html5-img
1 / 23

ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy )

ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy ). ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy) คือ. การใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค โดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย. ประวัติของปัสสาวะบำบัด.

trory
Download Presentation

ปัสสาวะบำบัด ( Urine Therapy )

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ปัสสาวะบำบัด(Urine Therapy)

  2. ปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy)คือ • การใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค โดยไม่ใช้ยาและยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย

  3. ประวัติของปัสสาวะบำบัดประวัติของปัสสาวะบำบัด • ตำราไทยโบราณหลายเล่ม กล่าวถึงการใช้ปัสสาวะรักษาโรค ในพระวินัยปิฎกเขียนไว้ว่า พระภิกษุปฏิบัตินิสสัยสี่ ให้ฉันน้ำมูตร แช่ผลสมอเพื่อแก้โรคต่างๆ • 1,000 ปีก่อนคริสตศักราช ในคัมภีร์พระเวทย์ของฮินดู ถือว่าน้ำปัสสาวะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดื่มแล้วจะเป็นน้ำอมฤต • พ.ศ.586-754 ตำราการแพทย์จีน อ้างว่าปัสสาวะเป็นตัวละลายยาสมุนไพร ช่วยทำให้สมุนไพรมีสรรพคุณดียิ่งขึ้น • พ.ศ.600 ปรินุส นักปราชญ์ชาวโรมัน แต่งตำราว่าด้วยปัสสาวะเป็นยารักษาพิษต่างๆ และใช้ประโยชน์ในการฟอกหนัง ย้อมสีผ้า • พ.ศ.1782-1832 ญี่ปุ่นยุคอิมเป็ง ดื่มน้ำปัสสาวะในการรักษาโรค

  4. การศึกษาส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะการศึกษาส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะ • ปกติปัสสาวะเป็นกรดอ่อนๆ สีเหลืองอ่อนๆ-ขาวใส • ภาวะสุขภาพและสิ่งที่เรารับประทานเข้าไปมีผลต่อปริมาณ สี กลิ่นและรสของปัสสาวะ

  5. จากการวิจัยส่วนประกอบในน้ำปัสสาวะ ของ ดร.ฟารอน นักชีวเคมี 95% น้ำ 2.5% ยูเรีย (urea) 2.5% สารอื่น

  6. ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. ของเสียจากการทำลายโปรตีน • Urea nitrogen) 682 ม.ก. • Urea) 1,459 ม.ก. • Creatinine nitrogen 36 ม.ก. • Creatinine 97.20 ม.ก. • Uric acid nitrogen 12.30 ม.ก. • Uric acid 36.90 ม.ก. • Amino nitrogen 9.70 ม.ก.Ammonia nitrogen 57 ม.ก. • Sodium 212 ม.ก.Potassium 137 ม.ก. • Calcium 19.50 ม.ก.Magnesium 11.30 ม.ก. • Chloride 314 ม.ก. • Total sulphate 91 ม.ก. • Inorganic sulphate 83 ม.ก. • Inorganic phosphate127 ม.ก.

  7. ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. • ยูเรีย ไนโตรเจน (Urea nitrogen) 682 ม.ก. • ยูเรีย (Urea) 1,459 ม.ก. • Creatinine nitrogen 36 ม.ก.Creatinine 97.20 ม.ก. • Uric acid nitrogen 12.30 ม.ก.Uric acid 36.90 ม.ก. • Amino nitrogen 9.70 ม.ก.Ammonia nitrogen 57 ม.ก. • Sodium 212 ม.ก.Potassium 137 ม.ก. • Calcium 19.50 ม.ก.Magnesium 11.30 ม.ก. • Chloride 314 ม.ก. • Total sulphate 91 ม.ก. • Inorganic sulphate 83 ม.ก. • Inorganic phosphate127 ม.ก.

  8. ส่วนประกอบ ในน้ำปัสสาวะ 100 cc. • ที่น่าสนใจในปัสสาวะมีสารอื่นๆ ได้แก่ • เอนไซม์: Amylase (diastase), • Lactic dehydrogenase (LDH), • Leucine amino-peptidase (LAP) • Urokinase (ใช้ละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจตันเฉียบพลัน) • ฮอร์โมน: Catecholamines, • 17–Catecholamine, • Hydroxy–steroids, • Erythropoietin, • Adenylate cyclase, • Prostaglandins, • Growth hormones, ฮอร์โมนเพศ, อินซูลิน ฯลฯ • แต่นักวิจัยเชื่อว่ายังมีสารที่เรายังไม่รู้จักอีกมากในปัสสาวะ

  9. การรักษาโรค • ดร.อัสเบิร์ต เซนต์ กีออร์กีนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลทดลองใช้สาร methyl gloxal ซึ่งพบในปัสสาวะรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งและได้ผลเป็นที่น่าพอใจในหลายราย • สารต่างๆ เหล่านี้แม้จะมีปริมาณน้อยในปัสสาวะแต่พบว่าอยู่ในรูปแบบที่มีศักยภาพสูง เมื่อดื่มเข้าไปจะซึมผ่านเยื่อบุกระเพาะอย่างรวดเร็วและเกิดผลต่อร่างกาย

  10. การรักษาโรค • งานวิจัยชิ้นใหญ่ของนพ.ธรรมาธิกรี รัฐมหาราษฎร์ประเทศอินเดีย ทดลองให้ผู้ป่วยจำนวน 200 คน ดื่มน้ำปัสสาวะของตนเอง และติดตามผลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด ได้ข้อสรุปดังนี้ • 1. เมื่อดื่มน้ำปัสสาวะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น และอัตราเผาผลาญในร่างกายสูงขึ้น • 2. การดื่มน้ำปัสสาวะจะช่วยให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงมากขึ้น ในผู้ป่วยทุกราย และปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดก็สูงขี้นด้วย • เขาเชื่อว่าข้อสรุป 2 ประการนี้สำคัญมาก ช่วยให้เกิดการบำบัดรักษาโรคและอาการเจ็บป่วยได้หลายกรณี ด้วยกลไกของเอนไซม์ ฮอร์โมนและเกลือแร่และช่วยให้ภูมิต้านทานดีขึ้นอีกด้วย

  11. ปัสสาวะทำหน้าที่เป็น • วัคซีนธรรมชาติ(natural vaccine), • ยาฆ่าเชื้อโรค (antibacterial), • ยาฆ่าเชื้อไวรัส (antiviral), • สารต้านมะเร็ง (anti-cancer agents), • ปรับสมดุลฮอร์โมน (hormone balance), • บรรเทาอาการภูมิแพ้ allergy relievers

  12. วิธีการใช้ปัสสาวะบำบัด มี 2 แบบคือ1. แบบใช้ภายในดื่มดื่มปัสสาวะตอนเช้า ช่วงกลางของปัสสาวะ โดยเริ่มต้นจาก 5-10 หยด ก่อนแล้วค่อยๆ เพิ่มจนถึง 1 แก้ว ประมาณ 100 cc. มีประโยชน์ในการรักษาโรคทั่วไปล้างพิษดื่มปัสสาวะตลอดทั้งวัน (ยกเว้นตอนเย็น) และดื่มน้ำสะอาดด้วย เป็นการล้างพิษออกจากร่างกาย โดยทำให้เลือดสะอาดขึ้น พิษจะถูกกำจัดออกจากร่างกายทางอุจจาระ เหงื่อ และทางหายใจกลั้วคอเมื่อมีอาการเจ็บคอ ปวดฟัน และเมื่อมีอาการไอเป็นหวัดสูดเข้าจมูกสูดเอาปัสสาวะสดๆ ตอนเช้าเข้าจมูกทั้งสองข้าง เพื่อล้างโพรง จมูก สำหรับคนที่เป็นไซนัส เป็นหวัด ภูมิแพ้ (น้ำมูกไหลเป็นประจำ)

  13. วิธีการใช้ปัสสาวะบำบัด มี 2 แบบคือ2. แบบใช้ภายนอกทาและนวดผิวหนังโดยการนวดร่างกายทั้งหมดหรือบางส่วนทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออก จะช่วยรักษาโรคผิวหนังได้หรือผิวหนังที่โดนแดดเผาล้างเท้ากรณีมีปัญหาที่ผิวหนังและเล็บเท้าสระผมช่วยทำให้ผมสะอาด นุ่มสลวย และทำให้ผมดกขึ้นปัสสาวะสามารถรักษาอาการปวดหลัง แผล แผลไฟไหม้ ภูมิแพ้ หืดหอบ ไมเกรน มะเร็ง ผิวหนังผื่นแพ้ กามโรค ปวดตามข้อ โรคเก๊าส์ ท้องผูก มาลาเรีย หวัด ตับอักเสบ ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง ความดันโลหิตสูง ฯลฯ

  14. การประเมิน1. ความปลอดภัยนักวิจัยเชื่อว่าปัสสาวะโดยธรรมชาติเป็นน้ำสะอาดปราศจากเชื้อ และมีสารประกอบพิเศษมากมายที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ ไม่เคยมีรายงานว่าคนดื่มน้ำปัสสาวะแล้วตาย และการดื่มน้ำปัสสาวะไม่มีผลข้างเคียง2. ประสิทธิผลโรคที่ได้ผลดีจากปัสสาวะบำบัด- โรคหอบหืดและภูมิแพ้ - ท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ- พวกบิดเรื้อรังจากเชื้ออมีบา - โรคมะเร็งบางรายขึ้นกับระยะของโรค- โรคทั่วไป เช่น โรคผิวหนัง, โรคหวัด, ไอเรื้อรัง, หลอดลมอักเสบ, ไข้จากเชื้อไวรัส และแเบคทีเรีย3. ความสมประโยชน์ ปัสสาวะให้ประโยชน์แก่ผู้รับการบำบัด ไม่มีผลเสีย และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

  15. ตัวอย่างผู้ป่วยใช้ปัสสาวะบำบัดผู้ป่วยรายแรกเป็นชายอายุ 40 ปี ป่วยเป็นหอบหืดมาตั้งแต่เด็ก แพทย์แนะนำให้ใช้ปัสสาวะบำบัด และผู้ป่วยรายนี้ได้กินอาหารแบบธรรมชาติบำบัดร่วมด้วย ผู้ป่วยรายนี้หายจากการเป็นหอบหืดในเวลา 10 เดือนผู้ป่วยรายที่สองเป็นชายป่วยด้วยโรคสะเก็ดเงิน เขาได้ใช้ปัสสาวะบำบัดอาการเริ่มดีขึ้นใน 6 สัปดาห์ และหายดีในระยะเวลา 4 เดือน

  16. ผู้ป่วยรายที่สามมาร์ธา คริสตี้ เธอป่วยเป็นเวลานานด้วยการอักเสบในอุ้งเชิงกราน เป็นแผลในลำไส้ใหญ่ อ่อนเพลีย เรื้อรัง โรค Hashimoto’s และ โรค Mononucleosis ติดเชื้อในไตเรื้อรัง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นเชื้อราในช่องคลอด มีเนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดที่ มีภาวะต่อมหมวกไตทำงานน้อยกว่าปกติ หูชั้นกลางและไซนัสอักเสบ และยังแพ้อาหารและสารเคมีอีกหลายอย่าง ซึ่งอาการป่วยของเธอที่เล่ามานี้ยังไม่ได้ครึ่งของโรคต่างๆที่เธอเป็น มาร์ธาได้รับการรักษาและผ่าตัดหลายครั้งหมดค่ารักษาทั้งสิ้นนับแสนดอลลาร์ แต่อาการป่วยของเธอก็คงเดิมวันหนึ่งสามีของเธอซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับวิธีรักษาทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดและเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน วิธีรักษาที่แปลกประหลาดซึ่งเธอทำอยู่ก็คือการดื่มน้ำปัสสาวะภายหลังการรักษาตนเองอยู่ 2-3 เดือนภายหลังการรักษาตนเองอยู่ 2-3 เดือน โรคที่รุมเร้าเธอมา 30 ปี ก็หายไปหมดสิ้น มาร์ธาได้เขียนคำอธิบายไว้ ในหนังสือ“Your Own Perfect Medicine”และสอนผู้อื่น ให้บำบัดโรคด้วยปัสสาวะ

  17. การใช้ประโยชน์ในประเทศต่างๆ@ประวัติของปัสสาวะมีมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ซึ่งมีชาวกรีกบางคนใช้ปัสสาวะเพื่อบำบัดรักษานางแบบโดยเฉพาะ @แพทย์อังกฤษชื่อแซลมอนได้พิมพ์ตำราแพทย์ในปี ค.ศ.1695 เรื่อง Salmon’s English Physician ระบุถึงการใช้ปัสสาวะเพื่อรักษาแผลและรักษาอาการป่วยอย่างอื่นๆ อีกมากมาย และเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว ที่ชาวยิปซีในยุโรป ทราบถึงคุณสมบัติของปัสสาวะในการรักษาโรค และยังมีโยคีและพระลามะในธิเบตต่างก็มีอายุยืนยาวเพราะดื่มปัสสาวะของตัวเอง

  18. @จอห์น ดับบลิว อาร์มสตรอง เป็นชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนับสนุนปัสสาวะบำบัด เขาเขียนหนังสือเรื่อง The Water of Life: A Treatise On urine Therapy หรือน้ำแห่งชีวิต ในหนังสือนี้บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน วัณโรค โรคเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ โรคไบรท์ มีปัญหาที่กระเพาะปัสสาวะ มาลาเรีย ไข้ แผล แผลไฟลวก โรคเกี่ยวกับหลอดลม และ โรคอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรักษาให้หายได้ด้วยการอดอาหารหลังดื่มปัสสาวะ ระหว่างการอดอาหารนั้น การดื่มปัสสาวะจะช่วยเสริมสร้างและปรับสภาพอวัยวะที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งลำไส้ ปัสสาวะบำบัดใช้รักษาทุกโรคด้วยวิธีการอย่างเดียวกันหมด

  19. @หลักฐานในเอนซัยโคลพีเดียของเยอรมัน (Johann Heinrich Zedler’s Grossen Vollst Indigen Universallexikon, ค.ศ.1747) ซึ่งบอกว่าในน้ำปัสสาวะของทั้งคนและสัตว์มีสารที่มีประโยชน์หลายชนิด ปัสสาวะของคนมีผลเสริมสร้างความแข็งแรงและรักษาโรค ปัจจุบันมีหนังสือที่เขียนและตีพิมพ์ในเยอรมัน ซึ่งเขียนโดย นักบำบัดบ้าง แพทย์บ้าง ที่กล่าวถึงข้อดีของปัสสาวะบำบัด@ มีการประชุม The First World Conference on Urine Therapy เมื่อ ค.ศ.1996 ที่อินเดีย และใน 3 ปีต่อมา มีการประชุม The Second World Conference on Urine Therapy ที่เยอรมัน ใน ค.ศ.1999 การประชุมทั้ง 2 ครั้ง มีทั้งนักวิทยาศาสตร์และแพทย์เข้าร่วมประชุม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ศาสตร์โบราณที่เกือบถูกลืมเลือนไปได้กลับมาเป็นที่สนใจของวงการสุขภาพระดับโลกอีกครั้งหนึ่ง

  20. การแพทย์ตะวันออกหลายชาติใช้น้ำปัสสาวะรักษาโรค การแพทย์แผนจีนเชื่อว่าน้ำปัสสาวะของเด็กทารกเป็นยาบำรุงอย่างดีสำหรับคนผอมแห้งแรงน้อยเป็นตาลขโมย การแพทย์แผนไทยใช้น้ำปัสสาวะเป็นกระสายยาดองเภสัชสมุนไพรหลายชนิด อินเดียนิยมการดื่มน้ำปัสสาวะทั้งส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรค ซึ่งวิชาโยคะมีกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพกระบวนการหนึ่งเรียกว่า อมาโรลิ ซึ่งมีขั้นตอนการปฎิบัติอันละเอียดรอบคอบ เพื่อล้างพิษ เป็นการรักษาโรคและเสริมสุขภาพได้อีกด้วย มักจะทำร่วมไปกับการอดเพื่อสุขภาพ สำหรับประเทศญี่ปุ่นมี น.พ.เรียวอิจิ นากาโอะ เป็นบุคคลสำคัญในการริเริ่มเผยแพร่ให้คนดื่มปัสสาวะในประเทศญี่ปุ่น ผลงานที่สำคัญคือช่วยชุบชีวิตของคนป่วยที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์และสิ้นหวัง ได้พ้นทุกข์พบความสุขโดยไม่ต้องเสียเงินในการรักษา คือการใช้ปัสสาวะบำบัด

  21. ปัสสาวะบำบัด ในการแพทย์วิถีธรรม “ปัสสาวะ” เป็นยาที่หาได้ง่ายและไม่มีโทษ (จัตตาริสูตร ข้อที่ 281 เล่มที่ 25) • เป็นน้ำสะอาดจากเครื่องกรองชั้นดี • เป็นยาที่มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยปรับสมดุลทั้งร้อน-เย็นและร้อนเย็นเกิดพร้อมกัน • สร้างภูมิต้านทาน • สร้างพลังชีวิต • ได้ปฏิบัติธรรม ชะล้างจิตที่ชิงชัง รังเกียจ

  22. การแปลผล รสของปัสสาวะ • ปฏิบัติสมดุล รสจืด หอมเหมือนชา ไม่มีกลิ่นฉุน x ปฏิบัติไม่สมดุล รสจัด กลิ่นฉุน x เค็ม – ไต x หวาน - ตับอ่อน x ฝาด - กล้ามเนื้อ x ขม - หัวใจ x เปรี้ยว – ตับ x ปะแล่ม- ทุกอวัยวะบกพร่องอย่างละเล็กน้อย

  23. การใช้ประโยชน์ “น้ำปัสสาวะ” ดื่ม เช้า-เย็น, อ่อนเพลีย, หิว, ไม่สบาย หยอดตา/หู/จมูก ปรับสมดุล,ไม่สบาย, อักเสบ พอกทา แผล,ฝี,หนอง,ผื่นคัน,อักเสบ,ปวดบวม อม ปวดฟัน, เหงือกอักเสบ, แผลในช่องปาก หมักสกัดตัวยาจากสมุนไพรสมอ เปลือกมังคุดสระผม หมักผม ขจัดรังแค, แก้คันศีรษะ แทนสบู่ ทำความสะอาด, เพิ่มภูมิต้านทาน สวนล้างช่องคลอด ตกขาว ผสมสวนล้างลำไส้ ผสมผงถ่านดื่ม ไม่สบายมาก เฉียบพลัน

More Related