570 likes | 1.08k Views
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแบ่งเป็น 2 ประเภท. พฤติกรรม ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทาง ภายในประเทศ (Domestic ) พฤติกรรม ของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอก ประเทศ (Outbound). พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic).
E N D
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทย
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแบ่งเป็น 2 ประเภท • พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic) • พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ (Outbound)
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางภายในประเทศ (Domestic) พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหรือองค์กรของรัฐ หรือบุคคลที่มีรายได้น้อย ถึงปานกลาง ปัจจัยที่เข้ามาทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เดินทางท่องเที่ยวคือ 1. สถานที่ท่องเที่ยว 2. ช่วงฤดูในการท่องเที่ยว 3. ระยะเวลาในการท่องเที่ยว 4. สถานที่พัก 5. การจัดสรรค่าใช้จ่าย 6. ประเภทของอาหารที่ใช้บริการ 7. กิจกรรมระหว่างการท่องเที่ยว 8. การเลือกซื้อสินค้า และของฝากของที่ระลึก
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางออกนอกประเทศ (Outbound) พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต, ถิ่นที่อยู่, เชื้อชาติ, ศาสนา แรงจูงใจที่ทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เดินทางท่องเที่ยว คือ • สิ่งดึงดูดใจ • สิ่งอำนวยความสะดวก • การคมนาคม • การประชาสัมพันธ์ • การให้บริการ • รูปแบบของพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว
ความแตกต่างของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว คือ ... 1. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อความสนุกสนาน และความบันเทิง 2. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน 3. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาวัฒนธรรม 4. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการกีฬา 5. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจประชุม และสัมมนา 6. พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อการศึกษา
การสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทย • สํานักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ทำการสํารวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทย ในระหว่างเดือน เมษายน-มิถุนายน 2555 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จํานวน 65,868 ราย
เอกลักษณ์ความเป็นไทยในสายตานักท่องเที่ยวเอกลักษณ์ความเป็นไทยในสายตานักท่องเที่ยว
ความเป็นไทย • ภาษา • การแต่งกาย • การแสดงความเคารพ • สถาปัตยกรรม • ศิลปะวัฒนธรรมและประเพณี • ดนตรี • กีฬาไทยและการละเล่นพื้นฐาน
1. ภาษา • ภาษาพูด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ภาษากลาง และภาษาท้องถิ่น • ภาษาเขียน
2. การแต่งกาย การแต่งกายของคนไทยมีเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์อันเป็นภูมิปัญญาและวัฒนธรรมประจำชาติ ไม่ลอกเลียนแบบชาติใดทั้งสิ้น คนไทยชอบแต่งกายตามสบายให้เหมาะแก่ความสะดวก ความประหยัด และสภาพภูมิอากาศแต่ละยุคสมัย เครื่องแต่งกายจึงเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยนั้นๆ โดยแบ่งการแต่งกานสมัยต่างๆ ดังนี้
1. สมัยเชียงแสน • ประมาณปี พ.ศ. 1661-1731 ผู้หญิงแต่งตัว เกล้าผมรัดด้วยเกี้ยว ใส่ต่างหู สวมเสื้อคอกลมปิดคอ นุ่งซิ่นป้ายด้านหน้าเป็นผ้าลายทางขวางตัว สลับสีสวยงาม ผู้ชายเก้าผมสูง สวมเสื้อคอกลมมีกระดุม 5 เม็ด แขนยาว แต่งชายเสื้อและปลายแขนด้วยผ้าลายต่างๆ สวมกางเกงขายาวครึ่งน่อง มีลายเลิงปลายขามีผ้าคาดเอว
2. สมัยสุโขทัย • การแต่งกายของคนไทยในสมัยสุโขทัย พระมหากษัตริย์สวนเทริมทำด้วยทอง สวมเครื่องประดับเป็นกำไลหลายอัน สวมเสื้อมีเชิงที่คอและแขน ห่อสไบทับเสื้อ และสวมกำไลนุ่งผ้าทับสนับเพลา ผู้หญิงชาววังเกล้าผมรัดเกี้ยวหรือมาลัย เป็นผมทรงสูงเรียก “โองโขดง” ดั้งเดิมไม่สวมเสื้อ ระยะหลังห่มผ้าสไบจีบ นุ่งผ้าจีบมีลวดลายสวยงาม
3. สมัยอยุธยา • นุ่งผ้าจีบหน้าเหมือนสมัยสุโขทัย ใส่เสื้อตัวยาวคลุมสะโพกเหมือนสมัยเชียงแสน สวมเครื่องประดับ ต่างหู สร้อยคอ สร้อยสะพาย และแหวน ประมาณปีพ.ศ. 2091-2163 เปลี่ยนแปลงการแต่งกายเป็นผู้หญิงนุ่งกางเกงหรือนุ่งผ้าโจงกระเบน วนเสื้อแขนกระบอก คอกลมผ่าอกไม่นิยมสไบเลย ตัดผมสั้น ปลายสมัยอยุธยาชายและหญิงต้องจับดาบฟาดฟันกับผู้รุกราน การแต่งกายจึงผันแปร ผู้หญิงต้องตัดผมสั้นเหมือนผู้ชาย เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ต้องตัดทอนลงมิให้รุ่มร่ามเป็นอุปสรรคแก่การเคลื่อนที่ คงมีแต่ผ้าห่มพันกายแบบตะเบงมาน
4. สมัยกรุงธนบุรี • ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น เป็นผ้าถุงพับป้ายด้านซ้ายบ้างด้านขวาบ้างตามความถนัด ใช้ผ้าแพรจีนเป็นผ้าสไบไว้รัดอกเก็บชายบ้าง ทิ้งชายบ้าง นิยมผมสั้นทัดดอกไม้ไว้ที่หู ผู้ชายสวมเสื้อฮ่อม คอกลม ติดกระดุม 5 เม็ด มีกระเป๋า 2 ใบ และนุ่งกางเกงแพรจีน
5. สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-9
3. การแสดงความเคารพ • การแสดงความเคารพการกราบ แบ่งเป็น 3 จังหวะ • อัญชลีกรรม • วันทา • อภิวาท
การไหว้พระรัตนตรัย นิยมแสดงความเคารพพระรัตนตรัยด้วยการไหว้เมื่อนั่งเก้าอี้หรือยืนอยู่ มีวิธีการทำดังนี้คือ ๑. ประนมมือไว้ระหว่างอก ๒. ยกมือประนมขึ้นพร้อมกับก้มศรีษะลงเล็กน้อย ให้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ระหว่างคิ้ว ให้ปลายนิ้วชี้จรดหน้าผาก ทำเพียงครั้งเดียว แล้วลดมือลงตามเดิม (ดังรูป)
การไหว้ ซึ่งกันและกันนั้นนิยมปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมแก่ชั้นและวัยของบุคคลนั้น ๆ มี ๓ แบบ คือ ๑. การไหว้บุคคลผู้มีอายุมากกว่า (เป็นผู้ใหญ่มากกว่า) ๒. การไหว้บุคคลผู้มีอายุเสมอกัน ๓. การไหว้บุคคลผู้มีอายุน้อยกว่า ๑. การไหว้บุคคลที่มีอายุมากกว่า สำหรับผู้น้อยปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ โดย ถือหลักมีชาติกำเนิดสูงกว่า มีคุณธรรมความดีได้รับยกย่องให้เป็นผู้ปกครอง บังคับบัญชา และมีอายุแก่กว่าตน
๒. การไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสเสมอกัน นิยมยกมือกระพุ่มขึ้นไหว้ ให้ปลายนิ้ชี้อยู่ที่ดั้งจมูก นิ้วหัวแม่มือทั้งสองอยู่ที่คางก้มศรีษะเล็กน้อยสายตามองกันและกันด้วยความหวังดีปราถนาดีต่อกัน
๓. การรับไหว้บุคคลผู้มีอาวุโสน้อยกว่า สำหรับผู้ใหญ่รับไหว้ผู้น้อย นิยมยกกระพุ่มมือขึ้นประนมอยู่ระหว่างอกหรือที่หน้าให้ปลายนิ้วชี้อยู่ที่ตั้งจมูกปลายนิ้วอยู่ที่ดั้งจมูกปลายนิ้วหัวแม่ มืออยู่ที่คางสายตามองดูผู้ไหว้ ด้วยความปราถนาดี
สถาปัตยกรรม • สถาปัตยกรรมไทยสมัยประวัติศาสตร์ สามารถแบ่งได้เป็นยุคๆ ได้ดังนี้ • ยุคทวาราวดี (พุทธศตวรรษที่ 12 - 16) • ยุคศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13 - 18) • ยุคลพบุรี (ราวพุทธศตวรรษที่ 12 - 18) • ยุคเชียงแสน (ราวพุทธศตวรรษที่ 16 - 23) • ยุคสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19 - 20) • ยุคอู่ทอง (ราวพุทธศตวรรษที่ 17 -20) • ยุคอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ 20 - 23)
สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์
กีฬาและการละเล่นพื้นบ้านกีฬาและการละเล่นพื้นบ้าน
การสื่อสารข้ามวัฒนธรรมการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม หรือที่เรียกว่า การเจรจาข้ามชาติ ปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเจรจา 1. วัฒนธรรม 2. ภาษา
ความสำคัญในการเตรียมตัวเพื่อเข้าไปสู่การเจรจาต่อรองข้ามวัฒนธรรมด้วยทักษะและความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรม และสิ่งสำคัญคือการมีเจตคติที่ดีซึ่งจะทำให้เกิดความสำเร็จยิ่งขึ้น วัฒนธรรมส่งผลต่อความสามารถในการเจรจาต่อรอง และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมีผลต่อการเจรจาต่อรอง ดังนั้น ผู้จัดการของแต่ละองค์กรจะต้องรวบรวมปัจจัยต่างๆของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของคู่เจรจา เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเจรจาต่อรอง และกำหนดกลยุทธ์การทำธุรกิจให้สอดคล้องกับคู่เจรจา อย่างรอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น การเจรจาต่อรองด้านธุรกิจระหว่างประเทศจึงกลาย เป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจทุกประเภทต่างหันมาให้ความสำคัญ เพื่อให้การเจรจามีความราบรื่นและ ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย และเป็นหนทางในการหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศมากขึ้น
วัฒนธรรมมีผลต่อการเจรจาอย่างไร….?วัฒนธรรมมีผลต่อการเจรจาอย่างไร….?