500 likes | 632 Views
การเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน.
E N D
การเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานการเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน
1.งานเอกสาร เป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับจัดการด้านเอกสารรายงาน ตกแต่งภาพ ทำการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ ดูภาพยนตร์หรือสื่อทางการศึกษา ติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เช่น ซอฟแวร์ประมวลคำ และซอฟแวร์ตารางทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ซีพียูที่มีความเร็วสูง คือCPU 1 GHz ขึ้นไป แต่ควรมีแรมอย่างน้อย 1 GB และเลือกใช้จอภาพแบบ LCD ขนาด 17 – 19 นิ้ว เพื่อถนอมสายตา เนื่องจากลักษณะงานต้องจ้องมองจอภาพตลอดเวลา การเลือกเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน
2.งานกราฟิกเป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการตกแต่งและออกแบบภาพ และมีการเรียกใช้งานโปรแกรมกราฟิกหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน ใช้ซอฟแวร์กราฟิกในการสร้างชิ้นงาน เช่น งานสิ่งพิมพ์ งานนำเสนอแบบมัลติมีเดีย สร้างเว็บไซต์ ติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต โดยมีการรับ-ส่งข้อมูลจำนวนมากที่มีทั้งภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานประเภทนี้จำเป็นต้องมีซีพียูที่มีความเร็วอยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง CPU2 GHz ขึ้นไป ใช้แรมอย่างน้อย 2 GB มีฮาร์ดดิสก์ 40GHz ขึ้นไป จอภาพแบบ LCD ขนาดใหญ่ 17 – 19 นิ้ว
3.เล่นเกมคอมพิวเตอร์ และบันเทิงเป็นหลัก เป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม หรือดูภาพยนตร์ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานประเภทนี้ต้องแสดงภาพความละเอียดสูงสุดได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ์ดจอ CPU2 GHz ขึ้นไป ใช้แรมอย่างน้อย 2 GB มีฮาร์ดดิสก์ 40GHz ขึ้นไป จอภาพแบบ LCD ขนาด 17 นิ้วขึ้นไป และใช้การ์ดจอ 256 MB ขึ้นไปและควรมีเครื่องสำรองไฟเนื่องจากการทำงานประเภทนี้คอมพิวเตอร์ต้องใช้เวลาในการประมวลผลนานถ้าหากไฟดับหรือไฟกระตุกจะไม่สะดวกในการเริ่มทำงานใหม่
ระยะเวลาในการรับประกันระยะเวลาในการรับประกัน การรับประกันจะถูกกำหนดโดยผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า อุปกรณ์แต่ละชนิดจะมีระยะเวลาในการับประกันไม่เท่ากัน
สติ๊กเกอร์รับประกัน 1.สติ๊กเกอร์รับประกันที่กำหนดเวลาเริ่มต้นในการรับประกัน เป็นรูปแบบที่นิยมกันมาก เพราะง่ายในการบันทึก เนื่องจากอุปกรณ์ แต่ละชิ้นมีระยะเวลาในการรับประกันไม่เท่ากัน
2.สติ๊กเกอร์รับประกันที่กำหนดเวลาสิ้นสุดในการรับประกัน2.สติ๊กเกอร์รับประกันที่กำหนดเวลาสิ้นสุดในการรับประกัน ผู้รับประกันจะเขียนเดือนและปีที่สิ้นค้าหมดอายุรับประกัน รูปแบบนี้จะทำให้เห็นชัดเจนว่าอุปกรณ์นั้นๆ จะหมดรับประกันเมื่อใด เช่น จากรูปตัวอย่างวันที่หมดประกันคือ วันที่ 6 ปี 2007
การเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์การเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์
การเลือกหน่วยประมวลผลกลาง(CPU)การเลือกหน่วยประมวลผลกลาง(CPU) • ผู้ใช้มือใหม่ เน้นราคาประหยัด ในกลุ่มของผู้ที่เริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์และต้องการความประหยัด รวมถึงการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การประมวลผลซับซ้อน ส่วนใหญ่จะประกอบเป็นพีซีในราคาประมาณ 10,000-15,000 บาท มีหลายรุ่นด้วยกัน CPUที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ Celeron D 420:1.60GH,512KBL2,800MHz,Socket775 ราคา1,300บาทAthlon 64LE-1600:2.20GHz,102KBL2,SocketAM2ราคา1,750 บาทPentium Duo Core E2140:1.60GHz,1024KB L2,800MHz bus,Socket775 ราคาประมาณ 2,550 บาท
การใช้งานกราฟิกเป็นหลัก การใช้งานกราฟิกเป็นหลัก ในบรรดากลุ่มผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ด้วยกันนั้น กลุ่มของงานกราฟิกและการตัดต่อ นับเป็นกลุ่มที่ต้องการศักยภาพในการทำงานสูงสุด เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นระบบการเข้ารหัสไฟล์วิดีโด การตัดต่อภาพ การเรนเดอร์ออปเจ็กต์สามมิติที่มีขนาดใหญ่ ล้วนแต่พึ่งการทำงานของซีพียูเป็นหลัก ดังนั้นแล้วซีพียูที่ใช้ต้องสามารถตอบสนองต่อการประมวลผลที่ซับซ้อนได้ดีและมีเทคโนโลยีที่รองรับโปรแกรมเฉพาะทางเหล่านี้ได้ด้วยซึ่งซีพียูที่รองรับการทำงานได้ดีในด้านนี้มีให้เลือกด้วยกันหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Intel Core 2Quad หรือ AMD Phenomที่เป็นแบบ Quad Core ที่เพิ่งวางจำหน่ายช่วงปลายปี 2550 มานี้ CPUที่น่าสนใจในกลุ่มนี้ Intel Core 2 Extreme 9650:3.00GHz,12MB L2 1333MHz bus,Socket 775Intel Core 2 Quad Q6600:2.40GHz,2MBx4L21066MHz bus, Socket 775 ราคาประมาณ 9,690 บาท
การเลือกเมนบอร์ด เมนบอร์ด(Main board) เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมด ผ่านสายเคเบิล ทำงานร่วมกับอุปกรณ์สำคัญ ดังนี้ 1.Processer หรือ CPU เป็นสมองของคอมพิวเตอร์
2.Ram ปัจจุบันเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ จะสนับสนุนการทำงานของหน่วยความจำแบบ Dual Channel ซึ่งเพิ่มค่าแบรนวิดธ์
3.Chipset สนับสนุนและจัดการระบบการทำงานของฮาร์ดแวร์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ NorthBridge & SouthBridge
4.AGP และ PCI Express ตัวประมวลผลภาพผ่านทางจอภาพที่รองรับการทำงานร่วมกับชิปเซตหน่วยความจำ และ DirectX ชิปเซตที่ได้รับความนิยมเช่น NVIDIA,Intel,VIA,SiSหรือATI
5.Sound Onboard คุณภาพของระบบเสียงที่มาพร้อมเมนบอร์ดนั้น มีการนำเทคโนโลยี DOLBY SURROUND เป็นเทคโนโลยีคุณภาพเสียงใช้ร่วมกับลำโพงแบบหลายทิศทางและในเมนบอร์ดระดับสูงยังสนับสนุนช่องสัญญาณเสียงแบบดิจิทัลอีกด้วย
6.LAN เมนบอร์ดคุณภาพสูงจะรองรับความเร็วระดับกิกะบิต(1000 Gbps)
7.Conector&Port เมนบอร์ดทุกตัวต้องมีไว้รองรับการทำงาน บางรุ่นจะมีช่องสัญญาณ VGA เพื่อให้เมนบอร์ดสนับสนุนการประมวลผลภาพไปในตัว และในเมนบอร์ดประสิทธิภาพสูงจะใช้งานร่วมกับช่องสัญญาณ S/PDIF และ IEEE 1394
8.การเลือกเมนบอร์ด ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับตัวฮาร์ดแวร์ ซึ่งเมนบอร์ดต้องรองรับฮาร์ดแวร์ตัวที่ต้องการจะใช้
การเลือกหน่วยความจำแรมการเลือกหน่วยความจำแรม • ดูจากเมนบอร์ดที่ใช้อยู่ ปัจจุบันชัดเจนว่าแรมที่มีอยู่ในตลาดและใช้กันอยู่โดยทั่วไป มีอยู่ 3 รูปแบบคือ DDR, DDR2 และ DDR3 โดยที่แต่ละแบบก็ใช้งานกับแพลตฟอร์มต่างกันออกไป กล่าวคือ DDR (184-pins) จะทำงานร่วมกับชิปเซตรุ่นเก่าของทั้ง Intel ตระกูล 845, 865 และใน VIA P4M บางรุ่น สำหรับ AMD ก็มีตั้งแต่ nForce2, nForce3, GeForce 6100/6150 แต่เวลานี้ก็แทบจะลาจากตลาดไปอย่างถาวร ส่วนใหญ่จะถูกเปลี่ยนสำหรับการอัพเกรด ประกอบด้วย DDR400/333/266 (PC3200/2700/2100)
ส่วน DDR2 (240-pins)นับว่ายังคงเป็นแรมยอดนิยม ที่ยืนหยัดอยู่ในตลาดได้อีกนานพอสมควร ใช้กับชิปเซตทั้งหลายที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ายอินเทล 915, 925, 945, 955, 965, 975, G31, G33, P35, X38 และ X48 รวมไปถึง 680i/ 780i ส่วนทาง AMD ก็ใช้ได้กับ nForce4, nForce 5xx Series, 690G, nForce 750/770/790FX Series ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ DDR2 800/667/533 (PC6400/5300/4200) นับเป็นแรมที่มีราคาค่อนข้างถูก มีให้เลือกตั้งแต่แถวละ 512MB, 1GB และ 2GB ล่าสุดกับ DDR3 (240-pins) ที่ยังถือว่าเป็นแรมที่มีประสิทธิภาพสูงพอสมควร รวมถึงราคาจำหน่ายด้วยเช่นกัน เนื่องจากยังไม่มีการสนับสนุนอย่างเต็มที่เท่าใดนัก ส่วนชิปเซตจากอินเทลจะมีเพียง X48 ที่รองรับการทำงานอย่างเต็มตัว แต่ผู้ผลิตก็ยังมีในแบบ DDR2 มาให้ใช้ด้วย ส่วนทาง AMDจะมีในรุ่น AMD 790i ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น ที่ออกมารองรับการทำงานกับ DDR3 โดยจะมีความเร็วที่ DDR3 1333 และ DDR3 1066 (PC10600/8500)
เลือกที่ความจุและขนาดที่ต้องการเลือกที่ความจุและขนาดที่ต้องการ ให้ดูจากปริมาณการทำงานและแอพพลิเคชันที่ใช้เป็นหลัก หากการใช้งานทั่วไปร่วมกับวินโดวส์เอ็กซ์พีแล้ว ความจุที่512MB ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้ามีความต้องการในเรื่องของเกมสามมิติและโปรแกรมตกแต่งภาพแล้ว ความจุที่มากกว่า 1GB จะช่วยให้มีความลื่นไหลมากขึ้น ส่วนถ้าหากจำนำไปใช้กับงานระดับ Workstation ความจุที่ 2-4GB ก็ดูจะเป็นขนาดที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่แรม DDR2 ราคาถูกเช่นนี้ การอัพเกรดความจุให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะหาซื้อได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย • เลือกแบบ Single ความจุสูงแถวเดียวหรือ Dual ความจุเท่ากัน 2 แถวดี การทำงานในโหมด Dual Channel ที่เป็นแบบแรมสองแถวคู่ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมไม่น้อยกว่า 20% แต่นั่นหมายถึงมีอัตราค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อแรมแบบแถวเดียว ในความจุเท่ากัน แต่แบนด์วิดธ์ที่ได้จะต่างกัน การใช้แถวคู่ก็แน่นอนว่าจะต้องเสียสล็อตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่อง การอัพเกรดก็น้อยลง
การเลือกฮาร์ดดิส ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันบนพีซีทั่วไปนั้น แบ่งเป็น 2 แบบคือ IDE หรือ (E-IDE) และ SATA ซึ่งทั้ง 2 แบบ มีรูปแบบและอินเทอร์เฟชในการติดต่อข้อมูลแตกต่างกันไป แต่ในตลาด ณ เวลานี้ ส่วนใหญ่เราจะเห็นในแบบ SATA และ SATA2 กันมากกว่า โดยที่ฮาร์ดดิสก์ในแบบ IDE ดูจะถูกลดบทบาทลงอย่างมาก เหตุผลมาจากที่แมนบอร์ดในปัจจุบันมีพอร์ตสำหรับ IDE เพียงช่องเดียว ซึ่งต่ออุปกรณ์ได้ 2 ตัว แต่ตัวหนึ่งก็ถูกใช้กับออฟติคอลไดรฟ์ไปแล้ว จึงเป็นเรื่องยากในการอัพเกรด ดังนั้นแล้วการใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SATA จึงเป็นทางเลือกที่ดูคุ้มค่าที่สุด ด้วยความเป็นอุปกรณ์ที่เปรียบเสมือนโรงงานจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา การเลือกซื้อจึงควรให้การพิจารณาเป็นพิเศษ
ความจุของฮาร์ดดิสก์ แม้ว่าความจุที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันจะมีมากถึง 1000GB หรือ 1Terabyte การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานและค่าใช้จ่ายเป็นหลัก เพราะถึงแม้บางครั้ง ฮาร์ดดิสก์ความจุสูงดูจะคุ้มค่ากว่าความจุที่ต่ำกว่าก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบการใช้งานของคุณก็ยังถือเป็นเรื่องสำคัญกว่าอยู่ดีโดยความจุก็มีให้เลือกตั้งแต่ 80/120/160/200/250/320/500/750 และ 1000GB ซึ่งเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม • ความเร็วรอบ มีให้เลือกตั้งแต่ 5400rpm/7200rpm และ 10,000rpm ซึ่งที่พบกันมากที่สุดจะเป็นแบบ 7200rpm ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงและราคาไม่แพง แต่สำหรับ 10,000rpm นั้นส่วนใหญ่จะพบบนฮาร์ดดิสก์รุ่นพิเศษ ที่ออกแบบมาเพื่องานบางอย่างโดยเฉพาะ ด้วยความเร็วในการทำงานที่สูง จึงต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง จึงทำให้ฮาร์ดดิสก์ประเภทนี้มีราคาที่แพงพอสมควร
หน่วยความจำบัฟเฟอร์ สิ่งนี้สำคัญมากทีเดียว ไม่ใช่เพียงกับการทำงานเฉพาะทางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเล่นเกม มัลติมีเดียและซอฟแวร์พื้นฐานทั่วไปอีกด้วย ด้วยการสำรองข้อมูลบางส่วนในการใช้งานเอาไว้ เพื่อที่จะเรียกใช้ได้เร็วยิ่งขึ้น และแน่นอนว่ายิ่งบัฟเฟอร์สูงกว่าราคาก็จะกระโดดไปกว่า 20% เลยทีเดียวโดยผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกที่ระดับมาตรฐาน 8MB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น สำหรับเกมเมอร์หรือการตัดต่อ อาจเลือกเป็นรุ่น 16MB หรือ 32MB ก็ตอบสนองกับงานในหลายส่วนได้ดีทีเดียว
การเลือกกราฟิกการ์ด การเลือกซื้อกราฟิกการ์ดในตลาดเวลานี้ การ์ดระดับกลางจะดูค่อนข้างโดดเด่นมากทีเดียว ด้วยความที่มีรุ่นให้เลือกเยอะและมีลูกเล่นที่หลากหลาย ในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก หากเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ จึงทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การ์ดระดับบนก็ถือว่ามีบทบาทมากขึ้นทุกขณะด้วยความต้องการของเกมที่ใช้ทรัพยากรสูงขึ้นทุกที ดังนั้นแล้วการเลือกใช้ก็ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนสิ่งที่ใช้ในการพิจารณาเพื่อเลือกซื้อมีดังนี้ • อินเทอร์เฟช แน่นอนว่าก่อนซื้อก็คงต้องตรวจสอบดูก่อนว่าใช้เมนบอร์ดที่มีสล็อตแบบใด ปัจจุบันมีทั้งแบบ PCI-Express 16x ที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไป และอีกแบบหนึ่งคือสล็อตAGP8x ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บนเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่ไม่ใช่ Socket 775 และ 939/ AM2 ซึ่งผู้ใช้ควรต้องพิจารณาก่อนการเลือกซื้อด้วย
นอกจากนี้ในเรื่องการเลือกให้สังเกตด้วยว่าการ์ดที่ซื้อมามีช่องต่อเพาเวอร์หรือไม่ เพราะการ์ดรุ่นใหม่หลายรุ่น มักต้องใช้ไฟเพิ่มจากปกติ ซึ่งอาจจะเป็น Molex-4-pins หรือ 6-pins • การระบายความร้อน ชุดระบายความร้อน ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกราฟิกการ์ด การระบายความร้อนที่ดีจะช่วยให้การ์ดทำงานได้ยาวนานขึ้น โดยการระบายความร้อนของการ์ดจะมีให้เลือกทั้งแบบ ฮีตชิงก์พัดลมและฮีตไปป์ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม หากอุณหภูมิในห้องสูง การเลือกฮีตซิงก์พัดลม ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากมีการระบายความร้อนจากตัวฮีตซิงก์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็จะเกิดเสียงรบกวนอยู่บ้างแต่ถ้าในห้องมีการปรับอุณหภูมิ การใช้ฮีตไปป์ก็จะช่วยลดการใช้พัดลมลง เสียงรบกวนก็น้อยลงเช่นกัน แต่ทั้งสองรูปแบบ ก็คงต้องอาศัยการจัดทิศทางลมภายในเคสที่ดีด้วย
ชุดระบายความร้อนของกราฟิกการ์ดชุดระบายความร้อนของกราฟิกการ์ด
Hyper Memory/ Turbo Cache สิ่งหนึ่งที่เราจะพบเห็นได้บ่อยๆ บนกราฟิกการ์ดราคาประหยัดก็คือ การมีหน่วยความจำเพียง 64MB หรือ 256MB เท่านั้น ซึ่งบางครั้งการใช้งานร่วมกับเกมหรือโปรแกรมสามมิติแทบเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นแล้วผู้ผลิต จึงได้ใส่เทคโนโลยีดังกล่าวมาให้ ด้วยฟีเจอร์ในการเพิ่มขนาดบัฟเฟอร์ให้มีมากขึ้น โดยการนำหน่วยความจำหลักหรือแรมมาใช้ร่วมได้ ซึ่งจะระบุฟีเจอร์และขนาดของแรมที่จะแชร์ได้ไว้ที่หน้ากล่องโดยของทาง ATI จะเรียกว่า Hyper Memory ส่วนทาง nVIDIAใช้ชื่อว่า TurboCacheนั่นเอง ทั้งสองรูปแบบนี้ จะทำหน้าที่คล้ายคลึงกัน และจะแชร์หน่วยความจำได้ตั้งแต่ 256MB/512MB ไปจนถึง 1GB ขึ้นอยู่กับการติดตั้งหน่วยความจำหลักในเครื่องไว้มากน้อยเพียงใด การ์ดในรูปแบบดังกล่าวนี้ จัดอยู่ในกลุ่มราคาประหยัด ที่ไม่ได้เน้นการเล่นเกมมากนัก ด้วยราคาที่ถูกมากๆ จึงทำให้ได้รับความสนใจอยู่มากทีเดียว
SLI/ CrossFire หากจะใช้ฟังก์ชัน SLI หรือ CrossFireก็ควรตรวจสอบการสนับสนุนของเมนบอร์ดที่ใช้อยู่ด้วย ซึ่งเมนบอร์ดที่ใช้ชิปเซตจากค่าย nVIDIAส่วนใหญ่ก็จะสนับสนุนฟังก์ชัน SLI ไม่ว่าจะเป็น nForce4 SLI, 570 SLI, 590 SLI สำหรับค่าย AMD แต่สำหรับซีพียูอินเทลจะมีในรุ่น 680 SLI ทั้งนี้ให้สังเกตที่สล็อตPCI-Express จะมีให้ 2 ช่องและ 3 ช่อง สำหรับ Triple SLI บนชิปเชต 780 SLIส่วนเมนบอร์ดที่รองรับ CrossFireส่วนใหญ่จะใช้ร่วมกับซีพียูค่ายอินเทล ประกอบไปด้วย 965P, 975X, P35, X38 และX48 การใช้งานก็เพียงต่อพ่วงบริดจ์ (Bridge) ระหว่างการ์ดเข้าด้วยกันเท่านั้น
กราฟิกการ์ดราคาประหยัดnVIDIA: GeForce 7300/ 7600/ 8400ATI : RADEON HD2400 การ์ดในกลุ่มนี้ เหมาะสำหรับการเล่นเกมพื้นฐานทั่วไป รวมทั้งเกมวางแผนในแบบ RTS ไม่ว่าจะเป็น Earth of Empire, Battle field หรือ Company of Heroes ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนในการประมวลผลมากนัก แต่อาศัยบัฟเฟอร์ในการจัดการระบบยูนิตมากกว่า รวมถึงการรองรับกับเกมออนไลน์ได้ดีพอสมควร คุณสมบัติหลักๆ ของการ์ดรุ่นนี้คือ หน่วยความจำ GDDR2 (64-bit และ 128-bits) ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 – 2,500 บาทเท่านั้น
กราฟิกการ์ดสำหรับเกมเมอร์ระดับกลางnVIDIA: GeForce 8500GT/ 8600GT/ GTS ,ATI : RADEON HD2600/ 3850 การ์ดระดับกลางนี้ รองรับกับเกมได้เกือบทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นเกมเดินหน้ายิง วางแผน อันเป็นเกมที่ต้องอาศัยเอนจิ้นหรือAI ในการคำนวณ รวมถึงการเรนเดอร์พื้นผิวและเอฟเฟ็กต์ ไม่ว่าจะเป็นเกม Call of Duty, Crysis, Sprinter Cell หรือ BioShockแต่การเล่มเกมก็อาจปรับที่ความละเอียดที่สูงกว่า 1280 x 1024 ได้ไม่ยาก แต่ในเรื่องเอฟเฟ็กต์ต่างๆ อาจทำได้ไม่เต็มที่ แต่สำหรับเกมออนไลน์การ์ดระดับนี้เล่นได้สบายซึ่งส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์พิเศษ ในการถอดรหัสไฟล์ Hi-Def ได้อย่างสมบูรณ์ การ์ดในรุ่นนี้ มีทั้งแบบ GDDR2 และDDR3 (128-bits และ 256bits) ขึ้นอยู่กับรุ่นและราคา โดยที่การ์ด GeForce 8500GT/8600GT และ HD 2600XT/ HD 3850 มีราคาอยู่ที่ 4,000 – 6,500 บาท โดยประมาณ
กราฟิกสำหรับเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์nVIDIA: GeForce 7900/ 8800 ATI : RADEON HD3870/ 2900 สำหรับตลาดบนที่มาแรงคงหนีไม่พ้น GeForce 8800GT/ GTS และ HD3870/ HD2900 ซึ่งการ์ดเหล่านี้ตอบสนองได้ดีกับหลายๆ เกม ไม่ว่าจะเป็น Call of Duty, Lost Planet หรือ Gear of War ด้วยคุณสมบัติของโครงสร้างภายในที่มี Pipeline และชุดประมวลผลทรงพลัง โดยเฉพาะกับ Stream Processor และหน่วยความจำในแบบ GDDR3 และ GDDR4 ที่มีตั้งแต่ 512MB ไปจนถึง 1GB (256-bits) และยังรองรับการทำงานร่วมไฟล์ Hi-Def ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้การ์ดกลุ่มนี้ค่อนข้างได้รับความนิยม แม้ว่าบางรุ่นจะมีราคาสูงกว่า 15,000 บาทการ์ดระดับบนนี้ แน่นอนว่ารองรับกับเกมในปัจจุบันได้อย่างสบาย บนโหมดความละเอียดที่สูงระดับ 1600 x 1200 รวมถึงการเปิดเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่กล่าวได้ว่าคุ้มค่ามาก สำหรับผู้ที่มีงบประมาณมากและต้องการความสวยงาม ต่อเนื่องของเกมอย่างแท้จริง
การเลือกจอภาพ ประเภทของหน้าจอ LCD • STN คมชัดและแสงสว่างไม่มากนัก นิยมใช้กับจอขนาดเล็ก • TFT ใช้ในจอโน้ตบุ๊ค และคอมพิวเตอร์ทั่วไป จะคมชัดและสว่างกว่าแบบแรก • การเลือกซื้อ LCD Mornitorมีขั้นตอนต่อไปนี้ • 1.ขนาด • เอกสาร 14-17 นิ้ว • กราฟฟิก17,19,21 นิ้ว • บันเทิง 17 นิ้วขึ้นไป
2.ความละเอียดของจอภาพ LCD Monitor ที่มีขนาดเท่ากันจะมีความละเอียดสูงสุดของภาพเท่ากันเสมอ จอยิ่งใหญ่ภาพยิ่งละเอียด
3.Dot Pitch เป็นค่าระยะห่างของจุดภาพ LCD Monitor จะมีค่าเท่าๆกันเสมอ Dot Pitch ลดลงภาพจะชัดขึ้น
4.จำนวนของเม็ดสี(BitDepth) เป็นค่าที่บอกความสามารถในการแสดงของจำนวนเม็ดสีที่จอภาพ จะอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งควรจะมากกว่า 16 bit ขึ้นไป
5.Viewing Angle เป็นค่ามุมมองในการแสดงภาพ มีเฉพาะ LCD Monitor เท่านั้น ค่านี้มากเท่าไหร่ มุมมองที่สามารถแสดงภาพแล้วภาพชัดเจน ก็จะยิ่งมากขึ้น
6.Response time เป็นอัตราความเร็วในการตอบสนองของเม็ดสี ในการเปลี่ยนสีจากดำมาเป็นขาวแล้วกลับเป็นดำ (B/W)หรือบางครั้งอาจเป็นจากสีเทามาเป็นเทา(G/G)โดยบอกเวลาเป็นวินาทีซึ่งตัวเลขยิ่งน้อย ก็จะส่งผลให้การแสดงภาพมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
7.ช่องต่อแบบ Analog and Digital เดิมจอภาพจะรับข้อมูลที่เป็นดิจิทัลมา ถ้าเป็นช่องต่อแบบ Analog กราฟิกการ์ดจะเปลี่ยนเป็น Analog ทำให้คุณภาพของภาพลดลง จึงได้มีพอร์ตแบบ ดิจิทัล หรือ DVI ซึ่งไม่ต้องแปลงสัญญาณ ทำให้จอภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์การดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
การดูแลรักษาCPU ทำให้พัดลมระบายอากาศและชุดจ่ายไฟฟ้าทำงานเป็นปกติอยู่เสมอ ตรวจสอบง่ายๆ โดยสังเกตว่ามีการทำงานปกติหรือไม่ มีเสียงผิดปกติขณะทำงานหรือไม่ โดยทั่วไปหากCPUทำงานในอุณหภูมิสูงมากๆ CPUจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันความเสียหาย อาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ดับเองบ่อยๆ • การดูแลรักษาเมนบอร์ด ควรหมั่นดูแลเรื่องฝุ่นละอองที่จะเข้าไปเกาะยังส่วนต่างๆบนเมนบอร์ด อาจจะส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆได้ ควรมีการดูดฝุ่นหรือใช้เครื่องเป่าฝุ่นละอองออกจากเมนบอร์ดประมาณเดือนละ1ครั้ง โดยขึ้นอยู่กับสภาพคอมด้วย
การดูแลรักษาจอภาพ ไม่ควรตั้งจอไว้ใกล้บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กมากจนเกินไปและไม่ควรเช็ดหน้าจอด้วยน้ำยาหรือสารอื่นๆที่ไม่ได้ระบุไว้ว่าสำหรับทำความสะอาดจอภาพนั้นๆ การดูแลรักษาจอภาพควรปฏิบัติดังนี้ - อย่าให้วัตถุที่มีความชื้นไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์ - ควรเปิดไฟที่จอก่อนเปิดเครื่อง - ไม่ควรเปิดๆปิดๆเครื่องติดๆกัน - เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นานๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกรมถนอมจอภาพ (screen sever)ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ
การดูแลรักษาการ์ดแสดงผลการดูแลรักษาการ์ดแสดงผล ให้ตรวจสอบการหมุนของพัดลมว่าทำงานหรือไม่และตรวจสอบฝุ่นที่เกาะว่ามีมากน้อยขนาดไหน ควรทำความสะอาดโดยถอดออกจากเมนบอร์ดและปัดทำความสะอาดด้วยแปรงเบาๆ • การดูแลรักษาเมาส์ ให้ทำความสะอาดลูกกลิ้งโดยบิดช่องข้างล่างบริเวณที่เป็นลูกกลิ้ง พอถอดแล้วให้นำลูกกลิ้งข้างในออกมา จะเห็นแกนอยู่2แกนที่สามารถหมุนได้และแกนวงกลม ก็สามารถหมุนได้เช่นกัน ใช้เล็บหรือไขควงขูดฝุ่นที่เกาะเป็นก้อนออกมา ถ้าเป็นเมาส์แสงสามารถทำความสะอาดโดยอุปกรณ์เป่าฝุ่นได้
การดูแลรักษาแป้นพิมพ์การดูแลรักษาแป้นพิมพ์ ให้นำผ้าหมาดๆเช็ดให้ทั่วแป้นพิมพ์ให้สะอาด(ห้ามใช้ผ้าชุบน้ำ) หรือใช้แปรงปัดฝุ่นออก การดูแลรักษาง่ายๆเอาผ้าคลุมไว้ไม่ให้ฝุ่นเกาะตามซอกแป้นพิมพ์ • การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์ ข้อควรระวังของฮาร์ดดิสก์คือเรื่องของกระแสไฟฟ้าตก ผู้ใช้ควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายดังต่อไปนี้ - การติดตั้งคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งโดยให้ด้านหลังของตัวเครื่องห่างจากผนังไม่น้อยกว่า3นิ้ว - ควรเลือกใช้โต๊ะทำงานที่แข็งแรงป้องกันการโยกไปมาเพราะอาจทำให้หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ถูกกระทบกระเทือนได้
การดูแลรักษาซีดีรอมไดรฟ์การดูแลรักษาซีดีรอมไดรฟ์ ไม่ควรนำแผ่นซีดี/ดีวีดีที่เสียแล้วหรือมีรอยขีดข่วนมากๆมาอ่าน เพราะอาจทำให้หัวอ่านชำรุดได้ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำยาเฉพาะของซีดีรอมไดรฟ์ • การดูแลรักษาพัดลมระบายความร้อน การรักษาความสะอาดพัดลมระบายความร้อนทำได้ด้วยการปัดด้วยแปรงหรือที่เป่าฝุ่นจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้น
1. นายฉัทดนัย โตจำสี เลขที่ 1 • 2. นายธนาธิษณ์ นากุล เลขที่ 3 • 3. นายพีรณัฐ คาน เลขที่ 7 • 4. นายศรัณย์ ไกรศรีสุวนันท์เลขที่ 10 • 5. นายธนิน เหล่าตุลาการ เลขที่ 13 ม.6/3 จัดทำโดย