1 / 54

หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศ

หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศ. เนื้อหาประจำหน่วย. 1.1 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน 1.2 ความหมายความสำคัญประโยชน์ของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ 1.3 ระบบคอมพิวเตอร์. 1.1 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน.

deana
Download Presentation

หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. หน่วยที่ 1ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศ

  2. เนื้อหาประจำหน่วย • 1.1 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน • 1.2 ความหมายความสำคัญประโยชน์ของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ • 1.3 ระบบคอมพิวเตอร์

  3. 1.1 คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวัน

  4. การใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันการใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน • ลงทะเบียนผ่านอินเทอร์เน็ต • โอนเงินในบัญชีธนาคาร • ซื้อสินค้า • สั่งอาหาร • ชำระภาษี • สนทนาออนไลน์ • ฯลฯ

  5. 1.2 ความหมายความสำคัญประโยชน์ของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

  6. ความหมายของคอมพิวเตอร์ความหมายของคอมพิวเตอร์ • อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูล ประมวลผล สื่อสาร เคลื่อนย้ายข้อมูล และแสดงผลลัพธ์ได้

  7. วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์ • ในการทำงานของคอมพิวเตอร์ จะมีขั้นตอนการทำงานพื้นฐาน 4 ขั้นตอน เรียกย่อๆ ว่า IPOS cycle ประกอบด้วย • การรับข้อมูล • การประมวลผล • การแสดงผล • การจัดเก็บข้อมูล

  8. วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ)วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • รับข้อมูล (Input) คอมพิวเตอร์จะทำหน้าที่รับข้อมูลเพื่อนำไปประมวลผล อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น แป้นพิมพ์ เมาส์ สแกนเนอร์ ไมโครโฟน และกล้องดิจิทัล เป็นต้น

  9. วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ)วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ประมวลผล (Process) เมื่อคอมพิวเตอร์รับข้อมูลเข้าสู่ระบบแล้ว จะทำการประมวลผลตามโปรแกรมหรือคำสั่งที่กำหนด เช่น การคำนวณภาษี การคำนวณเกรดเฉลี่ย เป็นต้น

  10. วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ)วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • แสดงผล (Output) คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลไปยังหน่วยแสดงผล ซึ่งมีอุปกรณ์ทำหน้าที่แสดงผลที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบัน ได้แก่ จอภาพ ลำโพง และเครื่องพิมพ์ เป็นต้น

  11. วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ)วงจรการทำงานของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • จัดเก็บข้อมูล (Storage) คอมพิวเตอร์จะทำการจัดเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล เช่น ฮาร์ดิสก์ แผ่นฟลอปปีดิสก์ เป็นต้น

  12. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ • การทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Machine) • การทำงานด้วยความเร็วสูง (Speed) • ความถูกต้องแม่นยำเชื่อถือได้ (Accuracy and Reliability) • การเก็บข้อมูลได้ในปริมาณมาก (Storage) • การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูล (Communication)

  13. ประเภทของคอมพิวเตอร์ • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) • คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe Computer) • มินิคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (Minicomputer) • คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) • คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook Computer) • Hand-held personal computer หรือ palmtop computer

  14. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด จึงมีราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้ถึงพันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งาน เช่น การพยากรณ์อากาศ การทดสอบทางอวกาศ และงานอื่นๆ ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน

  15. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe Computer) มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจาก ผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก เช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียนของนักศึกษา เป็นต้น

  16. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • มินิคอมพิวเตอร์หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (Minicomputer) มีประสิทธิภาพในการทำงานด้านความเร็วและความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่าเมนเฟรมแต่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และสามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น การจองห้องพักของโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ

  17. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ที่มีขนาดเล็กเหมาะกับโต๊ะทำงานในสำนักงาน สถานศึกษา และที่บ้าน รูปทรงของตัวเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีทั้งแบบวางนอน และแบบแนวตั้ง เพื่อประหยัดเนื้อที่ในการวาง

  18. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบ่งประเภทจำแนกได้ดังนี้ • All-in-one computer รวมจอภาพและหน่วยประมวลผลอยู่ในอุปกรณ์เดียวกัน • Workstation มีความสามารถและราคาสูง ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านการคำนวณและกราฟิก • Stand-alone computer หรือคอมพิวเตอร์ระบบเดี่ยว สามารถทำงานที่เรียกว่า IPOS cycle โดยที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่ในปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ • Server computer มีความสามารถเช่นเดียวกัน/ใกล้เคียงกับเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์

  19. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค (Notebook Computer) • บางครั้งเรียกว่า แลปท็อปคอมพิวเตอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีขนาดเล็ก บาง และน้ำหนักเบา เหมาะแก่การพกพาไปใช้ในสถานที่ต่างๆ สามารถใช้กับไฟฟ้ามาตรฐานทั่วไปและแบตเตอรี่ • นอกจากโน๊ตบุ๊คที่เห็นและใช้งานทั่วไปแล้ว ยังมีที่ได้รับความนิยมคือ tablet PC เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดกำลังเหมาะ น้ำหนักเบา หมุนได้ 180 องศา มีทั้งแบบมีแป้นพิมพ์ในตัว และแบบไม่มีแป้นพิมพ์ในตัวแต่มีแป้นพิมพ์แยกต่างหาก การรับข้อมูลสามารถใช้ทั้งแบบสัมผัสและใช้ปากกาพิเศษเขียนบนจอภาพได้

  20. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • Hand-held personal computer หรือ palmtop computer • เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุด เรียกกันว่า พีดีเอ (PDA) ย่อมาจากคำว่า personal digital assistant ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคล จดบันทึก ปฏิทินนัดหมาย เครื่องคิดเลข ตลอดจนการใช้งานอินเทอร์เน็ต • บางครั้งเรียกว่า pen-based computer เนื่องจากใช้ปากกาที่เรียกว่า สไตลัส เป็นอุปกรณ์ในการบันทึกข้อมูล นอกจากหน้าที่พื้นฐานทั่วไปแล้ว ยังสามารถรับ-ส่งอีเมล และส่งโทรสารได้ด้วย เช่น Pocket PC และ Palm

  21. ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ)ประเภทของคอมพิวเตอร์(ต่อ) • คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่างๆ นิยมนำมาใช้ทำงานเฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์ แต่จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ และเพจเจอร์ เป็นต้น

  22. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี หมายถึง การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ มาใช้ให้เกิด ประโยชน์และเป็นหัวใจของการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ สารสนเทศ หมายถึง เนื้อหาของข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยี+สารสนเทศ=เทคโนโลยีสารสนเทศ

  23. ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาจัดการกับสารสนเทศ การติดต่อสื่อสาร การส่งข้อมูลทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ ตัวเลข เสียง ภาพโดยผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งการนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในระบบเครือข่าย โดยผ่านระบบโทรคมนาคม

  24. บทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศบทบาทและความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การทำงานหลายๆอย่างในชีวิตประจำวันเป็นไป อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความถูกต้องแม่นยำ เช่น การติดต่อสื่อสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ การกดเงินจากตู้ เอ.ที.เอ็ม เป็นต้น

  25. ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคมผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อสังคม ด้านบวก เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ด้านลบ มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นพิษ ไม่เหมาะกับสังคมและ วัฒนธรรม ผ่านทางอินเทอร์เน็ต อาจนำไปสู่อาชญากรรมได้

  26. ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ • ส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า • ช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายของมนุษย์ • ใช้ในการติดต่อสื่อสารทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว • อื่นๆ

  27. โทษของเทคโนโลยีสารสนเทศโทษของเทคโนโลยีสารสนเทศ - ทำให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่าง รวดเร็ว - เป็นช่องทางก่อให้เกิดอาชญากรรม - ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย เพราะการติดต่อสื่อสารไม่ จำเป็นต้องเจอหน้า

  28. 1.3 ระบบคอมพิวเตอร์

  29. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ • ระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 6 ส่วน คือ 1.ฮาร์ดแวร์ (Hardware) 2. ซอฟต์แวร์ (Software) 3. ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) 4. ผู้ใช้ (User) 5. กระบวนการทำงาน (Procedure) 6. บุคลากรทางสารสนเทศ(Information Systems Personnel)

  30. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ฮาร์ดแวร์(Hardware) หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เช่นแป้นพิมพ์ หน่วยประมวลผลกลาง จอภาพ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์อื่นๆ ฮาร์ดแวร์จะทำงานตามโปรแกรมที่เขียนขึ้น

  31. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ซอฟต์แวร์ (Software) • บางครั้งเรียกว่าโปรแกรม(Program) หรือชุดคำสั่ง • วัตถุประสงค์หลักของซอฟต์แวร์คือการสั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงาน เพื่อประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ

  32. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ในการประมวลผลข้อมูล คอมพิวเตอร์จะประมวลผลตามข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่หน่วยรับข้อมูล ดังนั้นข้อมูลจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการประมวลผลเพื่อให้ได้สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจถ้าข้อมูลที่เข้าไปถูกต้องผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีความถูกต้องเชื่อถือได้

  33. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information) ข้อมูล หมายถึง สิ่งที่ได้มาจากการรวบรวม ซึ่งอาจเป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ หรือ เสียง เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำการประมวลผลให้ได้สารสนเทศ สารสนเทศ หมายถึง สิ่งที่ได้จากการประมวลผล ซึ่งในบางครั้งสารสนเทศอาจเป็นข้อมูลเพื่อการประมวลผลให้ได้สารสนเทศอีกอย่างหนึ่งก็ได้

  34. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • ผู้ใช้ (User) การทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องให้ผู้ใช้สั่งงาน แต่ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์บางชนิดที่สามารถทำงานอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยส่วนใหญ่แล้วยังต้องการให้มนุษย์สั่งงานเสมอ

  35. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • กระบวนการทำงาน( Procedure) เป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์หรือข้อสนเทศจากคอมพิวเตอร์ ในการทำงานกับคอมพิวเตอร์จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องเข้าใจขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ได้งาน ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เช่นการถอนเงินด้วยเครื่องฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) จะต้องมีขั้นตอนหรือกระบวนการดังนี้ • จอภาพแสดงความพร้อมเพื่อการทำงาน • สอดบัตรและป้อนรหัสผู้ใช้ • เลือกรายการทำงาน • ใส่จำนวนเงิน • รับเงิน • รับบัตรคืนและใบบันทึกรายการ

  36. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ)องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์(ต่อ) • บุคลากรทางสารสนเทศ (Information System Personnel) เป็นส่วนสำคัญของระบบสารสนเทศคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนทำงานร่วมกับผู้ใช้ อย่างใกล้ชิดเพื่อการพัฒนาระบบให้ตรงความต้องการของผู้ใช้

  37. บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์ บุคลากรที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์มีบทบาทและหน้าที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่รับผิดชอบ ซึ่งสามารถสรุปเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ดังนี้ • เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ(Operator) • บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม(Program) • ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงขององค์การ (Chief Information Officer: CIO) • ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer User)

  38. บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ)บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ(Operator) • เป็นผู้รับผิดชอบดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ปกติ • หากเกิดปัญหาขัดข้องจะต้องแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบเพื่อทำการแก้ไข • ทำหน้าที่ในการบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ให้สามารถพร้อมที่จะนำไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ • ทำหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบ • จัดทำรายงานและรวบรวมเอกสารคอมพิวเตอร์ให้เป็นระเบียบ

  39. บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ)บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ) บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม(Program) บุคลากรคอมพิวเตอร์ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย • นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ(System Analyst and Designer) • ผู้บริหารฐานข้อมูล(Database Administrator) • นักพัฒนาโปรแกรมระบบ (System Programmer) • นักพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer)

  40. บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ)บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ) ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูงขององค์การ (Chief Information Officer: CIO) • เป็นผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร • ทำการศึกษาความต้องการของผู้ใช้ข้อมูลขององค์การ • เสนอแผนในการสร้างระบบข้อมูลสารสนเทศที่จะพัฒนาระบบงาน • เป็นผู้กำหนดว่าจะพัฒนาระบบงานอะไรบ้าง ใช้เทคโนโลยีชนิดใด งบประมาณเท่าใด • ติดตามและควบคุมให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

  41. บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ)บทบาทและหน้าที่ของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์(ต่อ) ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (Computer User) • เป็นผู้ให้ข้อมูลความต้องการในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงาน • เป็นผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้พัฒนาขึ้น • เป็นผู้ใช้โปรแกรมประยุกต์

  42. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งานตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน ปัจจุบันได้มีการนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้กับงานในองค์กรเกือบทุกประเภท ทั้งนี้เนื่องมาจากคุณสมบัติที่ดีในการทำงานของคอมพิวเตอร์ ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารที่มีการพัฒนาระบบและอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการดำเนินงานเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นโทรศัพท์เคลื่อนที่(mobile phone) และระบบเครือข่าย (Network)

  43. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) ตัวอย่างในการนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งาน โดยจะเน้นการนำไปช่วยงานทางธุรกิจ ดังนี้ • การนำเสนอข้อมูลขององค์การ(Organization Profile) หน่วยงานต่างๆได้พัฒนาเว็บไซต์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลขององค์การ ช่วยให้การประชาสัมพันธ์และการติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว

  44. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • การนำเสนอขายสินค้าและบริการ (Sales and Services) การทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตหรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce)ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน บริษัทและธุรกิจประเภทต่างๆ ได้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตมาเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าอีกทางหนึ่ง เช่น การจำหน่ายหนังสือ และการจองห้องพักโรงแรม

  45. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • ตรวจสอบการรับ-ส่งสินค้า(Shipping and Receiving) ปัจจุบันหลายบริษัท เช่น FedEx และ UPS ในสหรัฐอเมริกาได้นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการตรวจสอบการส่งสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามสถานะภาพของสินค้าว่าอยู่ในกระบวนการใดได้ผ่านทางเว็บไซต์ของแต่ละบริษัท

  46. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • ออกแบบผลิตภัณฑ์(Product Design) เป็นการนำคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มาช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่นการใช้โปรแกรมประเภทคอมพิวเตอร์ช่วยออกแบบ (computer-aided design หรือ CAD) มาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือชิ้นส่วน การใช้โปรแกรม Adobe Photoshop เพื่อการตกแต่งภาพ

  47. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • งานบัญชี (Accounting) โปรแกรมระบบบัญชีได้รับความนิยมเกือบทุกองค์การ บางหน่วยงานอาจใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางด้านบัญชีในขณะที่บางหน่วยงานอาจพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาใช้เอง

  48. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • งานบุคลากร (Human Resources) ปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของบุคลากรในบริษัท ช่วยการวางแผนงานบุคลากร รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  49. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • การเรียนการสอน (Teaching and Learning) หน่วยงานทางการศึกษาได้นำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกัน ลักษณะงานที่เด่นชัดคือ การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการเรียนสอน (โปรแกรมนำเสนอ Microsoft PowerPoint) การจัดเก็บข้อมูลนักศึกษาและผลการเรียน การสอนใช้คอมพิวเตอร์ช่วย(CAI) และ E-leaerning

  50. ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ)ตัวอย่างการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งาน(ต่อ) • คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิง (Entertainment) คอมพิวเตอร์นอกจะนำมาใช้ในงานด้านต่างๆ แล้ว ยังสามารถนำมาใช้สร้างความบันเทิงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลงคาราโอเกะหรือแม้แต่การเล่นเกมส์

More Related