1 / 28

รัฐไทยกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ : คุณูปการและบทวิพากษ์

รัฐไทยกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ : คุณูปการและบทวิพากษ์. วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร Assistant Professor of Political Economy, GRIPS Tokyo. คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 15 กันยายน 2557. ประเด็นอภิปราย. ตำแหน่งแห่งที่และ คุณูปการของ “รัฐไทยกับการปฎิรูปเศรษฐกิจ” บทวิพากษ์เชิงทฤษฎีและจากมุมมองเอเชียตะวันออก

dylan-hunt
Download Presentation

รัฐไทยกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ : คุณูปการและบทวิพากษ์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รัฐไทยกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ: คุณูปการและบทวิพากษ์ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร Assistant Professor of Political Economy, GRIPS Tokyo คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 15 กันยายน 2557

  2. ประเด็นอภิปราย • ตำแหน่งแห่งที่และคุณูปการของ “รัฐไทยกับการปฎิรูปเศรษฐกิจ” • บทวิพากษ์เชิงทฤษฎีและจากมุมมองเอเชียตะวันออก • ข้อเสนอแนะการศึกษารัฐไทยในอนาคต

  3. 1. ตำแหน่งแห่งที่และคุณูปการต่อวงวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมือง

  4. ข้อเสนอของอภิชาต (2556) แบ่งได้เป็นสองส่วน “อภิชาต”= อภิชาต สถิตนิรามัย (2556) รัฐไทยกับการปฎิรูปเศรษฐกิจ: จากกำเนิดทุนนิยมนายธนาคารถึงวิกฤตเศรษฐกิจ 2540. นนทบุรี: ฟ้าเดียวกัน.

  5. ตำแหน่งแห่งที่ในวงวิชาการ: วงวิชาการไทย (I) • เอนก เหล่าธรรมทัศน์, เขียน ; สายทิพย์ สุคติพันธ์, เรียบเรียงเป็นไทย. 2539. มองเศรษฐกิจการเมืองไทยผ่านการเคลื่อนไหวของสมาคมธุรกิจ. กรุงเทพฯ: คบไฟ. • เอนก: จาก “อำมาตยาธิปไตย” (bureaucratic polity) สู่ “ภาคีรัฐ-สังคมแบบเสรี” (liberal corporatism) ในยุครัฐบาลเปรม • อภิชาต: เศรษฐกิจการเมืองไทย พ.ศ. 2500–2540= “ทุนนิยมนายธนาคาร” ผ่านความสัมพันธ์สามเส้าระหว่าง นายทหาร–เทคโนแครต–นายธนาคารเอกชน

  6. ตำแหน่งแห่งที่ในวงวิชาการ: วงวิชาการไทย (II) • ผาสุก พงษ์ไพจิตร. 2541. พัฒนาการอุตสาหกรรมและพัฒนาการเศรษฐกิจ: ประสบการณ์ของเกาหลีใต้ บราซิล ไทย. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. • ผาสุกชี้ว่าไทยเป็น “รัฐขั้นกลาง” ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมมากกว่าบราซิล แต่ด้อยกว่าเกาหลีใต้ • อภิชาตเน้นบทบาทของรัฐและเทคโนแครตต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจมหภาค

  7. ตำแหน่งแห่งที่ในวงวิชาการ: วงวิชาการไทย (III) • รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์. 2532/2546. กระบวนการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจในประเทศไทย: บทวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจการเมือง พ.ศ. 2475-2530. กรุงเทพฯ: คบไฟ. • รังสรรค์มองว่าเทคโนแครตเป็นส่วนหนึ่งในอุปทานของกระบวนการกำหนดนโยบาย ที่ต้องปะทะกับตัวแสดงอื่นๆ+ โครงสร้างส่วนบนของระบบเศรษฐกิจ+ ระบบทุนนิยมโลก • แม้รังสรรค์จะใช้คำว่า “ตลาดนโยบายเศรษฐกิจ” แต่ในแง่การให้เหตุผล ก็ใช้ “การต่อสู้ของพลังทางสังคม” อธิบายนโยบายเช่นกัน โดยไม่ผ่านความเข้มแข็ง-อ่อนแอของรัฐ

  8. ตำแหน่งแห่งที่ในวงวิชาการ: วงวิชาการนานาชาติ เควิน เฮวิสัน (2006) แบ่งสำนักคิดที่วิเคราะห์เศรษฐกิจการเมืองไทยออกเป็น 4 สำนัก • สำนักการทำให้ทันสมัย (modernization school) • สำนักทฤษฎีพึ่งพิง (dependency school) • สำนักเสรีนิยมใหม่ (neoclassical school) • สำนักสถาบันนิยม (institutionalist school) • งานเช่น Christensen et al. (1993); Doner and Ramsay (1997); Thitinan (2001) • ลักษณะร่วมกัน คือ การยึดถือมโนทัศน์ “ทวิรัฐ” (bifurcated state)ซึ่งมีอิทธิพลสูงสุดในการอธิบายการเมืองไทยหลังอำมาตยาธิปไตย ดู Hewison, Kevin. 2006. “Thailand: Boom, Bust and Recovery.” In The Political Economy of South-East Asia. Markets, Power and Contestation, ed. Gary Rodan, Kevin Hewison, and Richard Robison. Melbourne: Oxford University Press.

  9. คุณูปการทางวิชาการและการกำหนดนโยบายคุณูปการทางวิชาการและการกำหนดนโยบาย นอกเหนือไปฐานข้อมูลใหม่ของการกำหนดนโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาคอันเกิดจากความอุตสาหะของผู้เขียนในการค้นคว้าวิจัยแล้ว ผลกระทบที่ลึกซึ้งได้แก่: • การฟื้นฟูมโนทัศน์เศรษฐศาสตร์การเมืองเรื่องรัฐ • ยุคจอมพล ป. มิใช่เพียงยุค “สวรรค์ของนักแสวงหาค่าเช่า” • การเมืองภายในเป็นปัจจัยชี้ขาดในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ • การ “ปฎิรูป” ต้องรวมถึงระบบราชการและเทคโนแครตด้วย

  10. คุณูปการ 1: การฟื้นฟูมโนทัศน์เศรษฐศาสตร์การเมืองเรื่องรัฐ • การฟื้นฟูการกรอบวิธีคิดแบบเศรษฐศาสตร์การเมืองและเศรษฐศาสตร์สถาบัน ที่ถูกละเลยไปในเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก • อัมมาร สยามวาลา: “งานเขียน…เล่มนี้จะอ่อนไหวต่อบริบททางการเมืองมากกว่างานของนักเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไป จุดเด่นดังกล่าวนี้ปรากฏชัดเจนที่สุดในบทที่ 4...ซึ่งเป็นหัวใจของหนังสือ และมีการวิเคราะห์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ” • ผาสุก พงษ์ไพจิตร: “จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ [คือ] จะเข้าใจพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจไทย...จะต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับระบบเศรษฐกิจ บทบาทของพลังทางสังคมสำคัญๆ ที่อยู่เบื้องหลังรัฐไทยในห้วงเวลาหนึ่งๆ รวมทั้งระบบการแบ่งสรรผลประโยชน์ที่ลงตัว”

  11. คุณูปการ 2: ยุคจอมพล ป. มิใช่เพียง “สวรรค์ของนักแสวงหาค่าเช่า” • อภิชาตชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จและทิศทางของการปฏิรูปเศรษฐกิจมหภาคเริ่มต้นขึ้นในยุคจอมพล ป. • เช่น การยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนหลายอัตราที่ใช้มาตั้งแต่หลังสงครามโลก การยกเลิกการควบคุมสินค้านำเข้า การออกกฎหมายสวัสดิการสังคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งหมดนี้เป็นรากฐานสำคัญที่จอมพลสฤษดิ์นำไปต่อยอด • ในแง่นี้ งานของอภิชาตจึงอยู่ในกระแสใหม่ของสังคมศาสตร์ไทยที่กลับมาฟื้นฟูความเข้าใจต่อยุคสมัยจอมพล ป. โดยเปิดมิติทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากประเด็นทางประวัติศาสตร์และการเมือง

  12. คุณูปการ 3: การเมืองภายในเป็นปัจจัยชี้ขาดในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ • ข้อเสนอเด็ดเดี่ยวของอภิชาต (2556) =“สภาวะการเมืองภายในประเทศไทยเป็นปัจจัยชี้ขาด” (หน้า 106) ไม่ใช่แรงกดดันจากภายนอก เช่น สหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ระบบทุนนิยมโลก • การปฏิรูปยุคจอมพล ป. เกิดจากความพยายามเอาตัวรอดจากฐานการเมืองอันง่อนแง่น สหรัฐอเมริกาจึงเป็นแนวร่วมที่ต้องไขว่คว้า: “บทบาทในการปรับปรุงรัฐเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาลจอมพล ป. สมัยที่ 2 นั้น เป็นผลพลอยได้จากนโยบายด้านการต่างประเทศของเขา” (หน้า 50) • จอมพลสฤษดิ์ “การพัฒนาเศรษฐกิจกลายมาเป็นเป้าหมายหลักของรัฐไทย...สืบเนื่องจากจอมพลสฤษดิ์มีความจำเป็นต้องแสวงหาแหล่งอ้างอิงสิทธิธรรมในการปกครองใหม่ การท้าทายอำนาจทางการเมืองของ พคท. รวมทั้งภาวะสงครามเย็นและสงครามในอินโดจีน” (หน้า 106) • ผู้วิจารณ์ หากจะปรับข้อเสนอนี้ให้แหลมคมยิ่งขึ้น ก็อาจกล่าวได้ว่า การพัฒนาเศรษฐกิจไม่เคยเป็นเป้าหมายหลักของชนชั้นนำไทย เป็นแต่เพียงผลพลอยได้ (by-product) ของการต่อสู้ทางการเมือง

  13. คุณูปการ 4:การ “ปฎิรูปเศรษฐกิจ” ต้องรวมถึงระบบราชการและคุณค่า/ความสามารถของเทคโนแครตด้วย • ในบริบทที่คำว่า “ปฎิรูป” ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อและหลักลอย งานของอภิชาตน่าจะช่วยย้ายความสนใจของการปฏิรูปจากนักการเมืองและระบบเลือกตั้ง กลับมาที่ปัญหาใจกลางของตัวรัฐเอง • เช่น การปรับปรุง “ระบบราชการที่แยกส่วน” “ความเสื่อมถอยทางคุณธรรมของเทคโนแครต” หรือ “อำนาจเผด็จการของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย” ซึ่งทั้งหมดนี้ อภิชาตชี้ให้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ทำให้การปฏิรูปเศรษฐกิจไทยล้มเหลว

  14. 2.บทวิพากษ์เชิงทฤษฎีและจากมุมมองเอเชียตะวันออก

  15. ปัญหาสามประการของ “รัฐไทยกับการปฎิรูปเศรษฐกิจ” • ปัจจัยอธิบาย: แล้วอะไรกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง แล้วรัฐอ่อน-รัฐแข็งสำคัญหรือไม่? • สมมติฐานต่อเทคโนแครต: คุณพ่อรู้ดีหรือสัตว์เศรษฐกิจ? • บทบาทรัฐและลำดับความสำคัญ: รัฐแข็ง/รัฐพัฒนาที่ไม่สนใจอุตสาหกรรม?

  16. ปัจจัยอธิบาย: แล้วอะไรกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง แล้วรัฐอ่อน-รัฐแข็งสำคัญหรือไม่?

  17. ปัญหา 1: แล้วอะไรกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง แล้วรัฐอ่อน-รัฐแข็งสำคัญหรือไม่?(I) • ในบทที่๑ อภิชาตเสนอว่า “การต่อสู้ระหว่างกลุ่มพลังทางสังคม” กำหนดความเข้มแข็งของรัฐ • ในบทที่ ๕ การต่อสู้ดังกล่าวเหลือเพียง “การเสื่อมสลายของปทัสถานของเหล่าขุนนางนักวิชาการ” • ในบทที่ ๖ และ ๗ “กติกาการเมือง” อันได้แก่ รัฐธรรมนูญ กลับมากลายเป็นประเด็นใหญ่ • สรุปแล้ว พลังทางสังคม เทคโนแครต หรือรัฐธรรมนูญ เป็นตัวชี้ขาดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการปฏิรูป? • งานสายสถาบันนิยมมักจะฟันธงปัจจัยอธิบายไปเลย เช่น ประชาธิปไตยทำให้การจัดการเศรษฐกิจมหภาคถูกแทรกแซง; ระบอบอาณานิคมญีปุ่นสร้างรัฐแข็งให้เกาหลีใต้

  18. ปัญหา 1: แล้วอะไรกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง แล้วรัฐอ่อน-รัฐแข็งสำคัญหรือไม่?(II) • อภิชาตแยกส่วนการวิเคราะห์ ความสำเร็จ – ความล้มเหลวออกจากกันมากเกินไป ซึ่งทำให้: • ขาดมุมมองต่อความลักลั่นปะปนระหว่างความสำเร็จกับความล้มเหลว หรือผลทางอ้อมของนโยบาย (โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบกับเอเชียตะวันออก) • มองไม่เห็นข้อจำกัดภายใน อันเกิดจากองค์ประกอบของแนวร่วมการเมืองเอง • พันธมิตร “ทหาร-เทคโนแครต-นายธนาคาร” เกิดจากการต่อรองโดยนัย (implicit bargain)ที่มีต้นทุนของมันเองอยู่แล้ว เทคโนแครตเองก็เป็นส่วนหนึ่งของแนวร่วมนี้ มิใช่ผู้ถูกกระทำ • A package deal?หากความล้มเหลวของการปฎิรูปเกิดจากพันธมิตรหรือรัฐธรรมนูญลักษณะนี้ นั่นก็เป็นต้นทุนที่เกิดจากการหล่อเลี้ยงระบอบเผด็จการทหารและเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคนั่นเอง • ในแง่นี้ ความสำเร็จหรือล้มเหลวของการปฏิรูปเศรษฐกิจย่อมสามารถอธิบายได้จากลักษณะและองค์ประกอบของแนวร่วมทางการเมืองแต่ละระบอบ โดยความอ่อน-แข็งของรัฐแทบจะไม่มีนัยสำคัญอะไรในการอธิบายผลปลายทางเลย

  19. ปัญหา 1: แล้วอะไรกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง แล้วรัฐอ่อน-รัฐแข็งสำคัญหรือไม่?(III) Vu, Tuong. 2010. Paths to Development in Asia: South Korea, Vietnam, China, and Indonesia. Cambridge: Cambridge University Press. ความสัมพันธ์ชนชั้นนำและผลต่อโครงสร้างรัฐ องค์ประกอบของรัฐพัฒนา Centralized structure Cohesive political organizations Growth-conducive state–class relations or foreign alliances Ideological congruence

  20. สมมติฐานต่อเทคโนแครต: คุณพ่อรู้ดีหรือสัตว์เศรษฐกิจ?

  21. ปัญหา 2: เทคโนแครต: คุณพ่อรู้ดีหรือสัตว์เศรษฐกิจ? (I) • สมมติฐานของรังสรรค์ =“ขุนนางนักวิชาการไทยเป็นปุถุชนที่มีกิเลสตัณหา มีความเห็นแก่ตัว และแสวงหาอรรถประโยชน์สูงสุด (utility maximization) ดุจดังมนุษย์โดยทั่วไป” (รังสรรค์ 2546: 119) • สมมติฐานของอภิชาต เทคโนแครต = “มีพฤติกรรมอนุรักษนิยม ซื่อสัตย์ และมีความกลมเกลียวภายในสูง” (หน้า 222) • เราควรนำ ผลประโยชน์ + อุดมการณ์ ของเทคโนแครตเข้ามาร่วมวิเคราะห์ด้วย • ผลประโยชน์: งานศึกษา เช่น Adolph (2013) Bankers, Bureaucrats, and Central Bank Politics: The Myth of Neutralityพบว่า [อาชีพในอดีต] + [อาชีพที่คาดหวังในอนาคต] มีผลต่อการกำหนดนโยบายของเทคโนแครตในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งในธนาคารกลาง • อุดมการณ์: ปัญหาที่อภิชาตตั้งไว้ว่า “ด้วยเหตุใดพวกเทคโนแครตที่ขึ้นชื่อว่ามีพฤติกรรมอนุรักษนิยม ซื่อสัตย์และมีความกลมเกลียวภายในสูง จึงเปิดเสรีบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย และตั้งใจกระตุ้นให้มีการนำเข้าเงินทุนขนานใหญ่” (หน้า 332) ไม่น่าจะเป็นประเด็น เพราะเทคโนแครตเสรีนิยมใหม่ทั่วโลกในทศวรรษ 2530 ต่างก็เลือกแนวทางเปิดเสรีทางการเงิน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนซื่อสัตย์

  22. ปัญหา 2: เทคโนแครต: คุณพ่อรู้ดีหรือสัตว์เศรษฐกิจ? (II) • อำนาจเทคโนแครตกับความเจริญทางเศรษฐกิจ: • ความรุ่งเรือง/เสื่อมถอยของเทคโนแครตไม่ควรถูกโยงเข้ากับความสำเร็จ/ล้มเหลวของเศรษฐกิจอย่างเป็นเส้นตรง • หากเทคโนแครตไทยมีอำนาจมากกว่าที่ได้รับ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกเขาจะไม่ขับประเทศไปสู่การเปิดเสรีที่มากกว่านี้ดังเช่นในละตินอเมริกาทศวรรษ 1980 ซึ่งนายพลให้อำนาจเทคโนแครตเสรีนิยมใหม่มากกว่าไทย • เทคโนแครตเอเชียตะวันออก: กลุ่มข้าราชการผู้มีอำนาจในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกยุคไล่กวดไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมใหม่ • ในญี่ปุ่นพวกเขามีพื้นฐานการศึกษาด้านนิติศาสตร์ • ในไต้หวันพวกเขาคือวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ • ในเกาหลีใต้พวกเขาคือนักเศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์ผู้เชื่อมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมหนัก!

  23. บทบาทรัฐและลำดับความสำคัญ: รัฐแข็ง/รัฐพัฒนาที่ไม่สนใจอุตสาหกรรม?

  24. ปัญหา 3: รัฐพัฒนาที่ไม่สนใจอุตสาหกรรม? (I) • แก่นของงานชิ้นนี้ = การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนแครตกับทุนธนาคาร ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจการเมืองไทยรัฐพัฒนาไม่ใช่แกนกลางในงานชิ้นนี้ • ความสำเร็จในการปฏิรูปของรัฐ = การปรับปรุงเศรษฐกิจมหภาค? • ความยอกย้อนคือ ในขณะที่อภิชาตเลือกใช้มโนทัศน์รัฐอ่อน-รัฐแข็งในการวิเคราะห์เศรษฐกิจ เมื่อวิเคราะห์ว่าชุดนโยบายใดเป็นคุณหรือเป็นโทษกับระบบเศรษฐกิจ อภิชาติกลับมีความโน้มเอียงไปยังเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมใหม่ • ในขณะที่กลุ่มนักวิชาการที่สร้างและพัฒนากรอบมโนทัศน์รัฐพัฒนาต่างเน้นย้ำว่า • ในช่วงแรก การปฎิรูปที่ดินเพื่อการลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มประสิทธิภาพภาคเกษตร • ช่วงต่อมา ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อแข่งขันในตลาดส่งออก • รักษาความสมดุลระหว่างอุตสาหกรรม-เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ: ประเทศเอเชียตะวันออกให้ความสำคัญกับนโยบายอุตสาหกรรม เช่น หากต้องเลือกให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เกาหลีใต้เลือกอย่างหลัง ในขณะที่เทคโนแครตไทยจะเลือกควบคุมเงินเฟ้อ

  25. ปัญหา 3: รัฐพัฒนาที่ไม่สนใจอุตสาหกรรม? (II) • อภิชาตเอง (หน้า 94-5) ก็ชี้ว่าการพัฒนาในยุคสฤษดิ์ต่างจากเอเชียตะวันออกตรงที่ไทยใช้ธนาคารเอกชนเป็นหัวหอกผู้กำหนดทิศทางการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม (private bank-led investment) ในขณะที่ในไต้หวันและเกาหลีใต้ รัฐมีหน้าที่นี้ (หรือที่เรียกกันว่า “policy loans”) นอกจากนี้ พอมาถึงหลังวิกฤต 2540 อภิชาตยังชี้ให้เห็นต่อว่า “รัฐไทยเกือบจะไม่มีประสบการณ์ในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชนเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมดังเช่นที่ประเทศเกาหลีใต้เคยทำมาก่อนเลย ทำให้รัฐไทยไม่มีบุคลากรหรือความรู้ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนอย่างเพียงพอ” (หน้า 281) • สำเร็จหรือล้มเหลว? เมื่อรวมสองประเด็นนี้เข้าด้วยกัน ก็อาจจะพออนุมานได้ว่า ระบอบทุนนิยมนายธนาคารไทย + การเน้นรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมากเกินไป ไม่น่าจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจดังที่อภิชาตนำเสนอ เพราะนอกจากจะไม่สามารถส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เท่าเอเชียตะวันออกแล้ว ก็ยังทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยามวิกฤตไม่มีประสิทธิผลอีกด้วย • รัฐกับอุตสาหกรรม: แม้ว่าปัจจัยที่ทำให้เอเชียตะวันออกประสบความสำเร็จจะสามารถถกเถียงกันได้ แต่หากเลือกศึกษาจากมโนทัศน์รัฐพัฒนาแล้ว เราไม่อาจละเลยบทบาทของนโยบายอุตสาหกรรมได้

  26. 3.ข้อเสนอแนะการศึกษารัฐไทยในอนาคต

  27. ข้อถกเถียงในวงวิชาการนานาชาติข้อถกเถียงในวงวิชาการนานาชาติ • ปัจจัยกำหนดรัฐพัฒนา: อาณานิคม ภัยคุกคาม หรือการเมืองชนชั้นนำ • รัฐหลายมิติ: ความสามารถทางการคลัง ความสามารถทางการบริหาร ความสามารถด้านอุตสาหกรรม • ความหลากหลายของระบบทุนนิยม(Varieties of Capitalism) • นโยบายอุตสาหกรรมและกับดักรายได้ขนาดกลาง (middle-income trap)

  28. บทสรุป • “รัฐไทยกับการปฎิรูปเศรษฐกิจ” คือ หมุดหมายที่สำคัญของวงวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมือง • คุณูปการของงาน คือ มโนทัศน์รัฐไทย การเมืองภายใน และยุคสมัยจอมพล ป. • ปัญหาของงานอยู่ที่ปัจจัยกำหนดรัฐอ่อน-รัฐแข็ง สมมติฐานเทคโนแครต และภาคอุตสาหกรรม • การศึกษารัฐไทยในอนาคตควรให้น้ำหนักกับกรอบทฤษฎีและการศึกษาเปรียบเทียบ

More Related