธยา • นุ่งผ้าจีบหน้าเหมือนสมัยสุโขทัย ใส่เสื้อตัวยาวคลุมสะโพกเหมือนสมัยเชียงแสน สวมเครื่องประดับ ต่างหู สร้อยคอ สร้อยสะพาย และแหวน ประมาณปีพ.ศ. 2091-2163 เปลี่ยนแปลงการแต่งกายเป็นผู้หญิงนุ่งกางเกงหรือนุ่งผ้าโจงกระเบน วนเสื้อแขนกระบอก คอกลมผ่าอกไม่นิยมสไบเลย ตัดผมสั้น ปลายสมัยอยุธยาชายและหญิงต้องจับดาบฟาดฟันกับผู้รุกราน การแต่งกายจึงผันแปร ผู้หญิงต้องตัดผมสั้นเหมือนผู้ชาย เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องตัดทอนลงมิให้รุ่มร่ามเป็นอุปสรรคแก่การเคลื่อนที่ คงมีแต่ผ้าห่มพันกายแบบตะเบงมาน

  15. 3. สมัยอยุธยา

  16. 4. สมัยกรุงธนบุรี • ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น เป็นผ้าถุงพับป้ายด้านซ้ายบ้างด้านขวาบ้างตามความถนัด ใช้ผ้าแพรจีนเป็นผ้าสไบไว้รัดอกเก็บชายบ้าง ทิ้งชายบ้าง นิยมผมสั้นทัดดอกไม้ไว้ที่หู ผู้ชายสวมเสื้อฮ่อม คอกลม ติดกระดุม 5 เม็ด มีกระเป๋า 2 ใบ และนุ่งกางเกงแพรจีน

  17. 5. สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-9

  18. การแต่งกายในปัจจุบัน

  19. 3. การแสดงความเคารพ • การแสดงความเคารพการกราบ แบ่งเป็น 3 จังหวะ • อัญชลีกรรม • วันทา • อภิวาท

  20. การไหว้พระรัตนตรัย          นิยมแสดงความเคารพพระรัตนตรัยด้วยการไหว้เมื่อนั่งเก้าอี้หรือยืนอยู่ มีวิธีการทำดังนี้คือ         ๑. ประนมมือไว้ระหว่างอก         ๒. ยกมือประนมขึ้นพร้อมกับก้มศรีษะลงเล็กน้อย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ระหว่างคิ้ว ให้ปลายนิ้วชี้จรดหน้าผาก ทำเพียงครั้งเดียว แล้วลดมือลงตามเดิม (ดังรูป)

  21.   การไหว้ ซึ่งกันและกันนั้นนิยมปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมแก่ชั้นและวัยของบุคคลนั้น ๆ  มี ๓ แบบ คือ          ๑. การไหว้บุคคลผู้มีอายุมากกว่า (เป็นผู้ใหญ่มากกว่า)          ๒. การไหว้บุคคลผู้มีอายุเสมอกัน           ๓. การไหว้บุคคลผู้มีอายุน้อยกว่า   ๑. การไหว้บุคคลที่มีอายุมากกว่า              สำหรับผู้น้อยปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ โดย ถือหลักมีชาติกำเนิดสูงกว่า มีคุณธรรมความดีได้รับยกย่องให้เป็นผู้ปกครอง บังคับบัญชา และมีอายุแก่กว่าตน

  22. ๒. การไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสเสมอกัน      นิยมยกมือกระพุ่มขึ้นไหว้ ให้ปลายนิ้ชี้อยู่ที่ดั้งจมูก นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ที่คางก้มศรีษะเล็กน้อยสายตามองกันและกันด้วยความหวังดีปราถนาดีต่อกัน

  23. ๓.  การรับไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสน้อยกว่า       สำหรับผู้ใหญ่รับไหว้ผู้น้อย นิยมยกกระพุ่มมือขึ้นประนมอยู่ระหว่างอกหรือที่หน้าให้ปลายนิ้วชี้อยู่ที่ตั้งจมูกปลายนิ้วอยู่ที่ดั้งจมูกปลายนิ้วหัวแม่ มืออยู่ที่คางสายตามองดูผู้ไหว้ ด้วยความปราถนาดี

  24. สถาปัตยกรรม • สถาปัตยกรรมไทยสมัยประวัติศาสตร์ สามารถแบ่งได้เป็นยุคๆ ได้ดังนี้ • ยุคทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16) • ยุคศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13 - 18) • ยุคลพบุรี (ราวพุทธศตวรรษที่ 12 - 18) • ยุคเชียงแสน (ราวพุทธศตวรรษที่ 16 - 23) • ยุคสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19 - 20) • ยุคอู่ทอง (ราวพุทธศตวรรษที่ 17 -20) • ยุคอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ 20 - 23)

  25. สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์

  26. วัฒนธรรมและประเพณี

  27. ดนตรี

  28. กีฬาและการละเล่นพื้นบ้านกีฬาและการละเล่นพื้นบ้าน

  29. การสื่อสารข้ามวัฒนธรรมการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม หรือที่เรียกว่า การเจรจาข้ามชาติ ปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจา 1. วัฒนธรรม 2. ภาษา

  30. ความสำคัญในการเตรียมตัวเพื่อเข้าไปสู่การเจรจาต่อรองข้ามวัฒนธรรมด้วยทักษะและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรม และสิ่งสำคัญคือการมีเจตคติที่ดีซึ่งจะทำให้เกิดความสำเร็จยิ่งขึ้น วัฒนธรรมส่งผลต่อความสามารถในการเจรจาต่อรอง และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมีผลต่อการเจรจาต่อรอง ดังนั้น ผู้จัดการของแต่ละองค์กรจะต้องรวบรวมปัจจัยต่างๆของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของคู่เจรจา เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเจรจาต่อรอง และกำหนดกลยุทธ์การทำธุรกิจให้สอดคล้องกับคู่เจรจา อย่างรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น การเจรจาต่อรองด้านธุรกิจระหว่างประเทศจึงกลาย เป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจทุกประเภทต่างหันมาให้ความสำคัญ เพื่อให้การเจรจามีความราบรื่นและ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และเป็นหนทางในการหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศมากขึ้น

  31. วัฒนธรรมมีผลต่อการเจรจาอย่างไร….?วัฒนธรรมมีผลต่อการเจรจาอย่างไร….?

More Related