1 / 40

กระบวนการและแบบจำลอง ของการสื่อสาร (ต่อ)

สัปดาห์ที่ 7. กระบวนการและแบบจำลอง ของการสื่อสาร (ต่อ). 9. กระบวนการและแบบจำลองของการสื่อสาร (ต่อ). แบบจำลองของเวสเลย์และแมคลีน แบบจำลองของเบอร์โล แบบจำลองของชแรมม์ แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบทางเดียว แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบสองทาง. วัตถุประสงค์.

caradoc
Download Presentation

กระบวนการและแบบจำลอง ของการสื่อสาร (ต่อ)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สัปดาห์ที่ 7 กระบวนการและแบบจำลอง ของการสื่อสาร (ต่อ)

  2. 9. กระบวนการและแบบจำลองของการสื่อสาร (ต่อ) • แบบจำลองของเวสเลย์และแมคลีน • แบบจำลองของเบอร์โล • แบบจำลองของชแรมม์ • แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบทางเดียว • แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบสองทาง

  3. วัตถุประสงค์ • เมื่อศึกษาครั้งที่ 7 จบแล้ว นักศึกษาสามารถ • อธิบายกระบวนการ การสื่อสารได้ • 2. อธิบายแบบจำลองของกระบวนการสื่อสารแบบต่าง ๆ ได้

  4. แบบจำลองของเวสเลย์และแมคลีน ( The Westley and Mac Lean Model ) บรูซ เวสเลย์ และ มาลคอม แมคลีน ( Bruce Westley and Malcolm Mac Lean ) ได้สร้างแบบจำลองกระบวนการ การสื่อสารที่สามารถใช้อธิบายได้ทั้ง • การสื่อสารระหว่างบุคคลแบบเห็นหน้าค่าตากัน ( Face – to – Face communication ) • การสื่อสารมวลชน ( Mass communication )

  5. ความแตกต่างระหว่างการสื่อสารทั้ง 2 แบบ มีดังนี้ 1. การสื่อสารระหว่างบุคคล แบบเห็นหน้าค่าตากัน คู่สื่อสาร (ผู้ส่งสาร และ ผู้รับสาร) สามารถรับรู้ถึงความ รู้สึกของฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า การสื่อสารมวลชน เพราะในการสื่อสารระหว่างบุคคลแบบเห็นหน้าค่าตากัน นั้น มีประสาทที่จะสัมผัสความรู้สึกได้มากกว่า กล่าวคือ

  6. การสื่อสารระหว่างบุคคลการสื่อสารระหว่างบุคคล • สามารถได้ยินเสียง (hearing) • ได้เห็น (seeing) • จับต้องได้ (touching)

  7. 2. การสื่อสารระหว่างบุคคล แบบเห็นหน้าค่าตากัน ทำให้คู่สื่อสาร ได้รับการสื่อสารกลับทันทีทันใด ( immediate “feedback” ) กล่าวคือ • สามารถทราบปฏิกิริยาและความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามได้รวดเร็ว ซึ่งต่างจากการสื่อสารมวลชน เพราะโอกาสที่คู่สื่อสารจะได้รับการสื่อสารกลับ (feedback) มีน้อยกว่า หรือ เป็นการสื่อสารกลับที่ล่าช้า (delayed “feedback”)

  8. องค์ประกอบในกระบวนการสื่อสารตามแบบจำลองของเวสเลย์ และ แมคลีน ประกอบด้วย 1. สิ่งของและเหตุการณ์ ( objects and eventes ) 2. สาร ( message ) 3. ผู้ส่งสาร ( source ) 4. ผู้รับสาร ( receiver ) 5. การสื่อสารกลับ ( feedback )

  9. แบบจำลองกระบวนการสื่อสารของเวสเลย์และ แมคลีน แยกออกเป็น 2 แบบ แบบที่หนึ่ง คือ แบบจำลองการสื่อสารระหว่างบุคคล แบบเห็นหน้าค่าตากัน ซึ่งมีลักษณะดังนี้

  10. ผู้ส่งสาร (A) ได้พบเห็นสิ่งของหรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง (X1) ในบรรดาสิ่งของและเหตุการณ์ทั้งหลายที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมของตน (X1,X2,X3,….. X) เมื่อต้องการจะบอกเหตุการณ์นั้น (X1) ให้ผู้รับสาร (B) ทราบ (ซึ่งผู้รับสารอาจจะทราบหรือไม่ทราบเหตุการณ์นั้นมาก่อนก็ได้ (X1b) ผู้ส่งสาร (A) จึงสร้างและส่งสารนั้นไป (X’) ยังผู้รับสาร (B)เมื่อผู้รับสาร (B)ทราบ และมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร ก็จะสื่อสารกลับ (fBA) ไปยังผู้ส่งสาร (A)

  11. แบบที่สองแบบจำลองกระบวนการสื่อสารใช้สำหรับอธิบายกระบวนการการสื่อสารมวลชน ซึ่งมีลักษณะดังนี้

  12. การสื่อสารมวลชน การสื่อสารกลับ (feedback) เกิดขึ้นได้ 3 ทาง • ทางแรก คือ fBA จากมวลชนผู้รับสาร (B) ไปยังผู้ส่งสาร (A) • ทางที่สอง คือ fBC จากมวลชนผู้รับสาร (B) ไปยังสื่อมวลชน ผู้รับสาร (B) ไปยังสื่อมวลชน (C) • ทางที่สาม คือ fCA จากสื่อมวลชน (C) ไปยังผู้ส่งสาร (A)

  13. องค์ประกอบในกระบวนการการสื่อสารมวลชนประกอบด้วยองค์ประกอบในกระบวนการการสื่อสารมวลชนประกอบด้วย 1. สิ่งของและเหตุการณ์ในสิ่งแวดล้อม ( X1 , X2 , X3 ,………X  ) 2. ผู้ส่งสาร ( A ) 3. สาร ( X’ , X” ) X’ คือสารจากผู้ส่งสารไปยังสื่อมวลชน X” คือสารจากสื่อมวลชนไปยังมวลชนผู้รับสาร 4. สื่อ ( C ) หรือผู้เฝ้าประตู ( gatekeeper ) ได้แก่ องค์การสื่อมวลชน หรือ นักสื่อสารมวลชน ทำหน้าที่ในการคัดเลือกกลั่นกรองสารจากผู้ส่งสาร ไปยังมวลชนผู้รับสาร 5. มวลชนผู้รับสาร 6. การสื่อสารกลับ ( fBA, fBC, fCA )

  14. แบบจำลองของเบอร์โล ( The Berlo Mode ) ค.ศ. 1960 เดวิด เค เบอร์โล (David K. Berlo) เขียนหนังสือชื่อ The Process of Commnication ได้อธิบายแบบจำลองกระบวนการ การสื่อสาร ดังนี้ กระบวนการสื่อสารมีองค์ประกอบอยู่ 6 ประการ คือ 1. ผู้ส่งสาร ( communication source ) 2. ผู้เข้ารหัส ( encoder ) 3. สาร ( message ) 4. สื่อ ( channel ) 5. ผู้ถอดรหัส ( decoder ) 6. ผู้รับสาร ( communication receiver )

  15. แบบจำลองของเบอร์โล ( The Berlo Mode ) ในกรณีของการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คนนั้น • ผู้ทำหน้าที่ส่งสารและผู้ทำหน้าที่เข้ารหัสสามารถเป็นคน ๆ เดียวกันได้ รวมเรียกว่า ผู้ส่งสาร ( source) • ผู้ทำหน้าที่ในการถอดรหัส และผู้ทำหน้าที่ในการรับสารก็สามารถเป็นคน ๆ เดียวกันได้ รวมเรียกว่า ผู้รับสาร (receiver)

  16. องค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการสื่อสารตามแนวคิดของเบอร์โลสรุปได้เหลือ4 องค์ประกอบ 1. ผู้ส่งสาร (source) 2. สาร (message) 3. สื่อ (channel) 4. ผู้รับสาร (receiver) เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ S M C R Model

  17. แบบจำลองดังกล่าวมีลักษณะดังนี้แบบจำลองดังกล่าวมีลักษณะดังนี้

  18. จากแบบจำลองของเบอร์โล การสื่อสารจะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ 4 ประการนี้ ประสิทธิภาพ ขององค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ 1. ผู้ส่งสาร ปัจจัยของผู้ส่งสารประกอบด้วย • ทักษะในการสื่อสาร ( communication skills ) • ทัศนคติของผู้ส่ง ( attitudes ) • ระดับความรู้ ( knowledge ) • ระบบสังคม (social system) • วัฒนธรรม (culture)

  19. สาร ปัจจัยของสารประกอบด้วย • - รหัส (code) • - เนื้อหา (content) • - การจัดเสนอ (treatment) ส่วนประกอบ (elements) และ โครงสร้าง (structure)

  20. 3. สื่อ สื่อในความหมายของเบอร์โล มีความหมาย 3 ประการ คือ 1. หมายความถึง การเข้ารหัส และการถอดรหัส (mode of encoding and decoding) 2. หมายความถึงสิ่งที่นำสาร (message – vehicle) เช่น คลื่นแสง คลื่นเสียง วิทยุ โทรเลข โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ 3. หมายความถึงพาหนะของสิ่งที่นำสาร(vehicle –carrier) เช่น อากาศ

  21. หมายเหตุ ในความหมายที่ 2 และ 3 นั้น เป็นเรื่องทางเทคนิค เป็นเรื่องของวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ ในกระบวนการสื่อสารของมนุษย์ สื่อตามความหมายของเบอร์โล คือ ช่องทางที่จะนำสารไปสู่ประสาท ในการรู้สึก (sense mechanisms) หรือ การถอดรหัสของผู้รับสาร ได้แก่ การเห็น (seeing) การได้ยิน (hearing) การสัมผัส (touching) การได้กลิ่น (smelling) และ การลิ้มรส (tasting)

  22. ผู้รับสาร ปัจจัยของผู้รับสารประกอบด้วย • - ทักษะในการสื่อสาร ( communication skills ) • - ทัศนคติของผู้ส่ง ( attitudes ) • - ระดับความรู้ ( knowledge ) • - ระบบสังคม (social system) • - วัฒนธรรม (culture) ข้อสังเกต องค์ประกอบที่ 1 และ 4 จะมีปัจจัยเหมือนกัน (ปัจจัยของผู้ส่งสาร และ ปัจจัยของผู้รับสาร)

  23. แบบจำลองของชแรมม์ ( The Schramm Model ) แบบจำลองของวิลเบอร์ ชแรมม์ (wilbur Schramm) อธิบายกระบวนการ การสื่อสารไว้ในรูปของแบบจำลอง 4 แบบ ด้วยกันโดยเรียงลำดับต่อไปนี้

  24. แบบจำลองแบบที่ 1 องค์ประกอบของการสื่อสารประกอบด้วย ผู้ส่งสาร (source) ผู้เข้ารหัส (encoder) สัญญาณ (signal) ผู้ถอดรหัส (decoder) และ ผู้รับสาร (destination)

  25. ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ผู้ส่งสาร (source) กับผู้เข้ารหัส (encoder) สามารถรวมอยู่ในตัวคน ๆ เดียวกันได้ ในขณะเดียวกัน ผู้ถอดรหัส (decoder) กับผู้รับสาร (destination) ก็สามารถรวมอยู่ในตัวคนอีกคนหนึ่งได้เช่นกัน ส่วนสัญญาณ (signal) คือภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร การสื่อสารระหว่างบุคคล

  26. แบบจำลองแบบที่ 2

  27. อธิบายเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คนนั้น ผู้ส่งสาร (source) สามารถเข้ารหัส (encode) เพื่อที่จะทำการส่งสารได้เท่าที่ประสบการณ์ (experience)ที่ตนเองพึงมีเท่านั้น ในทำนองเดียวกันผู้รับสาร (destination) ก็สามารถถอดรหัส (decode)เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับสารที่ได้รับเท่าที่ประสบการณ์ (experience) ที่ตนเองมีอยู่เช่นกันวงรีสองวงที่ล้อมรอบผู้ส่งสาร แสดงถึงขอบเขตของประสบการณ์ (field of experience) ของแต่ละฝ่าย หากทั้งสองฝ่ายมี ขอบเขตของประสบการณ์ร่วมกัน (common field of experience) มากการสื่อสารก็จะสะดวกขึ้นในทางตรงกันข้าม หากทั้งสองฝ่ายไม่มีขอบเขตของประสบการณ์ร่วมกันเลย การสื่อสารก็จะเกิดขึ้นไม่ได้

  28. แบบจำลองแบบที่ 3

  29. แบบจำลองที่ 3 ในกระบวนการการสื่อสารนั้น บุคคลแต่ละคนเป็นทั้ง ผู้เข้ารหัส (encoder) และผู้ถอดรหัส(decoder) แต่ละคนสามารถทำได้ทั้งส่งสาร และรับสาร นอกจากนั้นแต่ละคนยังทำหน้าที่เป็นผู้ตีความหมาย (interpreter) ด้วย กล่าวคือเมื่อเราถอดรหัส (decode) เราก็ตีความรหัส (interpret) แล้วเข้ารหัส(encode) ต่อไป

  30. แบบจำลองแบบที่ 4

  31. แบบจำลองที่ 4 ชแรมม์ได้เพิ่มองค์ประกอบในกระบวนการการสื่อสาร 2 องค์ประกอบ คือ การสื่อสารกลับ (feedback) และ สื่อ (channel) ชแรมม์ ได้ยกตัวอย่างถึงการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คน โดยกล่าวว่า ในการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คนนั้น มีการสื่อสารโต้ตอบกันกลับไปกลับมา กระบวนการตอบกลับ (return process) นี้เรียกว่า การสื่อสารกลับ (feedback)

  32. ในการสื่อสารนั้นจะต้องอาศัยสื่อ (channel)ในการส่งสาร เราสามารถใช้สื่อในการสื่อสารได้พร้อม ๆ กันหลายสื่อในเวลาเดียว กัน สารแต่ละสารที่ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อแต่ละสื่อในเวลาเดียวกัน สามารถให้ความหมายแก่ผู้รับสารได้ทั้งนั้น เช่น ในขณะที่เราพูด (คลื่นเสียงและอากาศเป็นสื่อ) เราแสดงกิริยาอาการ (แสงเป็นสื่อ) ประกอบการพูด สารที่ส่งผ่านสื่อทั้ง 2 ชนิดนี้ มีความหมายสำหรับผู้ฟังทั้งสิ้น

  33. ชแรมม์ ได้สรุป แบบจำลองกระบวนการการสื่อสารนี้ว่า ใช้อธิบายได้ทั้งการสื่อสารมวลชน การสื่อสารในกลุ่ม และการสื่อสารระหว่างบุคคล 2 คน จากแบบจำลองแบบที่ 4 ชแรมม์ได้เสนอ แบบจำลองกระบวนการ การสื่อสารแบบสองทาง ( Two –way Communication Process) โดยการสื่อสารกลับ (feedback) เป็นตัวแสดงลักษณะของการสื่อสารทางที่สอง

  34. แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบทางเดียว ( Model of One – way Communication Process) เป็นกระบวนการการสื่อสาร จากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารเท่านั้น ไม่มี การสื่อสารกลับ (feedback) ซึ่งสามารถเขียนเป็นรูปได้ ดังนี้

  35. แบบจำลองกระบวนการสื่อสารแบบสองทาง ( Model of Two – way Communication Process ) อธิบายการสื่อสารที่มีการสื่อสารกลับ ( feedback ) คือ มีการ โต้ตอบกัน ระหว่างผู้ส่งสาร กับ ผู้รับสาร โดยปกติแล้วการ สื่อสารของมนุษย์นั้น มักจะมีลักษณะเป็นการโต้ตอบกัน

  36. แบบจำลองกระบวนการ การสื่อสารแบบสองทาง

  37. ประเภทของการสื่อสารกลับประเภทของการสื่อสารกลับ 1. การสื่อสารกลับทันทีทันใด ( Immediate Feedback) 2. การสื่อสารกลับที่ล่าช้า ( Delayed Feedback ) การสื่อสารกลับแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ตามความเร็วหรือช้าของการรับทราบการสื่อสารกลับนั้น

  38. ชนิดของการสื่อสารกลับชนิดของการสื่อสารกลับ 1. การสื่อสารกลับเชิงบวก ( Positive feedback ) 2. การสื่อสารกลับเชิงลบ ( Negative feedback ) ปฏิกิริยาของผู้รับสารที่มีต่อสารของผู้ส่งสาร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะของผลที่เกิดจากการสื่อสาร

  39. การสื่อสารกลับโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจการสื่อสารกลับโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ 1. การสื่อสารกลับโดยตั้งใจ ( Purposive feedback ) 2. การสื่อสารกลับโดยไม่ตั้งใจ ( Non- purposive feedback )

  40. ลักษณะของการสื่อสารกลับลักษณะของการสื่อสารกลับ 1. การสื่อสารกลับเชิงวัจนะ ( Verbal feedback ) คือการสื่อสารกลับที่กระทำโดยใช้ภาษาพูดหรือภาษาเขียน 2. การสื่อสารกลับเชิงอวัจนะ ( Nonverbal feedback ) คือการสื่อสารกลับที่กระทำโดยไม่ใช้ภาษาพูดหรือภาษาเขียน แต่ใช้กิริยาอาการ (action) ปริภาษา (paralanguage) เช่น ความค่อยความดังของเสียง การกระแอม ฯลฯ

More Related