320 likes | 951 Views
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฟิสิกส์. วฟ.401 ฟิสิกส์1. การแบ่งวิชาวิทยาศาสตร์ออกเป็นวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ. ความหมายของคำว่า “ ฟิสิกส์ ”. ฟิสิกส์ ( PHYSICS ) มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า “ธรรมชาติ”. ฟิสิกส์ เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ (science)
E N D
บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฟิสิกส์ วฟ.401 ฟิสิกส์1
ความหมายของคำว่า “ ฟิสิกส์ ” • ฟิสิกส์ (PHYSICS) มาจากภาษากรีก • มีความหมายว่า “ธรรมชาติ” ฟิสิกส์ เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ (science) เป็นวิทยาศาสตร์กายภาพซึ่งว่าด้วยสิ่งไม่มีชีวิต ในธรรมชาติโดยเน้นถึงกิจกรรม การค้นคว้า หาความจริงจากธรรมชาติ
ตัวอย่างแขนงวิชาของฟิสิกส์ตัวอย่างแขนงวิชาของฟิสิกส์ • พลังงาน • อิเล็กทรอนิกส์ • ดาราศาสตร์ • นิวเคลียร์
ปริมาณทางฟิสิกส์ • หมายถึง สิ่งที่เราสามารถวัดค่าได้ บอกค่าได้แน่นอน • และใช้แสดงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ • ปริมาณทางฟิสิกส์ได้กำหนดหน่วยสำหรับปริมาณ • นั้นๆ โดยองค์กรระหว่างชาติเพื่อการมาตรฐาน • เพื่อใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เรียกระบบนั้นว่า • ระบบเอสไอ ( SI Unit: International System of Unit )
ปริมาณทางฟิสิกส์ จำแนกตามหน่วยได้ 2 พวก ได้แก่ • 1.หน่วยฐาน เป็นฐานของหน่วยทั้งหลาย • 2.หน่วยอนุพันธ์ เป็นหน่วยที่เกิดจากหน่วยฐาน • หลายๆ หน่วยประกอบกัน
หน่วยฐาน ในระบบ SI7 หน่วย
หน่วยอนุพันธ์ ในระบบ SI ที่ควรทราบ
คำอุปสรรค ( ตัวนำหน้าหน่วย )
การวัด การวัดปริมาณต่าง ๆ จะถูกต้องและเที่ยงตรงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ - เครื่องมือวัด - วิธีการวัด - ตัวผู้วัด - สภาพแวดล้อมขณะทำการวัด
เลขนัยสำคัญ คือ ปริมาณเลขที่ได้จาการวัด หรือ การทดลอง หลักการนับเลขนัยสำคัญ 1.ไม่ใช่ศูนย์นับทั้งหมด 2. เลขศูนย์ที่อยู่ระหว่างตัวเลขนัยสำคัญ ถือเป็น เลขนัยสำคัญ 3.เลขศูนย์ทางซ้ายไม่นับ 4.เลขศูนย์ทางขวา หลังจุดทศนิยมนับทั้งหมด 5.เลขศูนย์ทางขวาจำนวนเต็มอาจนับหรือไม่นับก็ได้
การบันทึกเลขนัยสำคัญ 1.เลขตัวสุดท้ายได้จากการคาดคะเน 2.เลขทุกตัวก่อนตัวสุดท้าย อ่านได้จากสเกล 3.ต้องบอกความไม่แน่นอนในการคาดคะเน เช่นบอกความละเอียด
การคำนวณเลขนัยสำคัญ 1.การบวกลบ ผลลัพธ์ ควรมีจำนวนตัวเลขหลังจุดทศนิยมเท่ากับจำนวนตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่น้อยที่สุดในกลุ่มที่นำมาบวกหรือลบกัน 2.การคูณหารกัน ผลลัพธ์ ควรมีจำนวนตัวเลขนัยสำคัญเท่ากับจำนวนตัวเลขนัยสำคัญที่น้อยที่สุดในกลุ่มที่นำมาคูณหารกัน
ใช้สัญลักษณ์ แทนค่าความคลาดเคลื่อนของ A ความคลาดเคลื่อนของการวัด คือ โอกาสที่ผลการวัดจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เกิดขึ้นที่เลขตัวสุดท้ายของผลการบันทึก ซึ่งได้จากการคาดคะเน
-การบวก - การลบ - การคูณ - การหาร การบวกลบ,คูณหารความคลาดเคลื่อน
% การหาเปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนแต่ละตัว(%A) เปอร์เซ็นต์ความคลาดเคลื่อนของปริมาณ (A)
ปริมาณทางฟิสิกส์ จำแนกตามคุณลักษณะเฉพาะได้ 2 ชนิด ได้แก่ • 1.ปริมาณสเกลาร์ คือ ปริมาณที่บอกเฉพาะขนาด • ของปริมาณนั้น ๆ • 2.ปริมาณเวกเตอร์ คือ ปริมาณที่มีทั้งขนาดและทิศทาง • โดยใช้สัญลักษณ์หัวลูกศรแสดงทิศทาง • ความยาวลูกศรแทนขนาดของปริมาณเวกเตอร์
เวกเตอร์ • การหาผลลัพธ์ของปริมาณเวกเตอร์ ต้องอาศัยวิธีการทางเวกเตอร์ โดยต้องหาผลลัพธ์ทั้งขนาดและทิศทาง • เวกเตอร์ที่เท่ากัน : เวกเตอร์ 2 เวกเตอร์จะเท่ากันได้ • ต้องมีขนาดเท่ากัน และมีทิศทางไปในทางเดียวกันด้วย • เวกเตอร์ตรงข้ามกัน : เวกเตอร์ 2 เวกเตอร์จะตรงข้ามกัน • เมื่อเวกเตอร์ทั้งสองมีขนาดเท่ากัน
การบวกลบเวกเตอร์ • การบวก-ลบเวกเตอร์ หรือการหาเวกเตอร์ลัพธ์ • สามารถทำได้ 2 วิธีคือ 1. วิธีการเขียนรูป 2. วิธีการคำนวณ
วิธีการเขียนรูปแบบหางต่อหัววิธีการเขียนรูปแบบหางต่อหัว • มีขั้นตอนดังนี้ 1. เขียนลูกศร แทนเวกเตอร์แรกตามขนาดและทิศทาง 2. นำหางของเวกเตอร์ที่ 2 ต่อกับหัวลูกศรของ เวกเตอร์แรก 3. ถ้ามีเวกเตอร์ย่อยๆ อีกให้กระทำเหมือนข้อ2 จนครบ 4. เวกเตอร์ลัพธ์ หาได้โดยการลากลูกศรจากหางของ เวกเตอร์แรกไปยังหัวลูกศรของเวกเตอร์อันสุดท้าย
การหาเวกเตอร์ลัพธ์ด้วยวิธีการคำนวณการหาเวกเตอร์ลัพธ์ด้วยวิธีการคำนวณ แบ่งเป็น 2 ลักษณะ • 1.เมื่อมีเวกเตอร์ 2 เวกเตอร์ เท่านั้น - เวกเตอร์ทั้งสองไปทางเดียวกัน R=A+B - เวกเตอร์ทั้งสองสวนทางกัน R=A-B เมื่อA>B R=B-A เมื่อB>A
คำนวณหาทิศทางได้จากสมการคำนวณหาทิศทางได้จากสมการ คือมุมระหว่าง Rกับ A - เวกเตอร์ทั้งสองทำมุม ต่อกัน
- หาขนาดของเวกเตอร์ลัพธ์ได้จาก • 2.เมื่อมีเวกเตอร์ย่อยมากกว่า 2 เวกเตอร์ - ตั้งแกนตั้งฉากกัน 2 แกน ที่จุดตัดของเวกเตอร์เหล่านั้น ( x , y ) - แยกเวกเตอร์เหล่านั้นให้อยู่บนแกน x และ y - เวกเตอร์ที่อยู่บนแกน x และ y แล้วไม่ต้องแยก - รวมเวกเตอร์
หาทิศทางของเวกเตอร์ลัพธ์ ได้จาก เมื่อ คือมุมที่เวกเตอร์ลัพธ์กระทำกับแกน X
การแปลความหมายข้อมูล การบันทึกข้อมูลทางฟิสิกส์ สามารถทำได้หลายแบบด้วยกันคือ 1.การบันทึกข้อมูลในตาราง 2.การนำเสนอข้อมูล สามารถทำได้หลายแบบ เช่น แผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม เป็นต้น 3.การเขียนกราฟระบบพิกัดฉาก เป็นการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณเป็นตัวแปรสองตัว แล้วนำค่าทั้งสองมาพล๊อตลงในกราฟของแกน x และ y