1 / 38

บทบาทภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

บทบาทภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน. โดย นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานปปส. โครงสร้าง/หัวข้อการบรรยาย.

adlai
Download Presentation

บทบาทภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทบาทภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในด้านการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน โดย นายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม อดีตที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานปปส.

  2. โครงสร้าง/หัวข้อการบรรยายโครงสร้าง/หัวข้อการบรรยาย ๑. ทำไมการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในจังหวัด/พื้นที่ ต้องดำเนินงานโดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ๒. บทบาทภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพที่สำคัญคืออะไร ๓. อะไรคือนโยบายของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินงานในภูมิภาค พื้นที่ ๔. บทบาทภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในจังหวัด มีอะไรบ้าง ๕. สรุป

  3. ๑. ทำไมการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในจังหวัด/พื้นที่จำเป็นต้องดำเนินงานโดยสำนักงานยุติธรรมจังหวัดฯ • ปัญหาการละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในปัจจุบัน เกิดขึ้นในจังหวัด พื้นที่มาก ทั้งเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยองค์กรธุรกิจ โดยประชาชนผู้มีสถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจฯที่ดีกว่า และโดยนักการเมือง(ท้องถิ่นและระดับชาติ) เช่น การซ้อม/ทรมานผู้ต้องหา,การอุ้มหาย, การปล่อยน้ำเสียหรือของเสียจากโรงงานสู่แหล่งน้ำ,การทวงหนี้นอกระบบโดยวิธีรุนแรง, พ่อค้าไปซื้อผลผลิตการเกษตรจากเกษตรกรแล้วไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลง, การปิดถนนสาธารณะเนื่องจากชาวบ้านไม่พอใจนโยบาย การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐหรือ นโยบายรัฐบาล • สาเหตุที่สำคัญเกิดจาก - ผู้ละเมิดไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม เกิดความไม่พอใจฯ - ประชาชนขาดความรู้ในการปกป้องสิทธิเสรีภาพ หรือมีความรู้ที่ไม่ถูกต้อง หรือมีความรู้แต่ต้องการใช้วิธีที่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่นเพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงกว้าง เพื่อให้ผู้บริหารระดับสูงหรือ/และรัฐบาลให้ความสนใจ - หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ในการให้ความรู้ ป้องกัน ป้องปรามการละเมิดสิทธิฯของประชาชน ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องและจริงจัง เพราะมีผลประโยชน์ หรือเกรงใจฯ - ภาคประชาสังคมยังไม่สามารถผนึกกำลังกับองค์กรภาคีช่วยเหลือประชาชนที่ถูกละเมิด

  4. ประเทศไทยมีพันธะกรณีที่ต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๗ ฉบับจากอนุสัญญาซึ่งมีอยู่ ๙ ฉบับ และถูกตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, NGO, องค์กรระหว่างประเทศฯ • เนื่องจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ ไม่มีหน่วยงานของกรมฯตั้งอยู่ในภูมิภาค/จังหวัด ในการประสานงานกับองค์กรภาคีทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมและให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ ในขณะที่กรมฯส่วนใหญ่ของกระทรวงฯมีหน่วยงานของตนตั้งและปฏิบัติงานในระดับภาคและ/หรือจังหวัดเพื่อทำภารกิจดังกล่าว • กระทรวงยุติธรรมและกรมคุ้มครองสิทธิฯ ไม่มีนโยบายที่จะจัดตั้งหน่วยงานของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ในจังหวัด (สนง.คุ้มครองสิทธิฯจังหวัด) เพราะต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก • กรมฯจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงาน/กรมฯในสังกัดของกระทรวงยุติธรรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัด ช่วยดำเนินงานในด้านส่งเสริม/ป้องกัน คุ้มครองและเยียวยาผู้ถูกละเมิดสิทธิฯ เนื่องจากอยู่สยจ.ตั้งอยู่ในจังหวัด ใกล้ชิดกับปัญหา รู้ความต้องการของประชาชน รู้จักพื้นที่ รู้ข้อมูลทรัพยากร ทุนทางสังคมในพื้นที่ รู้จักองค์กรภาคี เครือข่ายฯต่างๆ

  5. ๒. แนะนำบทบาทภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

  6. ประวัติการจัดตั้งกรมฯประวัติการจัดตั้งกรมฯ • กระทรวงยุติธรรมแยกตัวจากศาล เมื่อปี ๒๕๔๔ • มีหน่วยงานบังคับคดี คุมประพฤติ สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก ติดมาด้วย • ตั้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในปี ๒๕๔๕ ตามรัฐธรรมนูญฯปี ๒๕๔๐ พันธกิจ • ทำหน้าที่ส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน • โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน • ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหลักการสิทธิมนุษยชน • เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ • มีความสมานฉันท์ และมีหลักประกันด้านสิทธิและเสรีภาพในระดับสากล 6

  7. วิสัยทัศน์กรม เป็นองค์กรในการส่งเสริม คุ้มครองและ สร้างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน อย่างบูรณาการและมีนวัตกรรมสู่ความเป็นสากล พันธกิจ ทำหน้าที่ส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพโดยการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหลักการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ มีความสมานฉันท์ และมีหลักประกันด้านสิทธิและเสรีภาพในระดับสากล 7

  8. กรอบนโยบาย/กฎหมายที่สำคัญกรอบนโยบาย/กฎหมายที่สำคัญ • นโยบายรัฐบาล • นโยบายกระทรวง • แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ • กรอบทิศทางการทำงานของกรมฯ • กฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้อง • - รัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 • - พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544  • - พ.ร.บ. คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 • - ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2553 • - มติครม.ที่เกี่ยวข้องกับแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ • - สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ได้แก่ กติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมือและสิทธิทางการเมืองง(ICCPR), ต่อต้านการทรมาน(CAT), ขจัดการเลือกปฏิบัติ(CERD), คุ้มครองบุคคลมิให้ถูกบังคับให้สูญหาย(ICPD) ฯลฯ

  9. ข้อมูลประชากรกลุ่มเป้าหมายของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนข้อมูลประชากรกลุ่มเป้าหมายของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน - เจ้าหน้าที่รัฐ - ภาคประชาสังคม

  10. ประชากรกลุ่มเป้าหมาย/ลูกค้าของกรมคุ้มครองสิทธิฯประชากรกลุ่มเป้าหมาย/ลูกค้าของกรมคุ้มครองสิทธิฯ

  11. ส่งเสริม วิสัยทัศน์ : เป็นองค์กรในการส่งเสริม คุ้มครองและ สร้างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน อย่างบูรณาการและมีนวัตกรรมสู่ความเป็นสากล คุ้มครอง สร้างหลักประกัน บูรณาการและมีนวัตกรรมสู่ความเป็นสากล พันธกิจ : ทำหน้าที่ส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหลักการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ มีความสมานฉันท์ และมีหลักประกันด้านสิทธิและเสรีภาพในระดับสากล ส่งเสริม คุ้มครอง การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน มีความสมานฉันท์ มีหลักประกันในระดับสากล 11

  12. สนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๙ ฉบับ

  13. วัตถุประสงค์สูงสุด • ปชช.รู้เข้าใจสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ปกป้องสิทธิฯตนเอง ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ละเมิดก.ม. • เจ้าหน้าที่รัฐฯ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ ไม่ละเมิดกม. • ชุมชนสังคมสมานฉันท์ ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ วิสัยทัศน์ : เป็นองค์กรในการส่งเสริม คุ้มครองและสร้างหลักประกันสิทธิและเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน อย่างบูรณาการ และมีนวัตกรรมสู่ความเป็นสากล พันธกิจ : ทำหน้าที่ส่งเสริม คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และหลักการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ มีความสมานฉันท์ และมีหลักประกันด้านสิทธิและเสรีภาพในระดับสากล ยกระดับความรู้ด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ขยายเครือข่ายและพันธมิตรด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ปรับปรุงระบบส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการ กรมฯ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ร่วมกับองค์กรภาคีและเครือข่ายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์

  14. ประเด็นยุทธศาสตร์กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพประเด็นยุทธศาสตร์กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับความรู้ด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2 ขยายเครือข่ายและพันธมิตรด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3 ปรับปรุงระบบส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการ

  15. แผนงาน/โครงการที่สำคัญของกรมฯ ในปี 2555 1.โครงการเชิงนโยบาย/ Flagship -สชง. ขยายความช่วยเหลือผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาในพื้นที่ส่วนภูมิภาค 9 จังหวัดนำร่อง -กสร.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในชุมชนผ่าน อปท. เครือข่าย และยุติธรรมจังหวัด -กสส. ขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 2 จัดทำแผนสิทธิฯ ฉบับที่ 3

  16. แผนงาน/โครงการที่สำคัญของกรมฯ ในปี 2555 2.โครงการตามภารกิจกรมฯ -จัดทำแผนยุทธศาสตร์ของกองทุนยุติธรรม รองรับการเป็นกองทุนหมุนเวียน เพื่อช่วยผู้ได้รับความเดือดร้อน และไม่ได้รับความเป็นธรรม เป้าหมาย 4,000 ราย (กพส.) -โครงการจัดวางแนวทางการเผยแพร่ เรื่องสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่างๆ (กสร. และกอง/สำนักที่เกี่ยวข้อง) -ศูนย์สิทธิมนุษยชน จัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนแก่ทุกภาคส่วน (กสส.) -การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ รับผิดชอบอนุสัญญา 3 ฉบับ (กสส.)จากอนุสัญญา 7 ฉบับที่ประเทศไทยมีพันธกรณี -ศูนย์คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นการดำเนินงานเชิงรุกทั่วประเทศ (กพส.) -โครงการสายด่วนคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพิ่มช่องทางการรับความช่วยเหลือ เยียวยาจากทั่วประเทศ (กพส.)

  17. แผนงาน/โครงการที่สำคัญของกรมฯ ในปี 2555 3.งานประจำที่สำคัญของกรมฯ -การช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา เป้าหมาย 2,000 ราย (สชง.) -การคุ้มครองสิทธิ์ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในทุกกรณี (กพส.) # ผู้ต้องขังจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง (8 เรือนจำ 57 ราย) # ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง กรณีทรัพย์สินเสียหาย (พื้นที่ 4 แห่ง 700 ราย) # ผู้ต้องขังคดีความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ (150 ราย) -ยุติธรรมเคลื่อนที่ เป็นการช่วยเหลือประชาชนตามกฎหมายเชิงรุก เป้าหมายในเขต กทม. 5 ครั้ง ส่วนภูมิภาค 75 จังหวัด (กพส.) -ส่งเสริมสิทธิผู้ต้องหาในการสอบสวนคดีอาญา ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตร 134/1 จำนวน 6,240 คดี (กพส.)

  18. โครงสร้างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพโครงสร้างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ รองอธิบดี - 2 ผู้เชี่ยวชาญ - 3 สำนักงานเลขานุการกรม กองพิทักษ์สิทธิและเสรีภาพ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กองส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กลุ่มตรวจสอบภายใน กองส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพ สำนักบริหารงานยุติธรรม สังกัด ศอ.บต. สำนักงานคุ้มครองพยาน คลินิกยุติธรรมทั่วประเทศ สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา เป็นการแบ่งส่วนราชการภายใน

  19. ข้อมูลพื้นฐาน ด้านอัตรากำลัง กรอบอัตราข้าราชการเดิมจำนวน 116 อัตรา ได้รับจัดสรรอัตรากำลังตามมติ ครม. เพิ่มเติมเมื่อเดือน มกราคม 2554 จำนวน 20 อัตรา เพื่อสนับสนุนงานด้านแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรรหา

  20. รายงานงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555

  21. ภารกิจการดำเนินงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพภารกิจการดำเนินงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรอบก.ม./นโยบาย : รัฐธรรมนูญฯ ปี ๒๕๕๐ อนุสัญญาสิทธิมนุษยชน ต่างประเทศ (กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯและอนุสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน) เมือง ต้นน้ำ ปลายน้ำ เผยแพร่/พัฒนาเครือข่าย/ระงับข้อพิพาท/คุ้มครองพยาน/ช่วยเหลือผู้เสียหาย,ผู้ต้องหา/เยียวยาเหยื่อ/จำเลยผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญา ชนบท ประชาชนผู้ด้อยโอกาสที่เดือดร้อน

  22. ตัวแบบการดำเนินงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตัวแบบการดำเนินงานคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ

  23. ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอเพื่อพิจารณา ปัญหา อุปสรรค : ทรัพยากรไม่ได้สัดส่วนกับภารกิจ - ภารกิจหลากหลาย ครอบคลุมต้นน้ำ/ปลายน้ำ, รากหญ้าทั่วประเทศ - ข้อจำกัดด้านทรัพยากร มีการเข้าออกของบุคลากรสูง และงบประมาณ - กรมไม่มีหน่วยงานในภูมิภาค ต้องอาศัย สำนักงานยุติธรรมจังหวัด เป็นหน่วยปฏิบัติ ซึ่งยังมีข้อจำกัดเนื่องจากเป็นโครงสร้างไม่เป็นทางการ ไม่มีอัตรากำลังจริง แนวทางการลดอุปสรรค,ข้อจำกัด -การเสริมสร้างขีดความสามารถของ สำนักงานยุติธรรมจังหวัด. -การสนับสนุนทรัพยากร(คน,งบประมาณ)ให้ได้สัดส่วนกับภารกิจ - การสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมในภารกิจที่สำคัญ (การส่งเสริม,ขับเคลื่อนแผนสิทธิฯ, ...)

  24. คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ สร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม

  25. ๓. นโยบายของกรมฯในการดำเนินงานส่งเสริม คุ้มครองสิทธิฯ • ยึดนโยบายของรัฐบาล และนโยบายของกระทรวงยุติธรรมเป็นหลัก - นโยบายของรัฐบาล(นายกรัฐมนตรี นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) - นโยบายของกระทรวงยุติธรรม (รมต.ยธ. พล.ต.อ ประชา พรหมนอก) • นโยบายกระทรวงยุติธรรมด้านสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่อง - ปี ๒๕๔๘ : กระทรวงยธ. ตั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัด อยู่ในสป.ยธ - ปี ๒๕๕๔ : มีสยจ.นำร่องใน ๕ จังหวัด คือ ชม.,ขก.,ฉช.,สฎ.,ปน. - ปี ๒๕๕๕ : เพิ่มอีก ๕ จังหวัด คือ นฐ.,อย.,พล.,นม.,อด. มีอัตราขรก. ในสยจ.นำร่อง จังหวัดละ ๕ อัตรา รวม ๒๕ อัตรา ใช้ IT ช่วย • เสริมด้วยนโยบายของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ - ตามที่กำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์แม่บทฯ ๔ ปี - แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ - นโยบายและแนวทางการดำเนินงานของกรมฯในปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖

  26. นโยบายและภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อการขับเคลื่อนงานของสยจ.ในระดับจังหวัดและพื้นที่นโยบายและภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อการขับเคลื่อนงานของสยจ.ในระดับจังหวัดและพื้นที่ ๑. ส่งเสริมหรือป้องกันปัญหา และการเฝ้าระวังปัญหาเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาท มิให้ความขัดแย้งขยายตัวออกไปจนนำไปสู่การฟ้องคดี หรือเกิดความรุนแรง ขึ้น เพื่อลดภาระในการเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบเชิงลบ (ทำงานด้านต้นน้ำมากขึ้น ควบคู่ไปกับทำงานด้านปลายน้ำ) ๒. เน้นการทำงานร่วมกับองค์กรภาคี (ทั้งภาครัฐ เอกชน)และเครือข่ายภาคประชาสังคมมากขึ้น เพื่อลดปัญหาข้อจำกัดทางด้านทรัพยากรของกระทรวงยุติธรรม และกรมคุ้มครองสิทธิฯ และเพื่อให้ปชช.ได้รับการปกป้อง เยียวยาอย่างครอบคลุมและทันท่วงที ๓. สร้างและพัฒนาขีดความสามารถของเครือข่ายภาคประชาสังคม (ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน) เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยในการป้องกัน คุ้มครองสิทธิฯของประชาชนได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็วมากขึ้น

  27. ๔. ทำงานเชิงรุก เพื่อให้บริการแก่ปชช.ผู้เดือดร้อนให้ครอบคลุม มีจำนวนมากขึ้น (ปัจจุบันช่วยเหลือได้ประมาณ ๒๕%) ด้วยความโปร่งใส ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าของการยื่นเรื่องได้ ๕. บูรณาการการดำเนินงาน ทั้งในด้านข้อมูล, วิชาการ, แผนฯ, ติดตามประเมินผล, เพื่อการส่งเสริม/ป้องกัน, เฝ้าระวัง, คุ้มครองและเยียวยาฯในระดับแนวข้างและแนวดิ่ง ๖. สนับสนุนให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัด มีขีดความสามารถในการดำเนินงานให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในเบื้องต้น อย่างครบวงจร ทั้งในด้านการส่งเสริม/ป้องกัน การรับเรื่องราวร้องทุกข์และการให้คำปรึกษาแนะนำ/ช่วยเหลือประชาชนทางกม. การสนับสนุนกองทุนยุติธรรม การคุ้มครองพยานในคดีอาญาฯ การจัดหาทนายความให้ผู้ต้องหาคดีอาญา(ที่มีโทษรุนแรงและอายุไม่เกิน ๑๘ ปีฯ)ในชั้นสอบสวนที่ไม่มีทนายความฯ และการเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาฯ ๗. การขับเคลื่อนแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (๒๕๕๒-๒๕๕๖) ประเมินผลแผนฯฉบับที่ ๒ และเตรียมการจัดทำแผนฯฉบับที่ ๓ และให้มีการบูรณาการการดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับแผนคุ้มครองสิทธิเสรีภาพฯของกรมฯ ให้เป็นที่เข้าใจในระหว่างผู้ปกิบัติงานขององคืกรภาคีและเครือข่าย

  28. ๔. บทบาทและภารกิจของสำนักงานยุติธรรมจังหวัดนำร่องในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ๑. การ “ส่งเสริม/ป้องกันปัญหา”การละเมิดสิทธิฯของประชาชน โดย - เผยแพร่ความรู้เรื่องสิทธิและเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน (มีความรู้แล้วจะได้ปกป้องสิทธิฯของตน ไม่ละเมิดสิทธิฯผู้อื่น และไม่ละเมิดกม. รวมทั้งมีจิตอาสาที่จะช่วยผู้อื่น ช่วยสังคมต่อไป) ผ่านสื่อต่างๆแก่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ (เน้นแกนนำองค์กรภาคี เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน สื่อท้องถิ่นฯ) โดยการประสานความร่วมมือกับ องค์กรภาคีและเครือข่าย - สนับสนุนการจัดกิจกรรมของหน่วยปฏิบัติที่มีขีดความสามารถ (เช่น อปท.ฯ )เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนในกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม เช่น กลุ่มเด็ก คนพิการ ในจังหวัด พื้นที่

  29. ๒. การ “เฝ้าระวังปัญหา”การละเมิดสิทธิฯในพื้นที่ โดยอาศัยเครือข่ายอาสาสมัคร องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันวิชาการฯช่วยกันติดตาม เฝ้าระวังปัญหา ก่อนที่จะเกิดการละเมิดสิทธิฯขึ้น - ในกลุ่มเป้าหมายของหน่วยงานที่มีความเสี่ยงในการไปละเมิดสิทธิของประชาชน คือ หน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านการรักษาความมั่นคง ด้านบังคับใช้กม. คือ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองฯ และหน่วยงานบังคับโทษ คือ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กฯ - ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการถูกละเมิด คือ กลุ่มผู้ต้องขัง/โทษ ผู้ใช้ยาฯที่เข้าสู่ระบบบังคับบำบัดรักษาฯ - ในพื้นที่เป้าหมายที่มีความเสี่ยง เช่น ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้, ในเรือนจำฯ

  30. ๓. การสร้างและพัฒนาเครือข่ายภาคประชาสังคมในจังหวัดและพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการป้องกัน เฝ้าระวัง คุ้มครองและเยียวยาประชาชนฯ - จัดเวที/ประชุมเครือข่ายอาสาสมัครฯ(ของกระทรวงยธ.,ของกรมต่างๆ เช่น อาสาฯพิทักษ์ยุติธรรม,อาสาคุมประพฤติ,อาสาฯคุ้มครองสิทธิฯ และอาสาสมัครของหน่วยงานอื่นๆเช่น อสม.,อาสาคุ้มครองผู้บริโภค,ฯ) เพื่อหารือ ซักซ้อมความเข้าใจเพื่อไปปฏิบัติงานในการป้องกัน เฝ้าระวัง ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท คุ้มครองและเยียวยาผู้ถูกละเมิดสิทธิฯ - สนับสนุนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ งบประมาณฯแก่อาสาสมัครเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของเครือข่ายฯให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

  31. ๔. การช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในจังหวัด/พื้นที่ โดย - รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน - ให้คำปรึกษาแนะนำเรื่องก.ม. - สนับสนุนกองทุนยุติธรรมแก่ประชาชนผู้เดือดร้อน (คลินิกยุติธรรม) - การช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยคดีอาญาที่เป็นผู้บริสุทธิ์ (โดยเป็นฝ่ายเลขานุการของอนุกรรมการกลั่นกรองคำขอความช่วยเหลือทางการเงินฯ ในบางจังหวัดนำร่องในระดับภาค เช่น ชม.,ขก.,ฉช./อย.,สข./ปน.)

  32. ๕. การสนับสนุนการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในจังหวัด พื้นที่ ขององค์กรภาคีและเครือข่าย โดยใช้กลไกของส่วนราชการต่างๆเช่น กรมการปกครอง กรมการพัฒนาชุมชนฯ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, กรมคุ้มครองสิทธิฯ (มีศูนย์ไกล่เกลี่ยฯอยู่ทุกตำบล และอาสาสมัครระงับข้อพิพาทที่ได้รับการฝึกอบรมหลักสูตรการจัดการกับความขัดแย้งมาแล้ว) ๖.การรับคำขอเรื่องการคุ้มครองพยานคดีอาญา และการทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม (เช่น DSI, สำนักงานปปส.,ปปง.,ปปท.)ในการคุ้มครองพยานคดีอาญาเชิงรุก ๗. การสนับสนุนทนายความแก่ผู้ต้องหาในคดีอาญา (คดีความผิดที่มีโทษสูง ผู้ต้องหาอายุไม่เกิน ๑๘ ปีฯ) ที่ไม่มีทนายความในชั้นสอบสวนฯ ๘. อื่นๆ

  33. ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สยจ.ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สยจ.ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน • การสนับสนุนจากกระทรวงฯและกรมฯในส่วนกลางที่ดีในเรื่อง ข้อมูล วิชาการ ทรัพยากร การพัฒนาบุคคลากรฯ • การมีระบบงาน กระบวนการทำงาน ระหว่างส่วนกลางกับสยจ.ที่คล่องตัว, มีการแบ่ง/มอบอำนาจที่ชัดเจน, มีการมาเยี่ยม นิเทศงานอย่างสม่ำเสมอ • การสนับสนุนจากหน่วยงานของกรมฯในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในภูมิภาค จังหวัด • มีทีมงานที่ดี : ผู้บริหาร ข้าราชการ พรก. จ้างเหมา • เจ้าหน้าที่ของสยจ.มีทัศนคติที่ดีต่องาน ต่อประชาชน ต่อองค์กรภาคีและเครือข่ายภาคประชาสังคม มีความรู้ ความสามารถในภาพรวมที่ดี มีแนวทาง สไตล์การทำงานเชิงรุก เก่งประสานกับองค์กรภาคีฯ เป็นผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี เป็นนักวาง/พัฒนาระบบงานฯ

  34. ๕. สรุป • ปัญหาการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยังมีขนาดและความรุนแรงอยู่มาก มีสาเหตุจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การบริหาร เทคโนโลยีฯ และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ภาพลักษณ์ของประเทศ กระทรวงยุติธรรมฯ • การแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องเริ่มตั้งแต่ - การส่งเสริม/ป้องกันปัญหาฯ โดยให้ข้อมูลข่าวสาร การศึกษาแก่ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ ภาคประชาสังคม เอกชน ให้มีความตระหนักในเรื่องสิทธิฯ จะได้ปกป้องสิทธิฯของตนเอง ไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ไม่ละเมิดกม.มีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น - การสร้างหลักประกันแก่ประชาชนทางกฎหมาย การบริหารจัดการ - การเฝ้าระวังปัญหา และเข้าไปประสานงาน หรือช่วยป้องกัน ลดการขยายตัวของปัญหา - การรับเรื่องราวร้องทุกข์ การให้คำปรึกษาแนะนำทางกม. การสนับสนุน อำนวยการระงับข้อพิพาทแต่เนิ่นๆ

  35. - การคุ้มครองสิทธิฯและเยียวยาผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิฯ โดยผู้กระทำผิด โดยรัฐ และองค์กรอื่น(เอกชนฯ) เช่น การคุ้มครองพยานคดีอาญา การช่วยเหลือทางการเงินและอื่นๆ แก่ผู้เสียหายและจำเลยคดีอาญาที่เป็นผู้บริสุทธิ์ • รัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม มีนโยบายที่จะให้ประชาชนเข้าถึงและได้รับความเป็นธรรม ได้รับความคุ้มครองเรื่องสิทธิเสรีภาพฯ โดยมอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงฯร่วมกันดำเนินงานตามบทบาทภารกิจของกรมฯและทำงานอย่างบูรณาการ เชิงรุก โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน • สำนักงานยุติธรรมจังหวัด เป็นหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด มีภารกิจในการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงฯ และเป็นตัวแทนของกระทรวงฯ ในการประสานความร่วมมือกับองค์กรภาคีในจังหวัดพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงและได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งการส่งเสริม/ป้องกัน คุ้มครองสิทธิและเยียวยาผู้ถูกละเมิดในจังหวัด ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีความเสมอภาค ได้รับความเป็นธรรม

  36. คำถาม ข้อเสนอแนะ

  37. คุ้มครองคน คุ้มครองสิทธิ สร้างวิถีชีวิตแห่งความเป็นธรรม

More Related