1 / 23

โรคภัยไข้เจ็บ

โรคภัยไข้เจ็บ. โรคติดต่อ. คือ โรคที่เกิดจากเชื้อโรคสามารถติดต่อกันได้ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม. โรคไม่ติดต่อ. คือ โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากความผิดปกติหรือความเสื่อมของสังขารร่างกาย. อหิวาตกโรค.

Download Presentation

โรคภัยไข้เจ็บ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โรคภัยไข้เจ็บ

  2. โรคติดต่อ คือ โรคที่เกิดจากเชื้อโรคสามารถติดต่อกันได้ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

  3. โรคไม่ติดต่อ คือ โรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากความผิดปกติหรือความเสื่อมของสังขารร่างกาย

  4. อหิวาตกโรค ในสมัยก่อนการระบาดแต่ละครั้งมีการตายเป็นร้อยเป็นพัน จึงมีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันมาแต่โบราณว่า โรคห่า ในปัจจุบันโรคนี้ได้ลดความรุนแรงลง สาเหตุ เกิดจากกินเชื้ออหิวาที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำเข้าไป เชื้อมีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดร้ายแรง ได้แก่ Vibrio cholerae กับ ชนิดอ่อน ได้แก่ El Tor เชื้ออหิวาจะปล่อยสารพิษทำให้เกิดอาการท้องร่วง อาการ เกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง อุจจาระมักไหลพุ่ง โดยไม่มีอาการปวดท้อง และมีอาการอาเจียนโดยไม่มีอาการคลื่นไส้มาก่อน อุจจาระเหมือนน้ำซาวข้าว

  5. การป้องกัน • ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด กินอาหารสุกไม่มีแมลงวันตอม ล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนเตรียมอาหาร ก่อนทานอาหารและหลังจากถ่ายอุจจาระทุกครั้ง • 2. นำอาเจียนและอุจจาระของผู้ป่วยไปเทใส่ส้วมหรือฝังดินให้มิดชิด เสื้อผ้าของผู้ป่วยควรแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ หรือเผา

  6. ไข้มาลาเรีย เกิดจากยุงก้นปล่องนำเชื้อโปรโตซัวที่เรียกว่า พลาสโมเดียม (Plasmodium) มาสู่คนและลิงซึ่งเป็นเชื้อปรสิตเซลล์เดียว อาศัยอยู่ในต่อมน้ำลายของยุง เมื่ออยู่ในร่างกายมนุษย์ (ผู้ป่วย) จะเป็นช่วงที่เชื้อโรคไม่มีการผสมพันธุ์ พาหะ ได้แก่ยุงก้นปล่อง (ตัวเมีย) สำหรับในประเทศไทยยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำเชื้อมาลาเรียมีอยู่ 5 ชนิด คือ อะโนฟีลีส มินิมุส , อะโนฟีลีส บาลาบาเซนซิส , อะโนฟีลีส มาคูลาทุสอะโนฟีลีส ซันไดคุส

  7. อาการ เมื่อเชื้อมาลาเรียเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการไม่สบายภายในระยะเวลาประมาณ10-15 วัน โดยอาการเริ่มแรกคือจะมีไข้ทุกรอบ 3 วัน แต่บางคนอาจจับไข้วันเว้นวันหรืออาจจะจับไข้ทุกวันซึ่งแล้วแต่ชนิดของเชื้อไข้มาลาเรียอาการโดยทั่วไปผู้ป่วยจะหนาวสั่น ปวดศีรษะ เมื่อหายจากอาการไข้แล้วผู้ป่วยจะมีเหงื่อออกมา รู้สึกกระหายน้ำ อาจมีอาการตาเหลือง ไตไม่ทำงาน สมองเกิดการอักเสบอย่างฉับพลันเนื่องจากเชื้อไข้มาลาเรียขึ้นสมอง ทำให้ผู้ป่วยช็อค หมดสติ ถึงแก่กรรม

  8. โรคสุกใส สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัสที่กระจายออกมาจากทางเดินหายใจของผู้ป่วยหรือตุ่มหนองที่เริ่มตกสะเก็ด และปลิวมาถูกผู้สัมผัสโรคได้ อาการ มีไข้ต่ำๆ และสูงขึ้นแต่ไม่เกิน 101 องศาฟาเรนไฮท์ ร่วมกับปรากฏตุ่มขึ้นตามตัวและใบหน้า ซึ่งส่วนบนจะพองใสมีหนองสีเหลืองๆ ส่วนรอบๆฐานจะมีสีแดง ซึ่งต่อมาตุ่มนั้นจะแตกออกเป็นสะเก็ด และขนาดของตุ่มจะไม่เท่ากัน เมื่อตุ่มเม็ดเก่าแตก จะมีเม็ดใหม่ๆขึ้นมาอีกใน 3-4วัน สำหรับเม็ดตุ่มจะมีอาการคัน

  9. โรคตาแดง อาการ จะรู้สึกเคืองตา  น้ำตาไหล  มีขี้ตามาก  อาจมีไข้เล็กน้อย  จะมีอาการประมาณ 10  วัน  ถ้าไม่รีบรักษาอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ การป้องกัน 1. ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย 2. ล้างหน้าและมือให้สะอาดอยู่เสมอ 3. ไม่ควรเอามือขยี้ตา

  10. โรควัณโรค (ทีบี) สาเหตุ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียติดมากับละอองเสมหะและละอองน้ำลายที่กระจายในอากาศ การป้องกัน  โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน “บีซีจี” เมื่อแรกคลอด ส่วนมากฉีดบริเวณหัวไหล่ข้างซ้ายของเด็ก ตุ่มนี้ต่อมาจะเป็นหนองและยุบไปในที่สุด พออายุ 4-7 ปีจึงจะฉีดซ้ำอีกครั้ง

  11. ไข้หวัดนก สาเหตุ เกิดจากเชื้อไวรัส Avian lufluenza Type A ทำให้เกิดโรคได้ทั้งคน ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ปีก อาการ อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ มีระยะฟักตัวเพียง1-3วัน จะออกอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะอ่อนเพลีย เจ็บคอ ไอ ตาแดงรายที่รุนแรงอาจทำให้ตายได้ การป้องกัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก ดูแลรักษาร่างกายเพิ่มภูมิต้านทานโรค

  12. โรคไข้เลือดออก สาเหตุ ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ โดยมียุงลายเป็นตัวนำ ยุงลายมีขนาดเล็ก สีดำ มีลายขาวที่ขา ท้องและลำตัว ชอบอยู่ตามมุมมืดจะออกมากัดกินเลือดคนในเวลากลางวัน ชอบวางไข่ในน้ำสะอาด ไข่ยุงลายอยู่ในที่แห้งได้นานหลายเดือน เมื่อไข่แช่น้ำจะออกเป็นลูกน้ำ เมื่อยุงลายกัดและดูดเลือดที่มีเชื้อโรคนี้ให้กับผู้ที่ถูกกัดเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่พบมากในเด็กอายุ 5-9 ปี อาการ  ผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัด ไข้จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 วัน ต่อมาไข้จะลดลงผู้ป่วยมีอาการเบื่ออาหาร อาเจียน หน้าแดง สำหรับรายที่เป็นมากจะมีอาการซึม กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก ส่วนมากจะมีเลือดออก ใต้ผิวหนัง ซึ่งมองเห็นเป็นจุดเล็กๆ ขนาดเท่ายุงกัดหรือจ้ำสีแดงตามแขนขา อาเจียนหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ป่วยหมดสติ และถึงตายได้

  13. โรคพยาธิ สาเหตุ เกิดจากตัวพยาธิและไข่พยาธิเข้าสู่ร่างกาย การติดต่อ เกิดจากการรับประทานอาหาร การชอนไชเข้าสู่ร่างกาย การป้องกัน 1. ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ 2. ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร 3. ออกนอกบ้านควรสวมรองเท้า

  14. โรคไวรัสตับอักเสบเอ เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบชนิดเอ ซึ่งในสมัยก่อนมักพบค่อนข้างสูงในเด็กอายุระหว่าง 5-14 ปี โดยเด็กที่ป่วยมักไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง แต่ทำให้เกิดการสร้างภูมิคุมกันต่อโรคเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ติดต่อกันได้ทางอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ   โดยผู้ป่วยจะขับถ่ายเชื้อออกมากับอุจจาระ  ซึ่งถ้าไม่ถ่ายในส้วม ไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะไปสัมผัส หรือปรุงอาหารก็จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างรวดเร็ว

  15. การป้องกัน 1. การรักษาอนามัยที่ดี 2. ขับถ่ายในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ 3. ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหาร 4. ควรเลือกรับประทานอาหารที่สุกสะอาดไม่มีแมลงวันตอม 5. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของเครื่องใช้กับผู้ป่วย

  16. โรคสมองอักเสบ สาเหตุ         โรคสมองอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิด แต่ชนิดที่น่ากลัวและร้ายแรงที่สุดมีชื่อว่า JAPANESE B ENCEPHALITIS หรือ JBE เจบีอี ไวรัสจะแพร่เชื้อในหมู โดยมีพาหะ นำเชื้อสู่คนคือ ยุงคิวเล็กซ์ เมื่อยุงคิวเล็กซ์มากัดคน เชื้อจากเลือดหมูจะตรงไปเจริญเติบโตที่สมองทันที หากร่างกายอ่อนแอ จะทำให้เกิดสมองอักเสบ ปัจจุบันนี้ เชื้อไวรัสนี้เติบโตในสัตว์อื่นด้วย พวกม้า วัว ควาย สุนัข เป็ด ไก่และนกกระจอก บ้านใดเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

  17. อาการ เมื่อรับเชื้อแล้วจะมีระยะฟักตัว 5-14 วัน จึงเริ่มแสดงอาการป่วย ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ซึม หงุดหงิด ถึงชักเกร็งกระตุก จนอาจเป็นอัมพาตได้ บางรายจะเอะอะ เพ้อ คลั่ง อาละวาด หายใจไม่สม่ำเสมอไข้สูงลอย และมีการทำลายสมอง กลายเป็นเจ้าหญิง เจ้าชายนิทราในที่สุด การป้องกัน คือ ทำลายแอ่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุง อย่าให้มีน้ำขัง ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันต้องอยู่ภายใต้การแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะวัคซีนนี้ยังใหม่มากสำหรับบ้านเรา แต่ก็สามารถรับบริการได้ตามโรงพยาบาลทั่วไป

  18. โรคหัวใจ โรคหัวใจเป็นโรคที่ทำลายชีวิตมนุษย์ปีละจำนวนมากจึงนับว่าเป็นโรคไม่ติดต่ดที่สำคัญโรคหนึ่งทั้งนี้เนื่องจากมนุษย์ในปัจจุบันมีอายุขัยเพิ่มขึ้นดังนั้นผู้สูงอายุจึงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วยเมื่อมนุษย์มีอายุเพิ่มมากขึ้นหัวใจก็ย่อมเสื่อมความแข็งแรงลงหรือมีความแข็งแรงน้อยกว่าวัยหนุ่มสาวนอกจากนี้หัวใจยังมีสาเหตุจากระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูง

  19. การป้องกัน 1. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยเฉพาะในด้านการรักษาความสะอาดและควรรับประทานอาหารที่สะอาดปราศจากเชื้อโรค 2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและพักผ่อนอย่างเพียงพอ 3.หลีกเลี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่สกปรกและอยู่ในชุมชนแออัด 4. เมื่อเกิดอาการเจ็บคอหรือต่อมทอนซิลอักเสบต้องรีบไปให้แพทย์ตรวจรักษา

  20. โรคภูมิแพ้ • สาเหตุ • เกิดจากพันธุกรรม เมื่อมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่น ขนสัตว์ มากระตุ้นให้เกิดอาการแพ้มากขึ้น • มลภาวะทางอากาศ เนื่องจากปัจจุบันมีฝุ่นละออง ไอเสีย และควันพิษจากยานพาหนะ เขม่า ควันจากอาคารบ้านเรือน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ยิ่งมีปริมาณมากเท่าใดจะทำให้เราเป็นภูมิแพ้มากเท่านั้น • อาการ • คันจมูก จาม น้ำมูกไหล ผื่นคันขึ้นตามร่างกาย

  21. โรคไส้ติ่ง • สาเหตุ • เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่ง เช่น มีเศษอุจจาระตกลงไปในไส้ติ่งทำให้มี • เชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ • อาการ • เริ่มด้วยอาการปวดท้อง โดยเริ่มปวดรอบๆ สะดือก่อนต่อมาจึงย้าย • ปวดบริเวณท้องน้อยด้านขวา • 2. อาจมีการคลื่นไส้อาเจียนหรือถ่ายท้องด้วย • 3. ถ้าปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา อาการปวดท้องจะมากขึ้น

  22. โรคเกาต์ สาเหตุ 1. รับประทานอาหารพวกที่มีสารพิวรีน 2. ร่างกายสังเคราะห์กรดยูริคมากเกินไป 3. การดื่มสุรา โดยเฉพาะเบียร์ อาการ ปวดที่ข้อกระดูกอย่างรุนแรง บริเวณข้อที่เกิดบ่อยคือ นิ้วหัวแม่เท้า หลังเท้า ข้อเท้า และเข่า และอาจมีอาการปวด บวม แดงร้อน รอบๆข้อกระดูก อาการนี้มัดเป็นๆ หายๆ

  23. การป้องกัน 1. หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา โดยเฉพาะเบียร์ 2. ดื่มน้ำมากๆ 3. ไม่เครียด 4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5. รับประทานอาหารพวกที่มีสารพิวรีน 6. ควบคุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วนเกินไป

More Related