1 / 48

สิทธิเด็ก กับ ประชาคมอาเซียน

สิทธิเด็ก กับ ประชาคมอาเซียน. โดย นาย ณัฐ วุฒิ บัวประทุม มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สำหรับบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

claus
Download Presentation

สิทธิเด็ก กับ ประชาคมอาเซียน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สิทธิเด็กกับประชาคมอาเซียนสิทธิเด็กกับประชาคมอาเซียน โดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก สำหรับบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

  2. ประวัติวิทยากรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศิลปศาสตรบัณฑิต (ไทยคดีศึกษา) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชคหกรรมศาสตรบัณฑิต (พัฒนาการเด็กและครอบครัว) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฯ) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชนิติศาสตรมหาบัณฑิต (กฎหมายมหาชน) มหาวิทยาลัยรามคำแหงนักกฎหมายประจำมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐คณะอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านเด็ก สตรีฯ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมาย สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดปทุมธานีกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดนนทบุรีอาจารย์บรรยายพิเศษคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสถาบันอื่นๆรางวัลบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์แก่เยาวชนดีเด่น จากคณะกรรมการจัดงานวันเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐รางวัลนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น จากมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ พ.ศ.๒๕๕๐

  3. เค้าโครงการบรรยาย สถานการณ์/สภาพปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ครอบครัว และการค้ามนุษย์ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การคุ้มครองเด็กในประเทศไทย สภาพปัญหาและกลไกการคุ้มครองเด็กของประชาคมอาเซียน การป้องกัน ๔ ระดับ และบทสรุป

  4. นิยามคำว่า “เด็ก” * ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ “สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารก...” “บุคคลย่อมบรรลุนิติภาวะและพ้นจากความเป็นผู้เยาว์เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์” * ตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก/พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก “เด็ก หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส”

  5. สภาวะเด็กด้านสุขภาพ • ด้านสุขภาพกาย - เด็ก ๐-๕ ปี น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ๙.๓ % - เด็กวัยประถมน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ๑๐.๗๕ % - เด็กไทยมีภาวะโภชนาการเกิน ๑๐.๔ % • ด้านสุขภาพจิต - เด็กไทยมีพัฒนาการทางสมองล่าช้า ๑๕-๒๘ % I.Q. อยู่ที่ ๘๘-๙๑ - เด็กไทยมีภาวะสุขภาพจิตและปัญหาพฤติกรรมที่จำเป็นต้องพบแพทย์สูงถึง ๘ แสนคน เช่น มีอาการเครียด พฤติกรรมก้าวร้าว พฤติกรรมทางเพศ ไปจนถึงการทำร้ายตนเองและผู้อื่น * เด็กไทยมีแนวโน้มจะมีโรคใหม่เรียกว่า “โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องทางสังคม” (SIDS= Social Immune Deficiency Syndrome)

  6. สถิติการตั้งครรภ์ของ “วัยรุ่นไทย” * องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี ๒๕๕๒ ระบุว่า ค่าเฉลี่ยของผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ของทั่วโลก อยู่ที่ ๖๕ ต่อ ๑,๐๐๐ คน ค่าเฉลี่ยของผู้หญิงทวีปเอเชียอยู่ที่ ๕๖ ต่อ ๑,๐๐๐ คน ประเทศไทยมีผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุต่ำกว่า ๒๐ ปี จำนวน ๗๐ ต่อ ๑,๐๐๐ คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดของประเทศในทวีปเอเชีย * ข้อมูลสภาวะการมีบุตรของวัยรุ่นไทย ที่รวบรวมโดยกระทรวง พม. ระบุว่า ในปี ๒๕๕๒ มีแม่วัยรุ่นที่คลอดบุตรอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี จำนวน ๗๘๗,๗๓๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๕๕ สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานที่ WHO กำหนดไว้ที่ร้อยละ ๑๐ โดยพบว่า จ.กำแพงเพชร มีแม่วัยรุ่นคลอดบุตรสูงสุด คือ ๒๐.๔๐ % รองลงมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ๑๘.๘๙ % จ.พิจิตร ๑๘.๘๗ % จ.นครสวรรค์ ๑๘.๖๙ % และ จ.ลพบุรี ๑๘.๕๖ %

  7. ด้านอื่น ๆ • จากสถิติของศูนย์พึ่งได้ (สธ.) มีเด็กและสตรีถูกทารุณกรรม ๒๖,๕๖๕ ราย เฉลี่ยวันละ ๗๓ ราย โดยผู้กระทำส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัว ๘๐ % • เด็กที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม งานวิจัยของเอแบคมีเด็กเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่เป็นนักเรียนนักศึกษา ๖๖๓,๒๙๐ คน มีเด็กเข้าสู่การดำเนินการทางคดีอาญาในสถานพินิจฯ ประมาณปีละ ๕๐,๐๐๐ คน • เด็กที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS ประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน เฉพาะเด็กวัยรุ่นที่ติดเชื้อใหม่ประมาณ ๘๐,๐๐๐ คน • เด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้และเหตุการณ์สึนามิจำนวนมากที่ยังไม่เข้าถึงบริการ

  8. ตัวเลขการค้ามนุษย์ (อย่างไม่เป็นทางการ) • มีเด็กและหญิงชาวพม่าประมาณ ๒-๓ หมื่นคน ถูกนำมาค้าประเวณีในประเทศไทย (สตช. ๒๕๔๕) • มีเด็กและหญิงไทยมากกว่า ๓ หมื่นคน ทำงานในอุตสาหกรรมทางเพศในประเทศญี่ปุ่น (Asian Migration News,๑๙๙๙) • มีชาวกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทย (ส่วนใหญ่มีกระบวนการค้ามนุษย์พาเข้ามา) ประมาณ ๘๘,๐๐๐ คน (IOM,๒๕๔๒) • มีชาวลาวลักลอบเข้าประเทศไทย (ส่วนใหญ่มีกระบวนการค้ามนุษย์พาเข้ามา) ประมาณ ๔๕,๐๐๐ คน (IOM,๒๕๔๒) • โดยสรุป ๑๙๙๐-๒๐๐๐ มีหญิงและเด็กกว่า ๓๐ ล้านคนจากอุษาคเนย์ถูกค้ามนุษย์ในสังคมโลก (UN)

  9. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก • สมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้รับรองอนุสัญญาด้วยสิทธิเด็กเมื่อวันที่ • ๒๐ พฤศจิกายน ‘๓๒ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ‘๓๓ • ขณะนี้มีประเทศเป็นภาคีสมาชิก ๑๙๒ ประเทศ • ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญานี้โดยการภาคยานุวัตรเมื่อวันที่ ๒๗ • มีนาคม ๒๕๓๕ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๕ • มีการตั้งข้อสงวนไว้ ๒ ข้อ - ข้อ ๗ เรื่องการจดทะเบียนเด็กแรกเกิด - ข้อ ๒๒ เรื่องสถานะของเด็กผู้ลี้ภัย

  10. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก • สาระสำคัญ ๑.กำหนดนิยามคำว่า “เด็ก” หมายถึง มนุษย์ทุกคนที่อายุต่ำกว่า ๑๘ ปี ๒.รัฐภาคีจะเคารพและประกันสิทธิตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญานี้แก่เด็กแต่ละคนที่อยู่ในเขตอำนาจของตนโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติไม่ว่าชนิดใด ๆ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางอื่น ต้นกำเนิดทางชาติ ชาติพันธุ์ หรือสังคม ทรัพย์สิน ความทุพพลภาพ การเกิดหรือสถานะอื่น ๆ ของเด็กหรือบิดามารดาหรือผู้ปกครองตามกฎหมาย

  11. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ๓.รัฐภาคีจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งปวงเพื่อที่จะประกันว่าเด็กได้รับการคุ้มครองจากการเลือกปฏิบัติหรือการลงโทษในทุกรูปแบบ บนพื้นฐานของสถานภาพ กิจกรรมความคิดเห็นที่แสดงออก หรือความเชื่อของบิดามารดา ผู้ปกครองตามกฎหมาย หรือสมาชิกในครอบครัว ๔.ในการกระทำทั้งปวงที่เกี่ยวกับเด็ก ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก ๕.รัฐภาคีรับที่จะให้ประกันให้มีการคุ้มครองและดูแลแก่เด็กเท่าที่จำเป็นสำหรับความอยู่ดีของเด็ก โดยคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ของบิดามารดา ผู้ปกครองตามกฎหมาย หรือบุคคลอื่นที่รับผิดชอบเด็กนั้นตามกฎหมายด้วย

  12. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ๖.รัฐภาคีรับที่จะประกันว่าสถาบัน การบริการ และการอำนวยความสะดวกที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการดูแลหรือการคุ้มครองเด็กนั้น จะเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย สุขภาพ และในเรื่องจำนวนความเหมาะสมของเจ้าหน้าที่ ๗.รัฐภาคีจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งปวง ที่จะส่งเสริมการฟื้นฟูทั้งทางร่างกายและจิตใจและการกลับคืนสู่สังคมของเด็กที่ได้รับเคราะห์จากการละเลยในรูปแบบใด ๆ การแสวงหาประโยชน์จากการกระทำอันมิชอบ การทรมานหรือการลงโทษ หรือการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ต่ำช้าโดยรูปแบบอื่น ๆ ๘.กำหนดให้ภาคีเสนอรายงานต่อคณะกรรมการ โดยผ่านเลขาธิการสหประชาชาติในเรื่องมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐรับเอาซึ่งทำให้สิทธิที่ได้รับการรับรองในอนุสัญญาเกิดผล โดยให้รายงานความคืบหน้าในทุก ๕ ปี

  13. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก • สิทธิในการดำรงชีวิต (Survival Rights) ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานโดยทั่วไป เช่น สิทธิในการมีชีวิตอยู่ สิทธิที่จะได้รับบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน สิทธิที่จะมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี เป็นต้น • สิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครอง (Protection Rights) คือ สิทธิในการไม่ถูกเอาเปรียบทางเพศ การใช้แรงงานที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ พัฒนาการ สมอง จิตใจ ตลอดจนการปกป้องคุ้มครองเด็กที่อยู่ในภาวะยากลำบาก เช่น เด็กพิการ เด็กกำพร้า เป็นต้น

  14. อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก • สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา (DevelopmentRights) เช่น สิทธิที่จะได้รับการศึกษา เป็นต้น • สิทธิในการมีส่วนร่วม (Participation Rights) เช่น สิทธิในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระในเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อตนเอง สิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น

  15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ • มาตรา ๕๒ “เด็กและเยาวชน มีสิทธิในการอยู่รอดและได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ตามศักยภาพในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ เด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ให้ปราศจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม ทั้งมีสิทธิได้รับการบำบัดฟื้นฟูในกรณีที่มีเหตุดังกล่าว การแทรกแซงและจำกัดสิทธิของเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อสงวนและรักษาไว้ซึ่งสถานะของครอบครัวหรือประโยชน์สูงสุดของบุคคลนั้น”

  16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ • มาตรา ๔๐ “บุคคลย่อมมีสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ดังต่อไปนี้ (๖) เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการหรือทุพพลภาพ ย่อมมีสิทธิได้รับความคุ้มครองในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอย่างเหมาะสม และย่อมมีสิทธิได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมในคดีเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ” • มาตรา ๘๐ “รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคม.... ดังต่อไปนี้ (๑) คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน สนับสนุนการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาปฐมวัย ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบันครอบครัวและชุมชน รวมทั้งต้องสงเคราะห์และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ และผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้”

  17. ความคาดหวัง ต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ ๑. ทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าถึงตัวเด็กได้ทุกคน จำเป็นต้องมีกลไกดูแลติดตามสภาวะเด็กและครอบครัว อบต เทศบาล อบจ กทม. ตำรวจ อนามัยชุมชน โรงเรียน องค์กรเอกชน (หน่วยงานพิทักษ์สิทธิเด็ก) หน่วย บริการสังคม โรงพยาบาล

  18. ๒. ต้องมีกระบวนการคัดกรองและหน่วยงานรองรับ ให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของเด็กและครอบครัว เครื่องมือในการคัดกรองและแยกแยะกลุ่มเด็ก แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท มาตรฐานการ เลี้ยงดูขั้นต่ำ ดัชนีชี้วัดปัจจัยเสี่ยง ข้อบ่งชี้ สภาวะเสี่ยง ต่อการกระทำความผิดของเด็ก ข้อบ่งชี้การถูกกระทำ

  19. หน่วยงานรองรับ ที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของเด็กและครอบครัว หน่วยงานในการให้การสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานแรกรับ สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือครอบครัวอุปถัมภ์ สถานพัฒนาและฟื้นฟู สถาน คุ้มครอง สวัสดิภาพ สถาน สงเคราะห์

  20. ๓. ต้องมีทรัพยากร บุคลากรและเครือข่ายการปฏิบัติงานที่สามารถให้บริการแก่เด็กและครอบครัวในลักษณะ ทั่วถึงและเสมอภาค ทำได้โดย ฝึกอบรม ทักษะการปฏิบัติงานร่วมกัน และทักษะเฉพาะวิชาชีพ ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนในสาขาที่เกี่ยวข้องและมีการศึกษาวิจัย มีการพัฒนา ศูนย์สาธิตสำหรับการดูงาน ฝึกงาน สร้างและพัฒนาบุคลากร จัดส่งผู้เชี่ยวชาญ เข้าร่วมปฏิบัติงานจริง (Onsite Training)

  21. ๔. ต้องมีผู้ประกอบวิชาชีพมาทำงานร่วมกันในลักษณะวิชาชีพ สายกฎหมาย สายการแพทย์ จิตใจ ร่างกาย นักสังคมสงเคราะห์ ครู นักจิตวิทยา

  22. ๕. มีการกระจายความรับผิดชอบลงไปตั้งแต่ระดับชาติ ระดับจังหวัด และ ระดับชุมชน คณะกรรมการระดับชาติ คณะกรรมการ ระดับจังหวัด องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น

  23. การตรวจตราสภาวะเด็กตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ หัวใจหลักของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก มาตรา ๒๓ ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำตามที่กำหนดในกฎกระทรวงและต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ

  24. ข้อห้ามของบุคคลทั่วไปตามมาตรา ๒๖ • กระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกาย/จิตใจ • จงใจ/ละเลยไม่ให้สิ่งจำเป็นแก่การดำรงชีวิตจนน่าจะเกิดอันตราย • บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือเสี่ยงต่อการทำผิด • โฆษณาทางสื่อหรือเผยแพร่เพื่อรับเด็กหรือยกเด็กให้บุคคลอื่น • บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ให้เด็กเป็นขอทาน เร่ร่อน หรือแสวงหาประโยชน์จากเด็ก • ใช้ จ้าง วานให้เด็กทำงานอันเป็นอันตรายหรือกระทบต่อการเจริญหรือพัฒนาการของเด็ก

  25. บังคับ ชักจูง ขู่เข็ญ หรือยินยอมให้เด็กเล่นกีฬาหรือการอื่นใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ทางการค้าอันขัดขวางการเจริญหรือทารุณกรรมเด็ก ใช้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนัน หรือเข้าไปในสถานที่เล่นการพนัน สถานค้าประเวณี บังคับ ชักจูง ขู่เข็ญ หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันเป็นการลามกอนาจาร จำหน่าย แลกเปลี่ยน หรือให้สุราหรือบุหรี่แก่เด็ก ข้อห้ามของบุคคลทั่วไปตามมาตรา ๒๖ (ต่อ)

  26. กลไกดูแลติดตามสภาวะของเด็กและครอบครัวกลไกดูแลติดตามสภาวะของเด็กและครอบครัว หน่วยงานที่ให้บริการด้านต่างๆ แก่เด็กและครอบครัวในชีวิตประจำวัน ใช้เครื่องมือ๔ ชิ้นจำแนกกลุ่มเด็ก ๑. มาตรฐานการเลี้ยงดูขั้นต่ำ มาตรา ๒๓ ๒.ดัชนีชี้วัดปัจจัยเสี่ยง มาตรา ๒๘ ๓.ข้อบ่งชี้การถูกกระทำ มาตรา ๔๑ ๔. ข้อบ่งชี้สภาวะเสี่ยงต่อการกระทำความผิดของเด็กมาตรา ๔๔ เด็กต้องการ บริการเป็นพิเศษ เด็กเสี่ยงที่จะตกอยู่ในอันตราย เด็กเสี่ยงต่อการกระทำผิด เด็กที่กระทำความผิด เด็กถูกกระทำ เด็กปกติ

  27. การแบ่งกลุ่มประเภทเด็กตามกฎหมายการแบ่งกลุ่มประเภทเด็กตามกฎหมาย • เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ - เด็กเร่ร่อนหรือเด็กกำพร้า - เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง - เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถเลี้ยงดู เช่น ถูกจำคุก พิการ เจ็บป่วย - เด็กที่ผู้ปกครองประกอบอาชีพไม่เหมาะอันอาจส่งผลต่อเด็ก - เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบฯ อันเป็นผลให้เด็กมีความ ประพฤติเสื่อมเสีย - เด็กพิการ - เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก

  28. เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ - เด็กที่ถูกทารุณกรรม - เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด - เด็กที่อยู่ในสภาพต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่ กำหนดในกฎกระทรวง ๑.เด็กที่พ้นจากการกระทำผิดแล้ว การแบ่งกลุ่มประเภทเด็กตามกฎหมาย (ต่อ)

  29. การรายงานมาตรา ๒๙ วรรค๒ แพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู อาจารย์ หรือนายจ้าง เป็นที่ปรากฎชัด หรือ น่าสงสัย เด็กถูกทารุณกรรมหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ต้องรายงาน พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ ผู้มีหน้าที่คุ้มครอง สวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ โดยมิชักช้า

  30. กลไกมาตรา ๔๑ พนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ ผู้ใด พบเห็นหรือประสบพฤติการณ์น่าเชื่อว่ามีการทารุณกรรมต่อเด็ก มีอำนาจเข้าตรวจค้น มีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัวของเด็กเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก โดยเร็วที่สุด

  31. บุคลากรที่เกี่ยวข้อง • พนักงานเจ้าหน้าที่สงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก • พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียน/นักศึกษา • พนักงานฝ่ายปกครอง • ตำรวจ • ผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา ๒๔ • ผู้ประกอบวิชาชีพ/นักวิชาชีพ • คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด • คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ

  32. การให้การสงเคราะห์ ให้ความช่วยเหลือใดๆที่ทำให้ผู้ปกครองสามารถอุปการะเลี้ยงดูเด็กได้ตามมาตรา ๒๓ รวมทั้งการให้คำแนะนำปรึกษา การบำบัดฟื้นฟู การฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการอุปการะเลี้ยงดูเด็ก การฟื้นฟูครอบครัว จัดกลุ่มช่วยเหลือ ฯลฯ มอบเด็กให้ผู้เหมาะสมอุปการะเลี้ยงดูแทนไม่เกิน ๑ เดือน กรณีเด็กกำพร้า ดำเนินการเพื่อให้เด็กเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมายว่าด้วยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในครอบครัวอุปถัมภ์ (ต้องยินยอม/ใช้คำสั่ง) ส่งเด็กเข้าสถานดูแลเด็กด้านต่างๆตามหมวด ๖ (ต้องยินยอม/ใช้คำสั่ง)

  33. การคุ้มครองสวัสดิภาพ ๔๑ และ ๔๒ เพื่อไม่ให้เด็กตกอยู่ในอันตราย พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจนำตัวเด็กมาไว้ในอารักขาได้ทันที เพียงแต่เกิดหรือมีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็ก ไม่จำเป็นจะต้องมีพยานหลักฐานชัดเจนยืนยันว่าเด็กถูกกระทำทารุณกรรมหรือใครเป็นผู้ลงมือกระทำก็ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจค้นตามมาตรา ๓๐ และมีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัวของเด็กเพื่อไว้ในอารักขาโดยเร็วที่สุด จัดให้เด็กรับการตรวจรักษาทางร่างกายและจิตใจทันที อาจส่งตัวเด็กไปสถานแรกรับ หรือไปรับการสงเคราะห์ตาม ม.๓๓ อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ กรณีนี้มีเงื่อนเวลาจำกัดไม่เกิน ๗ วัน หรือร้องขอศาลเพื่อขยายได้รวมไม่เกิน ๓๐ วันเท่านั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องสืบค้น/รวบรวมข้อเท็จจริง ที่เป็นประเด็นแห่งคดีคุ้มครองเด็กจนสามารถกำหนดวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพที่เหมาะสมทันเงื่อนเวลา หากไม่ทันเวลาหมดอำนาจคุ้มครองเด็ก

  34. ประเด็นในการสืบค้นข้อเท็จจริงประเด็นในการสืบค้นข้อเท็จจริง มาตรา ๕๖ (๒) สืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และฐานะของเด็กที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ รวมทั้งของผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กอาศัยอยู่ด้วย ตลอดจนสิ่งแวดล้อมทั้งปวง เกี่ยวกับเด็ก และมูลเหตุที่ทำให้เด็กตกอยู่ในสภาวะจำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ เพื่อรายงานไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้อง

  35. การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษาการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา • มาตรา ๖๓ “โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีระบบงานและกิจกรรมในการแนะแนวให้คำปรึกษาและฝึกอบรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม ความรับผิดชอบต่อสังคม และความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”

  36. กระบวนการดำเนินการตามหมวด ๗ • บทบาทหน้าที่ของสถานศึกษาตามมาตรา ๖๓ • บทบาทหน้าที่ของนักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๖๔ • พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้ง ร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาและสถานศึกษามีอำนาจปรับแก้ไขพฤติกรรมนักเรียนและนักศึกษาตามมาตรา ๖๕ • หากปรับแก้ไขไม่ได้ผลได้กำหนดวิธีการส่งต่อความช่วยเหลือไว้ตามมาตรา ๖๖

  37. ข้อปฎิบัติเมื่อค้นพบข้อบ่งชี้หรือมีการเปิดเผยการทารุณกรรมข้อปฎิบัติเมื่อค้นพบข้อบ่งชี้หรือมีการเปิดเผยการทารุณกรรม ตั้งสติ สังเกต /รับฟัง แสดงออกว่ายอมรับ และเชื่อในสิ่งที่เด็กบอก ให้กำลังใจ และให้ความมั่นใจว่าจะช่วยเหลือเด็ก บันทึก วางแผนการดำเนินการและรายงานเหตุ ความปลอดภัย และสุขภาพของเด็ก

  38. หัวใจหลักสุดท้ายของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ มาตรา ๒๒ “การปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญและไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม”

  39. สถานการณ์สิทธิเด็กกับประชาคมอาเซียนสถานการณ์สิทธิเด็กกับประชาคมอาเซียน • การแสวงหาประโยชน์ในธุรกิจบริการทางเพศ • ผู้อพยพและผู้ย้ายถิ่นผิดกฎหมาย • ความรุนแรงต่อเด็กในภาวะฉุกเฉิน • ความปลอดภัยของเด็กในบางประเทศเนื่องจากกับระเบิด

  40. อาเซียนกับการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก ๑๖ ข้อ • การวิเคราะห์กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อเด็ก • การกำหนดกลยุทธ์สำหรับแผนปฏิบัติการระดับชาติ (ด้านการป้องกัน การบำบัดรักษา การติดตามผลการดำเนินการ) • จัดให้มีแนวทางปฏิบัติของประเทศสมาชิก เกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรเชิงบวกของบิดามารดา และแบบปฏิบัติที่นำมาใช้ในบ้านและโรงเรียน • การพัฒนาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรฐานในการจัดให้บริการในประเด็นความรุนแรงต่อเด็ก

  41. อาเซียนกับการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (ต่อ) • การพัฒนาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่บุคลากรผู้ให้คำปรึกษาและผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต • การพัฒนาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการติดตามผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ • การจัดทำ Check list เพื่อตรวจสอบความรุนแรงทางจิตใจและอารมณ์ • รวบรวมและแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีในการดำเนินการจัดการกับปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก

  42. อาเซียนกับการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (ต่อ) • การจัดให้มีโครงการที่มุ่งเน้นการให้บริการเด็กที่ถูกกระทำรุนแรงและผู้กระทำ • การศึกษาวิเคราะห์มูลงบประมาณที่ประหยัดได้จาการยุติความรุนแรงต่อเด็ก • สนับสนุนประเทศสมาชิกในการพัฒนาแผนงานระดับชาติในการคุ้มครองและป้องกันเด็กจากความรุนแรง • การรณรงค์และสร้างความตระหนักต่อสาธารณชนเรื่องสิทธิเด็กและความรุนแรงต่อเด็กในระดับภูมิภาค เช่น การลงโทษเด็ก

  43. อาเซียนกับการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก (ต่อ) • การดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงต่อเด็ก รวมทั้งจัดให้มีการสำรวจข้อมูล case ต่างๆ ที่ประสบปัญหาความรุนแรง • การใช้กฎหมายเพื่อการคุ้มครองเด็กจากความรุนแรงที่มีอยู่และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง • การประชุม/สัมมนาต่างๆ • บทบาทของ ACWC เช่น การริเริ่มระบบฐานข้อมูล การประชุมหารือกับผู้นำท้องถิ่นและผู้นำทางศาสนา การเสริมสร่างความตระหนักทางสังคมและสาธารณะ เป็นต้น

  44. ระบบเครือข่ายทีมสหวิชาชีพระบบเครือข่ายทีมสหวิชาชีพ • ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุข • ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสังคมสงเคราะห์ และสวัสดิการสังคม • ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมายและการปกครอง • ผู้ประกอบวิชาชีพด้านการศึกษาและการฝึกอาชีพ • ผู้ประกอบวิชาชีพในด้านองค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรภาคประชาชน

  45. กระบวนการทำงานแบบสหวิชาชีพกระบวนการทำงานแบบสหวิชาชีพ • การประสานงานภายในและภายนอกองค์กร - ภายในองค์กร คือ ทุกฝ่ายในองค์กรต้องมีข้อมูลที่นำมาใช้ร่วมกัน - ภายนอกองค์กร คือ กรณีการประสานงาน ๒ องค์กรขึ้นไป • การร่วมปรึกษาหารือ - องค์กรต่าง ๆ ที่รับผิดชอบต้องหาข้อเท็จจริงนำมาปรึกษาหารือกันจากแง่มุมของแต่ละวิชาชีพ • การร่วมปฏิบัติงานเพื่อเกิดการคุ้มครองเด็ก - เป็นการร่วมกันทำงานทั้งการหาข้อเท็จจริง การประชุมร่วมกันในทุกขั้นตอนการประเมิน การวางแผนช่วยเหลือระยะสั้นและยาว

  46. พลังสร้างภูมิคุ้มกันเด็กและเยาวชนพลังสร้างภูมิคุ้มกันเด็กและเยาวชน พลังเพื่อนและกิจกรรม พลังสร้างปัญญา ความคาดหวัง (ด้วยความเหมาะสม) สัมพันธภาพ (ด้วยความใส่ใจ) พลังในตัวตนของ เด็กและเยาวชน พลังชุมชน การมีส่วนร่วม (ด้วยคุณค่า) พลังครอบครัว

  47. การป้องกันปัญหาเด็กและสตรีในภาวะต่าง ๆ ระดับปฐมภูมิ คือ บุคคลทุกคนต้องปลอดภัย ระดับทุติยภูมิ คือ บุคคลที่ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกทารุณกรรม การเลี้ยงดูโดยมิชอบ การละเลยทอดทิ้ง ต้องได้รับการช่วยเหลือ ระดับตติยภูมิ คือ บุคคลที่ถูกทารุณกรรม ถูกเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกละเลยทอดทิ้ง ต้องได้รับการช่วยเหลือและบำบัดฟื้นฟู บุคคลที่มีปัญหาพฤติกรรม ต้องได้รับการแก้ไขปรับเปลี่ยน ระดับจตุรภูมิ คือ บุคคลที่ตกเป็นผู้ถูกกระทำ ต้องไม่กลายไปเป็นผู้กระทำบุคคลอื่น

  48. พบเห็น เด็ก สตรี ที่ถูกทารุณกรรม ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาการค้ามนุษย์ หรือปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ติดต่อ : ศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ หรือ ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กและครอบครัว ศธ. ๑๕๗๙ หรือ ศูนย์พึ่งได้ ๑๖๖๙

More Related