400 likes | 588 Views
บทที่ 7 ระบบโครงร่าง. Skeleton system. Skeleton system. นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบโครงร่าง ในร่างกาย ความสำคัญของกระดูกที่เป็นระบบโครงร่างที่สำคัญ ส่วนประกอบของกระดูก การแบ่งประเภทกระดูกตามรูปร่าง การ แบ่งประเภทของกระดูกโครงร่างในร่างกาย หน้าที่ของกระดูก
E N D
บทที่ 7 ระบบโครงร่าง Skeleton system
Skeleton system นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบโครงร่าง ในร่างกาย ความสำคัญของกระดูกที่เป็นระบบโครงร่างที่สำคัญ ส่วนประกอบของกระดูก การแบ่งประเภทกระดูกตามรูปร่าง การ แบ่งประเภทของกระดูกโครงร่างในร่างกาย หน้าที่ของกระดูก รวมทั้งส่วนประกอบของกระดูกอ่อน และข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย
ระบบโครงร่าง (Skeleton system) เป็นระบบที่ทำให้เกิดรูปร่างของร่างกายสัตว์ ประกอบด้วย • กระดูก (bone) • กระดูกอ่อน (cartilage) • ข้อต่อต่างๆ (joints) วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับกระดูก คือosteology วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับกระดูกอ่อน คือchondrology วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับข้อต่อต่างๆในร่างกาย คือ artropology
กระดูก กระดูก เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษที่มีความแข็งแรง เนื่องจาก intercellular substance เป็นส่วนของของแข็งที่เกิดจากการเกาะตัวกันของธาตุแคลเซียม เนื้อกระดูกส่วนใหญ่ประกอบด้วย : - ธาตุแคลเซี่ยมในรูปแคลเซี่ยมฟอสเฟท ร้อยละ 85 และแคลเซียมคาร์บอเนทร้อยละ 10 ที่เหลือคือสารอินทรีย์
หน้าที่ของกระดูก • ห่อหุ้มและป้องกันอันตรายให้แก่อวัยวะภายใน • ทำให้เกิดโครงร่าง • เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อโครงร่าง • เป็นแหล่งสะสมแร่ธาตุชนิดต่างๆ เช่น แคลเซี่ยม • เป็นแหล่งสร้างเม็ดเลือด
โครงกระดูกในสุกร lumbar vertebrate sacrum coccygeal scapular skull ribs femur tibia radius humorous fibular capus tasal ulna
กระดูกโครงร่างในโค vertebrate coccygeal atlas skull femur ribs sternum metatarsal
การแบ่งประเภทของกระดูกการแบ่งประเภทของกระดูก การแบ่งประเภทตามลักษณะการเจริญเติบโต 1. กระดูกที่เจริญเติบโตมาจากเนื้อเยื่อแผ่นบางๆ (Membranous bone) เช่น กระดูกซี่โครง กะโหลกศีรษะ 2. กระดูกที่เจริญเติบโตมาจากกระดูกอ่อน (Cartilaginous bone) เช่นกระดูกขาหน้าและขาหลัง
การแบ่งประเภทของกระดูกการแบ่งประเภทของกระดูก การแบ่งประเภทตามลักษณะความแน่นของเนื้อกระดูก 1. กระดูกชนิดเนื้อแน่น (Compact bone) เป็นกระดูกที่พบที่ตัวกระดูก(shaft) ของกระดูกยาวและขอบของกระดูกแบนและกระดูกสั้น 2. กระดูกชนิดเนื้อพรุนคล้ายฟองน้ำ (Spongy bone) เป็นกระดูกที่มีรูพรุนและโปร่ง พบตามปลายบนและปลายล่างของกระดูกยาวและกระดูกแบน
กระดูกชนิดเนื้อพรุน Periosteum Outer Table Compact Bone Osteoblast Red Bone Marrow Diploe Osteoclast Osteocyte Inner table Osteogenic layer Fibrous layer Periosteum
การแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอก การแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอก 1. กระดูกยาว (Long bone) เช่น กระดูกขาหน้า (radius) และขาหลัง(femur) ประกอบด้วยตัวกระดูก(shaft) และมีปลายกระดูกทั้งสองข้าง(epiphysis) 2. กระดูกสั้น (Short bone) มีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เช่น กระดูกข้อเท้าขาหน้า (carpus) และขาหลัง (tarsusหรือ hock)
การแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอกการแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอก 3. กระดูกแบน (Flat bone) เป็นกระดูกที่มีลักษณะแบนประกอบด้วยแผ่นกระดูกเนื้อแน่น 2 แผ่น มีกระดูกคล้ายฟองน้ำแทรกอยูตรงกลาง เช่น กระดูกซี่โครง (rib) และกระดูกกะโหลกศีรษะ (skull) 4. กระดูกที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดงา (Sesamoid bone) เป็นกระดูกที่พบตามข้อต่อต่างๆ เช่น กระดูกสะบ้าหัวเข่า (patellaหรือ knee bone)
การแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอก การแบ่งกระดูกตามลักษณะรูปร่างภายนอก 5. กระดูกที่มีโพรงอากาศ (Sinus) อยู่ภายใน เรียกว่า Pneumatics bone เช่น frontal bone ที่กะโหลกศีรษะ6. กระดูกที่มีรูปร่างไม่แน่นอน (Irregular bone) เป็นกระดูกที่ไม่สามารถจัดเข้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ มักอยู่ตามแนวแกนกลางของลำตัว อาจมีเป็นคู่ก็ได้ เช่นกระดูกสันหลัง
การแบ่งประเภทของกระดูกโครงร่างการแบ่งประเภทของกระดูกโครงร่าง กระดูกโครงร่างของสัตว์เลี้ยง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ - กระดูกโครงร่างส่วนแกน (axial skeleton) - กระดูกโครงร่างส่วนรยางค์ (appendicular skeleton) - กระดูกโครงร่างที่เจริญอยู่ในเนื้อเยื่อของอวัยวะบางแห่ง (visceralskeletonหรือ splanchnic skeleton)
กระดูกโครงร่างส่วนแกน กระดูกโครงร่างส่วนแกน คือกระดูกที่อยู่ตามแนวแกนกลางของลำตัว ประกอบด้วย 1. กระดูกกะโหลกศีรษะ (skull)2. กระดูกสันหลัง (vertebrate) และกระดูกซี่โครง (rib) มีหน้าที่ค้ำจุนให้เกิดเป็นโครงร่าง และป้องกันอวัยวะภายใน
กระดูกกะโหลกศีรษะ กระดูกกะโหลกศีรษะ ประกอบด้วย 1. กระดูกที่หุ้มสมอง (cranial bone) มีกระดูกแบนขนาดใหญ่ 7-8 ชิ้นหน้าที่ป้องกันอันตรายให้สมอง 2. กระดูกที่เป็นส่วนประกอบของหน้า (facial bone) เป็นกระดูกที่เกิดจากกระดูกหลายชิ้นมาเรียงซ้อนตัวกัน
กระดูกสันหลัง (vertebrate) แบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนคือ 1. กระดูกสันหลังส่วนคอ (cervical vertebrate) 2. กระดูกสันหลังส่วนอก (thoracic vertebrate) 3. กระดูกสันหลังส่วนเอว (lumbar vertebrate) 4. กระดูกสันหลังส่วนสะโพก หรือเชิงกราน (sacral vertebrate) 5. กระดูกสันหลังส่วนหาง (coccygeal vertebrate)
กระดูกสันหลัง ชนิดของสัตว์กระดูกสันหลัง โคC7, T13, L6, S5, Cy 18-20 ม้าC7, T18, L6, S5, Cy 15-20 แกะC7, T13, L6-10, S4, Cy 16-18 แพะC7, T13, L7, S7, Cy 12 สุกรC7, T14-15, L6, S4, Cy 20-23 ไก่C14, T7, LS14, Cy 6
กระดูกสันหลัง (2) กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical vertebrate หรือกระดูกคอ (Neck bone) มีลักษณะต่างจากกระดูกสันหลังส่วนอื่นคือ ส่วนarticular processเจริญดีมาก แต่ส่วนของ transverse processและ spinous processเจริญเติบโตน้อยมาก ทำให้กระดูกคอเคลื่อนไหวได้ดี
กระดูกสันหลังส่วนอก กระดูกสันหลังส่วนอก(thoracic vertebrate)มีตัวกระดูกสั้น มีส่วนปลายของกระดูกซี่โครงมาเกาะอยู่ ส่วนspinous processเจริญดี โดยเฉพาะที่กระดูกสันหลังบริเวณไหล่ ในโคทำให้เกิดส่วนโหนก (wither) ส่วนspinous processจะมีความยาวลดลงเรื่อยๆ นับจากส่วนอกไปทางท้าย
กระดูกสันหลัง (3) กระดูกสันหลังส่วนเอว(Lumbra vertebrate) มีส่วน spinous processสั้น มีการเอียงไปทางด้านหน้าเล็กน้อย มีขนาดใหญ่ และแบน กระดูกสันหลังส่วนสะโพก(Sacral vertebrate) มีจำนวนกระดูกและรูปร่างที่แตกต่างกันไปตามชนิดของสัตว์ กระดูกจะมีการเชื่อมต่อกันเป็นชิ้นใหญ่ เรียกว่า กระดูกสะโพก(sacrum) ด้านหน้าต่อกับ lumbarด้านท้ายต่อกับกระดูกหางชิ้นที่ 1
กระดูกสันหลัง (4) กระดูกสันหลังส่วนหาง หรือกระดูกหาง(coccygeal vertebrate) รูปร่างแตกต่างกันไป แต่จะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆตามรูปร่างของหาง
กระดูกซี่โครง และกระดูกอก (Rib and Sternum) กระดูกซี่โครงเป็นกระดูกแบนมีอยู่เป็นคู่ อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังและกระดูกอกตรงกระดูกอ่อน (costal cartilage) การเชื่อมต่อระหว่างกระดูกอก และกระดูกซี่โครงผ่านกระดูกอ่อน costal cartilageทำให้เกิดเป็นส่วนช่องอก thoracic cavity Thoracic cartilage Costal cartilage
กระดูกรยางค์ส่วนหน้า (Fore limb) • กระดูกสะบัก (scapular) มีรูปร่างคล้ายใบพาย • กระดูกต้นขาหน้า (arm boneหรือ humerous) • กระดูกปลายขาหน้า (fore armหรือ radiusและ ulna) • กระดูกข้อขาหน้า (carpus) • กระดูกฝ่าเท้าหน้า (metacarpal boneหรือ cannon bone) • กระดูกนิ้วเท้า (digits หรือ toe finger)
กระดูกรยางค์หลัง (Hind limb) 1. Hip bone มีกระดูก 3 ชิ้นมาต่อกันคือ ischium, iliumและ pubis 2. กระดูกต้นขาหลัง (femur) 3.กระดูกแข้ง (tibia) และกระดูกน่อง (fibular) 4.กระดูกข้อเท้าหลัง (tarsusหรือ hock) 5. กระดูกฝ่าเท้าหลัง (metatarsus) 6. กระดูกนิ้วเท้า (digits)
กายวิภาคของกระดูกยาว กายวิภาคของกระดูกยาว - ประกอบด้วย ตัวกระดูก (shaft หรือ diaphysis) - ปลายกระดูกทั้งสองข้างเรียกว่า epiphysisมี แนวกระดูกอ่อนเรียกว่า epiphyseal plateหรือ epiphyseal cartilage - ปลายกระดูกทั้งสองข้างห่อหุ้มด้วยกระดูกอ่อน (articular cartilage) เป็นส่วนปลายกระดูกที่จะเกิดเป็นข้อต่อ
กายวิภาคของกระดูกยาว ตัวกระดูกหุ้มด้วยเยื่อบางๆ เรียกว่า periosteumเมื่อผ่ากระดูกยาวตามทางยาวจะพบโพรงกระดูก (medullary cavity) ที่บุด้วยเยื่อบุเรียกว่า endosteumในโพรงกระดูกมี ไขกระดูก (bone marrow) สร้างเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ
กายวิภาคของกระดูกยาว กายวิภาคของกระดูกยาว
จุลวิภาคของกระดูก เมื่อนำกระดูกยาวมาตัดออกเป็นชิ้นเล็กๆบางๆ นำไปส่องกล้องจลทรรศน์ จะเห็นว่าเนื้อกระดูกจะมีรูเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไปเรียกว่า haversian canalรูนี้เป็นทางผ่านของเส้นเลือด เส้นน้ำเหลือง และเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงกระดูก
จุลวิภาคของกระดูก - แต่ละ haversian canalจะมีวง (lamella) ล้อมรอบอยู่ บนวงมีแอ่ง(lacuna) แทรกอยู่ ในแอ่งมีเซลล์กระดูก (osteocyte) ฝังอยู่ข้างใน - วงที่ล้อมรอบรู(ท่อ) haversian canalจะเรียงซ้อนกันหลายชั้นเป็นวงเรียงซ้อนกัน เรียกว่าhaversian systemหรือ osteon - ท่อเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างแอ่ง หรือ(lacuna) เรียกว่า canaliculi
Canaliculi Canaliculi
กระดูก - เส้นเลือดฝอยที่มาหล่อเลี้ยงกระดูกทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหาร ออกซิเจนและรับของเสียจากเซลล์กระดูกที่อยู่ภายในแอ่ง - ช่องทางที่haversian canal ติดต่อกับโพรงกระดูก และภายนอกกระดูก เรียกว่า Volkmann's canal
กระดูก กระดูกเป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษ ประกอบด้วยเซลล์กระดูก (bonecell) และสารประกอบที่อยู่ระหว่างเซลล์กระดูก (bone matrix) เซลล์กระดูกมี 3 ชนิด คือ osteoblast ,osteoclastและosteocyte สารประกอบที่อยู่ระหว่างกระดูก คือ สารอินทรีย์ และอนินทรีย์รวมทั้งเลือด และน้ำเหลือง
กระดูกอ่อน • เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดพิเศษ ที่มีความแข็งแรง แต่บิดงอได้ • ประกอบด้วย เซลล์กระดูกอ่อน (chondrocyte) และ extracellular matrix ที่ปะกอบด้วย collagen และ elastin แบ่งประเภทของกระดูกอ่อนตามเส้นใยที่ประกอบคือ • Hyaline cartilage • Elastic cartilage • Fibrous cartilage
ข้อต่อ (joints) ข้อต่อ (Joints) เป็นส่วนของร่างกายที่เกิดขึ้นตรงบริเวณที่กระดูกมาต่อกัน หรือกระดูกมาต่อกับกระดูกอ่อน หน้าที่ ประสานให้เอ็นยึดติดกับกระดูก มีส่วนในการทำให้เกิดเป็นรูปร่าง
ประเภทของข้อต่อ แบ่งข้อต่อตามการเคลื่อนไหวเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.Synarthrose jointข้อต่อที่เคลื่อนไหวไม่ได้ 2.Amphearthrose jointข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย 3.Diarthrose jointข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้ดี
ข้อต่อ (joints) การเคลื่อนไหวของข้อต่อที่มีการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ มีหลายแบบเช่น การเคลื่อนไหวไปข้างหน้า ไปข้างหลัง (gliding) การงอข้อต่อ (flexion)และการยืดข้อต่อ (extension) การแบ่งประเภทของข้อต่อตามลักษณะการยึดต่อกันของหน้ากระดูกแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ 1.Fibrous joint 2.Cartilaginous joint 3.Synovial joint