1 / 11

คิดแบบเศรษฐี (บิล เกตส์)

คิดแบบเศรษฐี (บิล เกตส์). วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม. วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น

cuyler
Download Presentation

คิดแบบเศรษฐี (บิล เกตส์)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. คิดแบบเศรษฐี (บิล เกตส์)

  2. วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม

  3. วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม (เกิด 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955) หรือที่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน และหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชันขึ้น นิตยสารฟอบส์ได้จัดอันดับให้ บิล เกตส์ เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกหลายปีติดต่อกัน

  4. บิล เกตส์ เกิดที่เมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1955 บิดาชื่อนายวิลเลียม เอ็ช เกตส์ จูเนียร์ มีอาชีพนักกฎหมายของบริษัท มารดาชื่อแมรี แมกซ์เวล เกตส์ เป็นสมาชิกคณะกรรมการของ Berkshire Hathaway, First Interstate Bank, Pacific Northwest Bell และคณะกรรมการแห่งชาติของ United Way ชื่อเต็มของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม ปู่ของเขาคือ วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ซีเนียร์

  5. เกตส์เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ อันเป็นโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอทเทิล ที่นั่นเองที่เขาได้พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม บิล เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบย่องเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันทั้ งคู่ถูกจับได้แต่ก็ได้เจรจาตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมา บิล เกตส์ได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อที่จะได้เริ่มประกอบอาชีพทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ เขามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับสตีฟ บาลเมอร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1 ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขาได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบ ภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นโปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จทางการค้าในกลางคริสต์ทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน

  6. คฤหาสน์ของครอบครัวเกตส์คฤหาสน์ของครอบครัวเกตส์ ครอบครัวเกตส์อาศัยอยู่ในเขตชานเมืองเฉพาะผู้มีสิทธิ์พิเศษของเมดินา รัฐวอชิงตัน ในคฤหาสน์หลังใหญ่ข้างหุบเขาที่เมื่อมองออกไปจะเห็นทัศนียภาพของทะเลสาบวอชิงตัน บ้านของครอบครัวเกตส์เป็นบ้านสมัยใหม่ของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ในรูปแบบของ "กระท่อมแปซิฟิก" โดยมีระบบอิเล็กทรอนิกส์อันทันสมัยอยู่ทุกส่วนของบ้าน ในแง่หนึ่งมันดูเหมือนแมนชันในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 หรือ 19 เสียมากกว่า. ในบ้านยังมีห้องสมุดส่วนตัวขนาดใหญ่พร้อมห้องอ่านหนังสือที่มีหลังคาเป็นรูปโดม ในขณะที่บ้านหลังนี้มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมคลาสสิก มันก็มีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์อยู่หลายอย่าง ผู้เยี่ยมชมจะถูกตรวจค้นและได้รับไมโครชิปก่อนเข้ามาในบ้าน ชิปขนาดเล็กจะส่งสัญญาณในขณะอยู่ในบ้าน และจะระบบควบคุมปรับอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ ตามที่ได้ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า จากบันทึกสาธารณะของเขตคิง เคาท์ตี ในปี ค.ศ. 2002 มูลค่าโดยประมาณของอสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน และ บ้าน) ถูกตีราคาไว้ถึง 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนภาษีโรงเรือนประจำปีมีมูลค่าเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่เล็กน้อย

  7. มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ บิล เกตส์ กับภรรยาได้ก่อตั้ง มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ขึ้นเพื่อเป็นองค์กรการกุศล และได้อุทิศเงินทุนของมูลนิธิให้เป็นเงินกองทุนเพื่อทุนการศึกษาในวิทยาลัยของชนกลุ่มน้อย เป็นทุนวิจัยเพื่อการป้องกันโรคเอดส์ อันเป็นโรคซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศโลกที่สาม รวมทั้งยังสนับสนุนโครงการการกุศลอื่น ๆ อีกหลายโครงการ มูลนิธิได้ให้เงินงบประมาณเพื่อการกำจัดโรคโปลิโอให้หมดไป คิดเป็นมูลค่ากว่าร้อยละ 90 ของงบประมาณทั้งโลกเพื่อการนี้ อันเนื่องมาจากนโยบายขององค์การอนามัยโลก ที่มุ่งประเด็นความสนใจไปยังโรคอื่น ๆ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1999 บิล เกตส์ และภรรยาได้บริจาคเงิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับมูลนิธิของทั้งคู่ และพวกเขายังบริจาคเงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ทุกข์ทรมานจากโรคเอดส์ เมื่อวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2005 ได้มีการประกาศว่ามูลนิธิได้บริจาคเงินเพิ่มขึ้นอีก 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับกองทุนวัคซีน เพื่อช่วยในการต่อสู้กับโรคต่างๆ เป็นต้นว่าโรคคอตีบ โรคไอเกรน โรคหัดเยอรมัน โรคโปลิโอ และ ไข้เหลือง และล่าสุดใน ค.ศ. 2005 มียอดเงินบริจาคอยู่ที่ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกรกฎาคม 2006 บิล เกตส์ ประกาศอำลาตำแหน่งสถาปนิกซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ เพื่อจะได้มีเวลาอุทิศตนเพื่องานการกุศลของมูลินิธิบิลและเมลินดา เกตส์ มากขึ้น โดยขอเวลาสองปีเพื่อถ่ายโอนงานให้เรียบร้อย

  8. จงทำดีกับทุกคนที่ล้อมรอบคุณ  นี้คือกฎทองคำของชีวิตในการทำดีกับทุกคน ทุกคนก็จะทำดีกับคุณ     ดังนั้นหากคุณต้องการความร่ำรวย จงทำให้คนอื่นรวยก่อน  กฎทองคำแห่งชีวิตไม่เคยเปลี่ยน และคุณต้องปฏิบัติตามกฎนี้เพื่อความสำเร็จ เรียนรู้ข้อผิดพลาด  เป็นสิ่งที่บิลเกตส์แนะนำ เราจำเป็นต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ทุกคนมีโอกาสผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในโลกนี้  หากคุณเคยผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน  และไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีกครั้ง  เพียงเท่านี้คุณก็สามารถปรับปรุงตนเองไปสู่ความสำเร็จที่สูงกว่า ในโลกนี้คุณมีสิ่งที่ต้องทำด้วยตัวของคุณเอง  หยุดพึ่งพาคนอื่น หากคุณยังพึ่งพาคนอื่น คุณจะไม่สามารถเรียนรู้ถึงกระบวนการ ยิ่งคุณพึ่งคนอื่นเท่าใด คุณก็จะสูญเสียความเป็นตัวของคุณเอง  และเมื่อคุณจะปกป้องการพึ่งพาคนอื่น ความสำเร็จก็เป็นของคุณ ไม่ใช่ของผู้อื่น “ในการสร้างมาตรฐานใหม่ ต้องใช้กึ๋นยิ่งกว่าการสร้างอะไรที่แตกต่างจากเดิมเพียงเล็กน้อย ต้องเป็นอะไรที่แปลกใหม่และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนไว้ได้ และในบรรดาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผมเคยเห็นมาทั้งหมดแมคอินทอชเป็นเครื่องรุ่นเดียวที่เข้าข่าย”

  9. “โลกไม่สนใจหรอก ว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้คาดหวัง ‘ความสำเร็จ’ ที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก” “ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันซะเถอะ” “เป็นมิตรกับความ ‘เนิร์ด’ แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็น ลูกจ้างใครอีกต่อไป” “การคิดคำแสลงใหม่ ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะปู่ย่าตายายของคุณก็เคยทำมาก่อน”

  10. “ชีวิตในโรงเรียนอาจตัดสินคุณว่าเป็นผู้ชนะหรือแพ้ แต่ชีวิตจริง ‘ไม่ใช่’ บางโรงเรียนสอนการเป็นผู้แพ้ด้วยซ้ำไป แถมยังให้โอกาศคุณมากมายในการทำสิ่งที่ถูกต้อง พูดง่าย ๆ ก็คือ ชีวิตในโรงเรียน ไม่เหมือนชีวิตจริงหรอก” “ชีวิต ไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ ไม่มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณไปค้นหาตัวตน” ที่โรงเรียนคุณจะสอบกี่ครั้งก็ได้จนกว่าคุณจะได้คะแนนที่พอใจ แต่ชีวิตจริงคุณมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียว "ผมมีความฝันมากมายเมื่อตอนเป็นเด็ก ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ผมอ่านเยอะขึ้น"

  11. “Success is a lousy teacher. It seduces smart people into thinking they can’t lose.” “ความสำเร็จคือครูที่ต่ำช้าเพราะมันล่อลวงคนฉลาดให้คิดว่าพวกเขาไม่มีวันล้มเหลว” “I will always choose a lazy person to a difficult job… Because, He will find an easy way to do it.” “ผมมักจะเลือกคนที่ขี้เกียจทำงานยากๆ อยู่เสมอเพราะพวกเขาจะหาวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับมัน”

More Related