1 / 40

โครงงานสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์

โครงงานสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์. ขอต้อนรับเข้าสู่บทเรียน เรื่อง ตรรกศาสตร์. เข้าสู่เมนูหลัก. การหาความจริงของประพจน์. รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน. สัจนิ รันดร์. การอ้างเหตุผล. รูปแบบการเขียนอ้างเหตุผล. ประโยคเปิด. กลับสู่หน้าหลัก.

wood
Download Presentation

โครงงานสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โครงงานสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์โครงงานสร้างสรรค์คอมพิวเตอร์ ขอต้อนรับเข้าสู่บทเรียน เรื่อง ตรรกศาสตร์ เข้าสู่เมนูหลัก

  2. การหาความจริงของประพจน์การหาความจริงของประพจน์ รูปแบบของประพจน์ที่สมมูลกัน สัจนิรันดร์ การอ้างเหตุผล รูปแบบการเขียนอ้างเหตุผล ประโยคเปิด กลับสู่หน้าหลัก

  3. ตรรกศาสตร์หมายถึง คำว่า “ตรรกศาสตร์” ได้มาจากศัพท์ภาษาสันสฤตสองศัพท์คือตรรกและศาสตฺรตรรกหมายถึงการตรึกตรอง ความคิด ความนึกคิดและคำว่าศาสตฺรหมายถึง วิชาตำรารวมกันเข้าเป็น“ตรรกศาสตร์” หมายถึงวิชาว่าด้วยความนึกคิดอย่างเป็นระบบปราชญ์ทั่วไปจึงมีความเห็นร่วมกันว่า ตรรกศาสตร์ คือวิชาว่าด้วยการใช้กฎเกณฑ์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  4. การใช้เหตุผลนิยามตรรกศาสตร์ 1.พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ – ไทยนิยามว่า“ตรรกศาสตร์คือปรัชญาสาขาที่ว่าด้วยการวิเคราะห์และตัดสินความสมเหตุสมผลในการอ้างเหตุผล” 2.กีรติบุญเจือนิยามว่า “ตรรกวิทยาคือวิชาที่ว่าด้วยกฎเกณฑ์การใช้เหตุผล”3.”Wilfrid Hodges” นิยามว่า “ตรรกศาสตร์ คือการศึกษาระบบข้อเท็จจริงให้ตรงกับความเชื่อ” เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  5. ข้อความหรือประโยคนั้นจะมีกริยามากกว่าหนึ่งตัว แสดงว่าได้นำประโยคมาเชื่อมกันมากว่าหนึ่งประโยค ดังนั้นถ้านำประพจน์มาเชื่อมประพจน์ กันก็จะได้ประพจน์ใหม่ซึ่งสามารถบอกได้ว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ตัวเชื่อมประพจน์มีอยู่5 ตัว และตัวเชื่อมที่ใช้กันมากคือ“และ” “หรือ” “ไม่” ที่เหลืออีกสองตัวคือ “ถ้า…แล้ว…” และ “…ก็ต่อเมื่อ…” เมื่อนำประพจน์เชื่อมด้วยตัวเชื่อม และ ,หรือ, ถ้า…แล้ว, …ก็ต่อเมื่อโดยที่ถ้า p และ q แทนประพจน์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  6. T แทนค่าความจริงของประพจน์ที่เป็นจริ F แทนค่าความจริงของประพจน์ที่เป็นเท็จ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  7. การแจกแจงค่าความจริง จริงใช้สัญลักษณ์ T จริงใช้สัญลักษณ์ T เท็จใช้สัญลักษณ์ F เท็จใช้สัญลักษณ์ F การแจกแจงค่าความจริง จริง ใช้สัญลักษณ์ Tเท็จ ใช้สัญลักษณ์ F เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  8. การเชื่อมประพจน์ และ นิเสธของประพจน์ และ (∧) p q p ∧ q T F F T TT F T F F FFข้อสังเกตเชื่อมกันด้วย และ (∧)เป็นจริงได้ กรณีเดียว คือ เป็นจริงทั้งคู่(มีเท็จอยู่ เป็นเท็จเลย) เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  9. หรือ (∨) p q p ∨ q T F T T TT F T T F FF ข้อสังเกต เชื่อมกันด้วย หรือ (∨) เป็นเท็จได้ กรณีเดียว คือ เป็นเท็จทั้งคู่(มีจริงอยู่ เป็นจริงเลย) เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  10. ถ้า...แล้ว (→) p q p→q T F F T TT F T T F F T ข้อสังเกต เชื่อมกันด้วย ถ้า...แล้ว (→) เป็นเท็จได้ กรณีเดียว คือข้างหน้าเป็นจริง ข้างหลังเป็นเท็จ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  11. ก็ต่อเมื่อ (↔)p q p↔q T F F T TT F T F F F T ข้อสังเกต เชื่อมกันด้วย ก็ต่อเมื่อ (↔) เป็นจริงได้ เมื่อ ทั้งคู่มีค่าความจริงเหมือนกัน เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  12. นิเสธ ( ∼ ) p ∼ p T F F T ข้อสังเกต ∼ (∼ p) ≡ p ข้อควรระวังในการหาค่าความจริงของประพจน์ ถ้ามีวงเล็บให้หาค่าความจริงภายในวงเล็บก่อน แต่ถ้าไม่มีวงเล็บให้หาค่า ความจริง ∼ ก่อน แล้วจึง ∧, ∨ แล้วจึง → แล้วจึง ↔ ตามลำดับ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  13. ประพจน์ที่สมมูลกัน ประพจน์ 2 ประพจน์จะสมมูลกัน ก็ต่อเมื่อ ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงเหมือนกัน ทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อย  การทดสอบว่าประพจน์ 2 ประพจน์ สมมูลกัน ทำได้ 2 วิธีคือ สร้างตารางแจกแจงค่าความจริง ค่าความจริงต้องตรงกันทุกกรณี โดยการใช้หลักความจริงและประพจน์ที่สมมูลกันแบบง่ายๆที่ควรจำ เพื่อแปลงรูปประพจน์ไปเป็นแบบเดียวกัน เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  14. ตัวอย่างประพจน์ที่สมมูลกันที่ควรทราบ มีดังนี้p   q สมมูลกับ q   p p   q สมมูลกับ q   p(p   q)   r สมมูลกับ p   (q   r)(p   q)   r สมมูลกับ p   (q   r)p   (q   r) สมมูลกับ (p   q)   ( p   r) p   (q   r) สมมูลกับ (p   q)   ( p   r) p q สมมูลกับ ~p   qp q สมมูลกับ ~q ~pp   q สมมูลกับ (p q)   (q p)  เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  15. ประพจน์ที่เป็นนิเสธกันประพจน์ที่เป็นนิเสธกัน ประพจน์ 2 ประพจน์เป็นนิเสธกัน ก็ต่อเมื่อ ประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงตรงข้ามกันทุกกรณีของค่าความจริงของประพจน์ย่อยตัวอย่างประพจน์ที่เป็นนิเสธกันที่ควรทราบ มีดังนี้~(p   q) สมมูลกับ ~p   ~q~(p   q) สมมูลกับ ~p   ~q~(p q) สมมูลกับ p   ~q เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  16. สัจนิรันดร์และข้อขัดแย้งสัจนิรันดร์และข้อขัดแย้ง สัจนิรันดร์ หมายถึง ประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็นจริงทุกกรณี (ไม่มีกรณีที่เป็นเท็จแม้แต่กรณีเดียว)ซึ่งเรามีวิธีการตรวจสอบความเป็นสัจนิรันดร์ของประพจน์ด้วยวิธีการต่างๆ 4 วิธี ได้แก่1. การตรวจสอบโดยใช้ตารางค่าความจริง 2. การตรวจสอบโดยวิธีหาข้อขัดแย้ง 3. การตรวจสอบโดยใช้ความสมเหตุสมผล 4. การตราจสอบโดยใช้หลักของความสมมูล เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  17. แต่ก่อนที่เราจะมาดูหลักการของแต่ละวิธีนะครับ เรามาดูกันว่า กฎสำคัญที่เราต้องทราบกันก่อนนะครับ 1. p -> p ^ q              Law of addition 2. p ^ q -> p           Law of simplification 3. p ^ ( p -> q ) -> q     Modus ponens 4. ~ q ^ ( p -> q ) -> ~p     Modus tollens 5. p -> q <-> ~ q -> ~p       Law of contraposition เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  18. 6. ( p -> q ) ^ ( q -> r ) -> ( p -> r)   Law of syllogism 7. ~ ( p ^ q ) <-> ~ p v ~ q   หรือ ~ ( p v q ) <-> ~ p ^ ~ q     De Morgan’s laws 8. ( p -> r ) ^ ( q -> r ) <-> ( p v q ) ->rInference by cases 9. p v ( q v r ) <-> ( p v q ) v r หรือp ^ ( q ^ r ) <-> ( p ^ q ) ^ r    Associative laws 10 .p v q <-> q v p หรือ p ^ q <-> q ^p Commutative laws เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  19. 11. p v ( q ^ r ) <-> ( p v q ) ^ ( p v r )  หรือ  p ^ ( q v r ) <-> ( p ^ q ) v ( p ^ r ) Distributive laws 12. ~(~p) <-> p  Double negation 13. ~p ^ ( p v q ) -> q   Disjunction syllogism 14. (( p -> q ) ^ ~q ) -> ~p  Law of absurdity 15. ( p -> q ) -> (( p v r ) -> ( q v r ))              เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  20. 16. ( p -> q ) -> (( p ^ r ) -> ( q ^ r )) 17. ( p -> q ) ^ ( p -> r ) <-> ( p -> ( q ^ r )) 18. p -> q <-> ~p v q   Equivalence form for implication 19. ~( p -> q ) <-> p ^ ~q   Negation for implication 20.  p v ~p   Law of excluded middle 21. [( p ^ q ) -> r } <-> { p -> ( q ^ r )]            เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  21. 22.  ~ ( p ^ ~p )  law of contradiction 23.  p v p <-> p 24.  p ^ p <-> p นอกจากนั้น ยังมีสัจนิรันดร์บางรูปแบบที่สอดคล้องกับสมบัติของอินเตอร์เซกชันและยูเนียนของเซต ได้แก่ 1. ~ ( p ^ q ) <-> ~ p v ~ q   หรือ ~ ( p v q ) <-> ~ p ^ ~ qDeMorgan’s laws 2. p v ( q v r ) <-> ( p v q ) v r หรือ  p ^ ( q ^ r ) <-> ( p ^ q ) ^ r    Associative laws เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  22. 3. p v q <-> q v p หรือ   p ^ q <-> q ^ pCommutative laws 4. p v ( q ^ r ) <-> ( p v q ) ^ ( p v r )  หรือ  p ^ ( q v r ) <-> ( p ^ q ) v ( p ^ r ) Distributive laws เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  23. ส่วนกฎที่ใช้บ่อย ได้แก่ 1. p ^ ( p -> q ) -> q 2. p -> q <-> ~q -> ~p 3. ( p -> q ) ^ ( q -> r ) -> ( p -> r ) 4. ~p ^ ( p v q ) -> q 5. P -> q <-> ~p v q เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  24. การตรวจสอบโดยใข้ตารางค่าความจริงการตรวจสอบโดยใข้ตารางค่าความจริง ตัวอย่างที่ 1จงตรวจสอบว่า ~q -> ~{( p -> q ) ^ p} เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่ วิธีทำเริ่มด้วยการสร้างตารางค่าความจริงนะครับ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  25. 2.     การตรวจสอบโดยวิธีหาข้อขัดแย้งในกรณีนี้ เราจะตรวจสอบว่า “ประพจน์นั้นๆ มีโอกาสเป็นเท็จหรือไม่” โดยการสมมติให้ประพจน์นั้นๆ เป็นเท็จ แล้วแสดงให้เห็นว่าข้อสมมตินั้นเป็นไปไม่ได้ ซึ่งมี  2 รูปแบบ คือ  1. p v q จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จทั้งคู่ 2. p -> q จะมีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ p มีค่าความจริงเป็นจริง และ q มีค่าความจริงเป็นเท็จ เท่านั้น เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  26. ตัวอย่างที่ 2จงตรวจสอบว่า ( ~p -> ~q ) -> ( p -> q ) เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่ วิธีทำ สมมติให้ ( ~p -> ~q ) -> ( p -> q ) มีค่าความจริงเป็นเท็จ เนื่องจาก ~p -> ~q ≡ T และ p ≡ T แสดงว่า q มีค่าความจริงเป็นจริงหรือเท็จก็ได้จะพบว่า ไม่มีประพจน์ใดขัดแย้งกัน ดังนั้น ( ~p -> ~q ) -> ( p -> q ) ไม่เป็นสัจนิรันดร์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  27. 3. การตรวจสอบโดยใช้ความสมเหตุสมผลการตรวจสอบโดยวิธีนี้ ใช้กับประพจน์ที่อยู่ในรูปแบบ [ (p -> q) ^ p ] -> q หรือรูปแบบอื่นที่แบ่งประพจน์ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเหตุ กับ ส่วนที่เป็นผล (ข้อสรุป) ซึ่งประพจน์เขียนอยู่ในรูป เหตุ -> ผล (ข้อสรุป) เหตุอาจจะมี 2-3 ข้อ หรือมากกว่าก็ได้ แต่ทุกข้อต้องเชื่อมกันด้วยตัวเชื่อม ^ ในการตรวจสอบสัจนิรันดร์ ให้ตรวจสอบว่าการให้เหตุผลนั้น สมเหตุสมผลหรือไม่ ถ้าสมเหตุสมผล ประพจน์นั้นก็เป็นสัจนิรันดร์ ถ้าไม่สมเหตุสมผลจะไม่เป็นสัจนิรันดร์ ละในการตรวจสอบความสมเหตุสมผลนั้น จะต้องแยกออกเป็นข้อๆ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  28. ตัวอย่างที่ 3 จงตรวจสอบว่า [((p -> q) ^ (p v r)) ^ ~r] -> q วิธีทำแยกประพจน์ออกเป็น เหตุ และ ผล แต่ละข้อ ดังนี้ เหตุ ได้แก่        1. p -> q 2. p v r 3. ~r ผลคือq จากเหตุข้อที่ 3 เราจะรู้ว่า r มีค่าความจริงเป็นเท็จความจริงของ r ลงในเหตุข้อที่ 2 จะทำให้ได้ค่า p ที่มีค่าความจริงเป็นจริงแล้วจึงแทนค่า p ลงในเหตุข้อ 1 จะได้ค่า q ที่เป็นจริง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  29. 4.การตรวจสอบโดยใช้หลักของความสมมูลซึ่งประพจน์ที่สมมูลกัน เมื่อนำมาเชื่อมกันด้วย <-> จะได้ประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์ เช่น p -> q ≡ ~p v q p -> q ≡ ~q -> ~p ~( p ^ q) ≡ ~p v ~q P ^ (q v r) ≡ (p ^ q) v (p ^ r) เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  30. ตัวอย่างที่ 4จงตรวจสอบว่า (p -> ~q) v (q -> ~p) เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่ วิธีทำ(p -> ~q) v (q -> ~p) ≡ (~p v ~q) v (~q v ~p) ≡ (~p v ~p) v (~q v ~q) ≡ ~p v ~q ดังนั้น (p -> ~q) v (q -> ~p) ไม่เป็นสัจนิรันดร์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  31. การอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผลบทนิยาม  2.1  การอ้างว่าจากประพจน์ สามารถสรุปเป็นประพจน์   q   ได้นั้น  เป็นการอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล  ก็ต่อเมื่อ ถ้าแต่ละ มีค่าความจริงเป็นจริงแล้ว  จะต้องทำให้  q  มีค่าความจริงเป็นจริงด้วย ทฤษฎีบท2.1  การอ้างว่าจากประพจน์ สามารถสรุปเป็นประพจน์   q    เป็นการอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล  ก็ต่อเมื่อเป็นสัจนิรันดร์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  32. การเขียนรูปแบบการอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผลการเขียนรูปแบบการอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล การอ้างว่าจากประพจน์ สามารถสรุปเป็นประพจน์   q   ได้นั้น จะเขียนรูปแบบการอ้างเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล  ได้ดังนี้ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  33. วิธีที่  1       วิธีที่  2 . . . ผลสรุป             q เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  34. ตัวอย่าง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  35. ประโยคเปิด ประโยคเปิด คือ ประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธที่มีตัวแปร โดยเมื่อแทนค่าตัวแปรด้วยสมาชิกใน เอกภพสัมพัทธ์ ประโยคเปิดจะกลายเป็นประพจน์ สัญลักษณ์ ประโยคเปิดที่มี x เป็นตัวแปร ใช้สัญลักษณ์ P(x), Q(x),...ประโยคเปิด ใช้ตั้วเชื่อมต่างๆ (∧,∨,→,↔) และ นิเสธ (∼) ได้เหมือนกับที่ใช้กับประพจน์ เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  36. ตัวบ่งปริมาณ 1 ตัว กำหนดให้ U คือ เอกภพสัมพัทธ์ ∀x[P(x)] หมายถึง สมาชิกทุกตัว (แต่ละตัว) ในเอกภพสัมพัทธ์ แทนค่าใน x ของประโยคเปดิP(x) ∃x[P(x)] หมายถึง สมาชิกอย่างน้อย 1 ตัว ในเอกภพสัมพัทธ์ แทนค่าใน x ของประโยคเปดิP(x) ∀x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  37. เมื่อ สมาชิกทุกตัว(แต่ละตัว)ในเอกภพสัมพัทธ์แทนค่าใน P(x) แล้วเป็นจริง ∀x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จ เมื่อ มีสมาชิกอย่างน้อย 1 ตัวในเอกภพสัมพัทธ์แทนค่าใน P(x) แล้วเป็นเท็จ ∃x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นจริง เมื่อ มีสมาชิกอย่างน้อย 1 ตัวในเอกภพสัมพัทธ์แทนค่าใน P(x) แล้วเป็นจริง ∃x[P(x)] มีค่าความจริงเป็นเท็จเมื่อ ไม่มีสมาชิกตัวใดเลยในเอกภพสัมพัทธ์ที่แทนค่าใน P(x) แล้วเป็นจริง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  38. เอกภพสัมพัทธ์ มีทั้งหมด 8 แบบ 1) ∀x∀y[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำแต่ละตัวใน U แทนใน x แล้วสามารถนำทุกตัวใน U แทนใน y แล้วเป็นจริง 2)∀x∃y[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำแต่ละตัวใน U แทนใน x แล้วสามารถนำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน y แล้วเป็นจริง 3)∃ x∀y[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน x แล้วสามารถนำทุกตัวใน U แทนใน y แล้วเป็นจริง 4)∃ x∃y[P(x, y)] เป็น จริง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  39. 5) ∀y∀x[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำแต่ละตัวใน U แทนใน y แล้วสามารถนำทุกตัวใน U แทนใน x แล้วเป็นจริง 6)∀ y∃x[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำแต่ละตัวใน U แทนใน y แล้วสามารถนำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน x แล้วเป็นจริง 7) ∃y∀x[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน y แล้วสามารถนำทุกตัวใน U แทนใน x แล้วเป็นจริง 8)∃y∃x[P(x, y)]เป็น จริง เมื่อ นำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน y แล้วสามารถนำอย่างน้อย 1 ตัวใน U แทนใน x แล้วเป็นจริง เมนู หน้าหลัก ถัดไป ย้อนกลับ

  40. จบการนำเสนอแล้ว ขอขอบคุณค่ะ เมนู หน้าหลัก ย้อนกลับ

More Related