1 / 25

เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น ครั้งที่ 3 15 พฤศจิกายน 2545

เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น ครั้งที่ 3 15 พฤศจิกายน 2545. การบริโภค (Consumption). ทฤษฎีการกำหนดรายได้ประชาชาติของ Keynes. GDP = C + I + G + X-M AD = C + I + G + X-M โดยที่ AD = Aggregate Demand หรือ อุปสงค์มวลรวม Actual Aggregate Expenditure คือ รายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง

Download Presentation

เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น ครั้งที่ 3 15 พฤศจิกายน 2545

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้นครั้งที่ 315 พฤศจิกายน 2545 การบริโภค (Consumption)

  2. ทฤษฎีการกำหนดรายได้ประชาชาติของ Keynes GDP = C + I + G + X-M AD = C + I + G + X-M โดยที่ AD = Aggregate Demand หรือ อุปสงค์มวลรวม Actual Aggregate Expenditure คือ รายจ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง Desired Aggregate Expenditure คือ ความต้องการใช้จ่ายมวลรวม หรือความต้องการจะใช้จ่ายของภาคเศรษฐกิจต่างๆ AAEจะเท่ากับ DAE หรือไม่ก็ได้

  3. พฤติกรรมการบริโภค และการออม ครัวเรือน ปัจจัยการผลิต รายได้ การบริโภค (consumption) การออม (Saving)

  4. ปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวมปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวม • รายได้ที่ใช้จ่ายได้ (Disposable Income : DI) หรือ Yd • รายได้มาก ความสามารถการออมและการบริโภคมาก • รายได้ลดลง ความสามารถการออมและการบริโภคลดลง • การเปลี่ยนแปลงในอัตราภาษี • อัตราภาษีเพิ่ม ความสามารถการออมและการบริโภคลดลง • อัตราภาษีลดลง ความสามารถการออมและการบริโภคเพิ่มขึ้น

  5. ปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวมปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวม • สินเชื่อเพื่อการบริโภคและอัตราดอกเบี้ย • การจ่ายเงินดาวน์ต่ำและอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำ การบริโภคเพิ่มขึ้น • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ การบริโภคเพิ่มขึ้น • อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูง การบริโภคลดลง การออมเพิ่มขึ้น • สินทรัพย์ของผู้บริโภค • สินทรัพย์สภาพคล่องมาก การบริโภคมาก การออมน้อย • สินทรัพย์คงทนถาวร การบริโภคลดลงชั่วระยะเวลาหนึ่ง • สินทรัพย์คงทนถาวร การบริโภคสินค้าทดแทนกันได้ลดลง การบริโภคสินค้าประกอบกันเพิ่มขึ้น

  6. ปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวมปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวม • การคาดคะเนของผู้บริโภค • รายได้เพิ่มขึ้น การบริโภคเพิ่มขึ้น การออมลดลง • ราคาสินค้าในอนาคตลดลง การบริโภคในปัจจุบันลดลง การออมเพิ่มขึ้น • ปริมาณสินค้าในตลาดลดลง การบริโภคในปัจจุบันเพิ่มขึ้น การออมลดลง • หนี้สินของผู้บริโภคในปัจจุบัน • หนี้สินมาก การบริโภคลด การออมเพิ่ม • ไม่มีหนี้สิน การบริโภคเพิ่มขึ้นได้

  7. ปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวมปัจจัยกำหนดการบริโภคมวลรวมและการออมมวลรวม • ความรู้สึกของสังคมเกี่ยวกับการประหยัด • สังคมที่มีการเลียนแบบการบริโภคสูง ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น • สังคมมัธยัสถ์ การออมมากขึ้น การบริโภคลดลง • จำนวนประชากรและโครงสร้างประชากร • ประชากรเพิ่ม การบริโภคเพิ่มขึ้น • โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลง มีผลต่อประเภทการบริโภค • อุปนิสัย และวัยของประชากร

  8. สมการการบริโภค C = f (Yd, t, I, A, E, L, So, pop …..) S = f (Yd, t, I, A, E, L, So, pop …..) ถ้ากำหนดให้สิ่งอื่นๆ คงที่ นอกเหนือจากรายจ่ายในการบริโภค และเงินที่ได้จากการใช้จ่าย แล้ว สมการการบริโภค จะเป็น C = f (Yd) S = f (Yd)

  9. APC : Average Propensity to Consumeความโน้มเอียงเฉลี่ยในการบริโภค หมายถึง อัตราส่วนระหว่างค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภค กับ รายได้ APC = C Y ค่า APC แสดงให้รู้ว่า ณ ระดับรายได้ต่างๆ นั้น การบริโภคมีสัดส่วนเป็นเท่าไร

  10. C Y MPC : Marginal Propensity to Consumeความโน้มเอียงการบริโภคหน่วยสุดท้าย หมายถึง อัตราส่วนระหว่างการเปลี่ยนแปลงในการบริโภค กับ การเปลี่ยนแปลงของรายได้ MPC = ค่า MPCแสดงให้รู้ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรายได้ การบริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไร ถ้า MPC = 0.8หมายถึง รายได้เปลี่ยนแปลงไป 1 บาท การบริโภคเปลี่ยนแปลงไป 0.8 บาท

  11. S Y APS : Average Propensity to Saveความโน้มเอียงเฉลี่ยในการออม หมายถึง อัตราส่วนระหว่างการออม กับ รายได้ APS = ค่า APSแสดงให้รู้ว่า ณ ระดับรายได้ต่างๆ นั้น การออมมีสัดส่วนเป็นเท่าไร

  12. S Y MPS : Marginal Propensity to Saveความโน้มเอียงการออมหน่วยสุดท้าย หมายถึง อัตราส่วนระหว่างการเปลี่ยนแปลงในการออม กับ การเปลี่ยนแปลงของรายได้ MPS = ค่า MPSแสดงให้รู้ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในรายได้ การออม จะเปลี่ยนแปลงไปเท่าไร ถ้า MPS = 0.6หมายถึง รายได้เปลี่ยนแปลงไป 1 บาท การออมเปลี่ยนแปลงไป 0.6 บาท

  13. Keynesian Consumption Function C = Ca + bYd โดยที่ C = ความต้องการบริโภคมวลรวม Ca= intercept บนแกนตั้ง b = slope Yd = รายได้ที่ใช้จ่ายได้

  14. C Ca O Keynesian Consumption Function การบริโภค (C) รายได้ที่ใช้จ่ายได้ (Yd)

  15. ลักษณะสำคัญของ Consumption function • Ca > 0 เพราะเป็นระดับการบริโภคที่พอยังชีพอยู่ได้ • ค่า b = MPC = slope ของเส้นการบริโภคซึ่งมีค่าคงที่ (stable) และมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1ค่า MPS = slope ของเส้นการออมซึ่งมีค่าคงที่ (stable) และมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 1 (0 < MPS < 1) • MPC + MPS = 1 เสมอ • APC + APS = 1 เสมอ • เมื่อ Yd เพิ่มขึ้น APS จะเพิ่มขึ้น ดังนั้น APC จะลดลง

  16. C E break-even point B A Ca C=Yd break-even income 45 O Y0 Y2 เส้นการบริโภค C=Yd C APC<1 APC>1 Yd Y1

  17. เส้นการบริโภคและเส้นการออมเส้นการบริโภคและเส้นการออม C=Yd C C= Ca+b Yd E break-even point APC<1 B APC=1 APC>1 A Ca APS>0 D Sa = -Ca (dissaving) G S=0 break-even income O 45 Yd Y0 Y1 Y2 APS=0 Sa APS<0

  18. ตัวอย่างการคำนวณการบริโภค การออม กำหนดให้ MPC = 0.6 ถ้ารายได้ที่ใช้จ่ายได้เท่ากับ 0 และการบริโภคเท่ากับ 100 • หารายได้ที่จุดเสมอตัว • หาค่าการบริโภคและการออม • ค่า APC และ APS ณ ระดับรายได้ที่ใช้จ่ายได้ = 500 ล้านบาท

  19. กำหนดให้ MPC = 0.6ถ้ารายได้ที่ใช้จ่ายได้เท่ากับ 0 และการบริโภคเท่ากับ 100 หารายได้ที่จุดเสมอตัว สมการการบริโภค C = 100+ 0.6 Yd ณ ระดับรายได้ที่จุดเสมอตัว (Break even point) C = Yd ดังนั้น Yd= 100+ 0.6 Yd (Yd - 0.6Yd) = 100 Yd= (100 / 0.4) = 250 ระดับรายได้ที่จุดเสมอตัว (Break even point)= 250

  20. กำหนดให้ MPC = 0.6ถ้ารายได้ที่ใช้จ่ายได้เท่ากับ 0 และการบริโภคเท่ากับ 100 หาค่าการบริโภคและการออม ณ ระดับรายได้ = 500 สมการการบริโภค C = 100+ 0.6 Yd Yd = 500 ดังนั้น C = 100+ 0.6 (500) = 400 การออม S = Yd – C = 500 – 400 = 100 การบริโภค = 400การออม = 100

  21. กำหนดให้ MPC = 0.6ถ้ารายได้ที่ใช้จ่ายได้เท่ากับ 0 และการบริโภคเท่ากับ 100 หาค่า APC และ APS ณ ระดับรายได้ = 500 APC = C = 400 Y 500 = 0.80 APS = S = 100 Y 500 = 0.20

  22. การเปลี่ยนแปลงของการบริโภคมวลรวม และการออมมวลรวม • การเปลี่ยนแปลงบนเส้นการบริโภคและการออม • การเปลี่ยนแปลงในรายได้ที่ใช้จ่ายได้ • C และ S จะเลื่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบนเส้น C และ S เส้นเดิม

  23. C,S C C2 C1 S 0 Y Y1 Y2 การเปลี่ยนแปลงบนเส้นการบริโภคและการออม S2 S1

  24. การเปลี่ยนแปลงของการบริโภคมวลรวม และการออมมวลรวม • การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นการบริโภคและการออม • การเปลี่ยนแปลงในปัจจัยอื่นๆที่กำหนดการบริโภคและการออม (รายได้ไม่เปลี่ยน) • C และ S จะเคลื่อนขึ้น – ลงทั้งเส้นในทิศทางตรงกันข้าม • การเคลื่อนขึ้น – ลงของเส้นทั้ง 2 จะมีช่วงห่างจากเส้นเดิมในจำนวนที่เท่าๆ กัน

  25. C,S C C2 C1 S 0 Y การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเส้นการบริโภคและการออม C’2 C’1 S’2 S’1 S2 S1 Y1 Y2

More Related