950 likes | 1.21k Views
“ ประติมากรรมดินเผา ”. TERRACOTTA. ประติมากรรมดินเผา (Terracotta). ประติมากรรม คืองานศิลปกรรมที่สร้างเป็นรูปทรงสามมิติแสดงออกโดยการใช้วัสดุและปริมาตรของรูปทรง
E N D
“ประติมากรรมดินเผา” TERRACOTTA
ประติมากรรมดินเผา (Terracotta) ประติมากรรม คืองานศิลปกรรมที่สร้างเป็นรูปทรงสามมิติแสดงออกโดยการใช้วัสดุและปริมาตรของรูปทรง Terracotta มาจากภาษาอิตาเลียน หมายถึงดินเผา เป็นดินสีแดงอมส้ม ซึ่งจะมีสีเข้มมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณออกไซด์ของเหล็กภายในดินเและอุณหภูมิในการเผา ดินเทอราคอตตาพบได้ตามแหล่งต่างๆ ทั่วโลก นิยมใช้ทำอิฐ กระถางต้นไม้ และภาชนะใช้สอยอื่นๆ รวมไปถึงงานหัตถศิลป์และงานศิลปะ ประติมากรรมดินเผา คืองานศิลปกรรมที่สร้างเป็นรูปทรงสามมิติโดยใช้ดินเผาเป็นวัสดุ
รูปทรงที่ใช้ในงานประติมากรรมรูปทรงที่ใช้ในงานประติมากรรม 1. รูปทรงเรขาคณิต (Geometric Form) หมายถึง รูปทรงที่มีลักษณะเป็นแบบเรขาคณิต เช่น รูปกลม รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยมฯลฯ รูปทรงเหล่านี้เป็นรูปทรงที่ให้ความรู้สึกเป็นกลาง เป็นโครงสร้างหรือเป็นพื้นฐานให้แก่รูปทรงอื่นๆ 2. รูปทรงธรรมชาติ (Organic Form) หมายถึง รูปทรงของสิ่งที่มีชีวิต หรือมีลักษณะคล้ายสิ่งที่มีชีวิต มีโครงสร้างที่ประกอบขึ้นด้วยการขยายตัวและผนึกตัวของเซลล์ต่างๆ เช่น คน สัตว์ พืช กระดูก ปะการังฯลฯ เป็นรูปทรงที่ให้ความรู้สึกว่ามีโครงสร้างของชีวิตและเติบโตได้ 3. รูปทรงอิสระ (Free Form) หมายถึง รูปทรงที่เกิดขึ้นอย่างอิสระไม่มีโครงสร้างที่แน่นอนในตัวเองแต่เป็นไปตามอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม มีลักษณะลื่นไหลให้ความรู้สึกเคลื่อนไหว อาทิเช่น รูปทรงของเมฆ ฯลฯ
กระบวนการสร้างสรรค์รูปทรงกระบวนการสร้างสรรค์รูปทรง 1. ค้นหาแรงบันดาลใจจากปฏิกิริยาที่มีต่อสภาพแวดล้อม ปรัชญาหรือประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดรูปความคิด 2. พัฒนารูปความคิดเป็นจุดมุ่งหมายหรือแนวความคิด 3. ค้นหารูปทรงเพื่อตอบสนองต่อแนวความคิด 4. คลี่คลายรูปทรงไปสู่ความชัดเจนและสมบูรณ์
คุณสมบัติทางกายภาพของดินความเหนียวของเนื้อดิน (Plasticity of Clay) ความเหนียวเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการขึ้นรูป ดินที่มีความเหนียวน้อยจะทำให้ ขึ้นรูปได้ยากเนื่องจากอณูของเม็ดดินที่ใหญ่และมีความพรุนตัวสูง ดินที่มีความเหนียวมากจะทำให้ผลงานเกิดการหดตัวสูงและเกิดการแตกร้าวตามมาเนื่องจากอณูของเม็ดดินที่เล็กและมีความพรุนตัวต่ำนั่นเอง การทดสอบความเหนียวของเนื้อดิน 1. วิธีแบบชาวบ้าน คือการนำดินมาบี้กับหัวแม่มือหรือนำมาคลึงกับอุ้งมือให้เป็นก้อนกลม ถ้าดินเกิดความมันวาวหรือเรียกกันว่า ”มันปู” แสดงว่าดินนั้นมีความเหนียวมากพอที่จะนำมาขึ้นรูปได้ 2. วิธีขดงอ คือการนำดินมาคลึงเป็นเส้นกลมขนาดประมาณแท่งดินสอ แล้วขดงอให้เป็นวงแหวนเล็กๆ ถ้าปรากฏรอยแตกร้าวที่ส่วนโค้งของวงแหวน แสดงว่าดินนั้นมีความเหนียวน้อย
3. วิธีการคำนวณ เป็นการคำนวณปริมาณน้ำที่ทำให้ดินมีความเหนียวเพียงพอต่อการขึ้นรูป มีขั้นตอนดังนี้ 3.1 นำดินมาตากให้แห้ง หลังจากนั้นบดให้ละเอียด 3.2 นำดินที่บดแล้วจำนวน 500 กรัม มาวางไว้บนกระจก (เนื่องจากกระจกไม่ดูดซึมน้ำ จึงทำให้น้ำหนักไม่เปลี่ยนแปลง) 3.3 ตวงน้ำ 500 ซีซี ผสมลงในเนื้อดิน คนให้ทั่ว ถ้าไม่พอให้เติมลงไปอีกโดยมีการจดบันทึกปริมาณน้ำที่เพิ่มเข้าไปด้วยทุกครั้ง 3.4 นวดดินจนมีความเหนียวเพียงพอต่อการขึ้นรูป แล้วคำนวณตามสูตรดังนี้ เปอร์เซ็นต์ปริมาณน้ำที่ทำให้ดินมีความเหนียว = จำนวนน้ำหนักของน้ำ x 100 จำนวนน้ำหนักดินแห้ง
การหดตัวของดิน (Shrinkage of Clay) การหดตัวของดินเกิดจากการระเหยของน้ำในโครงสร้างของดิน ทำให้อนุภาคของดินมีขนาดที่เล็กลงและบีบตัวเข้าหากัน การหดตัวของดินทำให้เกิดผล 2ประการคือ 1. ทำให้ขนาดของผลงานเกิดความผิดพลาด 2.ทำให้ผลงานเกิดการแตกร้าว การหดตัวของดินเกิดขึ้นได้ 2 ระยะ คือ 1.ขณะกำลังแห้ง 2. ขณะกำลังเผา การหดตัวของดินสามารถแก้ไขได้โดยการนำดินชนิดอื่นที่หดตัวน้อยกว่ามาผสมหรือการนำทรายละเอียดมาผสมก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
การทดสอบการหดตัวของเนื้อดินการทดสอบการหดตัวของเนื้อดิน • วัตถุประสงค์เพื่อทดสอบการหดตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผลงานแตกร้าวหรือบิดเบี้ยว มีวิธีทดสอบดังนี้ • วัดความยาวแท่งดินทดลองก่อนเผา • นำแท่งดินทดลองไปเผาในอุณหภูมิที่กำหนด • วัดความยาวหลังจากเผา • คำนวณการหดตัวด้วยสูตรดังนี้ • เปอร์เซ็นต์การหดตัวหลังเผา = ความยาวก่อนเผา – ความยาวหลังเผา x 100 ความยาวก่อนเผา
เตาและการเผา การเผา คือการเพิ่มอุณหภูมิให้แก่ผลงานภายในเตา ภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อเปลี่ยนสภาพดินให้กลายเป็นวัตถุที่มีความแข็งแกร่ง การเผามีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ใช้วิธีการสุมเผาแบบง่าย ๆ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีการเผาในลักษณะเช่นนี้อยู่ ต่อมาจึงรู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากการก่อผนัง หรือสร้างเตาที่มีผนังและหลังคากั้นเพื่อเก็บกักความร้อนให้ภายในเตามีอุณหภูมิสูงขึ้น เตา เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน มีหลายชนิด สามารถแบ่งจำแนกได้ดังนี้ แบ่งตามชนิดเชื้อเพลิง เช่น เตาฟืน เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า แบ่งตามลักษณะเตา เช่น เตาเผาแบบไม่ต่อเนื่อง เตาเผาแบบต่อเนื่อง การเลือกใช้เตาในการเผาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เช่น ประเภทของผลงาน คุณภาพของผลงาน ลักษณะการเผา พื้นที่ ความถี่ ฯลฯ
การขึ้นรูปผลงานโดยวิธีการใช้มือการขึ้นรูปผลงานโดยวิธีการใช้มือ
การขึ้นรูปผลงานโดยวิธีบีบ (Pinching) เหมาะสำหรับการขึ้นรูป รูปทรงอิสระ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ • 1. นวดดินให้เป็นก้อนกลม มีขนาดโตตามความเหมาะสม • 2. ใช้หัวแม่มือกดดินให้เป็นหลุม หลังจากนั้นออกแรงบีบให้เป็นรูปทรงตามต้องการ โดยพยายามควบคุมการบีบดินให้มีความหนาใกล้เคียงกันตลอดทั้งชิ้นงาน • 3. ตกแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อย
การขึ้นรูปผลงานโดยวิธีขด (Coiling) เหมาะสำหรับการขึ้นรูป รูปทรงกลมหรือทรงกระบอก มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ • 1. นวดดินให้เป็นก้อนกลม มีขนาดโตตามความเหมาะสม • 2. คลึงดินให้เป็นเส้นกลม มีขนาดเหมาะสมตามขนาดของชิ้นงานที่ต้องการ • 3. นำไปขดให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ โดยใช้น้ำดินเป็นตัวประสานระหว่างรอยต่อ ใช้มือบีบหรือกดให้แนบสนิท • 4. ตกแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อย
การขึ้นรูปผลงานโดยวิธีทำเป็นแผ่น (Slab) เหมาะสำหรับการขึ้นรูปชิ้นงานที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยม มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ • 1. นวดดินให้เป็นก้อนกลม มีขนาดโตตามความเหมาะสม • 2. ใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งดินหรือรีดดินให้เป็นแผ่นโดยพยายามควบคุมการรีดดินให้มีความหนาใกล้เคียงกันตลอดทั้งแผ่น • 3. ตัดดินตามรูปแบบที่ต้องการ รอให้ดินแห้งหมาด • 4. นำดินที่เตรียมไว้มาประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้น้ำดินเป็นตัวประสานระหว่างรอยต่อ ใช้มือบีบหรือกดให้แนบสนิท (ควรหาเศษดินหรือวัสดุต่างๆ มาช่วยค้ำยันรูปทรง เพื่อช่วยให้รูปทรง ทรงตัวได้ดียิ่งขึ้น) • 5. ตกแต่งชิ้นงานให้เรียบร้อย
ภาพอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานภาพอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
ก่อนประวัติศาสตร์ Venus of DolníVěstonice ถูกค้นพบเมื่อปี 1925 ที่แหล่งโบราณคดี DolniVestoniceประเทศสาธารณรัฐเชค มีอายุระหว่าง 29,000-25,000 ปี ก่อน ค.ศ. ที่มาwww.donsmaps.com/dolnivenus.html
เปรู Human Statuettes ที่มาhttp://www.vanhollowpottery.com
Nok civilization NOK TERRACOTTA ที่มาhttp://visualculture09.wordpress.com
อียิปต์ Female Figurine. ที่มาhttp://www.brooklynmuseum.org
กรีก Persephone and Hades in the Underworld ที่มาhttp://www.onenessastrologywithki.com
โรมัน Herakles ที่มาhttp://en.wikipedia.org
ไบแซนไทน์ Woman Wearing a Tunic ที่มาhttp://www.metmuseum.org
เรเนอซองส์ An Italian Renaissance ceramic ที่มาhttp://bortnervacation.com
Picasso ที่มาhttp://www.seveflore.com/?cat=3
Picasso ที่มาhttp://4.bp.blogspot.com