1 / 49

ผลกระทบของราคากลาง กรมบัญชีกลาง

ผลกระทบของราคากลาง กรมบัญชีกลาง. พญ.ทัสนีย์ จันทร์น้อย โรงพยาบาลศิริราช 31 มกราคม 2550. TOPICS. หลักประกันสุขภาพของข้าราชการ การเปลี่ยนแปลงในระบบสวัสดิการข้าราชการ ( CSMBS) ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง CSMBS How the system survive ? Group Itemize เป็นคำตอบหรือไม่ ?.

aiko-perez
Download Presentation

ผลกระทบของราคากลาง กรมบัญชีกลาง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ผลกระทบของราคากลางกรมบัญชีกลางผลกระทบของราคากลางกรมบัญชีกลาง พญ.ทัสนีย์ จันทร์น้อย โรงพยาบาลศิริราช 31 มกราคม 2550

  2. TOPICS • หลักประกันสุขภาพของข้าราชการ • การเปลี่ยนแปลงในระบบสวัสดิการข้าราชการ (CSMBS) • ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง CSMBS • How the system survive ? • Group Itemize เป็นคำตอบหรือไม่ ?

  3. CSMBS สวัสดิการข้าราชการ • สวัสดิการดีที่สุด ??? • ค่าใช้จ่ายต่อหัวประชากร สูงที่สุด • ปี 2549 คชจ. ~ 4,000 บาทต่อคน • ปี 2549 กบก. จัดทำราคากลางเป็นอัตราเบิกจ่ายเพื่อควบคุมราคา • ปี 2549 สปสช.บริหาร CSMBS สูงอายุมากขึ้น เทคโนโลยีใหม่ Abuse? ใช้ฟุ่มเฟือย?? รพ.รัฐ เป็น โรบินฮูด

  4. Problems in CSMBS Financing ที่มา : กรมบัญชีกลาง (12 ก.ย.2549)

  5. Problems in Health Care Financing • Health expense เพิ่ม 11 เท่าใน 18 ปี • ปี 2523 = 25,315 ล้านบาท (3.8% GDP) • ปี 2541 = 283,576 ล้านบาท (6.2% GDP) • ค่าใช้จ่ายต่อราย เพิ่มขึ้น 9 เท่า • ปี 2523 = 545 บาท/ราย • ปี 2541 = 4,663 บาท/ราย ที่มา : Health Insurance Systems in Thailand (p.16-17) ต้องปฏิรูประบบบริการสุขภาพ  Health care reform

  6. ระบบบริการสุขภาพของประเทศระบบบริการสุขภาพของประเทศ สรุปปัญหา... • เงินมีน้อย... ไม่พอ... • ค่าใช้จ่ายสุขภาพเพิ่มขึ้น ๆ ๆ • ผู้ซื้อบริการไม่มั่นใจว่า คชจ.ที่เพิ่มเกิดจากอะไร • ค่าบริการของแต่ละหน่วยงาน สำหรับโรคเดียวกันไม่เท่ากัน

  7. Changing Public/Private Ratio 2541 - health expense 283,400 million baht Public 98,520 m฿Private 184,880 m฿ 2547 - health expense217,008 million baht Public 133,677 m฿Private 83,331 m฿

  8. Health Care Reform • ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ • ใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ • ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง/เท่าเทียม (สร้างหลักประกันสุขภาพ)

  9. Changing in CSMBS • ปี 2521 : Start CSMBS • ปี 2541 : เริ่ม Copay  ค่าใช้จ่ายลดลง 21.7% ในปี 2542 • ปี 2545 :เบิกจ่ายตรง IPD • ปี 2547 :เบิกจ่ายตรง OPD (4 โรค  โรคต่อเนื่อง) • ปี 2549 : จัดทำอัตราเบิกจ่าย (ราคากลาง)รวมบริหาร 3 กองทุน โดย สปสช. • ปี 2550 : เบิกจ่ายตรงทุกคน

  10. กบก. ปี 2545-2549 • 1 เม.ย.45 เบิกจ่ายตรงผู้ป่วยใน ส่งข้อมูลให้ สกส. • 2 ส.ค.48 กบก.ดำริกำหนดราคากลางเพื่อเบิก  เชิญรพ.ประชุม  ต่อรองการหักเงินเดือนที่ได้รับจาก งปม. • 2 ธ.ค.48 ร่างอัตราราคากลาง ครั้งที่ 1  ต่อรองการเบิกค่าหัตถการโดยระบบ Group Itemize • ธ.ค.48 – 6 ม.ค.49 กบก.ปรับปรุงร่างอัตราราคากลาง • ม.ค. – พ.ค.49 UHosNet ดำเนินการ • ทบทวนอัตราที่มีผลกระทบมากในแต่ละหมวด เพื่อเสนอ กบก. • ร่วมกันพัฒนาระบบ Group Itemizeเพื่อใช้ส่งเบิกค่าหัตถการ

  11. กบก.ทำอะไรต่อ... • 31 มี.ค.49 แจ้งหลักเกณฑ์เบิกจ่ายตรงค่าล้างไต • 9 พ.ค.49 เริ่มโครงการผู้ป่วยล้างไตในรพ.เอกชน • 21 มิ.ย.49 ประกาศใช้ราคากลาง 1 ส.ค.49 • 26 ก.ค.49 แจ้งเลื่อนใช้ราคากลางเป็น 1 ต.ค.49 • 31 ส.ค.49 การใช้ยามะเร็งราคาสูง 6 รายการ • 27 ก.ย.49 แจ้งเลื่อนใช้ราคากลางเป็น 1 ธ.ค.49 • 1 ต.ค.49 ขยายโครงการเบิกจ่ายตรง OPD โดยเคร่งครัดเรื่องสิทธิซ้ำซ้อน ต้องเบิกสิทธิอื่นก่อน

  12. กบก.ทำอะไรต่อ... • 9 – 15 พ.ย.49 ส่งอัตราราคากลาง final ให้ รพ. • 16 พ.ย.49 ประกาศให้เบิกค่ายาตามแนวทางการใช้ยาในบัญชียาหลัก และใช้ DRGเมษายน 2550 • 24 พ.ย.49 ประกาศใช้อัตราราคากลาง 1 ธ.ค.49 • 12 ธ.ค.49 แจ้งหลักเกณฑ์การเบิกค่าห้อง ICU • 25 ธ.ค.49 แจ้งเพิ่ม รพ.เอกชน ที่เข้าร่วมเบิกจ่ายตรงค่าบริการล้างไต • 9 ม.ค.50 แจ้งแก้ไขอัตราราคากลางบางรายการ

  13. วิเคราะห์ กบก. • กบก.เป็น Purchaser ที่ค่อนข้างมีเหตุผล • ต้องการให้ผู้มีสิทธิสวัสดิการข้าราชการได้รับบริการที่สะดวก (เบิกจ่ายตรง, รพ.เอกชน) • ต้องการคุณภาพบริการ • กำลังควบคุมค่าใช้จ่าย ...DRG/Capitation..  ต้องต่อรองด้วย evidence  ใช้ระบบ Group Itemizeชี้แจงทรัพยากรที่ใช้รักษา คู่แข่ง

  14. แนวคิดของกรมบัญชีกลางแนวคิดของกรมบัญชีกลาง • ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ • IPD – DRG with global budget (ประกาศ 16 พ.ย.2549) • OPD – Capitation • เก็บข้อมูลเพื่อใช้ประเมินอัตราเบิกจ่ายที่เหมาะสม  ราคากลางเพื่อใช้เบิก และ Base rate - DRG ประกาศใช้ราคากลาง 1 ธ.ค.2549

  15. ราคากลาง/อัตราเบิก • ไม่ใช่ราคาขาย (Hospital charge) ที่ รพ. กำหนดและมีประกาศไว้ • เป็นอัตราที่ กบก.เสนอเป็นราคาซื้อบริการ (ให้ รพ.เบิกจ่าย) โดยเป็นเพดานราคา • กรมบัญชีกลางกำหนดราคาขายของโรงพยาบาลไม่ได้ • รพ. อาจมีราคาขายต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคากลาง

  16. ราคาที่ยุติธรรมคือ... • ผู้รับบริการ ได้รับบริการคุณภาพ • ผู้ให้บริการ ไม่ขาดทุน • ผู้ซื้อ ซื้อในราคาที่ไม่แพงเกินไปและไม่จ่ายเกินความจำเป็น • ผู้ซื้อ ซื้อในราคาที่มีเงินพอจ่าย ? (ซื้อเท่าที่มีเงิน หรือ ซื้อมาก ๆ และจ่ายเงินเท่าที่มี)  ต้องตกลงราคากันก่อน  ต้องจ่ายตามราคาที่ตกลงไว้

  17. ยุติธรรมแน่หรือ ?? • ผู้ซื้อ ต้องการทราบว่าได้รับบริการอะไรบ้าง และเหมาะสมหรือไม่ • ผู้ซื้อ ต้องการให้คิดราคาจากต้นทุนที่เป็นธรรม • ผู้ซื้อไม่ต้องการให้คิดราคาซ้ำซ้อน • ผู้รับบริการ สนใจแต่คุณภาพ หากไม่ต้องจ่ายเงินเอง

  18. วิธีคิดราคากลางของ กบก. • Total cost = Direct cost + Indirect cost • Direct cost = 50% LC + CC + MC • Indirect cost = 20% Direct cost • Price = Total cost + 25%Total cost คิด LC 50% เฉพาะที่จ่ายจากงบเงินรายได้ กำไร = Future development = 20%-25%

  19. คำถามในการคิดต้นทุน • ค่าแรง ระดับ ศาสตราจารย์ หรือ Resident • ระยะเวลาปฏิบัติงานที่ใช้คิดค่าแรงต่อหน่วย • จำนวนทรัพยากรสุขภาพที่เหมาะสม • จะใช้ต้นทุน new item หรือ reused item • เวลาที่ใช้ห้องผ่าตัด จะคิดจากเวลาใด ถึงเวลาใด

  20. ตย.การคิดต้นทุนโดย กบก. ต้นทุนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ค่าแรงปรับทุกปี ราคาวัสดุปรับเพิ่มทุกปี

  21. ผลกระทบที่เกิดขึ้น โรงพยาบาล • ผลกระทบต่อระบบปฏิบัติการ • ผลกระทบด้านการเงิน • ผลกระทบต่อการพัฒนาทางการแพทย์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ผู้ป่วย - ส่วนเกินสิทธิเพิ่มขึ้น

  22. มองต่างมุม..... • กรมบัญชีกลาง • ผู้ซื้อบริการ – ผู้รับบริการ • โรงพยาบาล • ผู้ให้บริการ – ผู้รับบริการ • ข้าราชการ • ผู้รับบริการ ..ทุกคนใช้วงเงินสวัสดิการเดียวกัน...

  23. มุมเดียวกัน..... • ผู้รับบริการ - ข้าราชการ • ต้องการบริการคุณภาพ • ไม่ต้องการจ่ายส่วนเกินสิทธิ ...เป็นข้าราชการ เงินเดือนน้อย หวังว่าจะได้รับสวัสดิการที่ดี

  24. คนละมุม..... • กรมบัญชีกลาง • ต้องควบคุมค่าใช้จ่าย • ไม่ต้องการให้เกิดการรอนสิทธิ • โรงพยาบาล • ต้องการให้บริการที่ดี แต่... • ไม่ต้องการ..เจ๊ง หรือล้มละลาย ..หากกำหนดราคากลางสูง รพ.อาจปรับค่าบริการขึ้นจนเท่าราคากลาง

  25. ผลกระทบระบบปฏิบัติการผลกระทบระบบปฏิบัติการ ระบบงาน - ระบบบริการสำหรับข้าราชการ - เพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ - ปรับระบบฐานข้อมูล ระบบ IT - ปรับระบบการเงิน การคลัง - ระบบแจ้งหนี้ผู้ป่วยนอก - การลงรหัสโรคและรหัสหัตถการ - ความเข้าใจของผู้ปฏิบัติงาน ควบคุมการใช้ทรัพยากรสุขภาพ • ควบคุมการใช้ยาและเวชภัณฑ์ • ให้มีการ investigation ที่เหมาะสม • ควบคุมระยะเวลาการอยู่โรงพยาบาลให้เหมาะสม • การกำหนดราคาหัตถการและ ค่ารักษาพยาบาล

  26. ผลกระทบต่อผู้ป่วย-ส่วนเกินสิทธิผลกระทบต่อผู้ป่วย-ส่วนเกินสิทธิ • ส่วนเกินสิทธิ (เดิม) • ค่าห้องพิเศษ • ค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ (ยกเว้นกรณีที่คณะกรรมการแพทย์รับรอง) • ค่าอวัยวะเทียมฯ ที่เกินเพดาน หรือไม่มีในรายการ • ค่าเวชภัณฑ์ หมวด 5 ที่ใช้นอกโรงพยาบาล • ค่าบริการทันตกรรม (บางรายการ) • รายการบริการใหม่ ๆ • ส่วนเกินสิทธิ (ใหม่) • เพิ่มส่วนเกินสิทธิหมวด 8, 11 (นอกห้องผ่าตัด), 15

  27. DRG กับสถานการณ์การเงิน รพ. • DRG = Diagnosis related group • Charge = ค่าบริการตามอัตราของ รพ. • RW = Relative weight (ประเมินความรุนแรงของโรค) • AdjRW = Adjusted relative weight (ปรับ RW ตามจำนวนวันนอน) • Base rate = อัตราชดเชยต่อ 1 AdjRW

  28. ประเมินสถานการณ์การเงินประเมินสถานการณ์การเงิน วิเคราะห์จำแนกตามกลุ่ม RW • RW <= 0.5 ….unnecessary admit? • RW > 0.5 - <= 1.5 …รักษาเองได้ที่ 2? • RW > 1.5 - < 4.0 …ต้อง refer? • RW >= 4.0 - <5.0 …High cost • RW >= 5.0 - <6.0 …very high cost? • RW >= 6.0 …very very high cost?

  29. ประเมินสถานการณ์การเงินประเมินสถานการณ์การเงิน หากใช้ DRG ชดเชย IPD ข้าราชการ Base rate ที่เหมาะสมของ มช. • 10,300 บาท ชดเชย 44% ของ charge • 15,000 บาท ชดเชย 65% ของ charge • 16,000 บาท ชดเชย 69% ของ charge • 20,000 บาท ชดเชย 86% ของ charge ควรเป็นอัตราใด ?

  30. How the system survive? • ผู้รับบริการพอใจ – ข้าราชการไม่ต้องจ่ายส่วนเกินสิทธิ นอกจากที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ • รพ.ได้รับชดเชย ไม่ให้ขาดทุน – รพ.ต้องปรับตัว • กบก. ชี้แจงวงเงินที่เหมาะสมได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้

  31. How the system survive? • ทบทวนต้นทุนการบริการตามหลักเกณฑ์ที่ตกลงกัน (มาตรฐาน V.S. อัตราค่าบริการ) • ระบบ Group Itemize เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของค่าบริการ • Copaymentแต่กระทบตัวเรา !! • รวมพลังชี้แจงวงเงินที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพข้าราชการ ในการของบประมาณ Provider ทำอะไรได้บ้าง ?

  32. ระบบ Group Itemize • ระบบบันทึกค่าหัตถการตามทรัพยากรสุขภาพที่ใช้จริง โดยจำแนกกลุ่มทรัพยากรสุขภาพเป็น 5 กลุ่ม เพื่อความสะดวกในการบันทึก และสามารถใช้บริหารต้นทุนบริการ • กบก.ยอมรับในหลักการให้ใช้ระบบ Group Itemize ในการส่งเบิกค่าหัตถการ โดยขอให้รพ.ในกลุ่ม UHosNet ใช้เป็นรูปแบบเดียวกัน

  33. ระบบส่งเบิกGroup Itemize

  34. ที่มา • ราคากลางที่กรมบัญชีกลางประกาศจะใช้เป็นอัตราเบิกจ่ายในปี 2549 • ผลกระทบต่อ รพ.กลุ่ม UHosNetโดยเฉพาะหมวด 11 ค่าหัตถการ • การต่อรองขอเบิกค่าหัตถการตามจำนวนทรัพยากรสุขภาพที่ใช้จริง  Group Itemize

  35. Group Itemize Group = กลุ่ม Itemize = การแจกแจงตาม รายการที่ใช้ Group Itemize (GrIt) หมายถึงการแจกแจงทรัพยากรสุขภาพตามกลุ่มรายการที่ใช้ GRIT แปลว่า ความบึกบึน การทำ Group itemize ต้องการความอดทน และ ความร่วมมือ

  36. วัตถุประสงค์ระบบ GrIt • เพื่อกำหนดมาตรฐานกลุ่มทรัพยากรสุขภาพที่ใช้ในโรงพยาบาล และมาตรฐานการคิดต้นทุน • เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารต้นทุนการบริการสุขภาพ • เพื่อใช้ในการชี้แจงต้นสังกัด / กลุ่มผู้ซื้อบริการสุขภาพ

  37. เป้าหมาย • ระบบส่งเบิก Group itemize ที่ รพ.UHosNet เห็นชอบ • อัตราค่าบริการตามกลุ่มทรัพยากรสุขภาพสอดคล้องกับต้นทุนบริการ • กลุ่มผู้ซื้อบริการสุขภาพยอมรับการเบิกระบบ Group Itemize

  38. กลุ่มทรัพยากรสุขภาพ • ค่าใช้ห้องผ่าตัด พร้อมเครื่องมือมาตรฐาน คิดตามจำนวนชั่วโมงที่ใช้ • ค่าอุปกรณ์พิเศษ ที่ใช้เฉพาะบางราย คิดตามรายการที่ใช้ / จำนวนชั่วโมงที่ใช้ • ค่า Set ผ่าตัด คิดตามจำนวนที่ใช้ • ค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาคิดตามจำนวนที่ใช้ เบิกไม่เกินเพดานราคา (ตามหนังสือ ว. 77) • ค่าแรงบุคลากร คิดตามประเภท จำนวนบุคลากร/จำนวนชั่วโมงที่ปฏิบัติงาน

  39. โครงสร้าง Group Itemize CC เครื่องมือ พิเศษ CC OR LC หัตถการ/ ICD-9-CM บุคลากร Instrument MC MC Set

  40. แนวทางการจัดทำระบบ GrIt • กำหนดรายการทรัพยากรสุขภาพในกลุ่ม / กลุ่มย่อย • จัดกลุ่มของกลุ่มย่อยตามระดับราคา • บุคลากร แบ่งระดับเฉพาะแพทย์ บุคลากรอื่น คิดค่าเฉลี่ย • เชื่อมโยงทรัพยากรสุขภาพกับหัตถการ • ศึกษาต้นทุนบริการหัตถการ • กำหนดค่าบริการที่ผู้เกี่ยวข้องยอมรับได้

  41. การศึกษาต้นทุน GrIt • ตกลงหลักเกณฑ์การคิดต้นทุน เช่น การคิดค่าเสื่อม ค่าแรง ฯลฯ • กำหนดรายการทรัพยากรสุขภาพมาตรฐาน และการจัดกลุ่ม (Standard items ของสมาคมรพ.เอกชน) เช่น อุปกรณ์ใน set, อวัยวะเทียม ฯลฯ • ร่วมกันพิจารณาต้นทุน (ราคาซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแต่ละโรงพยาบาล)

  42. การคิดต้นทุนการบริการการคิดต้นทุนการบริการ • Capital cost : ค่าเสื่อมราคาของอาคารและครุภัณฑ์การแพทย์, ค่าบำรุงรักษา • Material cost : ค่าวัสดุและอุปกรณ์การแพทย์ เช่น set ผ่าตัด, อวัยวะเทียม • Labour cost : ค่าแรงบุคลากร • Overhead cost : ต้นทุนทางอ้อมของการทำหัตถการ (ต้นทุนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำหัตถการโดยตรง แต่ต้องใช้บริหารการบริการ) • Indirect cost : ต้นทุนทางอ้อมของโรงพยาบาล Direct cost

  43. ต้นทุนระบบ Group Itemize • ค่า OR / Cath Lab. / ห้อง Scope ฯลฯ =Capital cost + Overhead costที่เกี่ยวข้องกับการทำหัตถการ • ค่าเครื่องมือพิเศษ = Capital cost + Material costที่ต้องใช้ • ค่า set =Material cost (new), reused? • ค่า Instrument = Material cost (new), reused? • ค่าแรงบุคลากร = Labour cost • Indirect cost : ต้นทุนทางอ้อมของโรงพยาบาล

  44. ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) • Standard cost (ต้นทุนมาตรฐาน) ต้นทุนที่คำนวณตามทรัพยากรที่ต้องใช้ สำหรับงาน 1 หน่วยเช่น วัสดุ เวลา ฯลฯ • Plan cost ต้นทุนต่อหน่วยที่ประมาณการไว้ • Actual cost (ต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง)ต้นทุนต่อหน่วยที่คำนวณจากจำนวนครั้งที่ให้บริการ • Variance ผลต่างระหว่าง Plan unit cost กับ Actual unit cost จำนวนครั้งบริการน้อย  ต้นทุนต่อหน่วยสูง

  45. ตัวอย่างคำนวณ Unit Cost (1) • CT scan ราคา 36 ล้านบาท อายุใช้งาน 5 ปี ใช้งานได้ทุกวัน ๆ ละ 8 ชั่วโมง ตรวจ 1 ครั้งใช้เวลา 1 ชั่วโมง ค่าแรง 1 ชม. 1,000 บาทและค่าวัสดุ/น้ำยา 2,000 บาท/ครั้ง • วางแผนว่า จะเปิดบริการ 6 วัน/สัปดาห์ และ ปีแรกมีผู้มารับบริการ 6 ราย/วัน • เมื่อสิ้นปีแรกพบว่ามีผู้มารับบริการ 4 ราย/วัน

  46. ตัวอย่างคำนวณ Unit Cost (2) • Standard unit cost (บาท/ครั้ง) = (36 ล้าน/5/365/8) + 3,000 = 5,466 • Plan unit cost (บาท/ครั้ง) = (36 ล้าน/5/312/6) + 3,000 = 6,846 • Actual unit cost (บาท/ครั้ง) = (36 ล้าน/5/312/4) + 3,000 = 8,769 • Variance (Plan costV.S.Actual cost) = [(actual/plan) – 1] X 100 = 28.1%

  47. การคิดอัตราค่าบริการ การคิดค่าบริการ (แนวคิดของกรมบัญชีกลาง) Price = Total cost + Future dev. cost • Total cost = Direct cost + Indirect cost • Direct cost = (Capital cost + Overhead cost) + Material cost + Labour cost • Indirect cost = 20% ของ Direct cost • Future dev. cost = 20%-25% Total cost

  48. ปัญหา/อุปสรรค/โอกาสพัฒนาปัญหา/อุปสรรค/โอกาสพัฒนา • การเรียกชื่อวัสดุการแพทย์ และ อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องผ่าตัด • รายการอุปกรณ์ใน set • การพิจารณาข้อมูลที่มาจากแหล่งที่แตกต่างกัน  วิธีการทำงานร่วมกัน

  49. ขอบคุณค่ะ ทางเลือกอื่น?

More Related