1 / 71

การปกป้องคุ้มครองเด็ก

การปกป้องคุ้มครองเด็ก. โดย นางสาวพัชรี ศรีงาม นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจันทบุรี. ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ. ประเด็นการนำเสนอ. 1. สถานการณ์ด้านเด็ก 2. แนวคิด/กฎหมาย และมุมมองในการคุ้มครองเด็ก

Download Presentation

การปกป้องคุ้มครองเด็ก

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การปกป้องคุ้มครองเด็กการปกป้องคุ้มครองเด็ก โดย นางสาวพัชรี ศรีงาม นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจันทบุรี ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ

  2. ประเด็นการนำเสนอ 1. สถานการณ์ด้านเด็ก 2. แนวคิด/กฎหมาย และมุมมองในการคุ้มครองเด็ก 3. มาตรการในการคุ้มครองเด็ก 4. กลไกในการคุ้มครองเด็ก 5. กระทรวง พม. กับการทำงานคุ้มครองเด็ก 6. บทส่งท้าย

  3. 1. สถานการณ์ด้านเด็ก

  4. ตั้งครรภ์ในวัยรุ่น

  5. เด็กและเยาวชน 1,715,447 คน ใช้ยาเสพติด!!

  6. พร้อมจะโกงหากมีโอกาส • มีความรู้และสนใจเรื่องศาสนาน้อย

  7. การกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นการกระทำรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

  8. มีความรู้ต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อเทียบกับ ค่ามาตรฐานหรือประเทศอื่นๆ

  9. เด็กในภาคอีสานขาดไอโอดีนเด็กในภาคอีสานขาดไอโอดีน เด็กอ้วนเกินมาตรฐาน

  10. เด็กและเยาวชนมีความรู้เรื่องโรคเอดส์อยู่ในระดับต่ำ

  11. การใช้อินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้นการใช้อินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

  12. สถานการณ์ด้านเด็กในจังหวัดจันทบุรีข้อมูลการให้บริการของศูนย์ OSCC

  13. สถานการณ์ด้านเด็กในจังหวัดจันทบุรีข้อมูลการให้บริการของศูนย์ OSCC (ต่อ)

  14. 2. แนวคิด /กฎหมาย /มุมมองในการคุ้มครองเด็ก 2.1 อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก 2.2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2.3 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 2.4 มุมมองในการคุ้มครองเด็ก

  15. 2.1 อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก(Convention on the Rights of the Child) กำหนดสิทธิพื้นฐานของเด็กไว้ 4 ประการ คือ • 1.สิทธิที่จะมีชีวิตรอด เป็นสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกาย จิตใจ ตลอดจนที่อยู่อาศัยให้เกิดความปลอดภัย และต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพจากบริการทางการแพทย์ • 2.สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา เด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิรับการศึกษาที่ดี ได้รับโภชนาการที่เหมาะสม

  16. 2.1 อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (ต่อ) • 3.สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง เป็นสิทธิที่เด็กทุกคนจะได้รับความคุ้มครองให้รอดพ้นจากการทารุณทุกรูปแบบ เช่น การทำร้าย การนำไปขาย ใช้แรงงานเด็ก หรือแสวงหาประโยชน์มิชอบจากเด็ก • 4.สิทธิที่ในการมีส่วนร่วม มีสิทธิที่จะแสดงออกและแสดงความคิดเห็นต่อสังคมในเรื่องที่มีผลกระทบกับเด็ก • ประเทศไทยก็รับหลักการดังกล่าวมาบัญญัติเป็นกฎหมายภายใน ชื่อว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

  17. 2.2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย • มาตรา ๕๓ เด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว มีสิทธิได้รับความคุ้มครองโดยรัฐจากการใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติอันไม่เป็นธรรม • มาตรา ๘๐ รัฐต้องคุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชนส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของครอบครัวและความเข้มแข็งของชุมชน รัฐต้องสงเคราะห์คนชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาส ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเองได้

  18. 2.3 พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

  19. เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ. • กำหนดขั้นตอนและปรับปรุงวิธีการปฏิบัติต่อเด็กให้เหมาะสม • เด็กได้รับการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และมีพัฒนาการที่เหมาะสม • ส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันครอบครัว • ป้องกันมิให้เด็กถูกทารุณกรรม ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หรือถูกเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรม • ปรับปรุงวิธีการส่งเสริมความร่วมมือในการคุ้มครองเด็กระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น • เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

  20. สาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กสาระสำคัญของพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก การปฏิบัติต่อเด็ก ควรคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดกับเด็ก ไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม การสงเคราะห์ การกำหนดสถานที่อยู่ของเด็กที่ต้องการให้การช่วยเหลือ โดยต้องมีการสืบเสาะและพินิจเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัวเพื่อหาวิธีการสงเคราะห์หรือคุ้มครองที่เหมาะสม

  21. การคุ้มครองสวัสดิภาพ การจัดการกับตัวเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องการได้รับการคุ้มครอง สถานที่รับดูแลเด็ก การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งสถานรับเลี้ยง สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพและสถานพัฒนาและฟื้นฟู การส่งเสริมพฤติกรรม การส่งเสริมพฤติกรรมของนักเรียนนักศึกษาที่มีความประพฤติปฏิบัติดีเพื่อเป็นตัวอย่าง

  22. กองทุนคุ้มครองเด็ก เป็นเงินสนับสนุนในการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก และส่งเสริมพฤติกรรม โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุนเป็นผู้บริหารจัดการ บทกำหนดโทษ มีการกำหนดโทษแก่บุคคลที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติต่างๆของ พรบ.ฉบับนี้

  23. กลุ่มเป้าหมาย เด็กที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายนี้ คือ บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส ได้แก่ (๑) เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ (มาตรา ๓๒(๑)-(๘)) และเด็กซึ่งกระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิด หรือเด็กซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญาที่ศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนเห็นจำต้องได้รับการสงเคราะห์(กฎกระทรวงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙) (๒) เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา ๔๐ (๑)-(๓)) และเด็กที่ต้องหาว่ากระทำผิดกฎหมายแต่อายุไม่ถึงเกณฑ์ต้องรับโทษทางอาญา เด็กที่ศาลหรือผอ.สถานพินิจฯ ส่งมารับการคุ้มครองสวัสดิภาพ เด็กที่ประกอบอาชีพที่น่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ หรือประกอบอาชีพในบริเวณที่เสี่ยงอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเด็กที่อาศัยอยู่กับบุคคลที่มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าประกอบอาชีพไม่สุจริตหรือหลอกลวงประชาชน(กฎกระทรวงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙) (๓) เด็กนักเรียนและนักศึกษา (หมวด ๗ มาตรา ๖๓-๖๖)

  24. การปฏิบัติต่อเด็ก • มาตรา 23 ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และพัฒนาเด็กตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม แต่ทั้งนี้ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานขั้นต่ำตามที่กำหนดในกฎกระทรวง • มาตรา 24 ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการเขต นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ หรือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ไม่ว่าเด็กจะมีหรือไม่มีผู้ปกครองก็ตาม รวมทั้งมีอำนาจและหน้าที่ดูแลตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็กฯ และให้มีอำนาจหน้าที่ เช่นเดียวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.นี้

  25. บทบาทพนักงานเจ้าหน้าที่บทบาทพนักงานเจ้าหน้าที่ • เข้าไปในเคหสถาน สถานที่ใดๆ หรือยาพาหนะใดๆ • ซักถามเด็กเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเด็กจำต้องได้รับการสงเคราะห์ หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ • มีหนังสือเรียกผู้ปกครองของเด็ก..ส่งเอกสารหรือหลักฐานเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ ความประพฤติ สุขภาพ และความสัมพันธ์ในครอบครัว • เข้าไปในสถานที่อยู่อาศัยของผู้ปกครอง สถานที่ประกอบการของนายจ้าง สถานศึกษา • มอบตัวเด็กให้แก่ผู้ปกครองพร้อมกับแนะนำ ตักเตือน • ทำรายงานเกี่ยวกับตัวเด็ก

  26. เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์เด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์ (๑) เด็กเร่ร่อน หรือเด็กกำพร้า (๒) เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง ณ ที่ใดที่หนึ่ง (๓) เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ด้วยเหตุใดๆ เช่น ถูกจำคุก กักขัง พิการ ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง ยากจน เป็นผู้เยาว์ หย่า ถูกทิ้งร้าง เป็นโรคจิตหรือโรคประสาท (๔) เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสม อันอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางร่างกายหรือจิตใจของเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแล (๕) เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ถูกทารุณกรรม หรือตกอยู่ในภาวะอื่นใดอันอาจเป็นเหตุให้เด็กมีความประพฤติเสื่อมเสียในทางศีลธรรมอันดีหรือเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ (๖) เด็กพิการ (๗) เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก และเด็กซึ่งกระทำผิดหรือต้องหาว่ากระทำผิด หรือเด็กซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดทางอาญาที่ศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวนเห็นจำต้องได้รับการสงเคราะห์(กฎกระทรวงฯ พ.ศ. ๒๕๔๙)

  27. การสงเคราะห์เด็ก (ม. ๓๓) • ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ พิจารณาให้การสงเคราะห์ตามวิธีการที่เหมาะสม ดังนี้ (๑) ให้ความช่วยเหลือเด็กและครอบครัวหรือบุคคลที่อุปการะเลี้ยงดู (๒) มอบเด็กให้อยู่ในความอุปการะของบุคคลที่เหมาะสมและยินยอมเลี้ยงดู ตามระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกิน ๑ เดือน (๓) ดำเนินการเพื่อให้เด็กได้เป็นบุตรบุญธรรม (๔) ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในครอบครัวอุปถัมภ์หรือสถานรับเลี้ยงเด็กที่เหมาะสมและยินยอมรับเด็ก (๕) ส่งเด็กเข้ารับการอุปการะในสถานแรกรับ หรือสถานสงเคราะห์ (๖) ส่งเด็กเข้าศึกษา ฝึกอาชีพ หรือบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพ

  28. ข้อควรระวัง • การให้การสงเคราะห์ด้วยการส่งเด็กเข้ารับการอุปาระในครอบครัวอุปถัมภ์ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานพัฒนาและฟื้นฟู หรือสถานที่ทางศาสนา “ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง” • ความยินยอม ต้องทำเป็นหนังสือตามแบบที่กำหนด หรือทำด้วยวาจาต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน • ถ้าผู้ปกครองไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ “ให้ปลัดกระทรวง หรือผู้ว่าราชการจังหวัด มีอำนาจส่งเด็กเข้าสถานที่ดังกล่าวได้ แต่ต้องฟังรายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางสังคมสงเคราะห์และแพทย์ก่อน และมีอำนาจกำหนดระยะเวลา ตลอดจนย่นหรือขยายระยะเวลาในการให้เด็กอยู่ในสถานที่ดังกล่าว

  29. การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก (๑) เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ (มาตรา ๔๐) - เด็กที่ถูกทารุณกรรม - เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด (๒) ให้ผู้พบเห็นหรือประสบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำทารุณกรรมเด็ก ให้รีบแจ้ง พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าตรวจค้น และมีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัว เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพโดยเร็ว (๓) จัดให้มีการตรวจรักษาทางร่างกายและจิตใจทันที ถ้าเห็นสมควรสืบเสาะและพินิจ ก็อาจส่งตัวเด็กไปสถานแรกรับก่อนได้ หรือถ้าจำเป็นต้องให้การสงเคราะห์ก็ให้การสงเคราะห์ ถ้าจำเป็นต้องพื้นฟูสภาพจิตใจก็ให้ส่งเด็กไปสถานพัฒนาและฟื้นฟู โดยให้กระทำได้ไม่เกิน ๗ วัน ถ้าจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานอัยการจะยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาได้ซึ่งการขยายเวลารวมแล้วไม่เกิน ๓๐ วัน(มาตรา ๔๒)

  30. (๓) กรณีมีการฟ้องคดีอาญาผู้กระทำผิดและเชื่อว่าผู้ถูกฟ้องจะทารุณกรรมเด็กอีก ศาลมีอำนาจกำหนดมาตรการคุมความประพฤติ ห้ามเข้าเขตกำหนด หรือห้ามเข้าใกล้ตัวเด็กในระยะที่ศาลกำหนดและจะสั่งทำทัณฑ์บนตาม ม.๔๖ และ ม.๔๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หากยังไม่ฟ้องคดีอาญา แต่มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมีการทารุณกรรมเด็กอีก “ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อออกคำสั่งมิให้กระทำ โดยกำหนดมาตรการคุมความประพฤติและเรียกประกันด้วยก็ได้” และยังมีอำนาจออกคำสั่งให้ตำรวจจับกุมผู้ที่จะทารุณกรรมเด็กมากักขังไว้มีกำหนด “ครั้งละไม่เกิน ๓๐ วัน” (๔) กรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ พบหรือได้รับแจ้งว่า พบเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำ มีอำนาจดำเนินการ

  31. ข้อห้ามสำหรับเด็ก (มาตรา ๔๕) - ห้ามซื้อสุรา หรือบุหรี่ - ห้ามเสพสุรา หรือบุหรี่ - ห้ามเข้าไปในสถานที่เฉพาะเพื่อการจำหน่ายสุรา หรือบุหรี่ - เข้าไปในสถานที่เฉพาะเพื่อการเสพสุรา หรือบุหรี่ ถ้าฝ่าฝืน - พนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามเพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก - มีหนังสือเรียกผู้ปกครองมาร่วมประชุมปรึกษาหารือ - ว่ากล่าวตักเตือน - ให้ทำทัณฑ์บน - มีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการและระยะเวลาในการจัดให้เด็กทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณะประโยชน์ และ - วางข้อกำหนดให้ผู้ปกครองต้องปฏิบัติ หรือวางข้อกำหนดอื่นใด เพื่อแก้ไขหรือป้องกันมิให้เด็กกระทำผิดอีก

  32. การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (๑) โรงเรียนและสถานศึกษาต้องจัดให้มีการส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา ตามมาตรา ๖๓ (๒) พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ ตามมาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗

  33. กลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบงานกลไกหลักในการขับเคลื่อนระบบงาน • คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ • คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด • คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร

  34. บทบาทคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติบทบาทคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ • เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบาย แผนงาน งบประมาณและมาตรการในการสงเคราะห์ คุ้มครองเด็ก/การออกกฎกระทรวงและระเบียบ • วางระเบียบโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกองทุน • วางระเบียบเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก • วางหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ • ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงาน รวมทั้งมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสถานรับเลี้ยงเด็ก • ติดตามประเมินผล และตรวจสอบการดำเนินงาน

  35. คณะอนุกรรมการภายใต้บอร์ดชาติ • คณะอนุกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก • คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็ก • คณะอนุกรรมการพัฒนามาตรฐานกลไก เพื่อการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก • คณะอนุกรรมการประเมินและติดตามผลการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก • คณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อม

  36. บทบาทคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดบทบาทคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด • เสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ เกี่ยวกับ นโยบาย แผนงาน งบประมาณ และมาตรการ • ให้คำปรึกษา แนะนำ และประสานงาน รวมทั้งมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครอง • กำหนดแนวทางการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก /จัดหาทุนเพื่อการสงเคราะห์ • ตรวจสอบหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง • เรียกเอกสาร หรือพยานหลักฐานใดๆ หรือขอคำชี้แจง • ติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการดำเนินงาน

  37. คณะอนุกรรมการภายใต้บอร์ดจังหวัดคณะอนุกรรมการภายใต้บอร์ดจังหวัด • คณะอนุกรรมการด้านนโยบายและแผน • คณะอนุกรรมการด้านสหวิชาชีพ • คณะอนุกรราการส่งเสริมความประพฤติ นักเรียน นักศึกษา • คณะอนุกรรมการคุ้มครองเด็กในระดับอำเภอ ตำบล

  38. 2.4 มุมมองระบบคุ้มครองเด็ก

  39. มุมมองระบบคุ้มครองเด็กในระดับสากลมุมมองระบบคุ้มครองเด็กในระดับสากล • การทำงานในเชิงระบบ และเป็นองค์รวมมากยิ่งขึ้น • เน้นการทำงานเชิงรุก และการป้องกันมากกว่าเข้าแทรกแซงในเชิงตั้งรับ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรง หรือการละเมิดขึ้นแล้ว • เน้นการทำงานกับครอบครัวทั้งหมด ไม่เฉพาะกับเด็กผู้เสียหาย • พัฒนาศักยภาพของพ่อแม่ในการดูแลคุ้มครองเด็กที่เหมาะสม • การดูแลในรูปแบบครอบครัวทดแทน

  40. มุมมองระบบคุ้มครองเด็กในประเทศไทยมุมมองระบบคุ้มครองเด็กในประเทศไทย • สถานการณ์และความจำเป็น • ข้อมูลปัญหาเด็กในสังคมยังไม่มีการจัดเก็บ อย่างเป็นระบบ • ลักษณะการช่วยเหลือยังเน้นการสงเคราะห์รายบุคคล

  41. มุมมองระบบคุ้มครองเด็กในประเทศไทย (ต่อ) • การดำเนินงานคุ้มครองเด็กมีความหลากหลายสูง • การคุ้มครองเด็กกลุ่มเป้าหมายพิเศษ • การสร้างเครื่องมือในการทำงาน • การทำงานคุ้มครองเด็กในระดับชุมชนท้องถิ่นยังไม่มีความชัดเจน

  42. 3. มาตรการในการคุ้มครองเด็ก • ตัวบทกฎหมาย 88 มาตรา+1 บทเฉพาะกาล • กฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติฯ 8 ฉบับ • ประกาศภายใต้พระราชบัญญัติฯ 2 ฉบับ • ระเบียบภายใต้พระราชบัญญัติฯ 14 ฉบับ

  43. ตัวบทกฎหมาย • หมวด 1 คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก • หมวดที่ 2 การปฏิบัติต่อเด็ก • หมวดที่ 3 การสงเคราะห์เด็ก • หมวดที่ 4 การคุ้มครอง สวัสดิภาพเด็ก • หมวดที่ 5 ผู้คุ้มครอง สวัสดิภาพเด็ก • หมวดที่ 6 สถานรับเลี้ยง แรกรับ สงเคราะห์ คุ้มครอง พัฒนาและฟื้นฟู • หมวดที่ 7 การส่งเสริมความประพฤตินักเรียน นักศึกษา • หมวดที่ 8 กองทุนคุ้มครองเด็ก • หมวดที่ 9 บทลงโทษ • บทเฉพาะกาล

  44. กฎกระทรวง 8 ฉบับ • กำหนดเด็กที่อยู่ในสภาพจำต้องได้รับการสงเคราะห์ พ.ศ. 2549 • การกระทำใดเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กหรือเลือกปฏิบัติ • มาตรฐานขั้นต่ำในการอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็ก • เงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ด • การจัดระบบงานและกิจกรรมแก่นักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครอง • การว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บนและจัดให้เด็กทำงานบริการสังคม • การขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถาน แรกรับ คุ้มครอง พัฒนาและฟื้นฟู • อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก แรกรับ คุ้มครอง พัฒนาและฟื้นฟู

  45. ประกาศ 2 ฉบับ • กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู พ.ศ.2549 • ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียน และนักศึกษา

  46. ระเบียบภายใต้พระราชบัญญัติ 14 ฉบับ • วิธีดำเนินการของสถาน 5 สถาน (สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพและ สถานพัฒนาและฟื้นฟู ) • วิธีการให้การสงเคราะห์เด็ก พ.ศ. 2547 • การกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ • การลงโทษเด็ก พ.ศ. 2548 • การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียน และนักศึกษา • การลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 • การบริหารกองทุน การพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินฯ พ.ศ. 2548

  47. ระเบียบภายใต้พระราชบัญญัติ 14 ฉบับ • วิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ถูกทารุณกรรม หรือถูกเลี้ยงดูโดยมิชอบ พ.ศ. 2548 และ 2552 • หลักเกณฑ์การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ • หลักเกณฑ์การแต่งตั้งพนง.จนท.ส่งเสริมความประพฤตินักเรียน นักศึกษา • วิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ต้องหาว่ากระทำผิดฯและอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ต้องรับโทษทางอาญา พ.ศ. 2551 • การรับเงิน จ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์กองทุน • วิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด พ.ศ. 2553

  48. 4. กลไกการคุ้มครองเด็กโดยจัดระบบเชื่อมโยง โรงพยาบาล องค์กรชุมชน โรงเรียน และสถานีตำรวจ

  49. พนักงานเจ้าหน้าที่/ Case Manager มีตำแหน่งเป็นการเฉพาะทั้งหน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชน ทำหน้าที่ Case Manager เป็นแกนเชื่อมประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ จัดระบบการติดตามตรวจสอบคุณภาพการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ มี Supervisor สำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ ทบทวนการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ละกรณี (Case Review) ทุกสามเดือน

  50. หน่วยงานบริหารจัดการดูแลพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยงานบริหารจัดการดูแลพนักงานเจ้าหน้าที่ มีหน่วยงานระดับกรมขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบแบบเบ็ดเสร็จในตัว ทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ จัดทำเครื่องมือต่างๆให้พนักงานเจ้าหน้าที่ คู่มือภาคปฏิบัติสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ด้านต่างๆ บันทึกข้อตกลงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครือข่ายต่างๆให้มีการทำ Case Conference ร่วมกัน

More Related