450 likes | 895 Views
การเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน. เลือกซื้อคอมพิวเตอร์อย่างไรให้เหมาะสม. ทำไมต้องเลือก คอมพิวเตอร์?.
E N D
การเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงานการเลือกใช้คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน
เลือกซื้อคอมพิวเตอร์อย่างไรให้เหมาะสมเลือกซื้อคอมพิวเตอร์อย่างไรให้เหมาะสม
ทำไมต้องเลือกคอมพิวเตอร์?ทำไมต้องเลือกคอมพิวเตอร์? เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันได้พัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้น แต่ราคาถูกลงกว่าแต่ก่อนมาก การเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้งานทำได้ง่าย แต่ผู้ใช้งานควรพิจารณาว่าจะนำคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อทำงานด้านใด
การเลือกคอมพิวเตอร์ • การเลือกชื้อคอมพิวเตอร์ ก่อนอื่นผู้ซื้อควรคำนึงวัตถุประสงค์หลัก หรือความต้องการในการใช้คอมพิวเตอร์ • ในด้านต่าง ๆ ของตนเองไม่ว่าจะเป็นสำหรับการทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง เนื่องจากงานต่างๆ จะมีส่วน • สำคัญในการพิจารณาเลือกชื้ออุปการณ์ให้ตรงตามความต้องการ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ผู้ใช้ทั่วไปนิยมกำหนด • รายละเอียดและเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตรงตามความต้องการ • มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการควบคุมงบประมาณในการซื้อได้อีกทางหนึ่งด้วย เราอาจจำแนกคอมพิวเตอร์
ออกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 3 ประเภทได้ดังนี้ 1.คอมพิวเตอร์สำหรับงานเอกสาร สำนักงาน คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะงานทั่วๆไปเช่นการพิมพ์งาน การดูหนัง ฟังเพลง และการใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งงานเหล่านี้ สามารถเลือกส่วนประกอบในระดับราคาประหยัด จะทำให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ตามต้องการในระดับราคาที่ประหยัด
งานเอกสาร หรืองานในสำนักงาน เป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับจัดการด้านเอกสารรายงาน ตกแต่งภาพ ทำการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ ดูภาพยนตร์ หรือสื่อทางการศึกษา ติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้ซอฟแวร์ประยุกต์ เช่น ซอฟแวร์ประมวลคำ และซอฟแวร์ตารางทำงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ซีพียูที่มีความเร็วสูงคือประมาณ 1 GHz ขึ้นไป ควรมีแรมอย่างน้อย 1 GB อาจเลือกใช้จอภาพแบบแอลซีดีขนาดใหญ่ประมาณ17-19 นิ้วเพื่อถนอมสายตา เนื่องจากลักษณะงานต้องจ้องมองจอภาพตลอดเวลา
เช่น • CPU : ใช้ Sempron, Athlon XP หรือ Celeron II ก็ได้ ตั้งแต่ความเร็ว 1 GHz ขึ้นไป ( ในปัจจุบันต่ำกว่า 1 GHz หาซื้อตามร้านทั่วไปแทบไม่ได้แล้ว ) • RAM : DDR-SDRAM ขนาด 128 MB ขึ้นไป หรือ 256 MB ถ้าเป็น Windows XP • Mainboard : ใช้เมนบอร์ดอะไรก็ได้ แต่เน้นการรับประกันและอุปกรณ์ On Board เช่น การ์ดจอ การ์ดเสียง โมเด็ม และการ์ดแลน ให้ติดมาบนเมนบอร์ดด้วย เพื้อประหยัดค่าอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น • Harddisk : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขนาด 40 GB ขึ้นไป ( ปัจจุบันถ้าต่ำกว่า 40 GB หาซื้อยากแล้ว ) • จอภาพแบบ CRT/LCD : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ขนาด 17 นิ้ว แต่ให้เน้นการรับประกัน • Printer : ใช้แบบ Inkjet ยี่ห้ออะไรก็ได้ แต่ให้เน้นการรับประกันและราคาหมึกพิมพ์ที่ถูก • อุปกรณ์เพิ่มเติม : เช่น ลำโพง , Optical Mouse และอื่น ๆ เลือกซื้อได้ตามความต้องการ
2.คอมพิวเตอร์สำหรับความบันเทิง2.คอมพิวเตอร์สำหรับความบันเทิง คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในการฟังเพลง ดูภาพยนตร์ ในระดับคุณภาพเสียงแบบดิจิตอลหรือเล่นเกมส์แบบ 3 มิติโดยเฉพาะ ซึ่งจะนิยมเลือกส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพในระดับปานกลาง รวมทั้งปัจจุบันเกมส์ใหม่ ๆ ที่ออกมา ล้วนแล้วแต่มีความต้องการทรัพยากรของเครื่องสูง ๆ ทั้งสิ้น ตั้งแต่ CPU, RAM และที่สำคัญที่สุดคือ การ์ดจอ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงทุนสูง เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับรองรับเกมส์ใหม่ ๆ ได้
งานความบันเทิง ตั้งแต่ CPU, RAM และที่สำคัญที่สุดคือ การ์ดจอ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ลงทุนสูง เพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับรองรับเกมส์ใหม่ ๆ ได้
เช่น • CPU : ใช้ Athlon 64, Athlon XP หรือ Pentium 4 ก็ได้ ตั้งแต่ความเร็ว 2 GHz ขึ้นไป • RAM : DDR-SDRAM ขนาด 256 MB ขึ้นไป • Mainboard : ใช้เมนบอร์ดอะไรก็ได้ แต่เน้นการรับประกันและอุปกรณ์ On Board เช่น โมเด็ม และการ์ดแลน ให้ติดมาบนเมนบอร์ดด้วย ถ้าไม่มีอาจหาซื้อมาได้ตามความต้องการ • Harddisk : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขนาด 40 GB ขึ้น • VGA Card : หรือการ์ดจอ ที่ใช้ เช่น Geforce 4 Ti4200 ขึ้นไป Geforce FX5200 ขึ้นไป และ ATiRadeon 9000 ขึ้นไป เป็นต้น ที่มีหน่วยความจำบนตัวการ์ดตั้งแต่ 128 ขึ้นไป • Sound Card : หรือการ์ดเสียง ใช้เป็น SoundBlaster Live DE5.1 ขึ้นไปหรือเทียบเท่า • ลำโพง : ใช้เป็นำโพงแบบ 2.1 หรือ 5.1 Channel ก็ได้ • จอภาพแบบ CRT/LCD : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ขนาด 17 นิ้ว
3.คอมพิวเตอร์สำหรับงาน กราฟฟิกการออกแบบ คอมพิวเตอร์ในระดับนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในระดับมืออาชีพ เช่น วิศวกร สถาปนิกออกแบบอาคาร Graphic Designer หรือต้องการตัดต่อภาพยนตร์ซึ่งผู้ซื้อที่มีความต้องการในระดับนี้มักจะมีงบประมาณในการเลือกซื้อที่มากเพียงพอในการเลือกซื้ออุปกรณ์รวมถึงอุปกรณ์เฉพาะด้าน ตามที่ต้องการจึงทำให้ราคานั้นอาจอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
งานออกแบบที่ต้องแสดงผลเป็น 3 มิติ เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบภาพ 3 มิติ สร้างภาพยนตร์ สร้างการ์ตูนแอนิเมชั่น ตัดต่อวีดิทัศน์ ตัดต่อเพลงเล่นเกมที่มีภาพกราฟิกสูง งานทางด้านนี้ โปรแกรมที่ใช้งานส่วนใหญ่ในเครื่องมักจะเป็นโปรแกรมที่ต้องการทรัพยากรของเครื่องสูง เช่น โปรแกรม Photoshop, Illustrator, CoreIDRAW, AutoCAD และ 3Dmax Studio เป็นต้น ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จึงควรต้องมีคุณสมบัติที่สูงตามนั้นด้วย และงานประเภทนี้ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการคำนวณ และแสดงภาพและควรมีเครื่องสำรองไฟเนื่องจากการทำงานประเภทนี้คอมพิวเตอร์จะต้องใช้เวลาในการประมวณผลนานถ้าหากไฟดับหรือไฟกระตุกจะไม่สะดวกในการเริ่มต้นงานใหม่
เช่น • CPU : ใช้ Athlon 64, Athlon XP หรือ Pentium 4 ก็ได้ ตั้งแต่ความเร็ว 1.5 GHz ขึ้นไป • RAM : DDR-SDRAM ขนาด 256 MB ขึ้นไป • Mainboard : ใช้เมนบอร์ดอะไรก็ได้ แต่เน้นการรับประกันและอุปกรณ์ On Board เช่น การ์ดเสียง โมเด็ม และการ์ดแลน ให้ติดมาบนเมนบอร์ดด้วย เพื้อประหยัดค่าอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น • Harddisk : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ ขนาด 40 GB ขึ้น • VGA Card : หรือการ์ดจอ ที่ใช้ เช่น Geforce 2 MX400 ขึ้นไป Geforce 4 MX440 ขึ้นไป และ Matrox G450 ขึ้นไป เป็นต้น ที่มีหน่วยความจำบนตัวการ์ดตั้งแต่ 64 ขึ้นไป • จอภาพแบบ CRT/LCD : ใช้ยี่ห้ออะไรก็ได้ขนาด 17 นิ้ว แต่ให้เน้นการรับประกัน ตามที่ต้องการ • DVD-ROM : ความเร็ว 16x ขึ้นไป • CD-RW : มีคุณสมบัติ เขียน / เขียนซ้ำ / อ่าน ที่ความเร็ว 24x10x40x ขึ้นไป • อุปกรณ์เพิ่มเติม : เช่น ลำโพง , Optical Mouse และอื่น ๆ เลือกซื้อได้ตามความต้องการ
- ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) ผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง คือ Seagate และ Quantum ซึ่งนำเข้าโดยบริษัทอินแกรมและดีคอมพิวเตอร์ ซึ่งฮาร์ดดิสก์ของทั้งสองบริษัทดังกล่าวเป็นที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากมีราคาถูกและแข็งแรงทนทานประกอบกับการรับประกันนานถึง 3 ปี ถ้าเสียหายใน 1 เดือนแรก บริษัทจะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่ให้ทันที การรับประกันโดยทั่วไปไม่ครอบคลุมถึงฮาร์ดดิสก์ไหม้ เพราะเสียบแหล่งจ่ายไฟผิดขั้ว หรือเสียบเพราะทำหล่นหรือกระแทกอย่างแรง
- เมนบอร์ด (Main board) ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันขั้นต่ำ 1 ปี แต่ถ้าเป็นเมนบอร์ดที่มีชื่อเสียงจะมีการรับประกันถึง 3 ปี ซึ่งมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเวลาในการรับประกัน ซึ่งจะรับประกันในกรณีที่เสียจากการใช้งานตามปกติเท่านั้น ไม่รวมถึงความเสียหายที่เกิดจากความผิดพลาดของเราเอง เช่น ไหม้ เนื่องจากเสียบแหล่งจ่ายไฟผิดขั้ว เสียบการ์ดลงไปอย่างแรงทำให้เมนบอร์ดหักหรือลายวงจรขาด เป็นต้น โดยทั่วไปถ้าเมนบอร์ดเสียภายในเวลา 1 เดือนร้านจะเปลี่ยนให้ใหม่ (Clamed) ถ้าเสียหายหลังจากนั้นทางร้านจะส่งซ่อมโรงงาน และให้เรามารับกลับเมื่อซ่อมเสร็จแล้ว
- ซีพียู (CPU) ซึ่งซีพียูที่มีชื่อเสียง คือ Intel ,AMD , VIA ซึ่งซีพียูของทั้งสามบริษัทนี้มีการรับประกันสินค้า 3 ปี ส่วนซีพียูที่นำเข้าโดยผู้ค้ารายย่อยอื่นๆ มีการรับประกันเพียง 1 ปี ดังนั้นก่อนซื้อควรพิจารณาดูให้ดี แต่ตามปกติแล้วซีพียูมักจะเสียหายยากกว่าอุปกรณ์ชนิดอื่นๆ นอกจากเราจะทำการโอเวอร์ล็อกมากเกินไปจนทำให้เกิดความร้อนสูง หรือในกรณีที่เราเสียบขาซีพียูลงใน Slot หรือ Socket ผิดด้าน จะทำให้ซีพียูไหม้ ซึ่งไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันเช่นเดียวกับเมนบอร์ด โดยทั่วไปถ้าซีพียูเสียหายภายใน 1 เดือน ทางร้านจะเปลี่ยนให้ใหม่ แต่ถ้าเสียหายหลังจากนั้นทางร้านจะส่งคืนโรงงานรอการเคลมประกันต่อไป
- หน่วยความจำหรือแรม (RAM) จะแบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ เกรดดีจะมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน (Livetime Warranty)ประเภทนี้จะมีราคาแพงกว่าแรมชนิดอื่น ซึ่งมักจะเป็นแรมเกรดทั่วไปที่รับประกันเพียง 1 ปี แต่แรมชนิดทั่วไปนี้จะมีราคาถูกกว่าแรมเกรดดีมาก
- ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) ส่วนใหญ่มีการรับประกัน 1 ปี บางยี่ห้อซึ่งมีราคาถูกมากจะรับประกันเพียง 1 เดือนเท่านั้น
ซีดีรอม (CD-ROM) รับประกัน 1 ปี แต่ถ้าหากเสียหาย หรือมีปัญหาก็ให้รีบส่งทางร้านภายใน 15 วัน ทางร้านจะเปลี่ยนสินค้าใหม่ ถ้าหลังจากนั้นคงต้องส่งเคลมประกันที่โรงงานและมารับกลับเองเมื่อซ่อมเสร็จ
การ์ดจอ และการ์ดเสียง (Video & Sound Card) รับประกัน 1 ปี ส่วนใหญ่อุปกรณ์ประเภทนี้มักไม่เสียง่าย แต่จะมีปัญหาในเรื่องของการเสียบการ์ดไม่แน่น ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอเท่านั้น
แหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) รับประกัน 1 ปี ซึ่งแหล่งจ่ายไฟบางครั้งมีผลต่อการทำงานของเครื่องเช่นกัน
สินค้าประเภทคอมพิวเตอร์มักใช้สติ๊กเกอร์รับประกัน (Warranty Sticker) เพื่อยืนยันว่าสินค้านี้มาจากร้านของตนจริง โดยมีการกำหนดวันที่จำหน่าย และระยะเวลาในการรับประกันไว้ โดยทั่วไปสติ๊กเกอร์รับประกันจะมี 2 รูปแบบ คือ • สติ๊กเกอร์ที่กำหนดเวลาเริ่มต้นการรับประกัน • 2.สติ๊กเกอร์กำหนดเวลาสิ้นสุดการรับประกัน
สติ๊กเกอร์ที่กำหนดเวลาเริ่มต้นการรับประกัน ซึ่งเป็นแบบที่นิยมกันมากกว่าเพราะง่ายต่อการบันทึกวันเริ่มต้นรับประกันไป เนื่องจากอุปกรณ์แต่ละชิ้นมีระยะเวลาในการรับประกันไม่เท่ากัน เช่น ซื้อสินค้าไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2002 เป็นต้น
สติ๊กเกอร์กำหนดเวลาสิ้นสุดการรับประกัน รับเป็นรูปแบบสติ๊กเกอร์ที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ซื้อ เนื่องจากจะทราบเวลาสิ้นสุดการรับประกันสินค้าได้ อย่างชัดเจนจากการเขียนลงบนสติ๊กเกอร์นั้นแต่ทางร้านไม่นิยมใช้แบบนี้ เนื่องจากต้องระบุวันที่สิ้นสุดการรับประกันลงไป ซึ่งมีโอกาสที่จะเขียนผิดพลาดได้ง่าย วันสิ้นสุดการรับประกันในสินค้ามักมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า EXPIREอยู่ด้วยเสมอ
วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ วิธีการดูแลรักษาแป้นพิมพ์(keyboard) วิธีการดูแลรักษาจอภาพ (Monitor) วิธีการดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ (Printer) วิธีการดูแลรักษาเมาส์ (Mouse) วิธีการดูแลรักษาตัวเครื่อง (case)
วิธีการดูแลรักษาแป้นพิมพ์(keyboard)1.ปัดฝุ่นและทำความสะอาดเป็นประจำ2.อย่าทำน้ำหกถูกแผงแป้นพิมพ์3.คลุมผ้าทุกครั้งหลังการใช้งานวิธีการดูแลรักษาจอภาพ (Monitor)1.ทำความสะอาดหน้าจอ2.อย่านำแม่เหล็กเข้าใกล้จอภาพ วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ วิธีการดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ (Printer)1.ปิดเครื่องพิมพ์ทุกครั้งหลังใช้งาน2.เมื่อกระดาษติดอย่ากระชากให้ค่อยๆดึงออก วิธีการดูแลรักษาเมาส์ (Mouse)1.ควรวางเมาส์ไว้ที่แผ่นรองเมาส์ทุกครั้ง2.อย่ากระแทกเมาส์กับพื้น3.ทำความสะอาดเมาส์บริเวณลูกกลิ้ง
วิธีการดูแลรักษาตัวเครื่อง (case)1.ไม่ควรให้เครื่องอยู่บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง2.ไม่ควรทำน้ำหรืออาหารหกใส่เครื่อง วิธีการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
วิธีการดูแลอุปกรณ์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์วิธีการดูแลอุปกรณ์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ การดูแลรักษาแผ่นดิสก์ (Diskette)1.ไม่ควรนำแผ่นดิสก์ไปไว้ในที่ที่มีความชื้นสูงหรือเปียก2.ไม่ควรนำแผ่นดิสก์ไปเข้าใกล้กับวัตถุที่มีสนามแม่เหล็ก3.ไม่ควรนำแผ่นดิสก์ไปวางไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือที่ที่มีแสงแดดส่องถึง4.ไม่ควรขีดหรือเขียนสิ่งใดลงบนแผ่นดิสก์ถ้าจะต้องเขียนให้เขียนลงบนป้ายที่มีชื่อไว้สำหรับติดบนแผ่นดิสก์5.ไม่ควรงอแผ่นดิสก์ เพราะอาจจะทำให้แผ่นชำรุดและอาจจะทำให้ไม่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้6.ห้ามนำแผ่นดิสก์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่กำลังอ่านข้อมูล
การดูแลรักษาแผ่นซีดี (CD)1.ควรเก็บแผ่นซีดีไว้ในกล่อง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ2.ไม่ควรขีดหรือเขียนสิ่งใดลงบนแผ่นซีดี เนื่องจากจะทำให้แผ่นซีดีเกิดรอยขีดข่วนและเสียหาย ใช้งานไม่ได้3.การจัดแผ่นซีดีที่ถูกต้อง ควรใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางใส่ลงไปที่ช่องตรงกลางของแผ่นแล้วใช้นิ้วอื่นจับตรงส่วนขอบของแผ่น ไม่ควรใช้มือจับบริเวณด้านหน้าหรือด้านหลังของแผ่นซีดี เนื่องจากคราบน้ำมันหรือสิ่งสรกปรกบนมืออาจทำให้แผ่นซีดีใช้งานไม่ดีเท่าที่ควร4.ไม่ควรงอแผ่นซีดี เนื่องจากแผ่นซีดีเป็นพลาสติกแข็งไม่มีความยืดหยุ่นซึ่งอาจจะทำให้แผ่นซีดีมีโอกาสแตกหักได้ง่าย วิธีการดูแลอุปกรณ์ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
การเลือกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์การเลือกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
การเลือกหน่วยประมวลผลกลางการเลือกหน่วยประมวลผลกลาง เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า CPU เป็นอุปกรณ์หลักในการประมวลผล ยูทำหน้าที่ควบคุมการทำงานและประมวลผลข้อที่ได้รับจากอุปกรณ์รับข้อมูล input device ตามคำสั่งต่างๆ ในโปรแกรมที่เตรียมไว้และส่งต่อไปยังอุปกรณ์แสดงผล output device เพื่อให้สามารถเก็บหรืออ่านผลลัพธ์ได้ถ้าซีพียูยิ่งมีความเร็วมากจะยิ่งประมวลผลได้เร็วขึ้น ความเร็วของซีพียูจะถูกควบคุมโดยสัญญาณนาฬิกา system clock ซึ่งเป็นตัวให้จังหวะการทำงานเหมือนกับจังหวะของการเล่นดนตรีหน่วยวัดความเร็วของสัญญาณนาฬิกาดังกล่าวเรียกว่า เฮิร์ตซ์Hertz: He
การเลือกซื้อหน่วยประมวลผลกลางการเลือกซื้อหน่วยประมวลผลกลาง ๑.ควรเลือกความเร็วของซีพียูที่เหมาะสมกับงานต่างๆ ดังนี้ พิมพ์เอกสาร ดูหนัง ฟังเพลง และเล่นอินเทอร์เน็ต ความเร็ว 700-1300 MHz กราฟิก ตกแต่งภาพความละเอียดสูง ความเร็ว 1.3 -2.0 GHz สร้างมัลติมิเดีย ตัดต่อเสียง และวิดีโอ ความเร็ว 2.0 GHz ขึ้นไป ๒.ควรเลือกซีพียูที่มีการรับประกัน การดูแลรักษาหน่วยประมวลผลกลาง ๑. ไม่ควรให้ซีพียูอยู่บริเวณที่มีอุณหภูมิสูง ๒. ไม่ควรวางอาหารและเครื่องดื่มไว้ใกล้ซีพียู
การเลือกเมนบอร์ด เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะเป็นแผงวงจรที่เชื่อมต่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายในทั้งหมด ที่สำคัญจะมีอุปกรณ์ที่สำคัญหลายอย่างที่ติดมาพร้อมกับเมนบอร์ด โดยจะมีขั้นตอนการเลือกซื้อดังนี้
1.ซ็อกเก็ต: มีตำแหน่งที่ติดตั้งซีพียู ซึ่งจะเลือกแบบไหนขึ้นอยู่กับที่เลือกซีพียูด้วย 2. ซิปเซ็ต: เป็นสิ่งที่รองรับเทคโนโลยีต่างๆรวมถึงรองรับอุปกรณ์ต่างๆด้วย โดยมีซิปเซ็ต2 แบบ - North Bridgeทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์หลักได้แก่ ซีพียู แรม สล็อกของการ์ดจอ - South Bridge ควบคุมอุปกรณ์ที่นอกเหนือจาก North Bridge จะเป็นอุปกรณ์พ่วงต่างๆ
3. สล็อกต่างๆ : เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะว่าจะเลือกแบบที่ใส่แรม หรือสล็อกPCI มากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความต้องการว่าจะมีอุปกรณ์ใดมาเสริม 4. หน่วยความจำรอมไบออส : ประกอบด้วยชิพไบออส ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต่อการบูตของระบบคอมพิวเตอร์ใช้เทคโนโลยีของรอม และชิพซีมอส ทำหน้าที่เก็บโปรแกรมขนาดเล็กใช้เทคโนโลยีของแรม 5. ยี่ห้อ : เราควรคำนึงถึงประสิทธิภาพ และการรับประกัน
การเลือกหน่วยความจำแรมการเลือกหน่วยความจำแรม • ควรเลือกแรมที่มีมาตรฐานการผลิตมีแรม3ชนิด คือ SDRAM, DDR-SDRAM และ RDRAM • ควรเลือกขนาดของแรมที่เหมาะสม • ควรเลือกแรมที่มีความเร็ว • ควรเลือกแรมที่มีการรับประกัน
การเลือกฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ มีข้อแนะนำในการเลือกดังนี้ 1.ประเภทของฮาร์ดดิสก์ : มี2ประเภทคือ - IDE : เป็นฮาร์ดดิสก์รุ่นเก่า แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้วราคาจะแพงกว่า SATA - SATA : เป็นเทคโนโลยีใหม่ และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะในเมนบอร์ดรุ่นใหม่รองรับได้หมด และมีราคาถูกกว่า IDE 2. ขนาดความจุ : ถ้าใช้สำหรับงานมัลติมีเดียก็ต้องเลือกความจุมากๆ ปัจจุบันมีความจุถึง 2GB
3. ความเร็วรอบ : ความเร็วย่อมมีผลโดยตรงต่อความเร็วของฮาร์ดดิสก์ ในปัจจุบันความเร็วรอบนั้นอยู่ที่ 5,400-7,200 rpm แล้ว และยังพัฒนาได้ถึง 10,000rpm 4. บัฟเฟอร์ของฮาร์ดดิสก์ : หน่วยความจำแคชเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกความเร็วและประสิทธิภาพขิงฮาร์ดดิสก์ โดยการทำงานนั้นจะทำงานรวมกับแรม แรมจะนำข้อมูลจากบัฟเฟอร์มาใช้โดยตรง ในปัจจุบันบัฟเฟอร์มีจำนวน 8-32 MB แล้ว 5. ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล : ช่วงเวลาที่ตำแหน่งบนจานของฮาร์ดดิสก์หมุนมาตรงกันหัวอ่าน ความเร็วนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์ ยิ่งมีความเร็วมากยิ่งอ่านและเขียนได้เร็วขึ้น
การเลือกราฟิกการ์ด กราฟิกการ์ดเป็นส่วนประกอบที่ใช้การส่งสัญญาณข้อมูลให้กับมอนิเตอร์เพื่อทำให้เกิดภาพ มีข้อแนะนำในการเลือกดังนี้ • ประเภท : การ์ดแสดงผลที่นิยมมี 2 ประเภท คือ - AGP มีความเร็วที่ 266 MB/s ซึ่งในปัจจุบันได้มีการลดความสำคัญลงเพราะมีสล็อกที่เร็วกว่ามาแทน - PCL Express เป็นมาตรฐาน
2. ซิปการฟิก : มี 2 ประเภท คือ - nVidiaเป็นผู้ผลิตตั้งแต่เริ่มต้น ที่โด่งดังคือTNT2เป็นกราฟิก3มิติและมีการพัฒนามาเรื่อยๆ -Atiได้พัฒนาเรื่อยๆเป็นRadeon มีประสิทธิภาพสูง 3. หน่วยความจำ : ในปัจจุบันมีหลายประเภทคือ - GDDR2 รองรับการทำงานด้วยความเร็ว 500 MHz - GDDR3 พัฒนาจาก GDDR2 ให้มีความเร็วที่สูงกว่า 2 เท่า คือ 1 GHz - GDDR4 พัฒนาจาก GDDR3 ให้มีความเร็วที่สูงกว่าGDDR2ถึง3เท่า คือ 1.5 GHz - GDDR5 พัฒนาจาก GDDR4 โดยมีความเร็วสูงที่สุด เพราะทำงานได้ถึง 2 GHz 4. การรับประกัน : มีระยะตามแต่ละยี่ห้อของผู้รับประกัน
การเลือกจอภาพ จอภาพชนิด CRT(Cathode ray tube) เป็นจอภาพขนาดใหญ่ที่มีหลอดสูญญากาศภายใน จอภาพประเภทนี้ไม่นิยมใช้งานในปัจจุบัน เหตุผลง่ายๆ ขนาดใหญ่ เกะกะ และมีความร้อนสูง เปลืองไฟ จอภาพชนิด LCD (Liquid Crystal Display) เป็นจอภาพรุ่นใหม่กว่า CRT มีขนาดบาง เล็ก ให้ความคมชัดและสีสันสวยงาม จอภาพ LCD ยังแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ Passive Matrix (ให้ความคมชัดและความสว่างน้อยกว่า) และ Active Matrix (ให้ความคมชัดกว่า) จอภาพชนิด LED (Light Emitting Diod) เป็นจอภาพรุ่นใหม่กว่า LCD ใช้หลักการในการแสดงภาพคือใช้หลอดแอลอีดีมาเรียงรายกันบนพาแนลแล้วทำให้เกิดภาพด้วยการติด?ดับของหลอดแอลซีดีซึ่งก็ได้ภาพที่ตาเรามองเห็นออกนั่นเอง
จัดทำโดย 1.นายนรินทร์ กันภัย ม.6/6 เลขที่ 2 2.น.ส.เฌอวารี เจตวรัญญู ม.6/6 เลขที่ 20 3.น.ส.กานต์พิชชา โรจน์ศิริพรชัย ม.6/6 เลขที่ 34 4.น.ส.เบญญาภา พวงบุปผา ม.6/6 เลขที่ 35 5.น.ส.อนุธิดา โสภัย ม.6/6 เลขที่ 43