1 / 10

วิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณอาชีวศึกษา จ . นครศรีธรรมราช

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนของนักเรียน ในเขตภาคใต้ตอนบน. FACTORS AFFECTING DECISION MAKING OF STUDENTS TO STUDY IN PRIVATE VOCATIONAL COLLEGE IN UPPER SOUTHERN OF THAILAND. ดร . วันฉัตร ทิพย์มาศ. วิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณอาชีวศึกษา จ . นครศรีธรรมราช.

davis-king
Download Presentation

วิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณอาชีวศึกษา จ . นครศรีธรรมราช

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนของนักเรียน ในเขตภาคใต้ตอนบน FACTORS AFFECTING DECISION MAKING OF STUDENTS TO STUDY IN PRIVATE VOCATIONAL COLLEGE IN UPPER SOUTHERN OF THAILAND ดร.วันฉัตร ทิพย์มาศ วิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณอาชีวศึกษา จ.นครศรีธรรมราช

  2. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา • สัดส่วนจำนวนนักเรียนอาชีวศึกษาต่อมัธยมศึกษาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง • จากปี 2549-2553 กล่าวคือ ลดลงจาก 41:58 เป็น 38:62 ในปี 2553 • นักเรียนที่จบ ม.3 ทั้งหมด เรียนต่อสายสามัญร้อยละ 60 • อาชีวศึกษารัฐร้อยละ 24ดังนั้นจะเรียน อาชีวศึกษาเอกชนแค่ ร้อยละ 16 เท่านั้น • วิทยาลัยอาชีวศึกษาในภาคใต้ตอนบน 7 จังหวัดประสบปัญหาจำนวนนักเรียนที่ศึกษาต่ออาชีวศึกษาเอกชนลดลงเป็นจำนวนมาก • ในปี 2552 มีจำนวน 19,486 คน ปี 2553 มีจำนวน 18,456 และปี 2554 • มีจำนวน 17,980 คน ภาพลักษณ์ จำนวนลดลงของนักเรียน • การศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ (ม.4-ม.6) หลักสูตร 3 ปี • การศึกษาต่อสายอาชีวศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. 3 ปี) • ในสถานศึกษาของรัฐ, วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน • การศึกษาต่อด้านทหาร-ตำรวจ • การศึกษาต่อด้านอื่น ๆ ได้แก่ วิทยาลัยนาฏศิลปะ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ โรงเรียนช่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วิทยาลัยในวังหญิง วิทยาลัยในวังชาย โรงเรียนราชาพาณิชย์นาวี ทางเลือกในการศึกษาต่อ • ปัญหาภาพลักษณ์วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน, ค่านิยมของคนภาคใต้

  3. วัตถุประสงค์ของการวิจัยวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. 2. เพื่อศึกษาปัจจัยและตัวบ่งชี้ ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนของนักเรียน ในเขตภาคใต้ตอนบน ตรวจสอบความเที่ยงตรงตามสภาพจริง (Concurrent Validity) ของปัจจัยและตัวบ่งชี้ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนของนักเรียน ในเขตภาคใต้ตอนบนโดยยืนยันกับกลุ่มผู้รู้แจ้งชัด (Known Group)

  4. กรอบแนวคิดการวิจัย หลักสูตรสาขา ผลิตภัณฑ์ อัตลักษณ์ การส่งเสริมการตลาด แบรนด์ การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ครูดี บุคคล สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ข้อพิสูจน์ ตัวบ่งชี้ ปัจจัยย่อย ปัจจัยหลัก ความสัมพันธ์วิทยาลัย กับชุมชน การคล้อยตามกลุ่มเพื่อน การส่งเสริมของผู้ปกครอง ศิษย์เก่า เทคโนโลยีสารสนเทศ สภาพแวดล้อมภายในวิทยาลัย แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ หลักฐานเชิงประจักษ์

  5. วิธีดำเนินการวิจัย ตอนที่ 1 การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อ ขั้นที่ 1 ศึกษาเอกสาร แนวคิดและทฤษฎี ขั้นที่ 2 ศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นที่ 3 สัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ตอนที่ 2 การวิเคราะห์ปัจจัยและตัวบ่งชี้การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อ ขั้นที่ 1 สังเคราะห์ปัจจัยและตัวบ่งชี้ ประมวลได้ 5 ปัจจัยหลัก 12 ปัจจัยย่อย และ 118 ตัวบ่งชี้ ขั้นที่ 2 นำมาสร้างเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นข้อคำถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) โดยใช้มาตราแบบลิคเอิร์ท (Likert)

  6. วิธีดำเนินการวิจัย (ต่อ) ตอนที่ 3 การตรวจสอบคุณภาพ (Content Validity) ของตัวบ่งชี้การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อ การตรวจสอบความเที่ยงตรงตามเนื้อหา โดยใช้ค่า CVI โดยผู้เชี่ยวชาญ 10 ท่าน มีค่าความเที่ยงตรงตามเนื้อหาสูงกว่า .80 ขึ้นไปทุกข้อ โดยค่า I-CVI อยู่ระหว่าง .80-1.00 ค่า S-CVI คือ .98 ตอนที่ 4 การทดลองใช้แบบสอบถาม (Try Out) กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2555 ในวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตภาคใต้ตอนบน จาก 3 วิทยาลัย จำนวน 50 คน หาค่าสถิติแสดงค่าอำนาจจำแนก ตัวบ่งชี้ 118 ข้อ ตัดเหลือ 105 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .96

  7. วิธีดำเนินการวิจัย (ต่อ) ตอนที่ 5 การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล • ประชากร • นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในเขตภาคใต้ตอนบน ในปีการศึกษา 2555 จำนวน 6,146 คน จำนวน 24 วิทยาลัย • กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง • ตามแนวคิดของเสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ (2554) การวิเคราะห์องค์ประกอบ • อย่างน้อยที่สุดต้องเป็น 10 เท่าของตัวแปรที่ต้องการวิเคราะห์ • การวิจัยครั้งนี้มีตัวบ่งชี้ที่ต้องการวิเคราะห์ 105 ตัวบ่งชี้ • มีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,050 คน ใช้เทคนิคการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis : EFA)โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการวิเคราะห์ ดังนี้ 1. คำนวณค่าสถิติพื้นฐาน เช่น ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2. การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ (Exploratory Factor Analysis : EFA) โดยใช้การวิเคราะห์ด้วยวิธีสกัดปัจจัย (Principal Component Analysis : PCA)

  8. วิธีดำเนินการวิจัย (ต่อ) ตอนที่ 6 การทดสอบกับกลุ่มผู้รู้แจ้งชัด (Known Group) ขั้นที่ 1 การพัฒนาเครื่องมือ เป็นแบบสอบถามประกอบด้วย 2 ตอน คือ 1. ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 2. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวบ่งชี้การตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตภาคใต้ตอนบน มาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) โดยใช้มาตราแบบลิคเอิร์ท (Likert) ขั้นที่ 2 การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ ขั้นที่ 3 การเก็บรวบรวมข้อมูล เลือกกลุ่มผู้รู้แจ้งชัดแบบเจาะจง (Purposive Samplings) คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 ที่มีผลการเรียนสะสม 3.00 ขึ้นไป ปีการศึกษา 2555 ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตภาคใต้ตอนบน เพื่อการหาความเที่ยงตรงตามสภาพจริง (Concurrent Validity) จาก 2 วิทยาลัย จำนวน 50 คน ขั้นที่ 4 การวิเคราะห์ข้อมูล 1. หาค่าเฉลี่ยของความคิดเห็นของกลุ่มผู้รู้แจ้งชัดในแต่ละตัวบ่งชี้ 2. หาค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อทราบการกระจายของข้อมูลในแต่ละตัวบ่งชี้ 3. ทดสอบค่า ที (t-test)โดยการเปรียบเทียบระดับค่าเฉลี่ยของตัวบ่งชี้ที่ได้กับเกณฑ์ประเมินค่าที่ระดับมาก (µ = 3.50) ตามการแปลความหมายค่าเฉลี่ยแบบอิงเกณฑ์ (Criterion Reference) เพื่อยืนยันว่าตัวบ่งชี้ที่ค้นพบในการวิจัยนี้มีความเที่ยงตรงตามสภาพจริง

  9. สรุปผลการวิจัย 1. ปัจจัยแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีตัวบ่งชี้จำนวน 12 ตัวบ่งชี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 43.617 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .851-.540 2. ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในวิทยาลัย มีตัวบ่งชี้จำนวน 9 ตัวบ่งชี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 6.378 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .790-.507 3. ปัจจัยครูดี มีตัวบ่งชี้จำนวน 7 ตัวบ่งชี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 5.608 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .760-.590 4. ปัจจัยความสำเร็จของศิษย์เก่า มีตัวบ่งชี้จำนวน 7 ตัวบ่งชี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 4.044 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .664-.501 5. ปัจจัยการส่งเสริมของผู้ปกครอง มีตัวบ่งชี้จำนวน 4 ตัวบ่งชี้ สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 3.570 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .748-.646 6 . ปัจจัยแบรนด์มีตัวบ่งชี้จำนวน 5 ตัวบ่งชี้สามารถอธิบายความแปรปรวนได้ ร้อยละ 3.151 มีค่าน้ำหนักองค์ประกอบตั้งแต่ .785-.504

  10. ข้อเสนอแนะเพื่อการนำไปใช้ 1. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนของนักเรียนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยอื่น ดังนั้น ผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนควรนำตัวบ่งชี้ ทั้ง 12 ข้อของปัจจัยมาใช้ในการดำเนินการของวิทยาลัย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อโดยทางผู้บริหารวิทยาลัยควรจัด Workshop และBrainstorming เพื่อให้ได้แนวนโยบายผลลัพธ์ตามตัวบ่งชี้ 2. ผู้บริหารระดับสูงวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ในเขตภาคใต้ตอนบน สามารถนำผลการวิจัยนี้ไปเป็นแนวทางในการบริหารสถานศึกษา โดยการวางแผน จัดทำนโยบาย รวมทั้งการกำหนดยุทธศาสตร์และกลวิธีสู่การบริหารจัดการวิทยาลัยเพื่อสร้างคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นและเป็นที่นิยมของนักเรียน 3. ผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน สามารถนำผลการวิจัยครั้งนี้เป็นแนวทางในการจัดทำโครงการทางด้านการแนะแนวการศึกษาให้กับวิทยาลัยเพื่อให้วิทยาลัยเป็นที่นิยมในการตัดสินใจเข้าศึกษาต่อของนักเรียน

More Related