1 / 1

ฟาร์ม จ. ดินชุดโคราช ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,500 – 1,700 มม./ปี เป็นฟาร์มขนาดกลาง เกษตรกรมีฐานะปานกลาง

ฟาร์ม จ. ดินชุดโคราช ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,500 – 1,700 มม./ปี เป็นฟาร์มขนาดกลาง เกษตรกรมีฐานะปานกลาง นายคำไหล ลิวัน อายุ 53 ปี.

Download Presentation

ฟาร์ม จ. ดินชุดโคราช ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,500 – 1,700 มม./ปี เป็นฟาร์มขนาดกลาง เกษตรกรมีฐานะปานกลาง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ฟาร์ม จ. ดินชุดโคราช ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,500 – 1,700 มม./ปี เป็นฟาร์มขนาดกลาง เกษตรกรมีฐานะปานกลาง นายคำไหล ลิวัน อายุ 53 ปี สภาพทั่วไปของฟาร์ม:อยู่ บ้านเลขที่ 118 หมู่ 1 บ้านห้วยข่า ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัด อุบลราชธานี พื้นที่ติดกับส่วนต้นน้ำของแม่น้ำลำโดมน้อย ซึ่งพื้นที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะฟาร์ม:พื้นที่ทำการเกษตรมีทั้งหมดจำนวน 43 ไร่ ลักษณะพื้นที่ฟาร์มเป็นที่เนินดอนลาดเทลงสู่ลำน้ำ 3 ด้าน ดินมีลักษณะเป็นดินทรายตะกอน บริเวณที่ลุ่มอยู่ติดห้วยลำโดมน้อย เกษตรกรมีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด 4 คน มีแรงงานในครอบครัว 2 คน เพื่อทำการกรีดยางและทำยางแผ่นตลอดจนดูแลรักษาสวนยางพารา กิจกรรมในฟาร์ม:เป็นลักษณะผสมผสานระหว่างข้าวกับยางพารา พื้นที่ปลูกยางมี 2 แปลง แปลงแรกพื้นที่ 8 ไร่ เปิดกรีดเมื่อปี พ.ศ. 2546 แปลงที่สองยังไม่ได้เปิดกรีดมีพื้นที่ 5 ไร่ แปลงที่สามใช้ทำนามีพื้นที่ 30 ไร่ จากข้อมูลในตารางดินในแปลงตัวอย่างพบว่ามีปริมาณอินทรียวัตถุ โพแทสเซียมและ ฟอสฟอรัส อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานของดินทั่วไป และ pH อยู่ในระดับกรดอ่อน จึงสรุปได้ว่าดินในแปลงตัวอย่างมี pH เหมาะสมในการปลูกยางพารา เพราะอยู่ในช่วง 4.0-5.5 ข้อเสนอแนะ:ควรมีการจัดการเรื่องธาตุอาหารในดินโดยการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุและธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตยางพารา การวิเคราะห์การเจริญเติบโตยางพาราแปลงตัวอย่าง จากการสุ่มตัวอย่างต้นยางพาราในแปลงตัวอย่าง เพื่อวัดการเจริญเติบโตพบว่าขนาดลำต้นมีเส้นรอบต้นเฉลี่ย 52.6เซนติเมตร ความสูงเฉลี่ย 13.52 เมตร ขนาดทรงพุ่มเฉลี่ย 4.96 เมตร และเปอร์เซ็นต์แสงส่องพื้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ตารางที่ 2 ต้นทุนการผลิตยางพาราตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงปัจจุบัน การปลูกยางพารา :เกษตรกรมีการปลูกยางพารา 2 แปลงพื้นที่แรก8 ไร่ ปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2536 พันธุ์ RRIM600 แปลงที่สองพื้นที่ 5 ไร่ ปลูกปี พ.ศ. 2549 พันธุ์ RRIM600 วิเคราะห์การลงทุนและผลตอบแทนในการปลูกยางพารา (แปลงปลูกที่ 1) การปลูก :พื้นที่ปลูก 8 ไร่ ปลูกเมื่อเดือนกรกฎาคมปี พ.ศ. 2536 พันธุ์ RRIM600 ต้นพันธุ์เป็นต้นยางชำถุงขนาด 2 ฉัตร แหล่งต้นพันธุ์จากสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ระยะห่างในการปลูก 3.3 x 6 เมตร ขนาดหลุมปลูก 50 x 50 x 50 เซนติเมตร โดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตรร็อคฟอสเฟตรองก้นหลุม การกำจัดวัชพืช :ในปีแรกถึงปีที่สองไม่มีการกำจัดวัชพืชขาดแรงจูงใจ เนื่องจากช่วงที่ปลูกราคายางต่ำ แต่ในปีที่สามถึงสี่มีการจ้างแรงงานถางหญ้าและไถพรวนกำจัดวัชพืชในปีที่ห้าถึงปีปัจจุบันใช้สารกำจัดวัชพืชประเภทดูดซึม โดยในแต่ละปีจะมีการกำจัดวัชพืชปีละ2 ครั้ง และในครั้งที่ 2 จะทำพร้อมกับการทำแนวกันไฟทุกปี การใส่ปุ๋ย :ใส่ปุ๋ยปีละ 2 ครั้ง ทุกปีในช่วงต้นฝนและปลายฤดูฝน ในปีที่ 1-7 ใช้สูตร 18-4-5 ในปีที่ 7-14 ใช้สูตร 15-7-18 ขณะเดียวกันเกษตรกรมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์มูลค้างคาวในปีที่เริ่มกรีดจนถึงปัจจุบันปีละ18 กระสอบ การกรีด :เกษตรกรกรีดและทำยางแผ่นเอง โดยจะทำการเปิดหน้ายางในเดือนเมษายนและกรีดเดือนพฤษภาคม – เดือนมกราคม ในการกรีดจะแบ่งขนาดลำต้นเพื่อกรีดยางเป็น ½ ของลำต้นในการกรีดยางปกติจะกรีด 2 วัน หยุด 1 วัน ยกเว้นในช่วงที่ฝนตกชุกและจากการสังเกตในแปลงพบว่าหน้ายางเสียหายมากเนื่องจากเกษตรกรกรีดหน้ายางลึก ผลผลิตฟาร์มตัวอย่าง เกษตรกรมีการขายผลผลิต 2 ครั้งต่อเดือน ที่สหกรณ์รับซื้อยางพาราอำเภอบุณฑริก และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอำเภอบุณฑริก เกษตรกรเริ่มเปิดหน้ายางและทำการกรีดราวๆ เดือนเมษายน ผลผลิตครั้งแรกแต่ละปีขายในรูปของขี้ยางพาราประมาณ 180-250 กิโลกรัมต่อเดือนไม่ได้ทำยางแผ่น ในเดือนที่สองจะขายผลผลิตในรูปของขี้ยางประมาณ 250-300 กิโลกรัม และทำเป็นยางแผ่นบ้างเล็กน้อยประมาณ 50 - 100 แผ่นต่อเดือน (1 แผ่น ประมาณ 1.3-1.5 กิโลกรัม) ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนจะได้ผลผลิตประมาณ 10 - 15 แผ่นต่อวัน โดยเฉลี่ยในฤดูหนาว (เดือนตุลาคม – เดือนมกราคม) ผลผลิตยางพารามีปริมาณมากที่สุดประมาณ 15-20 แผ่นต่อวัน เกษตรกรจะหยุดกรีดเมื่อยางเริ่มผลัดใบในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ ผลผลิตประมาณวันละ 17- 18 แผ่น และน้ำยางจะใสไม่ข้น ทั้งนี้ปริมาณผลผลิตก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปริมาณฝนด้วยเช่นกัน สรุปและวิจารณ์ผล จากการศึกษาฟาร์มนี้ พบว่าเกษตรกรไม่มีการดูแลดูแลแปลงยางในช่วงแรกปลูก จึงทำให้ต้นยางเจริญเติบโตช้า เริ่มกรีดได้เมื่อยางอายุ 10 ปี เมื่อยางอายุ 14 ปี และได้ทำการเปิดกรีดมาแล้ว 4 ปี มีขนาดเส้นรอบลำต้นหลังกรีด เฉลี่ย 52.6 เซนติเมตร ส่วนผลการวิเคราะห์ค่าตอบแทนและต้นทุนการผลิตเชิงเศรษฐศาสตร์นั้น เนื่องจากต้องรอข้อมูลผลผลิตและจำนวนวันกรีดรายเดือนจากสหกรณ์รับซื้อยางพาราและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอำเภอ บุณฑริก ซึ่งอยู่ระหว่างการติดต่อขอความอนุเคราะห์ข้อมูล โดยการสรุปวิเคราะห์ผลที่สมบูรณ์จะเสร็จสิ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการวิจัยฯ สิ้นปี 2549 ตารางที่ 1 ผลวิเคราะห์เคมีดินในฟาร์มตัวอย่าง

More Related