1 / 35

นาวสาวธีราพร วิริวุฒิกร ผู้อำนวยการส่วนสารอันตราย

สาระสำคัญและพันธกรณีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ การติดตามตรวจสอบสาร POPs ระดับโลกและระดับภูมิภาค และการประเมินความมีประสิทธิผลภายใต้อนุสัญญาฯ ( Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants: POPs). นาวสาวธีราพร วิริวุฒิกร ผู้อำนวยการส่วนสารอันตราย

danae
Download Presentation

นาวสาวธีราพร วิริวุฒิกร ผู้อำนวยการส่วนสารอันตราย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สาระสำคัญและพันธกรณีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ การติดตามตรวจสอบสาร POPs ระดับโลกและระดับภูมิภาค และการประเมินความมีประสิทธิผลภายใต้อนุสัญญาฯ(Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants: POPs) นาวสาวธีราพร วิริวุฒิกร ผู้อำนวยการส่วนสารอันตราย สำนักจัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ

  2. อนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ • รับรองอนุสัญญาฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2544 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน • ลงนาม 152 ประเทศ /ให้สัตยาบัน 179 ประเทศ (ณ พ.ย. 56) • บังคับใช้เมื่อ 17 พฤษภาคม 2547 • ประเทศไทย • ลงนามเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2545 • ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2548 • มีผลบังคับใช้กับไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2548

  3. วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ • วัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากสารมลพิษ ที่ตกค้างยาวนาน (สาร POPs) โดยการลด/เลิก การผลิต การใช้ และการปลดปล่อยสาร POPs • คุณสมบัติของสาร POPs • ถูกย่อยสลายได้ยากโดยแสง/สารเคมี/ชีวภาพ • ตกค้างในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน • สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ไกลมาก • มีคุณสมบัติละลายน้ำได้น้อยมากแต่ละลายได้ดีในไขมันจึงทำให้มีการสะสมในไขมันของสิ่งมีชีวิต • มีความเป็นพิษสูง

  4. สารเคมี 23 ชนิด ภายใต้อนุสัญญาฯ สาร POPs เดิม 12 ชนิด • ภาคผนวก เอ (เลิกใช้/กำจัดให้หมดไป)Pesticides:aldrin, chlordane, dieldrin, endrin, heptachlor, hexachlorobenzene, mirex, และ toxapheneIndustrial chemical: PCBs • ภาคผนวก บี (จำกัดการใช้) DDT • ภาคผนวก ซี (ปลดปล่อยโดยไม่จงใจ) dioxins, furans, hexachlorobenzene

  5. สารเคมี 23 ชนิด ภายใต้อนุสัญญาฯ (ต่อ) • COP4 ปี พ.ศ. 2552 เพิ่มเติม สาร POPs9 ชนิด (nine new POPs) • ภาคผนวก เอ (เลิกใช้/กำจัดให้หมดไป) Pesticides:alpha-hexachlorocyclohexane, beta-hexachlorocyclohexane, chlordeconeและlindaneIndustrial chemicals: hexabromobiphenyl, pentachlorobenzene, hexabromodiphenyl ether and heptabromodiphenyl ether, และtetrabromodiphenyl ether and pentabromodiphenyl ether • ภาคผนวก บี (จำกัดการใช้) perfluorooctane sulfonic acid (PFOS), its salts and perfluorooctane sulfonyl fluoride (PFOSF) • ภาคผนวก ซี (ปลดปล่อยโดยไม่จงใจ)pentachlorobenzene • COP5 ปี พ.ศ. 2554 เพิ่มเติม technical endosulfan and its related isomers ในภาคผนวก เอ • COP6 ปี พ.ศ. 2556 เพิ่มเติม hexabromocyclododecaneในภาคผนวก เอ

  6. สาร POPs ชนิดใหม่

  7. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-1)

  8. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-2)

  9. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-3)

  10. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-4)

  11. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-5)

  12. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-6)

  13. สาร POPs ชนิดใหม่ (ต่อ-7)

  14. พันธกรณีที่สำคัญ • ใช้มาตรการทางกฎหมายและการบริหารเพื่อห้ามผลิต/ใช้ สาร POPs ประเภทที่มีการใช้งานอย่างจงใจ • ลดการปลดปล่อยสาร POPs ประเภทปลดปล่อยโดยไม่จงใจโดยส่งเสริมการใช้สารทดแทน และ BAT/BEP • ดูแลจัดการ stockpiles ของเสีย POPs และพื้นที่ปนเปื้อน • จัดทำแผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ โดยทบทวนและปรับปรุงแผนฯ ตามความเหมาะสม

  15. พันธกรณีที่สำคัญ (ต่อ) • พัฒนาทำเนียบข้อมูลต่าง ๆ อาทิ การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษ • เผยแพร่ข้อมูล และการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับสาร POPs • สนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบต่างๆ จากสาร POPs ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ • จัดส่งรายงานของประเทศ (national report) • สนับสนุนการประเมินความมีประสิทธิผลของอนุสัญญาฯ (effectiveness evaluation)

  16. พันธกรณีข้อบทที่ 11 ของอนุสัญญาฯ การวิจัย การพัฒนา และการติดตามตรวจสอบ • ส่งเสริมให้ภาคีสมาชิกดำเนินการวิจัยพัฒนาและติดตามตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับสาร POPs ตามขีดความสามารถ ของตน รวมทั้งในส่วนของสารทดแทนสาร POPs และสารเคมีที่อยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดให้เป็นสาร POPs ภายใต้อนุสัญญาฯในประเด็น อาทิ  แหล่งปลดปล่อยสาร POPs ระดับการปนเปื้อนในมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การเคลื่อนย้ายและการเปลี่ยนรูปทางสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม

  17. พันธกรณีข้อบทที่ 11 ของอนุสัญญาฯ (ต่อ-1) การวิจัย การพัฒนา และการติดตามตรวจสอบ (ต่อ-1) • สนับสนุนและพัฒนาโครงการ เครือข่ายและองค์กรระหว่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการกำหนดกรอบ การดำเนินการ การประเมิน และการให้การสนับสนุนทางการเงิน สำหรับการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล และการติดตามตรวจสอบสาร POPs ตามขีดความสามารถของตน • สนับสนุนความพยายามระดับชาติและระดับนานาชาติในการเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถด้านเทคนิคและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา

  18. พันธกรณีข้อบทที่ 11 ของอนุสัญญาฯ (ต่อ-2) การวิจัย การพัฒนา และการติดตามตรวจสอบ (ต่อ-2) • ให้คำนึงถึงข้อจำกัดของประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะ ทางด้านเทคนิคและการเงิน และให้ร่วมมือกันในการเสริมสร้าง ขีดความสามารถให้สูงขึ้น • ดำเนินการวิจัย โดยมีจุดมุ่งหมายในการบรรเทาผลกระทบของสาร POPs ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ • ให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงผลของกิจกรรม การวิจัย การพัฒนา และการติดตามตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอและทันเวลา • ส่งเสริมความร่วมมือในการเก็บรักษาข้อมูลที่เกิดจากการวิจัย การพัฒนา และการติดตามตรวจสอบ

  19. พันธกรณีข้อบทที่ 16 ของอนุสัญญาฯ การประเมินความมีประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) • เพื่อให้ทราบว่าการบังคับใช้อนุสัญญาฯ ทำให้ระดับการปนเปื้อนสาร POPs ในสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มลดลง/สาร POPs ได้ถูกกำจัดให้หมดไปในระดับโลก • เริ่มประเมินความมีประสิทธิผลครั้งแรก หลังจากอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ 4 ปี หลังจากนั้นให้ COP พิจารณาตัดสินใจกรอบระยะเวลาการประเมินครั้งต่อไป  ทั้งนี้ COP/POPs-4 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552 เห็นชอบให้มีการประเมินความมีประสิทธิผล ทุกๆ 6 ปี โดยครั้งต่อไปในปี 2558

  20. พันธกรณีข้อบทที่ 16 ของอนุสัญญาฯ (ต่อ-1) การประเมินความมีประสิทธิผล (ต่อ-1) • เน้นความร่วมมือและการดำเนินการในระดับภูมิภาคตาม ขีดความสามารถด้านเทคนิคและการเงิน โดยใช้โครงการติดตามตรวจสอบที่มีอยู่เดิม และประสานวิธีการให้สอดคล้องกัน เพื่อสามารถเปรียบเทียบข้อมูลได้ • ต้องรวบรวมรายงานผลการติดตามตรวจสอบสาร POPs ในระดับภูมิภาคและระดับโลก ตามแนวทางใน Global Monitoring Plan (GMP) เสนอต่อ COP เพื่อพิจารณา

  21. พันธกรณีข้อบทที่ 16 ของอนุสัญญาฯ (ต่อ-2) การประเมินความมีประสิทธิผล (ต่อ-2) • การประเมินความมีประสิทธิผลจะพิจารณาจากข้อมูล • รายงานและข้อมูลการติดตามตรวจสอบที่ได้มาตามข้อบทที่ 16 วรรค 2 (ตาม GMP) • รายงานของประเทศ (national report) จัดส่งตามข้อบทที่ 15 • ข้อมูลเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามที่ได้มาตามระเบียบวิธีการที่กำหนดขึ้นภายใต้ข้อบทที่ 17

  22. แผนการติดตามตรวจสอบสาร POPs ระดับโลก (Global Monitoring Plan: GMP) • ให้แนวทางการเก็บรวบรวมข้อมูลการติดตามตรวจสอบสาร POPs ในทุกภูมิภาคของโลก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นระบบเดียวกันและเปรียบเทียบกันได้  เพื่อให้ทราบแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงระดับสาร POPs ตามกาลเวลา  เพื่อให้ทราบข้อมูลการเคลื่อนย้ายของสาร POPs ในระดับภูมิภาคและระดับโลก • ตัวอย่างหลัก (core media) ในการติดตามตรวจสอบ เพื่อสามารถบ่งชี้ข้อมูลข้างต้น ได้แก่ อากาศในบรรยากาศทั่วไป เลือด น้ำนมมารดา และตัวอย่างน้ำสำหรับสารกลุ่ม PFOS

  23. แผนการติดตามตรวจสอบสาร POPs ระดับโลก (Global Monitoring Plan: GMP) (ต่อ-1) • รายงานผลการติดตามตรวจสอบสาร POPs ในระดับภูมิภาคและระดับโลกตามแนวทาง GMP ฉบับที่ 1ได้เสนอต่อ COP/POPs สมัยที่ 4เมื่อเดือนพฤษภาคม 2552  เป็นข้อมูลฐาน (baseline) สำหรับการประเมินในอนาคต  COP/POPs-4 ให้มีการประเมินความมีประสิทธิผล ทุกๆ 6 ปี • รายงานผลการติดตามตรวจสอบสาร POPs ฉบับที่ 2 จะเสนอต่อ COP/POPs สมัยที่ 7 เพื่อพิจารณาในปี พ.ศ. 2558

  24. แผนการติดตามตรวจสอบสาร POPs ระดับโลก (Global Monitoring Plan: GMP) (ต่อ-2) • COP/POPs สมัยที่ 4-6 ได้เห็นชอบให้บรรจุสาร POPs เพิ่มเติม 11ชนิด (กล่าวคือ สาร POPs 9 ชนิด, endosulfan และ hexabromocyclododecane) จึงต้องมีการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมสาร POPs ชนิดใหม่ดังกล่าวด้วย  อาทิ การปรับปรุง GMP การพัฒนาวิธีการทดสอบที่เป็นมาตรฐาน และกิจกรรมการติดตามตรวจสอบ • มีการปรับปรุงคู่มือแนวทาง GMP โดยเพิ่มเติมประเด็นสาร POPs 9 ชนิด โดยนำเสนอต่อ COP/POPs สมัยที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2554 ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ขอให้สำนักเลขาธิการฯ มีการปรับปรุงคู่มือแนวทาง GMP อย่างต่อเนื่อง

  25. การดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ • จากรายงานผลการดำเนินงาน ปี 2551 - 2555 พบว่ามีการศึกษาวิจัย และติดตามตรวจสอบสาร POPs จากแหล่งกำเนิดประเภทต่างๆ ที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ผลผลิตทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์อาหาร อาทิ • การศึกษาการสะสมและการแพร่กระจายสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่เกษตรกรรม ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำที่สำคัญ โดยกรมวิชาการเกษตร • การตรวจสอบสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์กลุ่มออร์กาโนคลอรีน และรวมทั้งสารในกลุ่ม POPs ในตัวอย่างพืช ผัก และผลไม้ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

  26. การดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ (ต่อ) • การศึกษาวิจัย และติดตามตรวจสอบสาร POPs ในประเทศ (ต่อ) • การติดตามตรวจสอบสารพีซีบีที่ตกค้างในสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำการติดตามตรวจสอบสารพีซีบีในตะกอนดิน บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ปากแม่น้ำและอ่าวไทยตอนบน • ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม พิษวิทยาและการบริหารจัดการสารเคมี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ดำเนินการการเฝ้าระวัง/ติดตามตรวจสอบสารพีซีบีตกค้างในผลิตภัณฑ์อาหาร ภายใต้โครงการ The evaluation of PCBs and dioxin-like PCBs contaminated coast of Thailand by using chemical and biological techniques

  27. การดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ (ต่อ) • การศึกษาวิจัย และติดตามตรวจสอบสาร POPs ในประเทศ (ต่อ) • การศึกษาเบื้องต้นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์กลุ่มออร์กาโนคลอรีนสะสมในประชากรไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เพื่อทราบชนิดและปริมาณสารเคมีดังกล่าวที่สะสม ในประชากรไทย สำหรับใช้เป็นแนวทางในการลดและแก้ไข ปัญหาสาร POPs • การดำเนินโครงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการไดออกซิน โดยกรม ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

  28. การดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ (ต่อ) • การศึกษาวิจัย และติดตามตรวจสอบสาร POPs ในประเทศ (ต่อ) • การดำเนินโครงการ Persistent Organic Pollutants in the Mekong River Basin (Mekong POPs) โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งศึกษาการตกค้างของสาร POPs ในดินตะกอนของลุ่มแม่น้ำโขง • การตรวจวัดปริมาณสารไดออกซินและฟิวแรนจากแหล่งกำเนิด อาทิ เตาเผามูลฝอยติดเชื้อ เตาเผาศพ โรงไฟฟ้าและหม้อน้ำอุตสาหกรรม และจากอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและโลหะ โดยกรมควบคุมมลพิษ

  29. สรุปภาพรวมการดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ • มีข้อมูลการติดตามตรวจสอบสาร POPs ในตัวอย่างสิ่งแวดล้อมบางส่วน อาทิ ตัวอย่างน้ำ ตะกอนดิน สัตว์น้ำ อากาศเสียจากปล่องโรงงาน/เตาเผา และตัวอย่างอาหาร ในรูปแบบของบทความ/รายงานการวิจัย แต่ยังไม่มีการรวบรวมฐานข้อมูลการติดตามตรวจสอบสาร POPs อย่างเป็นระบบ • ยังไม่มีระบบการติดตามตรวจสอบสาร POPs ในตัวอย่างหลัก (อาทิ อากาศ เลือด และน้ำนมมารดา) ที่สอดคล้องกับ GMP • การดำเนินงานด้านการตรวจวิเคราะห์และติดตามตรวจสอบสาร POPs ชนิดใหม่ ยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัด

  30. สรุปภาพรวมการดำเนินงานข้อบทที่ 11 และ 16 ในประเทศ (ต่อ) • หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์สาร POPs โดยเฉพาะสาร PCDDs/PCDFs • ยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี และงบประมาณ และต้องการการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถเพิ่มเติม

  31. ความร่วมมือระดับภูมิภาคความร่วมมือระดับภูมิภาค โครงการ Environmental Monitoring of POPs in East Asian Countries • แหล่งเงินสนับสนุน :กระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศญี่ปุ่น • ประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ: 11 ประเทศ คือ กัมพูชา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย • วัตถุประสงค์ของโครงการ: เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อติดตามตรวจสอบสาร POPs รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถด้านการตรวจวิเคราะห์สาร POPs เพื่อสนับสนุนการประเมินความมีประสิทธิผลตามข้อบทที่ 16 ของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ

  32. ความร่วมมือระดับภูมิภาค (ต่อ-1) โครงการ Environmental Monitoring of POPs in East Asian Countries • ขอบเขตของโครงการฯ : เริ่มเมื่อปี ค.ศ. 20O2 ได้ติดตามตรวจสอบสาร POPs ประเภทสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ 9 ชนิด ในบรรยากาศทั่วไป กล่าวคือ อัลดริน (aldrin); คลอเดน (chlordane); ดีดีที (DDT); ดิลดริน (dieldrin); เอนดริน (endrin); เฮปตะคลอร์ (heptachlor); เอชซีบี (hexachlorobenzene); ไมเร็กซ์ (mirex) และท็อกซาฟีน (toxaphene) ในปี ค.ศ. 2012 ได้ขยายขอบเขตโดยเพิ่มการตรวจวัดสาร POPs อีก 2 ชนิด คือ เฮกซะคลอโรไซโคลเฮกเซน (hexachlorocyclohexane) และเพนตะคลอโรเบนซิน (pentachlorobenzene)

  33. ความร่วมมือระดับภูมิภาค (ต่อ-2) โครงการ Environmental Monitoring of POPs in East Asian Countries • เป้าหมายของโครงการฯ : - จัดตั้งสถานที่เก็บตัวอย่างสำหรับเป็นสถานีเก็บตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของภูมิภาค (super site) เพื่อดำเนินการเก็บตัวอย่างในระยะยาว - พัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและห้องปฏิบัติการในประเทศในการดำเนินการเก็บและตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสาร POPs และประเทศสมาชิกสามารถดำเนินโครงการติดตามตรวจสอบสาร POPs ระยะยาวได้ด้วยตนเอง - ประเทศสมาชิกที่มีความพร้อมแล้ว ให้การสนับสนุนด้านเทคนิคการ ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างให้กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งให้ความร่วมมือกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อาทิ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ในการเสริมสร้าง ขีดความสามารถให้กับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในภูมิภาค

  34. ความร่วมมือระดับภูมิภาค (ต่อ-3) โครงการ Environmental Monitoring of POPs in East Asian Countries • การดำเนินงานที่ผ่านมา : - รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ให้การสนับสนุนการทดลองเก็บตัวอย่างสาร POPs ในบรรยากาศ (trial air monitoring) ให้แก่ประเทศสมาชิก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ถึงปัจจุบัน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมสำหรับเป็นสถานี super site - ประเทศไทยได้รับการสนับสนุนการทดลองเก็บตัวอย่างและการฝึกอบรมในประเทศ รวมทั้งสิ้น 2 ครั้ง กล่าวคือ ในปี ค.ศ. 2006 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปี ค.ศ. 2007 ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์  พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีความเหมาะสม เนื่องจากเป็นพื้นที่สะอาดและไม่มีแหล่งกำเนิดสาร POPs โดยตรง ดังนั้น ค่าสาร POPs ที่ตรวจวัดได้จึงสะท้อนถึงค่าที่เกิดจากการเคลื่อนย้ายมาจากระยะไกล (long-range transport) อย่างแท้จริง

  35. ศูนย์ประสานงานอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สำนักจัดการกากของเสียและสารอันตรายกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโทรศัพท์: 0 22982439, 2442โทรสาร: 0 22982442e-mail: chem@pcd.go.th http://pops.pcd.go.thhttp://www.pcd.go.th

More Related