240 likes | 398 Views
ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy ). ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy) คือ. การใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค โดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย. ประวัติของปัสสาวะบำบัด.
E N D
ปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy)คือ • การใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค โดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย
ประวัติของปัสสาวะบำบัดประวัติของปัสสาวะบำบัด • ตำราไทยโบราณหลายเล่ม กล่าวถึงการใช้ปัสสาวะรักษาโรค ในพระวินัยปิฎกเขียนไว้ว่า พระภิกษุปฏิบัตินิสสัยสี่ ให้ฉันน้ำมูตร แช่ผลสมอเพื่อแก้โรคต่างๆ • 1,000 ปีก่อนคริสตศักราช ในคัมภีร์พระเวทย์ของฮินดู ถือว่าน้ำปัสสาวะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดื่มแล้วจะเป็นน้ำอมฤต • พ.ศ.586-754 ตำราการแพทย์จีน อ้างว่าปัสสาวะเป็นตัวละลายยาสมุนไพร ช่วยทำให้สมุนไพรมีสรรพคุณดียิ่งขึ้น • พ.ศ.600 ปรินุส นักปราชญ์ชาวโรมัน แต่งตำราว่าด้วยปัสสาวะเป็นยารักษาพิษต่างๆ และใช้ประโยชน์ในการฟอกหนัง ย้อมสีผ้า • พ.ศ.1782-1832 ญี่ปุ่นยุคอิมเป็ง ดื่มน้ำปัสสาวะในการรักษาโรค
การศึกษาส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะการศึกษาส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะ • ปกติปัสสาวะเป็นกรดอ่อนๆ สีเหลืองอ่อนๆ-ขาวใส • ภาวะสุขภาพและสิ่งที่เรารับประทานเข้าไปมีผลต่อปริมาณ สี กลิ่นและรสของปัสสาวะ
จากการวิจัยส่วนประกอบในน้ำปัสสาวะ ของ ดร.ฟารอน นักชีวเคมี 95% น้ำ 2.5% ยูเรีย (urea) 2.5% สารอื่น
ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. ของเสียจากการทำลายโปรตีน • Urea nitrogen) 682 ม.ก. • Urea) 1,459 ม.ก. • Creatinine nitrogen 36 ม.ก. • Creatinine 97.20 ม.ก. • Uric acid nitrogen 12.30 ม.ก. • Uric acid 36.90 ม.ก. • Amino nitrogen 9.70 ม.ก.Ammonia nitrogen 57 ม.ก. • Sodium 212 ม.ก.Potassium 137 ม.ก. • Calcium 19.50 ม.ก.Magnesium 11.30 ม.ก. • Chloride 314 ม.ก. • Total sulphate 91 ม.ก. • Inorganic sulphate 83 ม.ก. • Inorganic phosphate127 ม.ก.
ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. • ยูเรีย ไนโตรเจน (Urea nitrogen) 682 ม.ก. • ยูเรีย (Urea) 1,459 ม.ก. • Creatinine nitrogen 36 ม.ก.Creatinine 97.20 ม.ก. • Uric acid nitrogen 12.30 ม.ก.Uric acid 36.90 ม.ก. • Amino nitrogen 9.70 ม.ก.Ammonia nitrogen 57 ม.ก. • Sodium 212 ม.ก.Potassium 137 ม.ก. • Calcium 19.50 ม.ก.Magnesium 11.30 ม.ก. • Chloride 314 ม.ก. • Total sulphate 91 ม.ก. • Inorganic sulphate 83 ม.ก. • Inorganic phosphate127 ม.ก.
ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. • ที่น่าสนใจในปัสสาวะมีสารอื่นๆ ได้แก่ • เอนไซม์: Amylase (diastase), • Lactic dehydrogenase (LDH), • Leucine amino-peptidase (LAP) • Urokinase (ใช้ละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจตันเฉียบพลัน) • ฮอร์โมน: Catecholamines, • 17–Catecholamine, • Hydroxy–steroids, • Erythropoietin, • Adenylate cyclase, • Prostaglandins, • Growth hormones, ฮอร์โมนเพศ, อินซูลิน ฯลฯ • แต่นักวิจัยเชื่อว่ายังมีสารที่เรายังไม่รู้จักอีกมากในปัสสาวะ
การรักษาโรค • ดร.อัสเบิร์ต เซนต์ กีออร์กีนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลทดลองใช้สาร methyl gloxal ซึ่งพบในปัสสาวะรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งและได้ผลเป็นที่น่าพอใจในหลายราย • สารต่างๆ เหล่านี้แม้จะมีปริมาณน้อยในปัสสาวะแต่พบว่าอยู่ในรูปแบบที่มีศักยภาพสูง เมื่อดื่มเข้าไปจะซึมผ่านเยื่อบุกระเพาะอย่างรวดเร็วและเกิดผลต่อร่างกาย
การรักษาโรค • งานวิจัยชิ้นใหญ่ของนพ.ธรรมาธิกรี รัฐมหาราษฎร์ประเทศอินเดีย ทดลองให้ผู้ป่วยจำนวน 200 คน ดื่มน้ำปัสสาวะของตนเอง และติดตามผลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด ได้ข้อสรุปดังนี้ • 1. เมื่อดื่มน้ำปัสสาวะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น และอัตราเผาผลาญในร่างกายสูงขึ้น • 2. การดื่มน้ำปัสสาวะจะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น ในผู้ป่วยทุกราย และปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดก็สูงขี้นด้วย • เขาเชื่อว่าข้อสรุป 2 ประการนี้สำคัญมาก ช่วยให้เกิดการบำบัดรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยได้หลายกรณี ด้วยกลไกของเอนไซม์ ฮอร์โมนและเกลือแร่และช่วยให้ภูมิต้านทานดีขึ้นอีกด้วย
ปัสสาวะทำหน้าที่เป็น • วัคซีนธรรมชาติ(natural vaccine), • ยาฆ่าเชื้อโรค (antibacterial), • ยาฆ่าเชื้อไวรัส (antiviral), • สารต้านมะเร็ง (anti-cancer agents), • ปรับสมดุลฮอร์โมน (hormone balance), • บรรเทาอาการภูมิแพ้ allergy relievers
วิธีการใช้ปัสสาวะบำบัด มี 2 แบบคือ1. แบบใช้ภายในดื่มดื่มปัสสาวะตอนเช้า ช่วงกลางของปัสสาวะ โดยเริ่มต้นจาก 5-10 หยด ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มจนถึง 1 แก้ว ประมาณ 100 cc. มีประโยชน์ในการรักษาโรคทั่วไปล้างพิษดื่มปัสสาวะตลอดทั้งวัน (ยกเว้นตอนเย็น) และดื่มน้ำสะอาดด้วย เป็นการล้างพิษออกจากร่างกาย โดยทำให้เลือดสะอาดขึ้น พิษจะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางอุจจาระ เหงื่อ และทางหายใจกลั้วคอเมื่อมีอาการเจ็บคอ ปวดฟัน และเมื่อมีอาการไอเป็นหวัดสูดเข้าจมูกสูดเอาปัสสาวะสดๆ ตอนเช้าเข้าจมูกทั้งสองข้าง เพื่อล้างโพรง จมูก สำหรับคนที่เป็นไซนัส เป็นหวัด ภูมิแพ้ (น้ำมูกไหลเป็นประจำ)
วิธีการใช้ปัสสาวะบำบัด มี 2 แบบคือ2. แบบใช้ภายนอกทาและนวดผิวหนังโดยการนวดร่างกายทั้งหมดหรือบางส่วนทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออก จะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้หรือผิวหนังที่โดนแดดเผาล้างเท้ากรณีมีปัญหาที่ผิวหนังและเล็บเท้าสระผมช่วยทำให้ผมสะอาด นุ่มสลวย และทำให้ผมดกขึ้นปัสสาวะสามารถรักษาอาการปวดหลัง แผล แผลไฟไหม้ ภูมิแพ้ หืดหอบ ไมเกรน มะเร็ง ผิวหนังผื่นแพ้ กามโรค ปวดตามข้อ โรคเก๊าส์ ท้องผูก มาลาเรีย หวัด ตับอักเสบ ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง ความดันโลหิตสูง ฯลฯ
การประเมิน1. ความปลอดภัยนักวิจัยเชื่อว่าปัสสาวะโดยธรรมชาติเป็นน้ำสะอาดปราศจากเชื้อ และมีสารประกอบพิเศษมากมายที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่เคยมีรายงานว่าคนดื่มน้ำปัสสาวะแล้วตาย และการดื่มน้ำปัสสาวะไม่มีผลข้างเคียง2. ประสิทธิผลโรคที่ได้ผลดีจากปัสสาวะบำบัด- โรคหอบหืดและภูมิแพ้ - ท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ- พวกบิดเรื้อรังจากเชื้ออมีบา - โรคมะเร็งบางรายขึ้นกับระยะของโรค- โรคทั่วไป เช่น โรคผิวหนัง, โรคหวัด, ไอเรื้อรัง, หลอดลมอักเสบ, ไข้จากเชื้อไวรัส และแเบคทีเรีย3. ความสมประโยชน์ ปัสสาวะให้ประโยชน์แก่ผู้รับการบำบัด ไม่มีผลเสีย และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ตัวอย่างผู้ป่วยใช้ปัสสาวะบำบัดผู้ป่วยรายแรกเป็นชายอายุ 40 ปี ป่วยเป็นหอบหืดมาตั้งแต่เด็ก แพทย์แนะนำให้ใช้ปัสสาวะบำบัด และผู้ป่วยรายนี้ได้กินอาหารแบบธรรมชาติบำบัดร่วมด้วย ผู้ป่วยรายนี้หายจากการเป็นหอบหืดในเวลา 10 เดือนผู้ป่วยรายที่สองเป็นชายป่วยด้วยโรคสะเก็ดเงิน เขาได้ใช้ปัสสาวะบำบัดอาการเริ่มดีขึ้นใน 6 สัปดาห์ และหายดีในระยะเวลา 4 เดือน
ผู้ป่วยรายที่สามมาร์ธา คริสตี้ เธอป่วยเป็นเวลานานด้วยการอักเสบในอุ้งเชิงกราน เป็นแผลในลำไส้ใหญ่ อ่อนเพลีย เรื้อรัง โรค Hashimoto’s และ โรค Mononucleosis ติดเชื้อในไตเรื้อรัง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นเชื้อราในช่องคลอด มีเนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดที่ มีภาวะต่อมหมวกไตทำงานน้อยกว่าปกติ หูชั้นกลางและไซนัสอักเสบ และยังแพ้อาหารและสารเคมีอีกหลายอย่าง ซึ่งอาการป่วยของเธอที่เล่ามานี้ยังไม่ได้ครึ่งของโรคต่างๆที่เธอเป็น มาร์ธาได้รับการรักษาและผ่าตัดหลายครั้งหมดค่ารักษาทั้งสิ้นนับแสนดอลลาร์ แต่อาการป่วยของเธอก็คงเดิมวันหนึ่งสามีของเธอซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับวิธีรักษาทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดและเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน วิธีรักษาที่แปลกประหลาดซึ่งเธอทำอยู่ก็คือการดื่มน้ำปัสสาวะภายหลังการรักษาตนเองอยู่ 2-3 เดือนภายหลังการรักษาตนเองอยู่ 2-3 เดือน โรคที่รุมเร้าเธอมา 30 ปี ก็หายไปหมดสิ้น มาร์ธาได้เขียนคำอธิบายไว้ ในหนังสือ“Your Own Perfect Medicine”และสอนผู้อื่น ให้บำบัดโรคด้วยปัสสาวะ
การใช้ประโยชน์ในประเทศต่างๆ@ประวัติของปัสสาวะมีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ซึ่งมีชาวกรีกบางคนใช้ปัสสาวะเพื่อบำบัดรักษานางแบบโดยเฉพาะ @แพทย์อังกฤษชื่อแซลมอนได้พิมพ์ตำราแพทย์ในปี ค.ศ.1695 เรื่อง Salmon’s English Physician ระบุถึงการใช้ปัสสาวะเพื่อรักษาแผลและรักษาอาการป่วยอย่างอื่นๆ อีกมากมาย และเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ที่ชาวยิปซีในยุโรป ทราบถึงคุณสมบัติของปัสสาวะในการรักษาโรค และยังมีโยคีและพระลามะในธิเบตต่างก็มีอายุยืนยาวเพราะดื่มปัสสาวะของตัวเอง
@จอห์น ดับบลิว อาร์มสตรอง เป็นชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนปัสสาวะบำบัด เขาเขียนหนังสือเรื่อง The Water of Life: A Treatise On urine Therapy หรือน้ำแห่งชีวิต ในหนังสือนี้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน วัณโรค โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ โรคไบรท์ มีปัญหาที่กระเพาะปัสสาวะ มาลาเรีย ไข้ แผล แผลไฟลวก โรคเกี่ยวกับหลอดลม และ โรคอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรักษาให้หายได้ด้วยการอดอาหารหลังดื่มปัสสาวะ ระหว่างการอดอาหารนั้น การดื่มปัสสาวะจะช่วยเสริมสร้างและปรับสภาพอวัยวะที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งลำไส้ ปัสสาวะบำบัดใช้รักษาทุกโรคด้วยวิธีการอย่างเดียวกันหมด
@หลักฐานในเอนซัยโคลพีเดียของเยอรมัน (Johann Heinrich Zedler’s Grossen Vollst Indigen Universallexikon, ค.ศ.1747) ซึ่งบอกว่าในน้ำปัสสาวะของทั้งคนและสัตว์มีสารที่มีประโยชน์หลายชนิด ปัสสาวะของคนมีผลเสริมสร้างความแข็งแรงและรักษาโรค ปัจจุบันมีหนังสือที่เขียนและตีพิมพ์ในเยอรมัน ซึ่งเขียนโดย นักบำบัดบ้าง แพทย์บ้าง ที่กล่าวถึงข้อดีของปัสสาวะบำบัด@ มีการประชุม The First World Conference on Urine Therapy เมื่อ ค.ศ.1996 ที่อินเดีย และใน 3 ปีต่อมา มีการประชุม The Second World Conference on Urine Therapy ที่เยอรมัน ใน ค.ศ.1999 การประชุมทั้ง 2 ครั้ง มีทั้งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์เข้าร่วมประชุม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ศาสตร์โบราณที่เกือบถูกลืมเลือนไปได้กลับมาเป็นที่สนใจของวงการสุขภาพระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง
การแพทย์ตะวันออกหลายชาติใช้น้ำปัสสาวะรักษาโรค การแพทย์แผนจีนเชื่อว่าน้ำปัสสาวะของเด็กทารกเป็นยาบำรุงอย่างดีสำหรับคนผอมแห้งแรงน้อยเป็นตาลขโมย การแพทย์แผนไทยใช้น้ำปัสสาวะเป็นกระสายยาดองเภสัชสมุนไพรหลายชนิด อินเดียนิยมการดื่มน้ำปัสสาวะทั้งส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรค ซึ่งวิชาโยคะมีกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพกระบวนการหนึ่งเรียกว่า อมาโรลิ ซึ่งมีขั้นตอนการปฎิบัติอันละเอียดรอบคอบ เพื่อล้างพิษ เป็นการรักษาโรคและเสริมสุขภาพได้อีกด้วย มักจะทำร่วมไปกับการอดเพื่อสุขภาพ สำหรับประเทศญี่ปุ่นมี น.พ.เรียวอิจิ นากาโอะ เป็นบุคคลสำคัญในการริเริ่มเผยแพร่ให้คนดื่มปัสสาวะในประเทศญี่ปุ่น ผลงานที่สำคัญคือช่วยชุบชีวิตของคนป่วยที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์และสิ้นหวัง ได้พ้นทุกข์พบความสุขโดยไม่ต้องเสียเงินในการรักษา คือการใช้ปัสสาวะบำบัด
ปัสสาวะบำบัด ในการแพทย์วิถีธรรม “ปัสสาวะ” เป็นยาที่หาได้ง่ายและไม่มีโทษ (จัตตาริสูตร ข้อที่ 281 เล่มที่ 25) • เป็นน้ำสะอาดจากเครื่องกรองชั้นดี • เป็นยาที่มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยปรับสมดุลทั้งร้อน-เย็นและร้อนเย็นเกิดพร้อมกัน • สร้างภูมิต้านทาน • สร้างพลังชีวิต • ได้ปฏิบัติธรรม ชะล้างจิตที่ชิงชัง รังเกียจ
การแปลผล รสของปัสสาวะ • ปฏิบัติสมดุล รสจืด หอมเหมือนชา ไม่มีกลิ่นฉุน x ปฏิบัติไม่สมดุล รสจัด กลิ่นฉุน x เค็ม – ไต x หวาน - ตับอ่อน x ฝาด - กล้ามเนื้อ x ขม - หัวใจ x เปรี้ยว – ตับ x ปะแล่ม- ทุกอวัยวะบกพร่องอย่างละเล็กน้อย
การใช้ประโยชน์ “น้ำปัสสาวะ” ดื่ม เช้า-เย็น, อ่อนเพลีย, หิว, ไม่สบาย หยอดตา/หู/จมูก ปรับสมดุล,ไม่สบาย, อักเสบ พอกทา แผล,ฝี,หนอง,ผื่นคัน,อักเสบ,ปวดบวม อม ปวดฟัน, เหงือกอักเสบ, แผลในช่องปาก หมักสกัดตัวยาจากสมุนไพรสมอ เปลือกมังคุดสระผม หมักผม ขจัดรังแค, แก้คันศีรษะ แทนสบู่ ทำความสะอาด, เพิ่มภูมิต้านทาน สวนล้างช่องคลอด ตกขาว ผสมสวนล้างลำไส้ ผสมผงถ่านดื่ม ไม่สบายมาก เฉียบพลัน