420 likes | 1.85k Views
กฎหมายหุ้นส่วนและบริษัท. โดย รศ.ดร.อนันต์ จันทรโอภากร น.บ.(เกียรตินิยมอันดับ) , น.บ.ท. ปริญญาโททางกฎหมาย (LL.M.)(Yale University) ปริญญาเอกทางกฎหมาย (J.S.D.)(Yale University). สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน. มาตรา ๑๐๑๒ ๑. ต้องมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ๒. ตกลง เข้ากัน เพื่อทำกิจการร่วมกัน
E N D
กฎหมายหุ้นส่วนและบริษัทกฎหมายหุ้นส่วนและบริษัท โดย รศ.ดร.อนันต์ จันทรโอภากร น.บ.(เกียรตินิยมอันดับ), น.บ.ท. ปริญญาโททางกฎหมาย (LL.M.)(Yale University) ปริญญาเอกทางกฎหมาย(J.S.D.)(Yale University)
สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน • มาตรา ๑๐๑๒ ๑. ต้องมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ๒. ตกลงเข้ากันเพื่อทำกิจการร่วมกัน ๓. มีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการที่ทำนั้น
๑. ต้องมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป • ฎ.3657/2531 : นิติบุคคลอาจเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนได้ • การตั้ง บริษัทมหาชน จำกัด : บุคคลธรรมดาตั้งแต่ 15 คนขึ้นไปจะเริ่มตั้งบริษัทได้โดยจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ (ม. 16 พ.ร.บ. บริษัทมหาชน จำกัด) • ผู้เริ่มก่อการบริษัทจำกัด ม. 1097 ใช้คำว่า “บุคคลใดๆ” ตั้งแต่ 3 คนไม่ได้ระบุชัดเจนว่าต้องเป็น “บุคคลธรรมดา” หรือไม่ [แต่ในทางปฏิบัตินายทะเบียนจะไม่รับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิที่มีนิติบุคคลเป็นผู้เริ่มก่อการระเบียบสำนักงานทะเบียนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท พ.ศ. 2549] • ห้ามบริษัท มหาชน จำกัด เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญหรือหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด ความตกลงใด ๆ ที่ฝ่าฝืนต่อข้อห้ามนี้เป็นโมฆะ (ม. 12 พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด)
๒.ตกลงเข้ากันเพื่อทำกิจการร่วมกัน๒.ตกลงเข้ากันเพื่อทำกิจการร่วมกัน • การเข้ากัน คือการตกลงนำทุนมาเข้ากัน มาตรา 1026 บังคับว่าหุ้นส่วนทุกคนต้องนำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาลงหุ้น สิ่งที่จะนำมาลงเป็นหุ้นนั้นอาจเป็น 1) เงินสด 2) ทรัพย์สินอื่นที่ไม่ใช่เงิน 3) แรงงาน • สิ่งที่นำมาลงเป็นหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้นไม่จำเป็นต้องมีมูลค่าเท่ากัน แต่ในกรณีที่มีข้อสงสัย มาตรา 1027 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าสิ่งซึ่งนำมาลงหุ้นด้วยกันนั้นมีค่าเท่ากัน
ข้อสังเกต • ม. 1083 หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัดจะลงหุ้นด้วยแรงงานไม่ได้ เพราะจะสับสนกับการสอดเข้าไปจัดการงานของห้าง • แรงงานที่จะนำมาตีราคาเป็นทุนจดทะเบียนนั้น ตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. 2549 ข้อ 45 ระบุว่า • ถ้าเป็นกรณีของทุนจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วน จะเป็นแรงงานที่ได้กระทำไปแล้วหรือกระทำในภายหลังก็ได้ • แต่แรงงานที่จะนำมาตีราคาเป็นหุ้นของบริษัทนั้นจะต้องเป็นแรงงานที่ได้กระทำไปแล้ว (ดู ม. 1108 (5) ด้วย)
ทุนที่นำมาเข้ากันนี้จะกลายเป็นของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นไม่ใช่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ที่นำมาลงอีกต่อไป ยกเว้น กรณีของห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ได้จดทะเบียนย่อมไม่เป็นนิติบุคคลแยกต่างหาก ดังนั้นทุนที่นำมาลงนั้นก็เป็นของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกัน ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ในกิจการของห้างหุ้นส่วนก็ต้องถือว่าเป็นของหุ้นส่วนทุกคนร่วมกัน จนกว่าจะได้มีการแบ่งปันหรือมีการชำระบัญชีเมื่อเลิกห้าง (ดูฎีกาที่ 3133/2529)
ฎีกาที่ 177/2472สองคนร่วมกันซื้อที่ดินด้วยประสงค์จะหากำไรมาแบ่งกัน ท่านว่าเป็นหุ้นส่วนกัน แม้จะใส่ชื่อผู้หนึ่งผู้ใดแต่เพียงผู้เดียวก็ดี หาทำให้ที่ดินเป็นสิทธิแก่ผู้นั้นไม่ ต้องเป็นของทั้งสองคนอันเป็นหุ้นส่วนกัน
การลงทุนหรือการลงหุ้นร่วมกันเป็นเงื่อนไขสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนการลงทุนหรือการลงหุ้นร่วมกันเป็นเงื่อนไขสำคัญของความเป็นหุ้นส่วน • ฎ. 1399/2523 ผู้เป็นหุ้นส่วนต้องมีเงินหรือทรัพย์สินอื่นหรือแรงงานมาลงหุ้น ถ้าไม่ได้ลงหุ้นแม้จะมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งกำไรก็ไม่ถือว่าเป็นหุ้นส่วน • ฎ. 832/2492 การทำมาหาได้ร่วมกันฉันพี่น้องหรือการทำมาหากินฉันสามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หากพิจารณาไม่ได้ความว่ามีการลงทุนเป็นหุ้นส่วนกันแล้วศาลก็ไม่แบ่งทรัพย์สินให้ในฐานะหุ้นส่วน • ฎ. 5252/2533 โจทก์และจำเลยต่างมีคู่สมรสก่อนแล้ว ต่อมาได้มาอยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสและช่วยกันประกอบอาชีพรถรับส่งผู้โดยสาร ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ในระหว่างนั้นเป็นของโจทก์และจำเลยร่วมกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งส่วนของโจทก์จากจำเลยได้ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ใช่เป็นหุ้นส่วนตามป.พ.พ. มาตรา 1012
การตกลงเข้ากันนั้น เพื่อกระทำกิจการร่วมกันคือต้องล่มหัวจมท้ายกัน เป็นกิจการเดียวกันหรือต้องอยู่ฝ่ายเดียวกัน ถ้าเป็นผู้ซื้อก็เป็นฝ่ายผู้ซื้อด้วยกัน ไม่ใช่อยู่คนละฝ่ายหรือมีผลประโยชน์ขัดกัน • เมื่อต้องทำกิจการร่วมกัน มาตรา1038จึงห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งมีสภาพดุจเดียวกัน และเป็นการแข่งขันกับกิจการของห้างหุ้นส่วน ไม่ว่าทำเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ
ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรซึ่งผู้นั้นหาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ห้างหุ้นส่วนได้รับความเสียหายเพราะเหตุนั้นก็ได้ แต่ห้ามมิให้ฟ้องเรียกเมื่อพ้นเวลาหนึ่งปีนับแต่วันทำการฝ่าฝืน
๓. มีวัตถุประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้จากกิจการที่ทำนั้น • หากกิจการที่ทำนั้นไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะหากำไร แม้มีการแบ่งรายได้ หรือการซื้อทรัพย์สินมาแล้วแบ่งทรัพย์สินกัน ไม่ใช่การแบ่งกำไร ก็ไม่เป็นการเข้าหุ้นส่วนกัน • ฎ. 696/2484 สองคนร่วมกันซื้อที่ดินแปลงหนึ่งเมื่อซื้อแล้วเอาที่ดินแปลงนั้นมาแบ่งกัน ไม่ใช่สัญญาหุ้นส่วน • การแบ่งส่วนกำไรและขาดทุนนั้นเป็นไปตามสัดส่วนที่ลงหุ้นของหุ้นส่วนแต่ละคน (ม. 1044) แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนอาจตกลงแบ่งส่วนกำไรหรือขาดทุนแตกต่างไปจากสัดส่วนของการลงหุ้นก็ได้
ในการแบ่งส่วนกำไรและขาดทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ลงแต่แรงงานของตนเป็นหุ้นนั้น ถ้าในสัญญาเข้าหุ้นส่วนได้ตีราคาแรงงานไว้เท่าใด ก็คำนวณแบ่งส่วนกำไรไปตามนั้น แต่ถ้าในสัญญาเข้าหุ้นส่วนไม่ได้ตีราคาค่าแรงไว้ การคำนวณส่วนกำไรของผู้เป็นหุ้นส่วนที่ลงหุ้นด้วยแรงงานนั้นก็ให้เป็นไปตามส่วนถัวเฉลี่ยของผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งได้ลงเงินหรือลงทรัพย์สินเข้าหุ้นในการนั้น (ม. 1028)
ตัวอย่าง ก. ข. และ ค. ตกลงกันเข้าหุ้นส่วนเพื่อเปิดร้านขายกาแฟเอากำไรมาบ่งปันกัน ก. ออกเงิน 2แสนบาท ข. นำห้องแถวราคา 5 แสนบาทมาลงหุ้น ค. ลงหุ้นด้วยแรงงานแต่ไม่ได้ตีราคาแรงงานไว้ การหามูลค่าทุนเพื่อคำนวณส่วนกำไรของ ค. ก็ให้เป็นไปตามส่วนถัวเฉลี่ยของมูลค่าของเงินและทรัพย์สินที่ ก. และ ข. นำมาลงหุ้น คือ 350,000 บาท
ถ้าผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันว่าถ้าห้างได้กำไรตนจะแบ่งเอากำไรเท่าไรหรือขาดทุนจะรับขาดทุนเท่าไรเพียงข้างเดียว มาตรา 1045 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าหุ้นส่วนของผู้นั้นมีส่วนกำไรและส่วนขาดทุนเป็นอย่างเดียวกัน ตัวอย่าง ก ข และ ค ทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันเพื่อดำเนินกิจการร้านขายกาแฟ โดย ก ตกลงกับ ข และ ค ว่าหากร้านได้กำไร ก จะขอแบ่งส่วนกำไร 30% โดยไม่ได้กล่าวถึงเรื่องขาดทุนเอาไว้เลย ดังนี้มาตรา 1045 สันนิษฐานไว้ว่า หากร้านขาดทุน ก ก็ต้องรับส่วนขาดทุน 30% เช่นกัน
ฎีกาที่ 817/2476 หุ้นส่วนที่ได้มีข้อตกลงแบ่งส่วนกำไรนั้น ถ้าขาดทุนก็ต้องขาดทุนด้วยตามส่วนที่ได้กำไรแม้เป็นเพียงหุ้นส่วนที่ลงแรงงาน • การตกลงว่าหุ้นส่วนบางคนจะรับแต่ส่วนขาดทุนอย่างเดียวโดยไม่รับแบ่งกำไรด้วยนั้นทำไม่ได้ เพราะขัดกับมาตรา 1012 • ปัญหาว่าจะตกลงกันให้หุ้นส่วนบางคนได้รับแต่ส่วนแบ่งผลกำไรโดยไม่ต้องร่วมขาดทุนด้วยได้หรือไม่? เรื่องนี้มีความเห็นเป็นสองแนวทาง คือ:
๑.มาตรา 1012 ไม่ได้ระบุว่าจะต้องร่วมขาดทุนด้วย และมาตรา 1025 บังคับว่าหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของห้างต่อบุคคลภายนอกโดยไม่จำกัด การมีข้อตกลงภายในว่าหุ้นส่วนบางคนจะไม่ร่วมขาดทุนด้วยไม่มีผลกระทบต่อเจ้าหนี้ของห้างแต่อย่างใด ๒. ศาลฎีกาเคยตัดสินว่าการที่หุ้นส่วนบางคนยอมรับแต่ผลกำไรอย่างเดียวโดยไม่ร่วมขาดทุนด้วยนั้น ไม่ถือเป็นสัญญาเข้าหุ้นส่วน (ฎีกาที่ 1375/2513)
ประเภทของห้างหุ้นส่วนประเภทของห้างหุ้นส่วน • มี 2 ประเภท คือ • ห้างหุ้นส่วนสามัญ: เป็นห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของห้างโดยไม่มีจำกัด (ม. 1025)ห้างหุ้นส่วนสามัญนี้จะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ หากจะทะเบียนแล้วก็จะมีสภาพเป็นนิติบุคคล เรียกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล • ห้างหุ้นส่วนจำกัด: เป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนอยู่ 2 จำพวก คือ 1) หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกนี้จะรับผิดในบรรดาหนี้สินของห้างไม่เกินจำนวนที่ตามรับว่าจะลงหุ้น 2) หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกนี้จะต้องรับผิดร่วมกันในบรรดานี้สินของห้างโดยไม่มีจำกัดจำนวน
ผลของการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน(ม.1015)ผลของการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน(ม.1015) • มีสภาพเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งมีผล คือ 1) มีสิทธิและหน้าที่ของตนแยกต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วน 2) มีสิทธิใช้ชื่อของตนเอง 3) มีสิทธิที่จะฟ้องคดีหรือถูกฟ้องคดีได้หรือร้องสอดเข้าเป็นคู่ความในคดี 4) มีภูมิสำเนาเป็นของตนเอง 5) มีสัญชาติของตนเอง
ฎ. 1525/2495 การฟ้องนิติบุคคลเป็นจำเลยนั้น โจทก์เพียงแค่ระบุชื่อนิติบุคคลเป็นจำเลย โดยไม่ระบุชื่อผู้แทนนิติบุคคลมาด้วยก็ได้ เพราะนิติบุคคลย่อมมีผู้ดำเนินการอยู่ในตัวตามกฎหมาย • ฎีกาที่ 3625/2546โจทก์เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามป.พ.พ. และมิได้มีกำหมายใดกำหนดให้โจทก์เป็นนิติบุคคล โจทก์จึงไม่ใช่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ไม่อาจเข้าเป็นคู่ความในคดีได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ฎ. 2082/2543 คณะบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รวมกันเป็นหน่วยภาษีตามประมวลรัษฎากรมีหน้าที่ยืนรายการเงินได้สำหรับจำนวนเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีเสมือนเป็นบุคคลธรรมดาคนเดียว โดยบุคคลแต่ละคนในคณะบุคคลไม่จำต้องยื่นรายการเงินได้สำหรับจำนวนเงินได้พึงประเมินของคณะบุคคลนั้นเพื่อเสียภาษีอีก เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการจดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งลักษณะ 22 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1015 คณะบุคคล บังอร - พงศ์วิทย์ ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายและเมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่า นางบังอรและนายพงศ์วิทย์ ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัว ผู้เป็นโจทก์ในคดีนี้จึงไม่ใช่บุคคลธรรมดาด้วยเช่นกันจึงไม่อาจเป็นคู่ความในคดีได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ฎีกาที่ 4264/2547โจทก์และ ส. ตกลงกันเข้าเป็นหุ้นส่วนทำกิจการบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ แม้ในการทำสัญญาขายที่ดินพร้อมอาคารแก่จำเลยจะได้มอบอำนาจให้ ว. เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนอันมีผลทำให้โจทก์และ ส. ผูกพันตามสัญญาที่ ว. ทำไว้กับจำเลยซึ่งโจทก์หรือ ส. ผู้เป็นหุ้นส่วนมีสิทธิฟ้องจำเลยได้โดยลำพังก็ตาม แต่การฟ้องคดีก็ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เมื่อโจทก์และ ส. ยังเป็นหุ้นส่วนกันอยู่ การที่โจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระหนี้เฉพาะส่วนของตนกึ่งหนึ่ง จึงเป็นการฟ้องเรียกหนี้สินของห้างหุ้นส่วนสามัญในฐานะส่วนตัว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องได้