1 / 24

นิติธรรม หรือ นิติรัฐ “เราจะปกรองโดยธรรม” สมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย

นิติธรรม หรือ นิติรัฐ “เราจะปกรองโดยธรรม” สมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย. ทศพิธราชธรรม หรือราชธรรม ๑๐ ทาน คือการให้หรือการเสียสละ ศีล คือการประพฤติที่ดีงามตามนิติราชประเพณีและศาสนา บริจาค คือการเสียสละส่วนตนเพื่อส่วนรวม ความซื่อตรง คือดำรงตนอยู่ในสัตย์สุจริต

annora
Download Presentation

นิติธรรม หรือ นิติรัฐ “เราจะปกรองโดยธรรม” สมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. นิติธรรม หรือ นิติรัฐ “เราจะปกรองโดยธรรม” สมชาย หอมลออ กรรมการปฏิรูปกฎหมาย

  2. ทศพิธราชธรรม หรือราชธรรม ๑๐ • ทาน คือการให้หรือการเสียสละ • ศีล คือการประพฤติที่ดีงามตามนิติราชประเพณีและศาสนา • บริจาค คือการเสียสละส่วนตนเพื่อส่วนรวม • ความซื่อตรง คือดำรงตนอยู่ในสัตย์สุจริต • ความอ่อนโยน คือมีสัมมาคารวะ โอบอ้อมต่อทุกคน • ความเพียร คือมีความอุตสาหะในการงาน • ความไม่โกรธ คือไม่ใช้อารมณ์ • ความไม่เบียดเบียน คือไม่เอาเปรียบให้ผู้อื่นเดือดร้อน • ความอดทน • ความเที่ยงธรรม คือความหนักแน่นถือความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวเอนเอียง

  3. ธรรมกับสิทธิมนุษยชน • ธรรม คือธรรมชาติ กฎธรรมชาติ หลักความเป็นมา อยู่ และไปของโลก ที่อยู่นอกเหนือการกำหนดของผู้ใด “มันเป็นเช่นนั้นเอง” • สิทธิมนุษยชน สิทธิที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีตั้งแต่เกิดจนตายเพื่อให้ดำรงชีวิตได้อย่างมี ศักดิ์ศรี เสมอภาคเท่าเทียมกันโดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ • สิทธิเศรษฐกิจ-สังคม-วัฒนธรรม ปลอดพ้นจากความขาดแคลน(Freedom from Wants)เช่นสิทธิในการศึกษา การมีงานทำ การได้รับสวัสดิการต่างๆจากรัฐ การรักษาวัฒนธรรมของกลุ่มตน และ“สิทธิชุมชน” • สิทธิพลเมือง-การเมือง ปลอดพ้นความหวาดกลัว (Freedom from Fear) • สิทธิพลเมือง เช่น สิทธิที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นคน มีชื่อ มีสัญชาติ สิทธิเสรีภาพในชีวิตร่างกาย รวมทั้งสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

  4. สิทธิพลเมือง-การเมือง (ต่อ) • สิทธิทางการเมือง เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง การสมาคม การแสดงความคิดเห็น การชุมนุมโดยสงบโดยปราศจากอาวุธ • สิทธิมนุษยชนมีด้านต่างๆที่แบ่งแยกไม่ได้ และต่างส่งผลต่อกันและกัน เช่น • สิทธิในความเสมอภาคระหว่างเพศ การเลือกตั้ง ตำแหน่งอาชีพ การศึกษา • สิทธิเด็ก เช่น สูติบัติ พัฒนาบุคลิกภาพ การปฏิบัติเป็นพิเศษเมื่อกระทำผิด • สิทธิชนกลุ่มน้อยและชนพื้นเมือง ทางด้านภาษา วัฒนธรรมประเพณี • สิทธิแรงงาน เช่น การมีงานทำ ค่าจ้างที่เป็นธรรม ตั้งสมาคม/สหภาพ • สิทธิคนพิการ เช่นการเข้าถึงบริการสาธารณะ การศึกษา การทำงาน • สิทธิแรงงานข้ามชาติและครอบครัว เช่นสิทธิในค่าาจ้างที่เป็นธรรม การศึกษาของบุตร การเข้าถึงการบริการของรัฐ • สิทธิอัตวินิจฉัย ทั้งของบุคคล ชุมชน กลุ่มชน ประเทศชาติ

  5. ธรรมกับสิทธิมนุษยชน (ต่อ) • สิทธิมนุษยชน ติดตัวมาแต่กำเนิด มีอยู่เองโดยธรรมชาติ มิใช่จากการประสิทธิประสาทโดยผู้ใด กษัตริย์ รัฐสภา ไม่อาจโอนหรือพรากไปจากมนุษย์ • มนุษย์ทุกคนเกิดมามี อิสระเสรี เสมอภาค เท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ • มีความเป็นสากล “สิทธิมนุษยชนเป็นของทุกคน” • เป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตย • เป็นรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน • เป็นรากฐานของความยุติธรรม • เป็นรากฐานของความสงบสุขของสังคมและสันติภาพของโลก • เป็นบรรทัดฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ • เป็นสิทธิที่พึงได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายของรัฐ

  6. ประวัติแนวคิดสิทธิมนุษยชนประวัติแนวคิดสิทธิมนุษยชน • ปรัชญากรีกของกลุ่ม Stoicsที่เชื่อใน “กฎแห่งธรรมชาติ (Natural Law)” • ปรัชญากฎหมายโรมัน ที่เน้นความเสมอภาคและความยุติธรรมทางกฎหมาย • คริสตศาสนาเน้นกฎของพระเจ้า (ธรรมชาติ) ในความเสมอภาค ภราดรภาพ • ยุคการฟื้นฟูศิลปะ เน้นคุณค่าและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของปัจเจกบุคคล (มนุษยนิยม) • การปฏิวัติการค้า-อุตสาหกรรม ปฏิรูปศาสนาแลปฏิวัติประชาธิปไตยของชนชั้นนายทุน เน้นสิทธิพลเมืองและการเมือง • การเคลื่อนไหวนักสังคมนิยมเน้นสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม • การต่อสู้เพื่ออิสระภาพของเมืองขึ้น เน้นสิทธิอัตวินิจฉัยและสิทธิการพัฒนา • สำหรับชาวเอเซียยึดถือแนวคิดเรื่องธรรมหรือ กฎแห่งธรรมชาติมาแต่โบราณ

  7. ตราสารด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญตราสารด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ • กฎหมาย 12โต๊ะในยุคของโรมัน ซึ่งเป็นรากฐานของกฎหมายทั่วโลก • Magna Carta 1215 อังกฤษที่ย้ำว่ากษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้กฎของพระเจ้า • The Bill of Rights 1689 อังกฤษที่กษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายและรัฐสภา • ประกาศอิสระภาพของอเมริกา1776 และ Bill of Rights ของสหรัฐอเมริกา • ประกาศว่าด้วยสิทธิของมนุษยและพลเมือง1789ในการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส • ประกาศของคอมมิวนิสต์ (Communist Manifesto) ของ Karl Marx • ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ 10ธันวาคม 1948 ( • กติกาสากลว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม • กติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง • อนุสัญญาฉบับต่างๆด้านสิทธิมนุษยชน

  8. มนุษย์ สังคม และรัฐ • มนุษยทั้งหลายเกิดมามีอิสระเสรีและเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ • มนุษย์จะสามารถดำรงสิทธิอยู่ได้ต่อเมื่ออยู่ร่วมกันเป็นสังคม • บุคคล-บุคคล และ บุคคล-สังคม อาจมีความขัดแย้งกัน • สังคมดำรงอยู่ได้ต้องมีดุลยภาพระหว่าง สิทธิของบุคคล กับ สิทธิของสังคม • มนุษย์ยินยอมสร้างกฎหมายบ้านเมืองขึ้น ยอมจำกัดสิทธิบางประการของตน • รัฐสังคมประชาธิปไตย ยึดถือ นิติธรรม (นิติรัฐ) ดีที่สุดในการรักษาดุลยภาพนั้น • ประชาชนจะทำการใดก็ได้ เว้นแต่ที่กฎหมายห้ามไว้ แต่ เจ้าหน้าที่รัฐ จะทำการใดๆไม่ได้เลย เว้นแต่ที่กฎหมายให้อำนาจไว้ • การจำกัดสิทธิต้องทำเท่าที่จำเป็นและตามสมควรแก่กรณีหรือสถานการณ์ • สิทธิอันสมบูรณ์ ไม่อาจถูกจำกัดหรือพรากไปได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ • สิทธิที่จะไม่ถูกทรมานย่ำยีศักดิ์ศรี เลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เป็นสิทธิอันสัมบูรณ์

  9. กฎหมายกับสิทธิมนุษยชนกฎหมายกับสิทธิมนุษยชน • ตามหลัก กฎธรรมชาติ มนุษย์มีสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นสิทธิตามธรรมชาติ • เมื่อมนุษย์สร้างรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยนำมารับรองไว้ • เป็นกฎหมายในประเทศ • เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ • บุคคลมีสิทธิและมีหน้าที่ต่อรัฐ • รัฐมีหน้าที่ โดยใช้กฎหมายและกลไกรัฐ • ส่งเสริมสิทธิ เช่นการศึกษา สุขอนามัย และ • ปกป้องคุ้มครองสิทธิ เช่นความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน • รัฐมีกลไกหลัก นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ กลไกเสริม และกลไกตรวจสอบ • ข้าราชการ สถานะหนึ่งเป็นประชาชน อีกสถานะหนึ่งเป็นกลไกรัฐ

  10. นิติรัฐ-นิติธรรม • การทำหน้าที่ของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม • การปกครองโดยคน- Rule by Man การปกรองโดยกฎหมาย Rule by Law หรือการปกครองโดยนิติธรรม –Rule of Law • อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน เสรีประชาธิปไตย รัฐสภา • การแบ่งแยกอำนาจถ่วงดุลย์: นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ • คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลโดยไม่เลือกปฎิบัติ • ความชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายบริหาร (ปกครอง) และตุลาการ • กฎหมาย (โดยรัฐสภา) ต้องเป็นธรรม เช่น • ความแน่นอนของกฎหมาย ไม่สองหรือสามมาตรฐาน • กฎหมายไม่มีผลย้อนหลัง • ไม่ผิด ไม่มีโทษถ้าไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ก่อน • มีความเหมาะสมได้สัดส่วน

  11. นิติธรรม-นิติรัฐ(ต่อ) • ปกป้อง และส่งเสริม สิทธิมนุษยชนอื่นๆ • ทุกคนอยู่ภายใต้และเสมอภาคกันทางกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ • หลักความยุติธรรมทางธรรมชาติได้รับการนับถือ • การตรา การบริหารจัดการ การบังับใช้ และการตีความกฎหมายต้องสามารถเข้าถึงได้ เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ • ความเป็นอิสระของตุลาการและการทบทวนโดยศาล • สิทธิของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งการเข้าถึงความยุติธรรม • สิทธิผู้เสียหาย • สิทธิผู้ต้องกา จำเลย ฯลฯ

  12. หลักสิทธิมนุษยชนนำมาไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐไทยปฏิบัติตามในฐานะที่เป็น:หลักสิทธิมนุษยชนนำมาไว้ในกฎหมายระหว่างประเทศที่รัฐไทยปฏิบัติตามในฐานะที่เป็น: • สมาชิกองค์การสหประชาชาติ • ทางศีลธรรม เช่นปฏิญญาสากลว่าด้วย สิทธิมนุษยชน มติและมาตรฐานสากลด้านต่างๆ • ทางกฎหมาย เช่นกฎบัตรสหประชาชาติ และมติของคณะมนตรีความมั่นคง • ภาคีสนธิสัญญา (พหุภาคี) ด้านสิทธิมนุษยชน ๗ ฉบับ • สมาชิกชุมชนโลก ประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศ เช่นห้ามผลักดันผู้ลี้ภัยออกไปประสบกับภัยประหัตประหาร • สมาชิกของอาเซียน ตามกฎบัตร (ภูมิภาค) และ • ข้อตกลงแบบทวิภาคี กับประเทศต่างๆหรือองค์การระหว่างประเทศ

  13. การนำเอาพัธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนมาใช้ตามทฤษฎีทวินิยม (Dualism) • ประเทศไทยยึดหลักทวินิยม กฎหมายระหว่างประเทศจะมีผลบังคับใช้ต้องอนุวัติกฎหมายในประเทศให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ • ได้นำเอาหลักสิทธิมนุษยชนมาไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การไม่เลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ การต่อต้านการทรมาน • ศาลนำเอาหลักสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานระหว่างประเทศมาใช้ตรวจสอบการกระทำของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ • ศาลจะตีความกฎหมายในประเทศไปในทางที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เช่นคดีการชุมนุมต่อต้านท่อก๊าซ ไทย-มาเลย์เซียคดีกรณี ๗ตค. ๒๕๕๑ เรื่อง ๗ขั้นตอนในการสลายการชุมนุมและคดีสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีการตีตรวน๒๔ ชั่วโมง

  14. รัฐอาจไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ๑. รัฐไม่เต็มใจ(Unwilling) ที่จะส่งเสริมหรือปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่นผู้ละเมิดมีอิทธิพลเหนือรัฐ มี impunity culture ๒. รัฐไม่สามารถ(Unable) ที่จะส่งเสริมหรือปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่นเกิดภาวะสงครามกลางเมือง ทั้งสองกรณีกฎหมายและกลไกระหว่างประเทศจะเข้ามาแทรกแซงรัฐ

  15. การร้องเรียน การตรวจสอบและการบังคับตามกฎหมายระหว่างประเทศ ๑. การร้องเรียนโดยทั่วไปบุคคลหรืออง์กรใดๆ ก็อาจร้องเรียนกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังหน่วยงานองค์การสหประชาติ รัฐบาลต่างประเทศ องค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน ได้โดยยึดหลัก สิทธิมนุษยชนเป็นสากล ๒. การร้องเรียนให้มีผลบังคับทางกฎหมายระหว่างประเทศในกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน ต้องเป็นกรณีที่รัฐไม่แก้ไขเยียวยาแล้วเพราะยังถือหลักรัฐมีอธิปไตย

  16. กลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ • สมัชชาใหญ่สหประชาชาติ • คณะมนตรีความมั่นคง • คณะมนตรีศรษฐกิจและสังคม • คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน • คณะกรรมการตามสนธิสัญญาแต่ละฉบับ • คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน(HRC) • คณะกรรมการต่อต้านการทรมาน (CAT) • ฯลฯ • กระบวนการพิเศษ(Extra-Conventional Mechanism or Special Procedure) • Special Rapporteur, Representative, Independent Expert, Working Group • UN Secretary General or Representative

  17. กลไกระหว่างประเทศ (ต่อ) • Country Mechanisms • Special Committee • Thematic Mechanism • Special Representative of SG • Arbitrarydetention • Torture • ฯลฯ • การจัดทำรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (UPR) • ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) • กลไกระดับภูมิภาค เช่น ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนอาเซียน

  18. สนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนแต่ละด้าน/กลุ่มที่ประเทศไทยเป็นภาคี ๗ ฉบับ • กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง • กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม • อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกประติบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ • อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก • อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกประติบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ • อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน • อนุสัญญาว่าด้วยด้วยสิทธิของคนพิการ อนุฯว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการถูกบังคับให้หายสบสูญ(ลงนาม) สนธิสัญญาผูกพันเฉพาะรัฐภาคีเท่านั้น ปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฯ ไม่ใช่สนธิสัญญา

  19. สนธิสัญญาหรือข้อตกลงระดับภูมิภาคASEANได้จัดทำข้อตกลงจัดตั้งกลไกสิทธิมนุษยชนอาเซียน กลไกส่งเสริมและปกป้องสิทธิเด็กและสตรีอาเซียน ข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่นการก่อการร้าย กำลังร่างปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน • ข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศต่างๆ เช่น MOU ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่อง เรื่องแรงงานข้ามชาติ ข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ฯลฯ • ข้อตกลงกับองค์กรระหว่างประเทศ • ข้อตกลงกับองค์กรสิทธิมนุษยชนต่าง ประเทศ เช่นกับกาชาดสากล • ฯลฯ

  20. พันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ • กติกาฯว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองข้อบทที่ ๗และ ๑๐ • อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบข้อบทที่ ๕ • อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อบทที่ ๓๗ • ประมวลจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ ๑๙๗๙ • หลักจริยธรรมเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ในการคุ้มครองผู้ต้องขังจากการทรมาน ๑๙๘๒ • หลักการว่าด้วยการป้องกันและการสอบสวนคดีการประหารโดยวิธีการนอกกฎหมาย ๑๙๘๙ • หลักการพื้นฐานว่าด้วยการใช้กำลังบังคับและการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ ๑๙๙๐ • หลักการสอบสวนหรือแสวงหาหลักฐานในคดีการทรมาน ๒๐๐๐

  21. กระบวนการUPR • เป็นกระบวนการของคณะมนตรีสิทธืมนุษยชน ตรวจสอบแบบรอบด้าน • รัฐบาลไทยเสนอรายงาน ตุลาคม ๒๕๕๔ และจะเสนอรอบต่อไป ๒๕๕๙ • คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและภาคประชาสังคมสามารถเสนอรายงานได้ด้วย • ประเด็นที่เกี่ยวกับกับการทรมาน • การปรับปรุงกฎหมายในประเทศให้สอดล้องกับอนุสัญญา • ลงนามและให้สัตยาบันอนุสัญญาคุ้มครองบุคคลจากการบังคับสูญหาย • ห้ามลงโทษตีเด็ก • ต่อต้านการค้ามนุษย์ • แก้ปัญหาการลอยนวลของผู้กระทำผิด • ฯลฯ

  22. บทบาทของเจ้าหน้าที่ • เจ้าหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไลรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหาร (การบังคับใช้กฎหมาย) • ปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการถูกละเมิดสิทธิ • ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน • การเยียวยาเหยื่อของการละเมิดสิทธิ • การเผยแพร่ความรู้ด้านสิทธิมนุษยชน • การ่วมมือในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่นการจัดทำรายงาน การรับเรื่องร้องเรียน ฯลฯ

  23. HUMAN RIGHTS AND JUSTICE FOR ALL

More Related