1 / 25

การเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าแบบอิสระ ( Thesis/IS Proposal)

การเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าแบบอิสระ ( Thesis/IS Proposal). โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุรศักดิ์ วัฒเนสก์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์ / การค้นคว้าแบบอิสระ. 1. เสนอหัวข้อและโครงร่าง ฯ. - ลงทะเบียนกระบวนวิชามาแล้ว > 6 หน่วยกิต.

arnav
Download Presentation

การเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าแบบอิสระ ( Thesis/IS Proposal)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเสนอหัวข้อและโครงร่างวิทยานิพนธ์และการค้นคว้าแบบอิสระ (Thesis/IS Proposal) โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุรศักดิ์ วัฒเนสก์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

  2. ขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์/การค้นคว้าแบบอิสระขั้นตอนการทำวิทยานิพนธ์/การค้นคว้าแบบอิสระ 1. เสนอหัวข้อและโครงร่าง ฯ - ลงทะเบียนกระบวนวิชามาแล้ว > 6 หน่วยกิต 2. ลงทะเบียน • อาจลงทะเบียนพร้อมกับการเสนอหัวข้อและโครงร่างฯ • หรือ ลงทะเบียนหลังจากหัวข้อและโครงร่างฯได้รับอนุมัติ • แต่ต้องลงทะเบียนภายใน 2 ภาคการศึกษาปกติถัดไป 2/25

  3. 3. ทำ Thesis/IS - ควรติดต่อและรายงานความก้าวหน้าต่ออาจารย์ที่ปรึกษาอย่าง สม่ำเสมอ 4. เสนอ Thesis/IS เพื่อขอสอบ - ส่งก่อนวันสอบ >2 สัปดาห์ 5. ส่ง Thesis/IS ฉบับสมบูรณ์ • ส่ง 3 เล่ม + CD Rom ( abstract + complete text เหมือน hard • copy ทุกอย่าง เป็น word file )+ ปกมีลายเซ็นอาจารย์ที่ปรึกษา + มช. 22 บว. 3/25

  4. การเสนอหัวข้อและโครงร่าง Thesis/IS - อาจเสนอก่อนลงทะเบียน Thesis/ISหรือ เสนอในเทอมที่ลงทะเบียน Thesis/ISก็ได้ • ภาษาที่ใช้เขียนอาจจะเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ แต่ชื่อสกุล • ของนักศึกษา และชื่อเรื่อง Thesis/IS จะต้องระบุทั้งภาษาไทยและ • อังกฤษ 4/25

  5. ลำดับหัวข้อของโครงร่างฯ 1. ชื่อและสกุล(ผู้เสนอ) (Name and Surname) 2. ชื่อเรื่อง Thesis/IS (Title) 2.1 ภาษาไทย (Thai) 2.2 ภาษาอังกฤษ (English) 3. หลักการ ทฤษฎี เหตุผล และ/หรือสมมติฐาน (Principle, Theory, Rationale, and/or Hypotheses) 4. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature review) 5. วัตถุประสงค์ของการศึกษา (Purposes of the study) 5/25

  6. 6. ประโยชน์ที่จะได้รับจากการศึกษาเชิงทฤษฎีและ/หรือเชิงประยุกต์ (Education/application advantages) 7. แผนดำเนินการ ขอบเขตและวิธีการวิจัย (Research designs, scope and methods) 8. สถานที่ที่ใช้ในการดำเนินการวิจัยและรวบรวมข้อมูล (Location) 9. ระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย (Duration) 10. เอกสารอ้างอิง (References) 6/25

  7. “หัวข้อเรื่องที่ดีจะต้องเป็นหัวข้อที่สั้น แต่สามารถบ่งถึงสาระของงานวิจัยนั้นอย่างครบถ้วน” การตั้งหัวข้อ Thesis/IS หลักเกณฑ์ในการตั้งหัวข้อ IS 1. ตั้งหัวข้อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย การปรับปรุงรูปแบบการเสริมไอโอดีนของกระทรวงสาธารณสุขในตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ตรงประเด็น ผลสัมฤทธิ์ของการปรับปรุงการเสริมไอโอดีน.......... 7/25

  8. 2. หัวข้อต้องสื่อความหมายได้ชัดเจน ไม่สั้นหรือยาวเกินไป เมทริกซ์เฉพาะขนาด 3 สั้นเกินไป ยาวเกินไป ความสัมพันธ์ระหว่างการสนับสนุนทางการเรียนของผู้ปกครอง ทัศนคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ นิสัยและทัศนคติในการเรียนกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ใช้คำ “เปลือง” การเผชิญความเครียดของสตรีจีนที่เป็นมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี อาชีพเสริมของข้าราชการครูจังหวัดลำปาง กว้างเกินไป 8/25

  9. 3. ความสำคัญของการเรียงลำดับคำ การเรียงลำดับคำ หากไม่ถูกต้อง ชัดเจน อาจทำให้เข้าใจความหมายผิดไป เช่น ตัวอย่างที่ 1 อิทธิพลของไก่พื้นเมืองและลูกผสมต่อสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพเนื้อ สมรรถภาพการผลิตและคุณภาพเนื้อของไก่พื้นเมืองและลูกผสม ตัวอย่างที่ 2 Technical Efficiency of Dendrobium Orchid for Cut Flower Production Technical Efficiency for Cut Flower Production of Dendrobium Orchid ตัวอย่างที่ 3 Mechanism of Suppression of Nontransmissible Pneumonia in Mice Induced by Newcastle Disease Virus Mechanism of Suppression of Nontransmissible Pneumonia Induced in Mice by Newcastle Disease Virus 9/25

  10. 4. หัวข้อภาษาไทยและหัวข้อภาษาอังกฤษ ควรสื่อ ความหมายชัดเจนและสอดคล้องกันทั้งสองภาษา หัวข้อภาษาไทย ทุกคำจะต้องเขียนเป็นภาษาไทย หากคำนั้น ไม่มีคำแปลหรือ ศัพท์บัญญัติ ก็ให้ใช้ทับศัพท์ โดยใช้เกณฑ์ของ ราชบัณฑิตยสถาน เช่น ฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อหลอดลมของอนุพันธ์ฟีนิลอัลเคน Relaxant Effects of Phenylalkane Derivatives on Tracheo- bronchial Muscles ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน สามารถตรวจสอบได้ใน www.royin.go.th 10/25

  11. - การเขียนชื่อภาษาอังกฤษของ ตำบล อำเภอ จังหวัด ให้ใช้ หลักเกณฑ์ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี/ราชบัณฑิตสถาน ซึ่งจะใช้การทับศัพท์หรือศัพท์ภาษาอังกฤษก็ได้ แต่ต้องเลือกใช้ อย่างใดอย่างหนึ่งให้สอดคล้องกัน เช่น Amphoe Mueang Chiang Mai Amphoe San Sai, Changwat Chiang Mai King Amphoe Mae On, Amphoe San Kamphaeng หรือSan Sai District, Chiang Mai Province 11/25

  12. ชื่อหัวข้อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรจะต้องสอดคล้องกัน ตัวอย่าง การทดสอบเครื่องยนต์ขนาดเล็กในการใช้งานระยะยาว โดยใช้ น้ำมันผสมเอทานอลชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง Long-Term Tests of a Small Engine Fueled with Bio- EthanolBlends การทดสอบเครื่องยนต์ขนาดเล็กในระยะยาว โดยใช้น้ำมันผสม เอทานอลชีวภาพเป็นเชื้อเพลิง 12/25

  13. 5. หัวข้อทำหน้าที่เป็นเพียงฉลาก • หัวข้อเป็นเพียงกลุ่มคำที่ให้การสื่อความหมายที่ดี ไม่ใช่ • ประโยคที่สมบูรณ์ จึงไม่ควรกังวลเกี่ยวกับหลักไวยากรณ์ • มากนัก - หัวข้อจะต้องมี keyword ที่บ่งถึงเนื้อหาของงานวิจัย - การใช้ comma ในหัวข้อ ใช้ได้เมื่อจำเป็น Separation, Quality Control and Health Product Development of Mucilage from Hairy Basil Seeds 13/25

  14. 6. หัวข้อหลักและหัวข้อรอง ไม่ควรตั้งหัวข้อ แยกเป็นหัวข้อหลัก ตามด้วยหัวข้อรอง ตัวอย่างที่ 1 สมุนไพรเพื่อสุขภาพ: การใช้ต้นไม้ใบเพื่อรักษาโรคเบาหวาน การใช้พืชสมุนไพรชนิดต้นไม้ใบเพื่อรักษาโรคเบาหวาน ตัวอย่างที่ 2 The Meaning of Death: A Buddhist Philosophical Interpretation A Buddhist Philosophical Interpretation of the Meaning of Death หัวข้อที่ได้รับอนุมัติแล้ว อาจจะมีการแก้ไขเพื่อความเหมาะสม ในภายหลังอีกได้ โดยกรอกคำร้องขอเปลี่ยนแปลง หมายเหตุ 14/25

  15. หลักการ ทฤษฎี เหตุผล และ/หรือสมมติฐาน • ส่วนนี้เป็นหัวใจของโครงร่างฯ • กล่าวถึงประเด็นปัญหาที่น่าจะทำการวิจัย ค้นคว้า หาคำตอบ ในหัวข้อที่ตั้งขึ้นมา • ระบุเหตุผลสำคัญที่ประเด็นปัญหาของหัวข้อวิจัยต้องได้รับการศึกษาค้นคว้า • มีหลักการ ทฤษฎีหรือสมมติฐาน ใดบ้างที่จะสนับสนุนเหตุผลที่เลือกทำวิจัยเรื่องนี้ 15/25

  16. แนวทางการเขียน- เขียนในรูปแบบของการตอบคำถาม เช่น 1. ประเด็นปัญหา หรือคำตอบที่ต้องการค้นหาคืออะไร ? มีกี่ปัญหา? ต้องการกี่คำตอบ? 2. มีความจำเป็นเพียงใดที่จะค้นหาคำตอบดังกล่าวฯ ถ้าไม่ค้นหาจะเสียหายอย่างไร? ถ้าค้นหาได้แล้วจะช่วยให้ อะไรดีขึ้นอย่างไร? 3. การค้นหาคำตอบนี้ ทำได้อย่างไร? ใช้วิธีการใดบ้าง? 16/25

  17. 4. มีหลักการ หรือแนวคิดใดที่น่าเชื่อว่าใช้วิธีการนี้ (ข้อ 3) แล้วจะได้คำตอบ? 5. มีสมมติฐานหรือทฤษฎีสนับสนุนโดยตรงหรือเทียบเคียงได้บ้างหรือไม่? 6. มีปัจจัยใด ๆ เกี่ยวข้องกับวิธีการค้นหาคำตอบนี้บ้างหรือไม่? อย่างไร? สรุปแล้ว ต้องชี้ให้เห็นประเด็นปัญหาของหัวข้อวิจัยที่ตั้งขึ้นมา ว่าสมควรมีการศึกษาค้นคว้า โดยที่หลักการหรือแนวคิดที่นำเสนอ มีความเป็นไปได้ หรือเป็นไปตามหลักวิชาและวิธีการที่จะใช้ศึกษา ค้นคว้านั้นเหมาะสมแล้ว 17/25

  18. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อยสองส่วน ได้แก่ 1. ส่วนที่สรุปให้ทราบถึงสถานภาพปัจจุบันหรือองค์ความรู้ที่มีอยู่ใน ปัจจุบัน เกี่ยวกับประเด็นปัญหาของหัวข้องานวิจัย เช่น เคยมีใคร ศึกษาค้นคว้าเพื่อหาคำตอบในประเด็นนี้ หรือประเด็นใกล้เคียง มาแล้วบ้าง? ใช้วิธีการใด? และได้ผลอย่างไร? 2. ส่วนที่สรุปสาระเกี่ยวกับระเบียบวิธี (methodology) หรือเทคนิค ทุกๆวิธีที่จะนำมาใช้ในโครงการวิจัยนี้ ว่าเคยมีใครใช้วิธีการ/เทคนิค ดังกล่าวมาแล้วบ้าง ภายใต้ข้อจำกัดหรือเงื่อนไขใดประยุกต์กับ ประเด็น ปัญหาใด มีขอบเขตของการศึกษาครอบคลุมเพียงใด และ ได้ผลอย่างไร เป็นต้น 18/25

  19. ประโยชน์ของ literature review นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้แล้ว ยังช่วยให้เราทราบถึงแหล่งข้อมูลต่อเนื่อง สามารถขยายผลต่อไปได้ สามารถนำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ อ้างอิง กับงานวิจัยของเราได้ และช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการศึกษาค้นคว้าซ้ำซ้อนกับงานที่เคยมีผู้ทำมาก่อนแล้ว วัตถุประสงค์ของการศึกษา ควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้กระชับและตรงเป้าที่สุด วัตถุประสงค์ ของการศึกษาตามโครงการวิจัยเพื่อวิทยานิพนธ์จึงควรมีเพียงประการ เดียว คือเพื่อค้นหาคำตอบของประเด็นปัญหาวิจัยนั้น 19/25

  20. อย่างไรก็ตาม โครงการวิจัยบางโครงการอาจมีวัตถุประสงค์สำคัญหลายประการ (แต่ก็ไม่ควรหลากหลายนัก อย่างมากที่สุด ไม่น่าสูงถึงสามวัตถุประสงค์) ในกรณีเช่นนี้ควรระบุวัตถุประสงค์ แยกเป็นข้อ ๆ โดยเรียงลำดับความสำคัญ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการศึกษาเชิงทฤษฎี และ/หรือเชิงประยุกต์ ควรระบุเป็นข้อ ๆ ว่าหากผลการค้นคว้าวิจัยเป็นไปตามที่คาด หมายจะพึงมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยเรียงลำดับความสำคัญ 20/25

  21. แผนดำเนินการ ขอบเขตและวิธีการวิจัย ควรระบุ วิธีการ/เทคนิค ที่จะใช้ในการค้นหาคำตอบของประเด็นปัญหาวิจัย อาจระบุรายการวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิธีการวิเคราะห์การออกแบบ การทดลอง การเก็บรวมรวมข้อมูล ฯลฯ ที่จำเป็นต้องใช้ในโครงการ (ระบุฉพาะที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องแจงรายละเอียด) ขอบเขตของโครงร่างฯที่พึงระบุ อาจเป็นขอบเขตเชิง พื้นที่ เชิงเวลา เชิงสมบัติเฉพาะ ของกลุ่มตัวอย่าง/ข้อมูลหรือ อื่น ๆ เพื่อให้ชัดเจนว่า สิ่งที่เสนอแนะจะทำในงานวิจัยนี้ครอบ คลุมแค่ไหน 21/25

  22. ควรกำหนดแผนดำเนินการ โดยประมาณ อาจแสดงในรูปของตารางการทำงาน แสดงระยะเวลาของแต่ละกิจกรรมย่อยของโครงการ หรือในรูปของ flow chart ที่สำคัญคือ ต้องมีความชัดเจน ต้องสอดคล้องกับหัวข้อวิจัยและวัตถุประสงค์ เพราะเป็นส่วนที่คณะกรรมการที่พิจารณาจะใช้เป็นเครื่องตัดสินว่ามีปริมาณงานเหมาะสมหรือไม่ และวิธีการที่จะใช้มีความเป็นไปได้เพียงใด เพื่อการพิจารณาอนุมัติ 22/25

  23. สถานที่ที่ใช้ในการดำเนินการวิจัยและรวบรวมข้อมูลสถานที่ที่ใช้ในการดำเนินการวิจัยและรวบรวมข้อมูล หมายถึงภาควิชา และคณะที่สาขาวิชาสังกัดอยู่ ในกรณีที่มีการดำเนินการนอกคณะหรือมหาวิทยาลัย เช่น ต้องมีการเก็บข้อมูลนอกสถานที่หรือดำเนินการทดลอง หรือปฏิบัติในห้องทดลองอื่น ๆ ก็ให้ระบุสถานที่เหล่านั้นด้วย ระยะเวลาดำเนินการวิจัย หมายถึง ระยะเวลาของทั้งโครงการ ประมาณการตั้งแต่ เริ่มปฏิบัติงานจนเขียนรายงานการค้นคว้าแบบอิสระแล้วเสร็จ ควรสอดคล้องกับแผนดำเนินการที่ระบุไว้ 23/25

  24. เอกสารอ้างอิง ประกอบด้วยรายละเอียดของรายการเอกสารทุกรายการ ที่ได้มีการอ้างถึงในการเขียน proposal นี้ วิธีเขียนรายการเอกสารอ้างอิง ควรเขียนตามรูปแบบที่นิยมใช้ในสาขาวิชานั้น ๆ และควรใช้เพียงรูปแบบเดียว 24/25

  25. ขอขอบคุณที่สนใจ 25/25

More Related