1 / 25

นฤมล นวลผกา รศ.สุวรรณา สมบุญสุโข สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

การพัฒนาบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี Creating of e-Learning on Computer Mathematics, Higher Diploma Level Department of Business Computer, Ratchaburi Technical College. นฤมล นวลผกา

byron-gay
Download Presentation

นฤมล นวลผกา รศ.สุวรรณา สมบุญสุโข สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การพัฒนาบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี Creating of e-Learning on Computer Mathematics, Higher Diploma LevelDepartment of Business Computer, Ratchaburi Technical College นฤมล นวลผกา รศ.สุวรรณา สมบุญสุโข สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

  2. บทนำ การจัดการเรียนการสอนของวิทยาลัยเทคนิคราชบุรีในปัจจุบันนั้น มีการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรค์ในการเรียนการสอน คือขาดแคลนสื่อการเรียนรู้ และบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสายวิชาต่าง ๆ ซึ่งในการสอนจะเป็นการสอนที่ถ่ายทอดจากครูไปสู่นักเรียน โดยการบรรยายหรือสาธิตให้ดูด้วยการปฏิบัติ ซึ่งนักเรียนจะฟังครูอธิบายแล้วปฏิบัติตามเท่านั้น แต่เมื่อนักเรียนเกิดข้อสงสัยครูก็ต้องอธิบายเนื้อหาใหม่หรือสาธิตให้ดูอีกรอบ ในขณะที่ครูผู้สอนเองก็มีจำนวนชั่วโมงในการสอนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการสอนมีศักยภาพลดน้อยลง

  3. บทนำ(ต่อ) จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการเรียนการสอนของรายวิชาบางเนื้อหาก็ยากเกินกว่าที่จะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย เพราะการเรียนการสอนที่ถ่ายทอดจากครูไปสู่นักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายหรือสาธิตด้วยการปฏิบัติให้ดูก็ตาม การจัดการเรียนการสอนที่จะให้ได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงนั้น จะต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายด้าน ด้วยเหตุนี้การมีสื่อการสอนที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่จะทำให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนรู้ เกิดความเข้าใจและจดจำได้ง่าย

  4. บทนำ(ต่อ) ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความต้องการที่จะพัฒนาบทเรียน e-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นลำดับขั้นตอน และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้เรียน อันจะนำไปสู่การศึกษา และการนำความรู้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อประโยชน์ด้านการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี

  5. วัตถุประสงค์ของการวิจัยวัตถุประสงค์ของการวิจัย 1) เพื่อวิเคราะห์ออกแบบและพัฒนาบทเรียนe-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 2) เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 3) เพื่อหาประสิทธิผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ได้จากการเรียน บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 4) วิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้เรียนที่เรียนบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 5) ทดสอบความคงทนต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์

  6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1) ได้บทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด80/80 และสามารถนำไปใช้ เป็นสื่อการเรียนการสอน 2) บทเรียน e-Learningที่พัฒนาขึ้นช่วยให้ผู้เรียนมีประสิทธิผลการเรียนรู้ เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 60 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง 4) เป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนe-Learningในรายวิชาอื่น ๆ ที่เหมาะสมเป็นผลในเกิดการส่งเสริมการวิจัยด้านบทเรียน e-Learning ในระบบการศึกษามากขึ้น

  7. สมมติฐานการวิจัย 1) บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 80/80 2) ประสิทธิผลทางการเรียนรู้ของนักเรียนที่ได้จากการเรียนด้วย บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนไม่น้อยกว่า 60% 3) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ มีความพึงพอใจต่อบทเรียน e-Learningที่อยู่ในเกณฑ์ดี 4) ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน ที่เรียนจากบทเรียน และผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 จากการใช้บทเรียนe-Learningในครั้งแรก

  8. ขอบเขตของการวิจัย บทเรียนe-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ รหัสวิชา 3204-2002 สำหรับนักเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)ปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2546 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการประกอบด้วยเนื้อหา 7 หน่วยเรียน ได้แก่

  9. ขอบเขตของการวิจัย(ต่อ)ขอบเขตของการวิจัย(ต่อ) หน่วยการเรียนที่ 1 ระบบจำนวน หน่วยการเรียนที่ 2 ระบบเลขฐาน หน่วยการเรียนที่ 3 การคำนวณเกี่ยวกับระบบเลขฐาน หน่วยการเรียนที่ 4 โมดูลัสและวิธีการเลขคณิตในคอมพิวเตอร์ หน่วยการเรียนที่ 5 ตรรกศาสตร์ หน่วยการเรียนที่ 6 พีชคณิตแบบบูลีน หน่วยการเรียนที่ 7 เมตริกซ์

  10. วิธีดำเนินการวิจัย 1) ประชากร ประชากร คือ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงชั้น ปีที่1สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี 2)กลุ่มตัวอย่าง สามารถแยกได้เป็น 2 ส่วนดังนี้ ก. กลุ่มตัวอย่างสำหรับหาคุณภาพเครื่องมือ ข. กลุ่มตัวอย่างสำหรับทดสอบหาประสิทธิภาพของบทเรียน ประสิทธิผลทางการเรียนรู้และความพึงพอใจของผู้เรียน

  11. วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) 3) แบบแผนการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ ใช้แบบแผนการวิจัยแบบกลุ่มทดลองกลุ่มเดี่ยว วัดผลก่อนทดลองและหลังการทดลอง (One Group Pretest–Posttest Design) O1 X O2 O1 : การวัดผลก่อนการทดลองใช้บทเรียนe-Learning X : บทเรียนe-Learning O2 : การวัดผลหลังการทดลองใช้บทเรียน e-Learning

  12. วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) 4) เครื่องมือใช้ในการวิจัย 4.1)บทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 4.2) แบบประเมินเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล ได้แก่ • แบบประเมินความเหมาะสม และความสอดคล้องการสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning • แบบประเมินผลการเรียนรู้ท้ายหน่วยเรียน เป็นแบบเลือกตอบ 4ตัวเลือก จำนวน 7แบบประเมิน รวม 105ข้อ

  13. วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ)วิธีดำเนินการวิจัย(ต่อ) • แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนเป็นแบบเลือกตอบ 4ตัวเลือก จำนวน 70ข้อ โดยใช้วิธีการคัดเลือกจากแบบประเมินผลการเรียนรู้ทั้ง 7แบบประเมิน ที่ครอบคลุมเนื้อหาหลักสูตร • แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยบทเรียน e-Learning 4.3) เครื่องมือในการวัดผลสัมฤทธิ์ ความก้าวหน้าทางการเรียน และความคงทนในการเรียนรู้

  14. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 1) ผลการหาคุณภาพแบบประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านบทเรียน e-Learning แสดงได้ดังตารางที่ 1 จากตารางที่ 1สรุปได้ดังนี้ ดัชนีความสอดคล้องของแบบประเมินความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน มีค่าเท่ากับ 0.78แปลผลได้ว่า แบบประเมินแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อบทเรียน e-Learningของผู้เชี่ยวชาญโดยรวมสามารถนำไปใช้ได้

  15. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 2) ผลการหา ความยากง่าย และอำนาจจำแนก ของแบบประเมินผลการเรียนรู้ แสดงได้ดังตารางที่ 2 จากตารางที่ 2พบว่าค่าความยากง่าย และค่าอำนาจจำแนก ของประเด็นคำถามในแบบประเมินผลการเรียนรู้ รวมทั้ง 7หน่วยเรียน ทุกหน่วยการเรียนและประเด็นคำถามทุกข้ออยู่ในเกณฑ์ที่จะนำไปใช้ในการประเมินได้ โดยมีค่าความยากง่ายเฉลี่ย 0.64และค่าอำนาจจำแนก 0.43 สามารถนำไปใช้ทดสอบกับนักเรียนได้

  16. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 3) ผลการหาคุณภาพบทเรียนแบบ e-Learning จากผลการวิจัยพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านบทเรียน e-Learningมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพความเหมาะสมของบทเรียน e-Learning วิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 โดยรวมทั้ง 6ด้าน มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08

  17. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 4)ผลการหาประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning จากผลการวิจัย พบว่า คะแนนรวมระหว่างเรียน มีประสิทธิภาพกระบวนการ (E1) มีค่าเท่ากับ 2,909 คะแนน จากคะแนนรวม(A) 3,570 คะแนน คิดเป็นร้อยละ81.48 และคะแนนรวมหลังเรียนมีประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 1,958 คะแนน จากคะแนนรวม(B)2,380 คะแนน คิดเป็นร้อยละ82.27 ประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning E1 / E2 = 81.48 / 82.27

  18. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 5) ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียน จากผลการวิจัย พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่มีต่อบทเรียน e-Learningโดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.24 6) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน จากผลการวิจัยพบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจเท่ากับ 14.24 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 57.59คะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 43.35แสดงว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้บทเรียน e-Learningเป็นสื่อประกอบการเรียนตามแผนการเรียนรู้ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นตามเกณฑ์ ที่ตั้งไว้

  19. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ)ผลการวิเคราะห์ข้อมูล(ต่อ) 7) ความคงทนต่อการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยบทเรียน จากการวิจัย พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้ จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนครั้งแรกเท่ากับ 57.59 และค่าคะแนนเฉลี่ยที่ได้ จากการทำแบบทดสอบหลังเรียนครั้งที่ 2 หลังผ่านไป1เดือน เท่ากับ 60.21 พบว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนทดสอบหลังเรียนของนักเรียน ที่เรียนโดยใช้บทเรียน e-Learning มีค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนผ่านไป 1เดือน ไม่แตกต่างกันโดยมีค่าคะแนนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน จึงสรุปได้ว่า นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ข้อ 4.4กล่าวว่า ความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learningและผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30 จากการใช้บทเรียนในครั้งแรก

  20. สรุปผล 1) ดัชนีความสอดคล้องของแบบประเมินความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน มีค่าเท่ากับ 0.78 2) ผลการประเมินคุณภาพความเหมาะสมของบทเรียน e-Learningวิชาคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ชั้นปีที่ 1โดยรวมทั้ง 6ด้าน มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับดีมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.08 3)ประสิทธิภาพของบทเรียนกระบวนการ (E1)มีค่าเท่ากับ 2,909คะแนน จากคะแนนรวม(A) 3,750 คะแนน คิดเป็นร้อยละ81.48 และคะแนนรวมหลังเรียนมีประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2)เท่ากับ1,958คะแนน จากคะแนนรวม(B)2,380 คะแนน คิดเป็นร้อยละ82.27สรุปประสิทธิภาพของบทเรียน e-Learning E1 / E2 = 81.48 / 82.27

  21. สรุปผล(ต่อ) 5)ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียน e-Learningโดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.26 6) การศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยบทเรียน e-Learningพบว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบหลังเรียน หลังการเรียนผ่านไป 1เดือน มีค่าคะแนนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน มีคะแนนหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 60.21จึงสรุปได้ว่า นักเรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ ซึ่งสอดคล้องตามสมมติฐาน ข้อ 4.4 กล่าวว่า บทเรียน e-Learning ที่พัฒนาขึ้นมีความคงทนในการเรียนรู้ของนักเรียน และผู้เรียนมีผลการเรียนรู้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 30จากการใช้บทเรียน e-Learning

  22. อภิปรายผล 1) จากการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียนe-Learning สูงขึ้น ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับ กิดานันท์ มะลิทอง (2548: 220)ได้กล่าวเกี่ยวกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ดังนี้ “คอมพิวเตอร์ช่วยสอน”เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นสื่อในการสอนเพื่อให้มีการโต้ตอบกันได้ในระหว่างผู้เรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงการตอบสนองต่อข้อมูลที่ผู้เรียนป้อนเข้าไปได้ในทันที ซึ่งเป็นการช่วยเสริมแรงให้แก่ผู้เรียน เช่นเดียวกับการเรียนการสอนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนในห้องเรียนปกติ บทเรียนจะมีรูปแบบต่างๆ ในแต่ละบทเรียนจะมีตัวอักษร ภาพกราฟิก ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงประกอบด้วย ในลักษณะของสื่อประสม ทำให้ผู้เรียนสนุกไปกับการเรียนไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

  23. อภิปรายผล(ต่อ) การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอาศัยแนวความคิดจากทฤษฎีการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง โดยการออกแบบบทเรียนจะเริ่มจากการให้สิ่งเร้าแก่ผู้เรียน ประเมินการตอบสนองของผู้เรียน ให้ข้อมูลป้อนกลับเพื่อการเสริมแรง และให้ผู้เรียนเลือกสิ่งเร้าตามลำดับต่อไป สอดคล้องกับการเรียนรายบุคคล บทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นสื่อการเรียนการสอนที่มีหลายประเภท ในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้บทเรียน e-Learning ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ การคิดวิเคราะห์ สามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง และมีความคงทนในการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

  24. อภิปรายผล(ต่อ) 2) จากการศึกษาเปรียบเทียบความก้าวหน้าของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เทียบค่าร้อยละของผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่าผู้เรียนที่เรียนด้วยบทเรียน e-Learning มีคะแนนพัฒนาการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 43.35มีความก้าวหน้าของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น 3) จากการศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนในการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning มีความพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจมาก เนื่องจากการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning โดยผู้เรียนสามารถเข้าสู่บทเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถเรียนซ้ำได้ทุกครั้งตามความต้องการ อีกทั้งผู้เรียนยังสามารถประเมินผลความก้าวหน้าทางการเรียนของตนเองได้ ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนการสอนมากขึ้น

  25. อภิปรายผล(ต่อ) 4) จากการศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของผู้เรียนในการเรียนด้วยบทเรียน e-Learning พบว่า ผู้เรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ไม่แตกต่างจากหลังเรียน เมื่อระยะเวลาผ่านไปแล้ว 1เดือน ซึ่งผลการวิจัยนี้สอดคล้องทฤษฎีเรื่อง ความคงทนในการเรียนรู้ (BoonchomSrisaard, 1998) กล่าวคือ การเรียนรู้ที่ดีย่อมต้องก่อให้ผู้เรียนเกิดความจำที่มากขึ้น และส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความคงทนในการเรียนรู้ คือ การที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมการเรียนรู้โดยการลงมือกระทำปฏิบัติและแก้ปัญหาหรือศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองโดยยึดตามความสนใจทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการสะสม (Retention) สามารถระลึกถึงเนื้อหาหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ตนได้รับการเรียนรู้หรือได้รับประสบการณ์มาก่อน ในระยะเวลาที่ทิ้งช่วงห่างกันออกไประยะหนึ่ง

More Related