240 likes | 466 Views
ดัชนีวัดความสุขและสุขภาพ. การเสวนา เ รื่ อ ง. ในการประชุมวิชาการสุขศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 13. โดย ชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลและเผยแพร่การพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เวลา 10.45-12.00 น.
E N D
ดัชนีวัดความสุขและสุขภาพดัชนีวัดความสุขและสุขภาพ การเสวนา เ รื่ อ ง ในการประชุมวิชาการสุขศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 13 โดย ชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลและเผยแพร่การพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วันที่ 3 พฤษภาคม 2550 เวลา 10.45-12.00 น. ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค เขตป้องปราบฯ กรุงเทพฯ
ขอบเขตประเด็น การนำเสนอ ดัชนีวัดความสุขและสุขภาพ ดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย ความเป็นมา และความสำคัญ 1 ความหมาย ขอบเขตการวัด การพัฒนาเครื่องมือวัด 2 3 การนำไปใช้ประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมกับบริบทของคนและสังคมไทย 4
ความเป็นมาและความสำคัญความเป็นมาและความสำคัญ กระบวนทรรศ์ใหม่ แผนฯ 8 - แผนฯ 9 การพัฒนาในอดีต (2545-49) (2540-44) แผนฯ 10 ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ เชื่อว่าผลประโยชน์จะกระจายสู่ประชาชน ช่วยแก้ปัญหายากจน ปรับวิธีคิด ปรับกระบวน การพัฒนา ยึดคนเป็นศูนย์กลาง พัฒนาแบบบูรณาการเป็นองค์รวม ดัชนีชี้วัดความอยู่ดีมีสุข อัญเชิญปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นปรัชญานำทางในแผนฯ 9 ดัชนีชี้วัดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ใช้ GDP และการเติบโตของรายได้ต่อหัวเป็นเครื่องมือวัดผลสำเร็จ การพัฒนา พัฒนาดัชนีชี้วัดผลกระทบด้านการพัฒนา เช่น ดัชนีชี้วัดการพัฒนาที่ยั่งยืน
เน้นการปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเน้นการปฏิบัติตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยึดกระบวนทรรศน์การพัฒนาแบบบูรณาการ องค์รวม มีคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาต่อเนื่องจากแผนฯ 8 และแผนฯ 9 แผนฯ 10 มุ่งสู่ “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” จำเป็นต้องพัฒนาดัชนีฯ ความอยู่เย็นเป็นสุขที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องกัน คนไทยมีคุณธรรมนำความรอบรู้ รู้เท่าทันโลก ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง สังคมสันติสุข เศรษฐกิจมีคุณภาพ เสถียรภาพเป็นธรรม สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพ ทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืนอยู่ภายใต้ระบบบริหารจัดการประเทศที่มีธรรมาภิบาล ดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและอยู่ในประชาคมโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี สศช.เริ่มกระบวนการพัฒนาดัชนีฯ ประสานความร่วมมือสร้างเครือข่ายระหว่างหน่วยงาน ภาคีต่างๆ ร่วมจัดสัมมนา “การพัฒนาดัชนีชี้วัดสังคมอยู่เย็นเป็นสุขฯ” (13 กย.49) จัดประชุม Focus Group “กรอบแนวคิดการพัฒนาดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขฯ” (16 ตค.49) ร่วมการสัมมนา “ความสุขมวลรวมประชาชาติและเศรษฐกิจพอเพียง” (9 สค.49) เป็นองค์กรเจ้าภาพร่วมจัดประชุมสมัชชาสุขภาพปี 49 “ดัชนีอยู่เย็นเป็นสุขสร้างสุขได้อย่างไร” (27 ตค.49)
วัตถุประสงค์การพัฒนาดัชนีชี้วัด ความอยู่เย็นเป็นสุขฯ พัฒนากรอบแนวคิดจัดทำดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทยบนพื้นฐานการมีส่วนร่วม ใช้เป็นเครื่องมือบ่งชี้สถานะแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ติดตามประเมินผลและใช้ปรับทิศทางและนโยบายสาธารณะให้เกิดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย ใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนแนวคิดสร้างกระแสหลักให้ปรับเปลี่ยนวิธีคิด ค่านิยมร่วมในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข วางแนวทางพัฒนาฐานข้อมูลที่จำเป็นต่อการจัดทำดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุข
กรอบแนวคิด และหลักการจัดทำดัชนีชี้วัดฯ • ยึดวิสัยทัศน์ประเทศไทยในแผนฯ 10 “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” • ยึดหลักปฏิบัติตามหลัก “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” • ยึดแนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการเป็นองค์รวม ยึด “คนเป็นศูนย์กลาง” พัฒนาดัชนีชี้วัด “ความสุข-ความอยู่เย็นเป็นสุข” • ความสุขเป็นภาวะ ความสมดุล เกิดจาก ทุกองค์ประกอบที่สัมพันธ์กันภายใต้ หลักดุลยธรรม เป็นค่านิยมร่วมของการดำรงชีวิตและพัฒนาสังคมไทย สะท้อนเป้าหมาย (Ends) เชื่อมโยงถึงวิธีการ (Means) ความสมดุลที่เป็นธรรมทุกมิติ เน้นเชิงคุณค่าของความสุข คุณค่าทางจิตใจ นำไปใช้กำหนดปรับทิศทางการพัฒนาประเทศ/นโยบาย กระตุ้นการปรับเปลี่ยน วิธีคิด ค่านิยม กำ หนดจากปัจจัยร่วมที่สังคมยอมรับ ระดับสังคมไทย • วิธีคิดและสร้างสุข ต้องมองอย่างเป็นองค์รวม • ยึดหลักภูมิสังคมสะท้อนความแตกต่างของความอยู่เย็นเป็นสุขในแต่ละพื้นที่ (เมือง-ชนบท) กระตุ้นให้ชุมชนคิด ดำเนินการเอง เน้นปฏิสัมพันธ์ของคนในชุมชน/ระดับการจัดการ/วิธีการแก้ปัญหา ระดับชุมชน • ความสุขมีหลายระดับเริ่มตั้งแต่บุคคล ขยายสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม เน้นให้ทุกคน ทุกครอบครัวใช้ประเมินตนเองได้ (Self-Assessment) ระดับครอบครัว/บุคคล ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมพัฒนาดัชนีชี้วัดเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสร้างเครือข่ายทุกภาคส่วน
การมีจิตสำนึกประชาธิปไตยการมีจิตสำนึกประชาธิปไตย สังคมประชาธิปไตย มีธรรมาภิบาล • สุขภาพกายดี การมีสุขภาวะ • สุขภาพจิตดี • สังคมที่มีธรรมาภิบาล • คิดเป็นทำเป็น • ความสมานฉันท์ทางสังคม • ปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิต สภาพแวดล้อมดีระบบนิเวศสมดุล • ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน • คุณภาพสิ่งแวดล้อมดี • ระบบนิเวศสมดุล เศรษฐกิจเป็นธรรมและเข้มแข็ง • การมีสัมมาชีพ ชุมชนเข้มแข็ง • บทบาทครอบครัวที่เหมาะสม • เศรษฐกิจเข้มแข็ง ครอบครัวอบอุ่น • มีความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ • สัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว ความหมาย และองค์ประกอบ“ความอยู่เย็นเป็นสุข” “ความอยู่เย็นเป็นสุข” หมายถึง สภาวะที่คนอยู่ดีมีสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพทั้งจิต กาย ปัญญา ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นองค์รวม และสัมพันธ์กันได้ถูกต้องดีงาม นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนกับคน และการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6 องค์ ประกอบ ปัจจัย พื้นฐานร่วม ในการ สร้างสุข • ชุมชนพึ่งตนเอง • ชุมชนเกื้อกูลกัน • การมีส่วนร่วม
ความหมายในแต่ละองค์ประกอบ และองค์ประกอบย่อย 1 การมีสุขภาวะ มีร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย มีอายุยืนยาว มีสุขภาพจิตใจที่ดี ดำเนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ สมาธิและความเพียร คิดเป็น ทำเป็น มีความเป็นเหตุเป็นผล มีทักษะในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข สร้างสรรค์ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัวและสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ มีร่ายกายแข็งแรง ภาวะโภชนาการดี มีพฤติกรรมดำรงชีวิตที่เหมาะสม ส่งผลให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนยาว • ร่างกายแข็งแรง สุขภาพกายดี • อายุยืนยาว รู้จักควบคุมอารมณ์ตนเอง สามารถปรับตัวให้มีความสุขในสังคม มีความเข้าใจผู้อื่น มีจิตดีงาม มีคุณธรรมจริยธรรม เข้าใจในสรรพสิ่งที่เป็นจริง ส่งผลให้ปัจเจกบุคคลมีความสุข มีจิตสำนึกความเป็นไทย มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ชุมชน สังคม • ไม่เจ็บป่วยทางจิต สุขภาพจิตดี • มีคุณธรรม • ความสามารถใน การเรียนรู้ การศึกษาทำให้เกิดการเรียนรู้ มีความใฝ่รู้ รับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีความรู้เท่าทัน ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถใช้ประสบการณ์ ศักยภาพ ทักษะความสามารถของตนให้เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ • คุณภาพการเรียนรู้ คิดเป็นทำเป็น • การรับรู้ข่าวสาร (ใฝ่เรียนรู้)
2 ครอบครัวอบอุ่น สภาพครอบครัวที่สมาชิกมีความมุ่งมั่นในการดำเนินชีวิตร่วมกันอย่างมีจุดหมาย มีความรักความผูกพันต่อกันสามารถปฏิบัติบทบาทหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม มีการอบรมเลี้ยงดูสมาชิกวัยเยาว์ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพในวิถีชีวิตของความเป็นไทย เลี้ยงดูผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข และรักษาสัมพันธภาพที่ดีต่อกันเพื่อให้สามารถดำรงความเป็นครอบครัวได้อย่างมีคุณภาพที่ยั่งยืน สมาชิกในครอบครัวสามารถทำบทบาทหน้าที่ได้เหมาะสม ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมรอบตัวด้วยความเป็นไทย รับผิดชอบเอาใจใส่ดูแลกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข สมาชิกในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เกื้อกูลสังคมอย่างมีคุณธรรม บทบาทครอบครัวที่เหมาะสม • ความรัก ความเอื้ออาทรในครอบครัว สมาชิกในครอบครัวมีเจตจำนงอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ผูกพันต่อกันทำให้ดำรงความเป็นครอบครัว และสืบทอดความเป็นครอบครัว ส่งผลให้สมาชิกมีสภาพจิตใจที่ดี มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีความเข้มแข็งในการเผชิญต่อปัญหา สัมพันธภาพ ที่ดีในครอบครัว • การดำรงความเป็นครอบครัว
3 ชุมชนเข็มแข็ง ชุมชนเข้มแข็งที่สามารถบริหารจัดการชุมชน และแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง ประชาชน/องค์กรในชุมชนร่วมมือ ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลและอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข รวมทั้งมีภาคีการพัฒนาที่มีบทบาทเกื้อหนุนกันภายในชุมชน มีการสื่อสาร และกระบวนการเรียนรู้ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง สามารถธำรงไว้ซึ่งคุณค่าประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่น และเอกลักษณ์ความเป็นไทย ชุมชนและสมาชิกในชุมชนมีความเข้มแข็ง รวมตัวเป็นปึกแผ่นมีการพัฒนาจิตสำนึก มีกระบวนการเรียนรู้ สร้างภูมิปัญญา ตอบสนองความต้องการของชุมชน เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิใช้ทรัพยากรของชุมชนอย่างเป็นธรรม เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง พึ่งตนเองได้ทางเศรษฐกิจ พร้อมร่วมจัดการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภายนอก • เศรษฐกิจชุมชน ชุมชนพึ่งตนเอง • ความสามารถแก้ไขปัญหาของชุมชนด้วยตนเอง สมาชิกมีความผูกพัน รู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน มีระบบความเชื่อ มีจิตสำนึกสาธารณะในการช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างคนในชุมชน ทำให้เกิดความรัก หวงแหนชุมชน ชุมชน เกื้อกูลกัน • การมีสวัสดิการในชุมชน มีกระบวนการที่เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง จนเป็นวิถีของชุมชนภายใต้การร่วมเรียนรู้ คิด และร่วมพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมในชุมชน ฟื้นฟูคุณค่าทางวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ความเป็นไทย การมีส่วนร่วมของชุมชน • การรวมกลุ่ม
4 เศรษฐกิจเป็นธรรมและเข้มแข็ง การมีรายได้ที่เพียงพอเกิดจากการมีสัมมาชีพหรือการมีงานที่ดี มีความมั่นคงและปลอดภัยในการทำงาน มีรายได้ที่เป็นธรรม ต่อเนื่อง และต้องอยู่ภายใต้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพ เสถียรภาพ และมีการกระจายรายได้ในกลุ่มต่างๆ ในสังคมอย่างเป็นธรรม • มีงานทำ การทำงานที่สุจริตไม่เบียดเบียนตนเองผู้อื่น ทำงานเต็มความสามารถ มีหลักประกันความมั่นคงและความปลอดภัยในการทำงาน มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข สามารถจัดหาปัจจัย 4 ต่อการยังชีพ และปัจจัยที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ • มีรายได้เพียงพอ การมีสัมมาชีพ • มีหลักประกันและความปลอดภัยในการทำงาน ระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สามารถพึ่งตนเองได้ มีภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ มีการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต สามารถปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์โลก • เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจเข้มแข็ง ระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสการเข้าถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ปัจจัยการผลิต โครงสร้างพื้นฐานของรัฐอย่างทั่วถึง มุ่งไปสู่การลดความยากจน ลดช่องว่างของการกระจายรายได้ และกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่วถึง มีความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ • มีการกระจายรายได้
5 สภาพแวดล้อมดี มีระบบนิเวศสมดุล สภาพแวดล้อมมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและการมีปฏิสัมพันธ์ที่กับเพื่อนบ้าน และการมีบริการสาธารณูปโภคที่พอเพียง ตลอดจนมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพเพื่อสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย • ที่อยู่อาศัย การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่พอเพียง ทั้งชลประทาน คมนาคมขนส่ง ไฟฟ้า ประปา และการสื่อสาร ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิต • สาธารณูปโภค สาธารณูปการ สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากอาชญากรรม และยาเสพติด สังคมได้รับการป้องกันแก้ไขอย่างดี กระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ กฎหมายที่เกี่ยวข้องสามารถเอื้อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน • คดีความรุนแรง การที่มลภาวะต่างๆ ถูกควบคุมแก้ไขให้ฟื้นคืนสู่สุภาพที่ดี กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องมีประสิทธิภาพทันสมัย สมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี • มลภาวะด้านน้ำ อากาศ ดิน ขยะ ระบบนิเวศสมดุล • ความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรฯ ระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ
6 สังคมประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล คนมีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพมีความสัมพันธ์ต่อกันบนพื้นฐานของความยุติธรรมยอมรับและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นคนที่เท่าเทียมกันตามระบบประชาธิปไตย ประพฤติ ปฏิบัติตามสิทธิหน้าที่ของตนเอง เคารพในสิทธิหน้าที่ของคนอื่น มีระเบียบวินัย ระบบการบริหารจัดการที่ยึดหลักธรรมาภิบาลที่รัฐกับประชาชนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันร่วมกันบริหารจัดการประเทศ ให้เกิดความโปร่งใส คุ้มค่า กระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นธรรม นำไปสู่สังคมสมานฉันท์มีสันติสุขอย่างยั่งยืนอยู่ร่วมกันนานาอารยะประเทศได้อย่างเป็นมิตร ประชาชนตื่นตัวรู้จักรักษาสิทธิ หน้าที่ และมีเสรีภาพทางการเมืองในฐานะพลเมืองของประเทศ กระตือรือร้น และแสวงหาข้อมูลข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้าง ขวางนำไปสู่การสร้างค่านิยมใหม่ๆ ไม่ยอมรับการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องดีงาม วางรากฐานให้ประชาธิปไตยยืนยาว • ระเบียบวินัย การมีจิตสำนึกประชาธิปไตย • มีส่วนร่วมในการพัฒนา การบริหารจัดการที่มีธรรมาภิบาล เปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เกิดกระบวนการรับผิดชอบ ตรวจสอบการดำเนินการให้โปร่งใส เกิดการกระจายผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมทั่วถึง สังคมที่มี ธรรมาภิบาล • การบริหารจัดการที่ดี การอยู่ร่วมกันในสังคม ฉันท์กัลยาณมิตรยอมรับความหลากหลายด้านชนชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง เข้าร่วมกิจกรรมด้านประเพณี วัฒนธรรม มีความไว้วางใจ สมัครสมานสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความสมานฉันท์ ทางสังคม • ปัญหาที่เกิดจากวัฒนธรรม ความเชื่อ และความเท่าเทียม
การกำหนดตัวชี้วัดในระดับประเทศ และเกณฑ์การวัดผล ทบทวน พิจารณาตัวชี้วัดเกี่ยวกับ “ความสุข/การพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต” ที่สถาบัน องค์กร หน่วยงานต่างๆ พัฒนาขึ้น ยึดเกณฑ์ที่สามารถสะท้อนประเด็นการวัดผลได้อย่างเหมาะสม รวบรวม และคัดเลือกได้ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการพัฒนาในแต่ละองค์ประกอบ “ความอยู่เย็นเป็นสุข” คัดกรองตัวชี้วัดที่ซ้ำซ้อนและสะท้อนเป้าหมายได้ไม่ดีออกไป คงเหลือตัวชี้วัดหลักที่สะท้อนประเด็นการวัดได้ตรงตามเป้าหมายเข้าใจง่าย (รวม 36 ตัวชี้วัด) ตัวชี้วัดอื่นๆ เป็นตัวอธิบายเสริมประกอบการเปลี่ยนแปลง ตัวชี้วัดอื่นๆ เป็นตัวอธิบายเสริมประกอบการเปลี่ยนแปลงของตัวชี้วัดหลัก กำหนดเกณฑ์การวัด กำหนดค่าน้ำหนัก • ใช้เป้าหมายแผน ให้ความสำคัญเท่าเทียมกันในทุกองค์ประกอบ • ใช้เกณฑ์มาตรฐานนานาชาติ • ใช้ผลจากการศึกษาวิจัยเชิงลึก • ใช้การหาค่าเฉลี่ย อัตราสูง/ต่ำสุด
ตัวอย่าง : สถานการณ์ความอยู่เย็นเป็นสุขฯ “ดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุข” • ระดับความอยู่เย็นเป็นสุขในช่วงปี 44-48 ยังต้องปรับปรุง แม้จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 59.92ในปี 44 เป็นร้อยละ 63.41 ในปี 48 • ปัญหาด้านครอบครัว และสังคมธรรมาภิบาลอยู่ในระดับต่ำ บั่นทอนความอยู่เย็นเป็นสุขของสังคม • องค์ประกอบหลักส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงดีขึ้น ยกเว้นองค์ประกอบความ อบอุ่นในครอบครัว และการสร้างสุขภาวะที่ลดลง
ตัวอย่าง : การวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบและข้อเสนอแนะเบื้องต้น สุขภาวะของคนไทยโดยรวมดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุงโดยเฉพาะการคิดเป็นทำเป็น สุขภาวะ ผลการวิเคราะห์ ข้อเสนอแนะเบื้องต้น เร่งพัฒนาคนให้มีคุณธรรม นำความรอบรู้ มีสุขภาพแข็งแรง • ดัชนีสุขภาวะอยู่ในระดับปานกลางลดลงจากร้อยละ 62.63 ในปี 44 เป็น 61.25 ในปี 45 และปรับตัวเพิ่มเป็นร้อยละ63.8 ในปี 48 • พัฒนาจิตใจของคนไทยให้สำนึกในศีลธรรม คุณธรรม มีจริยธรรมความเพียร ซื่อสัตย์สุจริตไม่โลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น รู้จักประมาณตน มีเหตุผล รอบคอบ • คนไทยได้รับบริการสุขภาพทั่วถึง อายุยืนยาวขึ้นจาก 72.5 ปี ในปี 44 เป็น 73.2 ปี ในปี 48 • ปฏิรูปการศึกษาและกระบวนการเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อเพิ่มคุณภาพคนไทยให้มีทักษะความสามารถ • การมีคุณธรรมอยู่ในระดับปานกลาง มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 86.4 ในปี 44 เป็น 76.6 ในปี 48 เป็นผลจากวิกฤต ค่านิยม และพฤติกรรมที่เปลี่ยนสู่วัตถุนิยม/บริโภคนิยม • บริหารจัดการองค์ความรู้สู่สังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ เน้นสนับสนุนการวิจัยพัฒนาสร้างองค์ความรู้ใหม่ สร้างศักยภาพการแข่งขัน • สุขภาวะด้านสติปัญญาอยู่ในระดับต้องปรับปรุง การเรียนรู้ของคนไทยในระดับคิดเป็นทำเป็นอยู่ในระดับต่ำระหว่างร้อยละ 20.0-23.4 ในช่วงปี 44-48 • พัฒนาระบบสุขภาพครบวงจร มุ่งดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ส่งเสริมให้คนลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพ
ความเป็นไปได้ และความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย สำรวจความเห็นของหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง ดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย กระบวนการมีส่วนร่วม สำรวจความเห็นของชุมชนในพื้นที่ 4 ภูมิภาค ในพื้นที่เมือง ในพื้นที่ชนบท ประชุม Focus Group ยืนยันกรอบ หลักการ แนวคิด และ 6 องค์ประกอบ เสนอแนะเพิ่มเติมประเด็นการวัด และตัวชี้วัดที่เหมาะสม พัฒนาปรับปรุงดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทยและในเมือง ชนบท
สรุปผลการสำรวจความเห็นสรุปผลการสำรวจความเห็น • ได้รับความร่วมมือตอบแบบสอบถามและส่งให้ สศช.ร้อยละ 46.84 (ส่วนใหญ่เป็นภาครัฐ) • เห็นด้วยกับภาพรวมความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน กรอบแนวความคิด ความหมาย หลักการ : ร้อยละ 88.25-93.55 สำรวจความเห็นหน่วยงาน • เห็นด้วยกับ 6 องค์ประกอบหลัก : ร้อยละ 73.08-83.64 • เห็นด้วยกับการกำหนดค่าน้ำหนักการวัด ให้เท่ากันในแต่ละองค์ประกอบ : ร้อยละ 51.47 • เสนอแนะเพิ่มเติมองค์ประกอบ วิธีการวัด เกณฑ์การวัด • สำรวจความเห็นชุมชนโดยจัดเวทีใน 4 ภูมิภาค 9 จังหวัด 16 เวที 54 หมู่บ้าน ผู้เข้าร่วมเวทีละ 40-50 คน ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. ผู้นำชุมชน ผู้แทน อบต. สมาชิกชุมชน สตรี และเยาวชน • ทุกเวทีเสนอความเห็นใน 3 ประเด็นหลัก 1. ความหมาย/องค์ประกอบความสุข และความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน สำรวจความเห็นชุมชน 2. ที่ผ่านมาชุมชนของท่านมีความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันมากน้อยเพียงใด เพราะเหตุปัจจัยใด 3. ปัจจัยสร้างสุขร่วมกัน มีอะไร และชุมชนมีวิธีวัดความสุข อย่างไร
สรุปประเด็นผลการสอบถามความเห็นของหน่วยงานภาครัฐและภาคีต่างๆ หน่วยงานภาครัฐ และเครือข่ายบทบาทภาคีส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกรอบแนวคิดความหมาย และองค์ประกอบของดัชนีในสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ขึ้นไป • เสนอแนะให้ปรับปรุงขยายความ คำจำกัดความ / ความหมาย ในองค์ประกอบหลักและองค์ประกอบย่อยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เสนอแนะให้เพิ่มเติมตัวชี้วัด ส่วนใหญ่เป็นตัวชี้วัดที่ใช้อธิบายบ่งชี้สถานการณ์ รวมทั้งให้พิจารณาเพิ่มเติมตัวชี้วัดในกลุ่มองค์ประกอบด้านสุขภาพจิต ใช้ข้อมูลการสำรวจจากกรมสุขภาพจิต และกลุ่มตัวชี้วัดด้านเศรษฐกิจ • เสนอแนะให้ปรับปรุงเกณฑ์การวัดในบางองค์ประกอบของดัชนีให้สะท้อนเป้าหมายความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติจริง • ส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับการกำหนดน้ำหนักขององค์ประกอบดัชนีเท่ากัน มีประมาณ ร้อยละ 48.53 ที่เห็นว่าควรมีน้ำหนักตามลำดับความสำคัญ ดังนี้ 1) การมีสุขภาวะ 2) ครอบครัวอบอุ่น 3) สภาพแวดล้อมดีระบบนิเวศสมดุล 4) เศรษฐกิจเป็นธรรมและเข้มแข็ง 5) ชุมชนเข้มแข็ง 6) สังคมประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล • สนับสนุนการจัดทำดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุขฯ ในเมืองและชนบท ยึดกรอบแนวคิด หลักการ องค์ประกอบ ตามระดับประเทศ มีตัวชี้วัดที่สะท้อนลักษณะเฉพาะและความแตกต่างของเมืองและชนบท และตัวชี้วัดร่วมที่สามารถใช้ตัววัดในระดับประเทศได้
สรุปประเด็นผลการประชุมเชิงปฏิบัติการสรุปประเด็นผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ “เวทีชุมชน” • ความสุขมีหลายระดับต้องเริ่มที่ระดับตัวคนก่อน พร้อมกับความสุขในระดับครอบครัว • จากนั้นขยายสู่ความสุขร่วมกันในระดับชุมชนที่ให้ความสำคัญกับการที่คนในชุมชนมีสุขภาพแข็งแรง ครอบครัวอบอุ่น และปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ทั้งการมีเศรษฐกิจดี มีหลักประกันชีวิต สภาพแวดล้อมดี สังคมชุมชนเข้มแข็ง มีจิตสำนึกประชาธิปไตย และสมานฉันท์ • ปัจจัยที่ทำให้ชุมชนอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยด้านสังคม การมีส่วนร่วม ความปลอดภัย และความสะดวก ขณะที่ปัญหาด้านเศรษฐกิจ และปัญหาอื่นๆ ในชุมชนจะเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความทุกข์ • กระบวนการสร้างสุขต้องมาจากการร่วมกันแก้ปัญหาของชุมชน ทำให้ครอบครัวอบอุ่น ลด ละ เลิกอบายมุข แก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยความสร้างมั่นคงในอาชีพ สร้างอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ ส่งเสริมการทำบัญชีครัวเรือน • วิธีวัดความสุขในระดับชุมชน ชุมชนควรคิดเอง กำหนด และเป็นผู้ใช้ เป็นตัววัดที่เข้าใจง่าย ภาครัฐควรมีบทบาทสนับสนุนกระบวนการขับเคลื่อนให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
สรุปประเด็นผลการประชุม Focus Group • การกำหนดตัวชี้วัดหลักขององค์ประกอบครอบครัว ควรพิจารณาเพิ่มเติมตัวชี้วัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะตัวชี้วัดที่สะท้อนในด้านบวก เช่น การแสดงความรักในครอบครัว • ควรปรับตัวชี้วัดให้สามารถสะท้อนประเด็นการวัดได้ถูกต้อง ชัดเจนมากขึ้น ควรพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น ควรเพิ่มเติมตัวชี้วัดอัตราการเจ็บป่วยเรื้อรังในองค์ประกอบการมีสุขภาวะ • ควรกำหนดเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดบางตัวให้สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือความสามารถที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด • กำหนดเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดในระดับเมือง – ชนบท อาจใช้เกณฑ์การวัดที่แตกต่างกันได้เพราะระดับการพัฒนาและปัญหามีความรุนแรงต่างกันในแต่ละพื้นที่ สำหรับตัวชี้วัดการคิดเป็นทำเป็นควรใช้เกณฑ์การวัดเกณฑ์เดียวกัน คือ อัตราการเรียนรู้ 12 ปี ทั้งในเขตเมืองและชนบท
สรุปการดำเนินงานต่อไปสรุปการดำเนินงานต่อไป ปรับปรุงพัฒนาดัชนีชี้วัดฯ และรายงานสถานการณ์ความอยู่เย็นเป็นสุขฯ และจัดทำเป็นเอกสารเพื่อรายงานผลต่อสาธารณะในการประชุมประจำปี 2550 ของ สศช. ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ศกนี้ เสริมสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนดัชนีชี้วัดความอยู่เย็นเป็นสุขระดับพื้นที่ พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาดัชนีชี้วัดเป็นระบบที่ทันสมัยเข้าถึงง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
ขอขอบคุณ www.nesdb.go.th E-mail deco@nesdb.go.th
ที่มา • http://www.hiso.or.th/hiso/news_hiso/fileUpload/664PP289-9.ppt • สืบค้นวันที่ 22 กันยายน 2552