100 likes | 493 Views
พระวจนะ : พื้นฐานของการฟื้นฟู. บทเรียนที่ 3 วันที่ 20 กรกฎาคม 2013. ฤทธิ์อำนาจแห่งพระคัมภีร์. พระคำ ของพระเจ้าเต็มล้นด้วยพลังอำนาจ. พลังอำนาจแห่งการทรงสร้าง พลังอำนาจแห่งการฟื้นฟู พลังอำนาจที่จะนำให้เราหันกลับมาสู่พระคริสต์ พลังอำนาจที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลง.
E N D
พระวจนะ: พื้นฐานของการฟื้นฟู บทเรียนที่ 3 วันที่ 20 กรกฎาคม 2013
ฤทธิ์อำนาจแห่งพระคัมภีร์ฤทธิ์อำนาจแห่งพระคัมภีร์ พระคำของพระเจ้าเต็มล้นด้วยพลังอำนาจ พลังอำนาจแห่งการทรงสร้าง พลังอำนาจแห่งการฟื้นฟู พลังอำนาจที่จะนำให้เราหันกลับมาสู่พระคริสต์ พลังอำนาจที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลง “บัดนี้ข้าพเจ้าได้ฝากท่านไว้กับพระเจ้าและกับคำแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งสามารถก่อสร้างท่านขึ้นได้ และให้ท่านมีมรดกด้วยกันกับบรรดาธรรมิกชน” (กิจการ 20:32)
พระวจนะพระวิญญาณ และความเชื่อ เมื่อเราได้อธิษฐานอย่างจริงจังที่จะศึกษาพระวจนะของพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงประทานฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา แต่ขณะเดียวกันผู้เชื่อก็จะต้องพร้อมที่จะยอมรับสิ่งที่เป็นจริงในพระวจนะของพระเจ้าด้วยเช่นกัน “เพราะว่าแท้จริงเราได้รับข่าวอันประเสริฐเช่นเดียวกับพวกเขา แต่ข่าวที่ได้ยินนั้นไม่เป็นประโยชน์แก่เขาเหล่านั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อ” (ฮิบรู 4:2) ความเชื่อที่แท้จริงจะต้องตั้งไว้ที่พระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่เป็นไปตามความเชื่อของตัวเราเอง ความเชื่อคือความไว้วางใจในพระเจ้า เชื่อในพระสัญญาของพระองค์ และกระทำตามพระคำของพระองค์ ความเชื่อของเราเติบโตขึ้นได้ด้วยการที่เราฟังพระคำของพระเจ้า และปฏิบัติตาม (โรม.10:17; ยากอบ.2:17, 18). เปิดจิตใจของเราเพื่อรับคำสอนของพระเจ้า ความเชื่อจะถูกสร้างขึ้น และให้เรากระทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัส และถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับอุปนิสัยของเรา หรือความต้องการของเรา ให้เราเตรียมตัวของเราเพื่อที่จะรับฤทธิ์อำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะมาจากพระวิญญาณของพระเจ้า
พลังอำนาจแห่งการทรงสร้างพลังอำนาจแห่งการทรงสร้าง พระวจนะของพระเจ้าที่ถูกบันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ เป็นพลังอำนาจเดียวกันกับพระคำที่พระเจ้าได้ทรงสร้างโลกนี้ ศึกษาจากพระธรรม ฮิบรู4:12. พระวจนะของพระเจ้าสามารถในการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติทางความคิดทั้งหมดของเรา ที่คอยควบคุมรูปแบบชีวิตและพฤติกรรมของมนุษย์ของเราได้
“พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์จะเรียกร้องให้โลกนี้อยู่ในพระวจนะของพระเจ้า พระวจนะเป็นพลังอำนาจ; มันเปลี่ยนแปลงชีวิต ทุกคำคือพระเป็นสัญญา; ซึ่งจะได้รับโดยการยอมรับเข้าไปในจิตวิญญาณ และสิ่งนี้จะนำมาซึ่งชีวิตนิรันดร์ ซึ่งจะเปลี่ยนธรรมชาติของความบาป และจะสร้างจิตวิญญาณขึ้นมาในพระฉายาของพระเจ้าอีกครั้ง” E.G.W. (Education, cp. 13, pg. 126)
พลังอำนาจแห่งการฟื้นฟูพลังอำนาจแห่งการฟื้นฟู สดุดี119, กษํตริย์ดาวิดทูลถามพระเจ้าหลายครั้งเพื่อที่จะฟื้นฟูชีวิตของพระองค์ด้วยพระคำของพระเจ้า (ข้อ25, 107, 154). พระองค์ทูลถามพระเจ้าเพื่อขอให้การทรงช่วยในสถานการณ์ที่บีบคั้น, กดดัน และน่าวิตกกังวล ศึกษาถึงพระธรรมสดุดี และถามตัวท่านเองว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้พระคำของพระเจ้าฟื้นฟูชีวิตของเราได้? “นี่คือการปลอบโยนในความทุกข์ยากของข้าพระองค์ คือพระสัญญาของพระองค์ให้ชีวิตแก่ข้าพระองค์” (สดุดี119:50) • พระคำให้การปลอบโยน (ข้อ. 50) • พระคำให้ความหวัง (ข้อ. 74) • พระคำให้ การหนุนใจ (ข้อ. 116) • พระคำสอนความจริงแก่เรา (ข้อ. 130, 160) • พระคำให้ความเข้าใจ (ข้อ. 169) • พระคำช่วยปลดปล่อยชีวิต (ข้อ. 170)
“พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา” (ยอห์น5:39) พลังอำนาจที่นำเราให้กลับมาสู่พระคริสต์ เมื่อเราพบกับพระเยซูในพระคัมภีร์ ชีวิตของเราจะเปลี่ยนแปลง จิตใจของเราจะร้อนรนเหมือนกับสาวก 2 คนที่พบกับพระองค์บนทางที่จะไปเมืองเอมาอูส (ลูกา24:32). และนั่นคือการฟื้นฟู พระเยซูคือศูนย์กลางแห่งพระวจนะของพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราให้มีประสบการณ์กับพระองค์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาพระคัมภีร์ พระคำของพระเจ้าเป็นพื้นฐาน และรากฐานของการฟื้นฟู เราจะมีประสบการณ์แห่งชีวิตเพิ่มขึ้นตามความเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้า การสรรเสริญ และการนมัสการของเราจะเหมือนน้ำพุที่ไหลล้นออกมาอย่างเต็มเปี่ยมจากจิตใจของเราด้วยพระคำของพระองค์
พลังอำนาจที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลงพลังอำนาจที่จะทำให้เราเปลี่ยนแปลง
““จงค้นดูในพระคัมภีร์” นี่คือคำตักเตือนของพระเจ้า หลายคนได้หลงหายไปจากชีวิตนิรันดร์เพราะเขาเหล่านั้นละเลยหน้าที่อันสำคัญนี้ เมื่อเราค้นคว้าในพระวจนะของพระองค์ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะอยู่เคียงข้างเราจะนำแสงสว่างฉายส่องลงมายังพระวจนะนั้น พระคัมภีร์ได้วิงวอนเราผู้ซึ่งมีสิทธิในการเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกหรือผิด พระคัมภีร์ได้พูดกับเราและเตือนเรา ขอร้องเรา แนะนำเรา และให้กำลังใจเรา จิตใจของเราจะต้องเติบโตขึ้นในความจริงอันศักดิ์สิทธิ์ของพระวจนะของพระเจ้า หรือมิฉะนั้นก็จะอ่อนแอลง เราจะต้องนำความจริงนี้ออกไปสู่สาธารณชนแต่เพียงเท่านี้ยังไม่เพียงพอ เราจะต้องทำให้ชีวิตของเราเป็นแบบอย่างเพื่อที่ผู้คนทั่วไปจะได้เรียนรู้และมองเห็นถึงผลแห่งความเชื่อที่ปรากฏขึ้นในตัวของเรา ใช้พระวจนะของพระเจ้า และการอธิษฐานเพื่อที่พระเจ้าจะทรงฉายส่องเข้าไปในจิตใจของท่าน ซึ่งถ้าเราศึกษาพระวจนะของพระเจ้าและอธิษฐานอย่างจริงจังทุกวัน เราจะเห็นถึงความจริงที่งดงาม, แจ่มใส และแสงสว่างที่สดชื่นทุกวันเช่นกัน” E.G.W. (Counsels on Sabbath School Work, section 2, pg. 22)