100 likes | 186 Views
บทที่ 11 วันที่ 14 มิถุนายน 2014. อัครสาวก และพระบัญญัติ. เปโตร และ ยอห์น ได้อยู่กับพระเยซูถึงสามปีครึ่ง พวกเขาได้ยินคำสอนของพระองค์ ดังนั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าพระเยซูคริสต์ทรงยกเลิกพระบัญญัติสิบประการ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่หลบหนีออกจากพระเยซูหรือ ?
E N D
บทที่ 11 วันที่ 14 มิถุนายน2014 อัครสาวก และพระบัญญัติ
เปโตรและยอห์นได้อยู่กับพระเยซูถึงสามปีครึ่ง พวกเขาได้ยินคำสอนของพระองค์ ดังนั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาไม่เคยได้ยินว่าพระเยซูคริสต์ทรงยกเลิกพระบัญญัติสิบประการ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่หลบหนีออกจากพระเยซูหรือ? ยากอบและยูดาเป็นน้องของพระเยซู พวกเขามีชีวิตวัยเด็กร่วมกับพระองค์พวกเขาดำเนินตามพันธกิจของพระองค์และเชื่อพระองค์เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนและฟื้นคืนพระชนม์ เหตุใดพวกเขาจึงไม่สอนให้เราถือรักษาวันแห่งการฟื้นคืนพระชนม์แทนการสอนให้รักษาวันสะบาโตตามบัญญัติของยิว • เปาโลรับความรอดจากพระเยซูในระหว่างทางที่ท่านกำลังจะเดินไปที่ดามัสกัสและระหว่างสามปีที่ท่านใช้ชีวิตอยู่ในอาระเบีย...เมื่อเราได้อ่านข้อเขียนของท่านก็ดูเหมือนว่าพระบัญญัติได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ไม่ใช่เช่นนั้นเปาโลมิได้ยึดหลักอื่นใดนอกจากรพระบัญญัติของพระเจ้า ทำไม? • เพราะพระเยซูไม่เคยสอนเช่นนั้นพระองค์ไม่เคยยกเลิกพระบัญญัติสิบประการ หรือบอกให้เราถือรักษาวันที่พระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์
เปโตรและพระบัญญัติ “เปโตรจึงทูลว่า “ไม่ได้ องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสิ่งไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทินนั้น ข้าพระองค์ไม่เคยรับประทานเลย”” (กิจการ10:14) ถ้าพระเยซูทรงยกเลิกพระบัญญัติทำไมเปโตรจึงไม่สามารถรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดได้? เปโตรปฏิเสธที่จะละเมิดบัญญัติของโมเสสทั้งๆ ที่เป็นบัญญัติรองลงไป แล้วอะไรจะเกิดขึ้นถ้าเราละเมิดบัญญัติหลักของพระเจ้า เปโตรสอนเกี่ยวกับพระบัญญัติอย่างไร?
ยอห์นและพระบัญญัติ “ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์” (1 ยอห์น2:3) ยอห์นเขียนเกี่ยวกับพระบัญญัติและการกระทำดีในหนังสือทั้งห้าเล่มของท่าน ยอห์นยึดมั่นในความรักและสัตย์ซื่อในบัญญัติของพระเจ้า “ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์” (ยอห์น15:10) “โดยข้อนี้ เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นลูกของพระเจ้า คือเมื่อเรารักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์” (1 ยอห์น5:2) “และความรักนั้นก็คือการที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เริ่มแรก จงประพฤติตามนั้น” (2 ยอห์น1:6)
“การยอมรับการกระทำบาปจะทำให้เสียงแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เงียบลง และจิตวิญญาณก็จะถูกแยกให้ห่างออกจากพระเจ้า “ผู้ที่อยู่ในพระองค์ไม่ทำบาปอีกต่อไป ส่วนผู้ที่ทำบาปอยู่เรื่อยๆ คนนั้นยังไม่เห็นพระองค์และยังไม่รู้จักพระองค์” 1 ยอห์น3:6 ด้วยเหตุนี้ยอห์นในฐานะของอัครสาวกที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ท่านได้เปิดเผยถึงความจริงว่าผู้ที่ได้รับการชำระอย่างแท้จริงจะเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่โดยการดำเนินชีวิตภายใต้บทบัญญัติของพระ “ผู้ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและสัจจะไม่ได้อยู่ในเขาเลย แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง เพราะเหตุนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ 1 ยอห์น2: 4-5 และสิ่งนี้คือบททดสอบของมนุษย์ทุกๆ คน” E.G.W. (Our Father cares, November 4)
ยากอบและพระบัญญัติ “เพราะว่าใครที่รักษาธรรมบัญญัติทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว คนนั้นก็ทำผิดธรรมบัญญัติทั้งหมด เพราะว่าพระองค์ผู้ตรัสว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา” ก็ตรัสไว้ด้วยว่า “ห้ามฆ่าคน” แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณีแต่ได้ฆ่าคน ท่านก็เป็นผู้ละเมิดธรรมบัญญัติ” (ยากอบ2:10-11) ด้วยความเชื่ออย่างจริงใจยากอบไม่คิดว่าพระบัญญัติสิบประการถูกยกเลิก ในทางตรงข้ามยากอบเชื่อมนุษย์จะถูกพิพากษาด้วยพระบัญญัติสิบประการซึ่งยากอบเรียกว่า “บัญญัติแห่งเสรีภาพ”(ยากอบ2:12) • ยากอบยืนยันว่าความเชื่อจะต้องสอดคล้องกับการประพฤติตามพระบัญญัติสิบประการ (รักษาพระบัญญัติ) “คนโฉดเขลาเอ๋ย ท่านต้องการให้พิสูจน์ว่าความเชื่อที่ไม่มีการประพฤตินั้นไร้ผลหรือ?” (ยากอบ2:20)
ยูดาและพระบัญญัติ “เพราะว่าบางคนได้แอบแฝงเข้ามาในหมู่ท่าน การลงโทษคนพวกนี้มีเขียนไว้นานแล้ว พวกเขาเป็นคนอธรรมที่ถือเอาพระคุณของพระเจ้าของเรามาบิดเบือนเป็นช่องทางทำความชั่วช้าลามก และได้ปฏิเสธพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแต่องค์เดียว” (ยูดา1:4) พระคุณของพระเจ้ากลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเลวทรามได้อย่างไร? คำสอนที่ว่าโดยพระคุณนั้นไม่จำเป็นต้องรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าอีกต่อไป ยูดาได้วางรากฐานเดียวกันกับพระบัญญัติของพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ ยูดาไม่ได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเจ้าแต่จดหมายของท่านเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับพระเจ้าและผลของการละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า
เปาโลและพระบัญญัติ เปาโลสอนว่าพระบัญญัติถูกยกเลิกหรือว่ายังคงดำรงอยู่ต่อไป? เปาโลสับสนในเรื่องหลักการของพระบัญญัติ หรือว่าเราตีความคำสอนของท่านผิดไป?
เปาโลและพระบัญญัติ สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจถึงหลักการของการเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อพวกเขาจะรู้สึกเหมือนว่าคำสอนของเปาโลจะขัดแย้งกันเอง และดูเหมือนว่าเปาโลจะกล่าวอ้างว่าคริสเตียนมิได้อยู่ภายใต้พระบัญญัติของพระเจ้าแต่ขณะเดียวกันก็กล่าวว่าคริสเตียนยังคงต้องรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ปัญหานี้ถูกแก้ไขโดยให้เราระลึกถึงว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ต่อผู้ที่ ปรารถนาจะได้รับความชอบธรรมผ่านทางความสัมพันธ์กับพระองค์ และมาตรฐานของความชอบธรรมของพระองค์คือพระบัญญัติของพระองค์ อย่างไรก็ดีถ้าประชาชนต่อต้านพระบัญญัติของพระเจ้าพวกเขาจะล้มลงและจะถูกกล่าวโทษโดยพระบัญญัตินั้น แต่ถ้าพระบัญญัติหมายถึงความรอดมนุษย์ทุกคนก็คงไม่มีความหวังในชีวิตนิรันดร์ ความหวังของคริสเตียนมิได้พบในพระบัญญัติแต่พบได้ในองค์พระเยซูคริสต์ มิใช่ผู้ใดที่ถือรักษาพระบัญญัติอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบแต่โดยความรักอันอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีให้ต่อผู้เชื่อ (โรม 8:3-4) คริสเตียนสามารถที่จะเลือกที่จะมีอิสระในการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าได้เพราะพระเยซูได้ทรงนำเอาการกล่าวโทษของพระบัญญัติออกไปแล้ว (โรม7:25–8:2) พระคุณของพระเจ้ามาถึงเราโดยผ่านทางพระคริสต์มิใช่มาจากพระบัญญัติ แต่โดยพระคุณนั้นทำให้เราเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์มากยิ่งขึ้น Keith Augustus Borton (Sabbath School Quarterly, June 8 2014)
“เปาโลเคยเป็นผู้ยึดถือพระบัญญัติอย่างยอดเยี่ยม แต่ท่านกลับแสดงให้เห็นว่าพระบัญญัตินั้นไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเหลือเราให้พ้นจากความผิดบาปของการไม่เชื่อฟังได้ ผู้กระทำความผิดจะต้องกลับใจและถ่อมตัวลงต่อพระพักตร์ของพระเจ้า, ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่ละเมิดพระบัญญัติของพระองค์ และพวกเขาจะต้องมีประสบการณ์แห่งความเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะได้รับการอภัยพระบุตรของพระเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพื่อถวายบูชาแก่เราและพระองค์ได้ทรงยืนอยู่เบื้องหน้าพระบิดาบนสวรรค์เพื่อช่วยเรา โดยการกลับใจและความเชื่อจะทำให้เราได้เป็นอิสระต่อการกล่าวโทษของบาป และโดยพระคุณของพระคริสต์พระองค์จะทรงช่วยให้เราได้สามารถเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ได้” E.G.W. (The Acts of the Apostles, cp. 37, pg. 393)