1 / 48

เกริ่นนำ

บทที่ 4 (1) ประสิทธิภาพภาษี (Efficiencies ) และภาระภาษีส่วนเกิน (Excess Burden หรือ Deadweight Loss ). เกริ่นนำ. การเก็บภาษีก่อให้เกิดปัญหากับผู้ที่ต้องรับภาระภาษี ดังนั้นทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามหลบหลีกที่ต้องรับภาระภาษี

adele
Download Presentation

เกริ่นนำ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 4 (1)ประสิทธิภาพภาษี(Efficiencies) และภาระภาษีส่วนเกิน (Excess Burden หรือ Deadweight Loss)

  2. เกริ่นนำ • การเก็บภาษีก่อให้เกิดปัญหากับผู้ที่ต้องรับภาระภาษี ดังนั้นทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามหลบหลีกที่ต้องรับภาระภาษี • วิธีการหลบหลีกภาษีจะแตกต่างกันไป ตามความสามารถของแต่ละฝ่าย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากร • ตัวอย่าง กรุงเทพฯ มีรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รถตู้ให้บริการระหว่างจังหวัด ฯลฯ สะท้อนปัญหาการหลบเลี่ยงภาระภาษี • นั่นคือวอธีการของตลาดที่จะไม่ปล่อยให้ภาษีผ่านมาเฉยๆ แต่จะพยายาม minimize ภาระภาษีมากที่สุด ตราบใดที่สามารถสร้างการทดแทน (substitution) ระหว่างการบริโภคกันได้

  3. เกริ่นนำ • ในบทนี้จึงเป็นการศึกษาถึงผลที่เกิดจากความพยายามหลบเลี่ยงภาษีที่ทำให้เกิดความไม่ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร หรือต้นทุนความไม่ประสิทธิภาพ (Cost of Inefficiency) สำหรับสังคม • ในกรณีที่ตลาดทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ (โดยไม่มีปัญหาความล้มเหลวของตลาด) ภายใต้ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ประสิทธิภาพของสังคม (social efficiency) จะสูงที่สุดโดยที่ไม่มีการแทรกแซงของรัฐบาล

  4. เกริ่นนำ • แต่การเก็บภาษีหรือแทรกแซงของรัฐบาล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคและใช้ทรัพยากรของสังคม

  5. มอเตอร์ไซค์รับจ้าง กรณีก่อนจะมีการเก็บภาษี การเลือกบริโภคสินค้าทั้งสอง อยู่ที่ C1และ T1 A E1 C1 T1 บริการ Taxi D

  6. เมื่อมีการเก็บภาษีกับการให้บริการแท๊กซี่เมื่อมีการเก็บภาษีกับการให้บริการแท๊กซี่ การใช้บริการของสินค้าทั้งสองเปลี่ยนเป็น C2และT2 จะมีการบริโภคมนเตอร์ไซค์รับจ้างเพิ่มเพื่อเป็นการหนี ภาระภาษี มอเตอร์ไซค์รับจ้าง A E2 C2 E1 C1 F T2 T1 บริการ Taxi D

  7. เมื่อมีการเก็บภาษีกับการให้บริการแท๊กซี่เมื่อมีการเก็บภาษีกับการให้บริการแท๊กซี่ การใช้บริการของสินค้าทั้งสองเปลี่ยนเป็น C2และT2 จะมีการบริโภคมนเตอร์ไซค์รับจ้างเพิ่มเพื่อเป็นการหนี ภาระภาษี หลังภาษีจะได้บริโภค taxi เท่ากับ T2ซึ่งเดิมจะ สามารถบริโภค C ณ T2 ได้เท่ากับ Ca แต่ขณะนี้จะ ได้เพียง Caโดยระยะ ระหว่าง CaC2คือ ความไม่มีประสิทธิภาพจากการต้องเปลี่ยน พฤติกรรมการบริโภค หรืออาจเรียกว่าเป็น ภาระภาษีในรูปของการลดการบริโภคสินค้า ในรูปสนค้าของสินค้า C มอเตอร์ไซค์รับจ้าง: C A Ca E2 C2 E1 C1 F T2 D บริการ Taxi: T T1

  8. เราอาจหามูลค่าของภาษีที่เก็บได้โดย การคูณระยะ CaC2 ด้วย ราคาต่อหน่วยของ C จะได้มูลค่าภาษีทั้งหมด ณ ดุลยภาพใหม่ที่ E2ที่มีความพอใจต่ำกว่าที่ E1 เพราะระยะ GE2เปรียบเสมือนขนาดภาษีที่จ่ายออกไป ดังนั้นอาจใช้ Equivalent Variation มาใช้วัดขนาดของภาระภาษี เพราะการมีภาษีเหมือนทำให้รายได้ลดลง มอเตอร์ไซค์รับจ้าง: C A Ca G E2 C2 E1 C1 F T2 D บริการ Taxi: T T1

  9. มอเตอร์ไซค์รับจ้าง: C Equivalent variation หาได้โดยการลากเส้นขนานกับ AD ณ ความพอใจเท่ากัน จะเห็นได้ว่าขนาดภาระภาษีแท้จริงกับ equivalent variation ไม่เท่ากัน โดยมีส่วนต่างคือ NE2คือภาระภาษี ส่วนเกินนั่นเอง A Ca G H M ภาษี Equivalent Variation C2 E2 N E1 C1 E3 C3 F I T2 T3 T1 D บริการ Taxi: T

  10. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • หากเปลี่ยนการเก็บภาษีแบบต่อหน่วย (Unit tax) ที่มีผลให้ราคาเปรียบเทียบระวห่างสินค้าเปลี่ยนไป ไปสู่การเก็บภาษีแบบเหมาจ่าย (Lump Sum Tax) ที่ไม่ทำให้ราคาเปรียบเทียบเปลี่ยน จะช่วยแก้ไขปัญหาการเกิดภาระส่วนเกินหรือไม่ • คำตอบ: หากเป็นการเก็บภาษีแบบ Lump sum จะไม่มีภาระส่วนเกินต่อสังคม เพราะราคาเปรียบเทียบไม่ได้เปลี่ยน ไม่มีการเปลี่ยนของพฤติกรรมผู้บริโภค

  11. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • แต่ทำไมภาษีแบบ lump sum จึงไม่ค่อยเห็นมีการใช้จริง • คำตอบ: เพราะความไม่เป็นธรมมอาจมีผลต่อการเลือกใช้ภาษีแบบ lump sum เนื่องจากผู้มีรายได้น้อยต้องจ่ายภาษีเท่าๆ กับผู้มีรายได้มาก ถึงแม้จะมีความพยายามปรับการเสียภาษีโดยให้เก็บแตกต่างกันตามรายได้ แต่ผลจะทำให้ผู้มีเงินได้ปรับการตัดสินใจการทำงาน และการออมจนทำให้ภาระภาษีไม่แตกต่างกัน ทั้งนี้แต่ละคนยังมีความสามารถปรับระดับการหารายได้ของตนเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้การใช้ Lump sum tax จึงหันไปเก็บจากฐานความสามารถจ่าย “ability-to-pay” แทน

  12. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • หากภาษีเงินได้เก็บจากรายได้ของบุคคลแล้ว จะไม่ทำให้มี ภาระส่วนเกินได้หรือไม่? • คำตอบ: ไม่ใช่ เพราะแม้รายได้จะนำไปใช้ในการบริโภคสินค้าต่างๆ การเก็บภาษีเงินได้อาจไม่ทำให้ราคาสินค้าโดยเปรียบเทียบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีการบริโภคอื่นที่ไม่มีราคาในตลาด คือการพักผ่อน ดังนั้นการเก็บภาษีเงินได้ย่อมมีภาระส่วนเกินอยู่ดี • MRSlC = MRTlC • MRSlT = MRTlT • MRSTC = MRTTC

  13. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • การเก็บภาษีเงินได้เปรียบเสมือนเก็บภาษีกับสินค้าทุกๆ ชนิดในอัตราเดียวกัน แต่ไม่ได้เก็บจากการพักผ่อนของบุคคล • หากการเก็บภาษีเงินได้ทำให้ค่าจ้างที่ลูกจ้างได้เดิมเท่ากับ w กลายเป็น (1-t)*w ทำให้ MRSlC = (1-t)*w/Pc • แต่นายจ้างยังคงคิดการจ้างงานที่อัตราค่าจ้างเท่ากับ w หรือที่ • MRTlC = W/Pc • ดังนั้นเงื่อนไขการจ้างของนายจ้างและลูกจ้างจึงไม่เท่ากัน

  14. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • หากเส้น demand ไม่เปลี่ยนแปลงการบริโภคเพราะภาษี หมายความว่าจะไม่มีภาระส่วนเกินใช่หรือไม่? • คำตอบ: กรณีนี้คือการที่ demand เป็น inelasticity ไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดการบริโภคแม้ว่าราคาจะเป็นเท่าใดก็ตามคือที่ T2 = T3 กรณีนี้ยังคงมีภาระส่วนเกินจากภาษีที่เก็บเท่ากับระยะ E1E2 โดยจากรูป (หน้าถัดไป) ภาระส่วนเกินคือ NE2 ขณะที่ equivalent variation = RE3 • เหตุผลเพราะมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค โดยที่ต้องลดการบริโภค C จาก เดิม C1เป็น C2

  15. มอเตอร์ไซค์รับจ้าง: C A C1 E1 H R E2 C2 N E3 C3 F I T2= T3 T1 D บริการ Taxi: T

  16. ข้อสังเกตุจากตัวอย่างข้อสังเกตุจากตัวอย่าง • จากรูปการเคลื่อนจาก E1ไปสู่ E2 คือ uncompensated response เพราะเป็นการบริโภคที่เปลี่ยนทั้งจากรายได้ที่สูญเสียไป บวก กับ การเปลี่ยนแปลงราคาที่ทำให้การบริโภคเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย สามารถแยกออกได้เป็น • E1E2ผลการบริโภคลดลงเพราะภาษีทำให้รายได้ลดลง เรียกว่า income effect • E3E2 ผลการบริโภคที่เปลี่ยนจากราคาเปรียบเทียบเปลี่ยนแปลงไปทำให้ต้องชดเชยรายได้เพื่อรักษาความพอใจให้เท่าเดิม เพราะ T ถูกเก็บภาษี เรียกช่วงนี้ว่า Compensated response หรือ Substitution effect

  17. สรุปผลจากกรณีตัวอย่างสรุปผลจากกรณีตัวอย่าง • แสดงให้เห็นว่าการที่ประชาชนพยายามลดภาระภาษีได้ส่งผลต่อต้นทุนของสังคมในรูปของประสิทธิภาพที่ลดลง • เพราะsocial efficiency สูงสุดในกรณีที่เป็นตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ความพยายามทำให้ภาระภาษีลดลงเป็นสาเหตุให้เกิดส่วนเกินของภาระภาษีในรูปของ deadweight loss

  18. ภาษีและความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐศาสตร์การวิเคราะห์โดย กราฟ • เป็นการศึกษาบนพื้นฐานของความมีประสิทธิภาพไม่ใช่ความเท่าเทียม • จุดสนใจจะเป็นเรื่องปริมาณแทนที่จะเป็นเรื่องราคา • ตัวอย่างเก็บภาษีเพิ่ม0.50 ต่อgallon • โดยสมมุติให้เป็นภาษ๊กับผู้ผลิตน้ำมัน ดูรูปที่ 1.

  19. รูปที่ 1 Price per gallon (P) S2 S1 ภาษีทำให้เกิด ภาระส่วนเกิน. ภาษีทำให้เส้น supply shift ซ้าย B DWL P2 = 1.80 P1 =1.50 A C 0.50 D1 Q Q2 = 90 Q1 = 100

  20. ภาษีและความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐศาสตร์การวิเคราะห์โดย กราฟ • ก่อนภาษีน้ำมันขายที่ 100 หน่วย หลังภาษีปริมาณขายเหลือเพียง90 หน่วย • เส้น demand curve แสดงsocial marginal benefit จากการบริโภคน้ำมัน และเส้นsupply curve แสดง social marginal cost • SMB=SMC ที่ปริมาณบริโภคเท่ากับ100 หน่วย • การผลิตที่น้อยลงทำให้เกิดdeadweight loss

  21. ภาษีและความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐศาสตร์ Elasticitiesเป็นปัจจัยกำหนดขนาดความไม่มีประสิทธิภาพของภาษี • ผลต่อประสิทธิภาพจากการเก็บภาษีจะไม่แตกต่างว่าเป็นการเก็บภาษีจากด้าน demand หรือ supply • price elasticitiesของsupply และdemand กำหนดการกระจายของภาระภาษีเหมือนกับการกำหนดความไม่มีประสิทธิภาพของภาษี • elasticitiesหมายถึงการเปลี่ยนขนาดของปริมาณ ซึ่งนำไปสู่การเกิดdeadweight lossมากขึ้นด้วย • รูปที่2แสดงdeadweight loss ที่เพิ่มตามขนาดของค่าความยืดหยุ่น

  22. รูปที่ 2 Demand is fairly inelastic, and DWL is small. (a) Inelastic Demand (b) Elastic demand P P Demand is more elastic, and DWL is larger. S2 S2 S1 S1 B P2 B DWL DWL P2 A P1 P1 A C ภาษ๊ ที่เก็บเพิ่ม 0.50 C D1 ภาษ๊ ที่เก็บเพิ่ม 0.50 D1 Q Q Q2 Q1 Q2 Q1

  23. ภาษีและความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐศาสตร์ Elasticitiesเป็นปัจจัยกำหนดขนาดความไม่มีประสิทธิภาพของภาษี • การมี inelastic demand ทำให้มีการเปลี่ยนราคาตลาดมาก แต่ปริมาณเปลี่ยนเล็กน้อย • ตรงกันข้ามการมี elastic demandราคาเปลี่ยนมากกว่า และผู้ผลิตรับภาระภาษีมากกว่า แต่มีการเปลี่ยนจำนวนปริมาณมากกว่า ทำให้deadweight loss มีจำนวนมากขึ้น

  24. ภาษีและความมีประสิทธิภาพทางเศรษฐศาสตร์ Elasticitiesเป็นปัจจัยกำหนดขนาดความไม่มีประสิทธิภาพของภาษี • โดยสรุปความไม่มีประสิทธิภาพที่เกิดจากการเก็บภาษี มาจากการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเลี่ยงภาระภาษีของประชาชน ทั้งที่มาจากการเปลี่ยนแปลงการผลิต เช่นการปรับทดแทนการใช้ปัจจัยการผลิตของผู้ผลิต หรือการปรับการบริโภคสินค้าที่ทดแทนกันของผู้บริโภค

  25. ตัวอย่างการเลี่ยงภาษีในประเทศไทยตัวอย่างการเลี่ยงภาษีในประเทศไทย • ในโลกความเป็นจริงพฤติกรรมการเลี่ยงสามารถแสดงอกได้หลายรูปแบบ • ตัวอย่างการเก็บภาษีป้ายของประเทศไทยที่จัดกับป้ายที่มีข้อความภาษาต่างประเทศมากกว่าภาษาไทย ทำให้เพื่อเป้นการเลี่ยงภาระภาษีจึงมีการทำป้ายที่เป็นภาษาไทยตัวเล็ก แต่ภาษาต่างประเทศตัวใหญ่ เพื่อให้มีความเป็นป้ายภาษาไทย

  26. ตัวอย่างรูปแบบภาระส่วนเกินในประเทศไทยตัวอย่างรูปแบบภาระส่วนเกินในประเทศไทย

  27. การคำนวณภาระส่วนเกิน • สูตรการคำนวณภาระส่วนเกินของภาษี พิจารณารูป 3 ประกอบ: • จากสูตรเห็นได้ว่าภาระส่วนเกินของภาษีจะเพิ่มตามขนาดของค่าความยืดหยุ่น และ • ภาระส่วนเกินจะเพิ่มตามขนาดของอัตราภาษี นั่นคือหากขนาดภาษีมากขึ้น ภาระส่วนเกินย่อมจะเพิ่มตามไปด้วย • ค่าภาระส่วนเกินนี้จะติดลบเสมอ เพราะการเก็บภาษีทำให้ q ลดลงเสมอ

  28. รูปที่ 3 P f g (1+tb)Pb S’b ภาระส่วนเกิน i d h Pb Sb รายได้ภาษี Db Q q2 q1

  29. สูตรการหาภาระส่วนเกินสูตรการหาภาระส่วนเกิน • จากรูปที่ 4 พื้นที่ภาระส่วนเกินเท่ากับ dfi • หาขนาดพื้นที่ dfiโดยให้ เป็น A = • df = ∆Pb = (1+tb ) * Pb- Pb = tb * Pb • di = ∆q ที่เกิดจากราคาเปลี่ยนแปลงเพราะภาษี • เพราะว่าค่าความยืดหยุ่น

  30. สูตรการหาภาระส่วนเกินสูตรการหาภาระส่วนเกิน • จัดเทอมใหม่ได้ • แต่เพราะว่า ∆Pb= tb * Pbดังนั้นจะได้

  31. สูตรการหาภาระส่วนเกินสูตรการหาภาระส่วนเกิน • และจาก di = ∆q แทนค่าทั้ง diและ dfกลับใน A จะได้ • =

  32. การกำหนดขนาดของภาระภาษีส่วนเกินการกำหนดขนาดของภาระภาษีส่วนเกิน • การที่สูตรภาระส่วนเกินมีค่ายกกำลัง 2 ของภาษีแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของภาษีที่จะเพิ่มเป็นทวีคูณเมื่อมีการเก็บภาษี • การเพิ่มของภาระภาษีนี้เรียกว่า Marginal deadweight loss คือการเพิ่มของ ต่อหน่วยของภาษีที่เพิ่มขึ้น

  33. รูปที่ 3 S3 P S2 S1 The next $0.10 tax creates a larger marginal DWL, BCDE. D P3 The first $0.10 tax creates little DWL, ABC. B P2 P1 A C 0.10 E 0.10 D1 Q Q3 Q2 Q1

  34. การกำหนดขนาดของภาระภาษีส่วนเกินการกำหนดขนาดของภาระภาษีส่วนเกิน • จากรูปเมื่ออัตราภาษีเพิ่มจาก 0.10 เป็น 0.20 deadweight loss เพิ่มเป็นพื้นที่ DBCE • พื้นที่ DBCEใหญ่กว่าพื้นที่BAC และ deadweight loss รวมคือ DAE • การเก็บภาษีที่ทำให้เคลื่อนห่างออกจากดุลยภาพของตลาดแข่งขันยิ่งทำให้ภาระส่วนเกิดของสังคมยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ

  35. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษีภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี • จากสูตรการคิดขนาดของภาระส่วนเกินที่อัตราภาษีมีค่ายกกำลัง ทำให้มีผลต่อขนาดภาระส่วนเกินในการออกแบบภาษีในกรณีสำคัญต่อไปนี้ • มีการบิดเบือนก่อนเก็บภาษี Pre-existing distortion • อัตราภาษีก้าวหน้าสร้างการบิดเบือนมากขึ้น

  36. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษีภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี • Preexisting distortionsคือกรณีที่ตลาดมีการิดเบือนการจัดสรรทรัพยากรก่อนที่จะมีการเก็บภาษี ตัวอย่างเช่น • กรรีที่มีผลภายนอก (externalities)

  37. Figure 4 P S2 P S2 S1 S1 In a market with a preexisting distortion, taxes can create larger (or smaller) DWL. SMC B G E A D C F H D1 D1 Q Q Q0 Q2 Q1 Q2 Q1 No positive externality Positive externality

  38. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษีภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี • ภาษีที่ถูกเก็บในรูปแรกมีขนาดของภารส่วนเกินเพียงพื้นที่ BAC เท่านั้น • แต่เมื่อมีการบิดเบือนอยู่ก่อนแล้ว ตัวอย่างจากรูป เห็นได้ว่ามีการเกิดภาระส่วนเกินอยู่แล้วจากการที่ผู้ผลิตนั้นผลิตสินค้าที่น้อยกว่าระดับดุลยภาพ มีภาระส่วนเกิน เท่ากับพื้นที่ (กรณีนี้เป็น positive externalities) แต่เมื่อการภาษีเก็บเพิ่มเข้าไปทำให้ขนาดภาระส่วนเกินกลายเป็น GEFH • ตรงข้ามถ้าเป็น negative externalities การเก็บภาษียิ่งทำให้ผลิตน้อยลง ยิ่งเกิดผลดีมากขึ้น แทนที่จะเป็นผลเสีย

  39. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี: กรณีภาษีอัตราก้าวหน้า • จากปัญหาของภาระส่วนเกิน อาจทำให้ภาษีแบบก้าวหน้าไม่มีประสิทธิภาพได้ • ตัวอย่าง– ภาษีที่เป็นสัดส่วนที่อัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้าง เปรียบเทียบกับภาษีที่เก็บอัตราร้อยละ 60 กับคนรวย และร้อยละ 0 กับคนจน

  40. Figure 5 S3 S2 S2 Wage (W) Wage (W) S1 S1 DWL เพิ่มกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราที่น้อยจะมีภาระส่วนเกินที่น้อยกว่า G W3=23.90 E B W2=11.18 W2=22.36 D A W1=20.00 W1=10.00 F C D1 D1 I Hours (H) Hours (H) H2=894 H1=1,000 H3=837 H2=894 H1=1,000 ลูกจ้างที่อัตราค่าจ้างน้อย ลูกจ้างที่อัตราค่าจ้างสูง

  41. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี: กรณีภาษีอัตราก้าวหน้า • จากรูปภายใต้ภาษีอัตราเท่ากัน (Proportional tax) ทั้งสองภาคการผลิต ภาระภาษีส่วนเกินคือBACและEDF. • แต่ภาษีอัตราก้าวหน้าภาระส่วนเกินของภาษีเท่ากับ GDIซึ่งเก็บจากผู้มีรายได้มากเท่านั้น

  42. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี: กรณีภาษีอัตราก้าวหน้า • ปัญหาภาระส่วนเกินของภาษีอัตราก้าวหน้าเกิดจาก ที่อัตราภาษีก้าวหน้าเก็บจากฐานภาษีที่แคบ การเพิ่มรายได้จากจำนวนผู้เสียที่มีจำนวนน้อยต้องเพิ่มอัตราให้สูงมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ภารภาษีเพิ่มมากตามไปด้วย • ด้วยเหตุผลดังกล่าวการออกแบบภาษีจึงไม่ควรกระจุกฐานการจัดเก็บไว้กับกลุ่มคนเพียงบางกลุ่ม แต่ควรกระจายฐานภาษีออกไปให้มากๆ เพราะทำให้ภาระภาษีตกกับทุกๆ คน และภาระส่วนเกินของการเลี่ยงภาษีของผู้จ่ายลดน้อยลง

  43. ภาระส่วนเกินกับการออกแบบภาษี: กรณีภาษีอัตราก้าวหน้า • เพราะสูตรภาระภาษีส่วนเกินมีอัตราภาษีที่ยกกำลังอยู่ ย่อมหมายความว่าภาระส่วนเกินของภาษีหรือ DWL จะเพิ่มตามอัตราภาษี หากรัฐบาลมีความต้องการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือลดลง จึงไม่ควรเพิ่มอัตราภาษีมากๆ เพียงคั้รงเดียว เพราะการปรับอัตราภาษีนำมาซึ่งปัญหาภาระส่วนเกินเสมอ แต่รัฐบาลควรพิจารณาการปรับอัตราภาษีที่กระจายออกไปในช่วงเวลา เพื่อให้สมดุลกับภาระการใช้จ่ายหรือการลดรายจ่ายโดยเฉลี่ยตามช่วงเวลา • ตัวอย่างการเพิ่มรายจ่ายประชานิยมของรัฐบาล จะมีประสิทธิภาพมากกว่าหากกระจายการเพิ่มการใช้จ่ายและเพิ่มอัตราภาษีไปในอนาคตทีละเล็กทีละน้อย แทนการเพิ่มการขาดดุลจำนวนมากในครั้งดียว • วิธีการนี้เรียกว่า “tax smoothing” ซึ่งมีความหมายเหมือนการกระจายการบริโภคของผู้บริโภคไปในอนาคต

  44. ภาระส่วนเกินกับการอุดหนุนภาระส่วนเกินกับการอุดหนุน • ภาระส่วนเกินไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะกับการเก็บภาษีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่นโยบายหรือมาตรการของรัฐบาลทำให้เกิดพฤติกรรมประชาชนต้องเปลี่ยนไป เช่น เงินอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อซื้อบ้านหลังแรก P u w Sh Ph m ภาระส่วนเกิน v (1-S)Ph S’h r n Q

  45. ภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้านภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้าน Y Y VMPmkt VMPhome Hours Hours ทำงานนอกบ้าน ทำงานบ้าน

  46. ภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้านภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้าน W W a W1 W1 VMPmkt Hours ทำงานนอกบ้าน VMPh Hours ทำงานในบ้าน

  47. ภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้านภาระภาษีกับการตัดสินใจทำงานนอกบ้าน เมื่อทำงานนอกบ้านถูกเก็บภาษีอัตรา t W W ภาระส่วนเกิน b a W2 W1 VMPmkt (1-t)W2 c Hours ทำงานนอกบ้าน VMPh H* Ht Hours ทำงานในบ้าน

  48. ภาระภาษีส่งออกกับการตัดสินใจบริโภคของคนไทยภาระภาษีส่งออกกับการตัดสินใจบริโภคของคนไทย P P Px Pd P’d P’x a Dx การส่งออก Dd Q’d Qx Qd Q’x การบริโภคในประเทศ

More Related