1 / 65

นโยบายและการวางแผนพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น Education Policy and Planning for Locality Development

นโยบายและการวางแผนพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น Education Policy and Planning for Locality Development. หลัก 3 V ของการเป็นนักบริหาร. Vision ผู้บริหารจะต้องเฉลียวฉลาด มองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชัดเจน รู้จักคาดการณ์ล่วงหน้า

telyn
Download Presentation

นโยบายและการวางแผนพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น Education Policy and Planning for Locality Development

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. นโยบายและการวางแผนพัฒนาการศึกษาท้องถิ่นนโยบายและการวางแผนพัฒนาการศึกษาท้องถิ่น Education Policy and Planning for Locality Development

  2. หลัก 3 Vของการเป็นนักบริหาร • Vision ผู้บริหารจะต้องเฉลียวฉลาด มองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างชัดเจน รู้จักคาดการณ์ล่วงหน้า • Visualผู้บริหารต้องเป็นคนของสังคม ปรากฏกายต่อสังคมให้คนมองเห็น คือ รู้จักออกสังคมบ้างอย่าเอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัว “การเป็นผู้บริหารที่ดีกับการเป็นสามีที่ดี ไปด้วยกันไม่ได้” โสเครตีส กล่าวไว้ • Vocalผู้บริหารต้องแสดงรู้จักแสดงออก รู้จักพูดคุย เพราะยิ่งพูดคนยิ่งรู้จัก ยิ่งศรัทธาในความเป็นผู้นำ อย่าเป็นคนที่คมแต่ในฝัก (สึกดีกว่าเป็นสนิม)

  3. ทักษะทางการบริหาร • เก่งงาน (Technical Skill): • รอบรู้: สารเชิงเทคนิคของงาน • รอบคอบ: ในการกำหนดมาตรฐานของขั้นตอนการปฏิบัติงาน (standard operating procedure=SOP) • รอบด้าน: ในการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงาน • เก่งคน (Human Skill): • อ่านคนออก • ดูคนเป็น • ใช้คนถูก • ผูกใจคนได้ • ให้รางวัลแล้วยอมรับ • ลงโทษแล้วได้รับความนับถือ • เก่งคิด (Conceptual Skill): • คิดงานให้คนทำ • ปรับปรุงหรือพัฒนางานเดิมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ใหม่ • คิดงานใหม่ ให้เหมาะสมกับกำลังคนที่มีอยู่ • ปรับปรุง พัฒนาศักยภาพของคน และสรรหาคนรุ่นใหม่ให้สอดรับกับกลยุทธ์ที่เปลี่ยนไป

  4. บริบทของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมบริบทของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

  5. บริบทของการเปลี่ยนแปลงบริบทของการเปลี่ยนแปลง สังคม เศรษฐกิจ บริบทของการเปลี่ยนแปลง การบริโภค ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี

  6. บริบทของการเปลี่ยนแปลงบริบทของการเปลี่ยนแปลง สังคม • สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ • การเปลี่ยนจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมืองมากขึ้น • ความอบอุ่น/ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวลดลง • เด็ก/เยาวชนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมากขึ้น • ภัยจากการก่อการร้าย • ปัญหาภาวะสุขภาพที่เกิดจากสาเหตุใหม่หรือโรคระบาด • เศรษฐกิจ • ภาวะเศรษฐกิจถดถอย • ฐานการผลิตหลากหลาย • พึ่งพิงการนำเข้าสูง • ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม • ป่าไม้ลดลง ดินเสื่อมโทรม • แม่น้ำลำคลองตื้นเขิน เก็บน้ำได้น้อยลง น้ำเสีย • สภาพอากาศ ไม่เป็นไปตามฤดูกาล • ระบบนิเวศน์เริ่มเสียสมดุล • ความหลากหลายชีวภาพถูกคุกคาม • คุณภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม • เทคโนโลยี • ใช้เทคโนโลยีติดต่อสื่อสาร/บันเทิง มากขึ้น • การใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นมากทั้งในระดับบุคคลและครอบครัว • นาโนเทคโนโลยีและเทคโนโลยีชีวภาพ • การบริโภค • เปลี่ยนเป็นการซื้อทุกอย่าง • เลียนแบบการบริโภค • วิถีชีวิตแบบคนเมืองมากขึ้น • การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มมากขึ้น

  7. นโยบาย (Policy)

  8. นโยบาย (Policy)คืออะไร • ขอบเขตของเหตุผลที่ผู้บริหารใช้ในการตัดสินใจ(William G. Scott , 1974) • การพูด หรือการเขียนถึงขอบเขต และแนวทางทั้งหมดของการปฏิบัติงาน(George R.Terry, 1977) • หลักการ แผนการ หรือแนวทางของการปฏิบัติงาน(Charles E. Jacop, 1966) • การตัดสินใจขั้นตอน อย่างกว้างๆ จากข้อมูลทั่วไป เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการปฏิบัติงาน ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้(William T. Greenwood, 1965) • อุบายหรือ กลเม็ดที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้พิจารณาเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายของส่วนรวมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเหมาะสม (อมร รักษาสัตย์)

  9. นโยบาย (Policy)คืออะไร หมายถึง ข้อความหรือความเข้าใจร่วมกันอย่างกว้างๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเพื่อการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ของผู้บริหารผู้ที่ออกนโยบายต้องเป็นที่มีอำนาจหน้าที่ในหน่วยงานองค์กรนั้น ๆ

  10. นโยบาย (Policy)คืออะไร กล่าวโดยสรุป นโยบาย คือ 1. แนวคิดหรือข้อความที่เข้าใจร่วมกัน 2. แนวทางในการปฏิบัติของผู้บริหารหรือหน่วยงาน • บอกทิศทางในการทำงาน (Direction) • บอกเป้าหมาย (Ultimate Goal) • เป็นยุทธศาสตร์ในการบริหาร (Strategy) • ช่วยให้ผู้ร่วมงานเข้าใจแนวทางการดำเนินงาน (Objective) • เป็นกรอบที่ดี/แนวทาง/ประโยชน์ต่อส่วนรวม (Stakeholder/Customer)

  11. นโยบาย แยกตามลักษณะงาน (Anderson)

  12. การจำแนกนโยบาย • แหล่งที่มา (Source) • นโยบายริเริ่ม (Originate Policy)เกิดจากผู้บริหารระดับสูง จัดทำขึ้นเป็นแนวทางปฏิบัติ แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมด • นโยบายร้องเรียน (Imposed Policy) เกิดจากแรงกดดันภายนอกองค์การ เช่น อิทธิพลรัฐบาล กฎระเบียบ กลุ่มอิทธิพล ซึ่งองค์การหลีกเลี่ยงไม่ได้ • นโยบายโดยปริยาย (Implied Policy) นโยบายของผู้บริหารที่ผู้บริหารใหม่ ใช้เชื่อมต่อการปฏิบัติขององค์กร

  13. การจำแนกนโยบาย ลักษณะการเกิด (Origin) 1.นโยบายภายใน (Interval Policy)เกิดจากองค์กร กำหนดใช้เป็นแนวการดำเนินงาน อาจได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ กลุ่มบุคคลในหน่วยงาน (Originated or Appealed Policy) 2.นโยบายภายนอก (External Policy) เป็นนโยบายที่หน่วยงานสนองตอบ อิทธิพลจากภายนอก ที่มากระทบองค์กร เช่น กฎหมาย นโยบายรัฐ การแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ

  14. การจำแนกนโยบาย ระดับชั้นการบริหารองค์กร (Original level of Management) 1.นโยบายพื้นฐาน (Basic Policy)กำหนดโดย Top Executives เพื่อองค์กรทั่วไป ลักษณะแนวคิดกว้าง ๆ 2.นโยบายทั่วไป (General Policy) กำหนดโดย Middle Managers เพื่อให้ รายละเอียดสอดคล้องรับกับ Basic Policy 3. นโยบายเฉพาะหน่วยงาน (Departmental Policy) กำหนดโดยหัวหน้าหน่วยย่อย ขององค์กร

  15. การจำแนกนโยบาย จำแนกตามลักษณะ (Attributed Policy) 1.นโยบายควบคุม เช่น ภาษี เกณฑ์ทหาร ทรัพยากร อัตราแลกเปลี่ยน 2.นโยบายแจกจ่าย เช่นการพัฒนาด้านต่างๆ งบประมาณ โครงการ 3. นโยบายการจัดการทรัพยากร นโยบายน้ำ นโยบายป่าไม้ ที่ดิน 4. นโยบายการระดมความร่วมมือ เช่น ระดมทุน การมีส่วนร่วม 5. นโยบายส่งเสริม วัฒนธรรม จริยธรรม คุณภาพชีวิต

  16. ขั้นตอนการกำหนดนโยบาย (Charies O Jones)

  17. ลักษณะของนโยบายที่ดี • เป็นแนวทางการปฏิบัติงานขององค์กร ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด • ทำให้ทุกคนในองค์กรทราบถึงแนวทางโดยรวมขององค์กร • เป็นข้อความที่เข้าใจง่าย และต้องเป็นลายลักษณ์อักษร • ชี้ให้เห็นถึงเงื่อนไข และช่วงทางการปฏิบัติงานในอนาคต • เป็นเหตุ เป็นผล และนำไปปฏิบัติได้ • สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าจำเป็น และมีเหตุผล • ต้องได้รับการตรวจสอบและทบทวนเป็นระยะๆ • เปิดโอกาสให้ผู้นำไปปฏิบัติ แปลความ และตัดสินใจด้วยตนเอง • (Joseph L. Massie and John Douglas, 1981)

  18. ลักษณะของนโยบายที่ดี • กำหนดบนพื้นฐานของข้อมูลความจริง • นโยบายบังคับบัญชาและใต้บังคับ ต้องไม่ขัดกัน • นโยบายต่างแผนกในองค์กรเดียวกันไม่ควรขัดแย้งกัน • เป็นข้อความที่ให้ความหมาย ที่เข้าใจได้และเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร • ยืดหยุ่นแต่มั่นคงในหลักการ • ควรมีขอบเขตที่เข้าใจได้ด้วยเหตุผล • (Wayne R. Mondy and Associates, 1988)

  19. ความสำคัญของนโยบาย 1.เป็นแนวทางการปฏิบัติ (A Guide of Action) อย่างกว้างๆ ที่มีลักษณะเป็นAbstract 2.ช่วยให้ผู้บริหารทราบว่า จะมีภารกิจของหน่วยงาน และการดำเนินงานขององค์การอย่างไร 3. ช่วยทุกฝ่ายในองค์กร เข้าใจภารกิจของหน่วยงาน ภารกิจไม่ซ้ำซ้อน และประสานการทำงานกัน 4. ก่อให้เกิด เป้าหมายในการปฏิบัติ ประสิทธิภาพในงาน เกิดพลัง หรือศักยภาพในบุคลากร 5. สนับสนุน ส่งเสริมการใช้อำนาจของผู้บริหาร ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง มีเหตุผลและยุติธรรม สร้างความเชื่อถือ จงรักภักดี และน้ำใจ

  20. ความสำคัญของนโยบาย 6. ก่อให้เกิดการพัฒนาทางการบริหาร เมื่อมีการแปลความ (Interpretation) ไปสู่การปฏิบัติได้ (Feasibility) ของผู้บริหาร 7. นโยบายช่วยประหยัดเวลา เพราะได้คาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว 8. นโยบายก่อให้เกิดความมั่นคง ในองค์กร และลดความเครียดเพื่อทราบทิศทาง 9.นโยบายก่อให้เกิดการประสานงาน และประสานการทำงาน 10. เป็นโครงร่าง ให้ผู้บริหารตัดสินใจ เมื่อได้รับมอบหมายงาน

  21. แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 – 2554 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 1. ปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ โดยปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการ ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และระดมทรัพยากร เพื่อการปรับปรุงการบริหารจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับอุดมศึกษา พัฒนาครู พัฒนาระบบการคัดเลือกเข้าสู่มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตร รวมทั้งปรับหลักสูตรวิชาแกนหลักรวมถึงวิชาประวัติศาสตร์ ปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน พัฒนาทักษะในการคิดวิเคราะห์ ปรับบทบาทการศึกษานอกโรงเรียนเป็นสำนักงานการศึกษาตลอดชีวิต และจัดให้มีศูนย์การศึกษาตลอดชีวิต เพื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ตลอดถึงการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง 2. ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ โดยมุ่งเน้นในระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา เพื่อให้สนองตอบความต้องการด้านบุคลากรของภาคเศรษฐกิจ 3. พัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ได้ครูดี ครูเก่ง มีคุณธรรม มีคุณภาพ และมีวิทยฐานะสูงขึ้น ลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนตามโครงการคืนครูให้นักเรียน มีการดูแลคุณภาพชีวิตของครู ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และจัดตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตครู ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เน้นการพัฒนาเนื้อหาสาระและบุคลากร ให้พร้อมรองรับและใช้ประโยชน์จากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างคุ้มค่า 4. จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาแก่ประชากรในกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ทั้งผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ผู้บกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา และชนต่างวัฒนธรรม รวมทั้งยกระดับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน

  22. แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 – 2554 รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี 5. ยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาไปสู่ความเป็นเลิศ โดยการจัดกลุ่มสถาบันการศึกษาตามศักยภาพ ปรับเงินเดือนค่าตอบแทนของผู้สำเร็จอาชีวศึกษาให้สูงขึ้น โดยภาครัฐเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างของการใช้ทักษะอาชีวศึกษาเป็นเกณฑ์กำหนดค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในงาน ควบคู่กับการพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา 6. ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้มีการประนอมและไกล่เกลี่ยหนี้ รวมทั้งขยายกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาอาชีวศึกษาและปริญญาตรีเพิ่มขึ้น 7. ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ เชิงสร้างสรรค์ อย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ 8. เร่งรัดการลงทุนด้านการศึกษาและเรียนรู้อย่างมีบูรณาการในทุกระดับการศึกษาและในชุมชน โดยใช้พื้นที่และโรงเรียนเป็นฐานบูรณาการทุกมิติ และยึดเกณฑ์การประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็นหลัก ในการยกระดับคุณภาพโรงเรียนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และส่งเสริมความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาและวิจัยพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตในชุมชน โดยเชื่อมโยงบทบาทสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบันทางศาสนา

  23. งานที่มอบหมายครั้งที่ 1 แบ่งกลุ่มเป็น 8 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มเลือกวิเคราะห์นโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลปัจจุบัน จำนวน 1 ข้อ แล้วนำเสนอตามประเด็นดังต่อไปนี้ • ประเด็นที่ได้จากนโยบายข้อนี้มีอะไรบ้าง • ท่านคิดว่านโยบายข้อนี้มีความเป็นไปได้หรือไม่ • ท่านมีแนวทาง/วิธีการ ในการขับเคลื่อนนโยบายนี้อย่างไร

  24. การวางแผนและแผน (Planning & Plan)

  25. แผนและการวางแผน (Plan & Planning ) การวางแผน(Planning) แผน (Plan)

  26. การวางแผน (Planning) การวางแผนคืออะไร • โดยรูปศัพท์แล้ว คำว่า การวางแผน (Planning) มาจากคำในภาษาลาตินว่า Planum ซึ่งหมายถึงพื้นราบ (Flat Surface) และได้นำมาใช้ในภาษาอังกฤษในความหมายดั้งเดิมว่า “การกำหนดแบบฟอร์มในทางราบ” เช่นแผนผัง แผนที่ ตลอดจนแบบพิมพ์ของสิ่งก่อสร้างต่างๆ (Blue Print) (Dictionary of the English Language, 1967 : 100) • Herbert และ Gullett, (1987) ให้ความหมายว่า เป็นการกำหนดความสำเร็จล่วงหน้าที่วิเคราะห์จากข้อมูลจากการตัดสินใจที่ผ่านมาและประเมินถึงอนาคต • Putti (198 : 97) ให้ความหมายไว้ว่า เป็นการคาดการณ์ถึงหน้าที่การบริหารอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกระบวนการรับรู้ การวิเคราะห์ การได้รับความรู้โดยได้รับจากการสื่อสาร การตัดสินใจและการดำเนินการ • อุทัย บุญประเสริฐ (2532 : 19) ให้ความหมายไว้ว่า เป็นความเพียรพยายามขององค์การและหน่วยงานในการกำหนดสิ่งที่จะต้องปฏิบัติจัดทำ เพื่อให้ตอบสนองต่อภารกิจตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการให้ได้ผลดีที่สุด ด้วยวิธีการที่เหมาะสมที่สุด มีประสิทธิภาพสูงภายใต้ความ

  27. การวางแผน (Planning) การวางแผน(Planning) เป็นกระบวนการเลือกวิธีดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ในอนาคต

  28. องค์ประกอบของการวางแผนองค์ประกอบของการวางแผน องค์ประกอบ 3 ประการ ของการวางแผน • เป็นกระบวนการ (Process) • เป็นการเลือกกำหนดวิธีดำเนินการหรือการกระทำ (Alternative the Action) • เป็นการทำงานที่ต่อเนื่องกันไปให้สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (Action to Objective) • เป็นการคาดการณ์ถึงความสำเร็จในอนาคต (Future Forecasting)

  29. ความสำคัญของการวางแผนความสำคัญของการวางแผน 1. ทำให้การทำงานของบุคลากรประสานงานซึ่งกันและกัน โดยมีแผนเป็นกรอบในการดำเนินงาน (Frame of Reference) 2. ช่วยให้เกิดการประหยัดในการบริหารทรัพยากร เช่น คน เงิน วัสดุและการจัดการ แทนที่จะต้องเสียเวลาดำเนินการไปโดยไม่มีทิศทางที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์การซึ่งจะทำให้เสียหายต่อทรัพยากรในการบริหารดังกล่าว 3. ช่วยให้การปฏิบัติงานสำเร็จลุล่วงไปโดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเพราะมีแผนเป็นแนวปฏิบัติงานให้เป็นแนวทางอยู่แล้ง 4. เป็นการแบ่งเบาภาระ หน้าที่การงานของบุคลากรระดับบริหารได้เป็นอย่างดี เพราะการมีแผนจะต้องมีการกำหนดหน้าที่ในการปฏิบัติงาน (Job Description) 5. ทำให้สามารถระดมสรรพกำลังของทรัพยากร (Mobilization of Resources) ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่ คน เงิน วัสดุ และการจัดการ 6. หัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา สามารถทราบปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานตามแผน (Plan Implementation) ได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถปรับปรุงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคได้ทันท่วงที

  30. หลักสำคัญของการวางแผนเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้ได้ผลดีหลักสำคัญของการวางแผนเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานให้ได้ผลดี ควรพิจารณาในสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ 1. การวางแผนควรกระทำเมื่อใด โดยปกติการวางแผนนั้นควรจะได้เริ่มปฏิบัติจัดทำขณะที่เริ่มดำเนินงานเป็นอันดับแรก ผู้บริหารจะต้องวางแผนใหม่เพื่อให้ได้ผลประโยชน์อย่างเต็มที่ 2. วัตถุ ประสงค์ นโยบาย จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ชัดเจนเพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดของการวางแผน แผนงานที่กำหนดขึ้นจะล้มเหลวและไร้ความหมายหากไม่ทำความเข้าใจให้ดีก่อน 3. ปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการวางแผนที่สำคัญได้แก่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ คนเงิน วัสดุ สิ่งของ สถานที่เวลา ฯลฯ จะต้องจัดเตรียมให้พร้อม 4. วิธีดำเนินงานตามแผน กล่าวคือ เมื่อวางแผนแล้ว ต้องพิจารณาหาลู่ทางวิธีการที่จะดำเนินการตามแผนที่กำหนดขึ้นไว้ให้ล่วงหน้าเพื่อสามารถวางมาตรการในการควบคุมได้ 5. คำนึงถึงสภาพแวดล้อม ตลอดจนธรรมเนียมของคนกลุ่มนั้นๆ ยึดถือ

  31. ขั้นตอนของการวางแผน 1.1 วิเคราะห์แนวโน้มทางสิ่งแวดล้อม (Analysis Environmental Trends) 1.2 พัฒนาเป้าหมาย (Develop Objectives) 1.3 พัฒนาลำดับความสำคัญของเป้าหมาย (Develop a Hierarchy of Objectives) 2.1 ศึกษาทางเลือก (Study) 2.2 กำหนดทางเลือก (List) 2.3 วิเคราะห์ทางเลือก (Analysis) 2.4 ลำดับความสำคัญ (Set priority) 4.1 นำแผนไปสู่การปฏิบัติ (Put the Plan into Action) 3.1 แยกแยะปัญหาที่มีอยู่ (Identify Exciting Problem) 3.2 กำหนดทางเลือกที่ชัดเจนของปัญหา (List Alternative Problem Solution) 3.3 เลือกทางเลือกที่มีคุณค่าที่สุด (Select the Most Beneficial Alternative) 3.4 นำทางเลือกนั้นไปปฏิบัติ (Implement Chosen Alternative) 3.5 รวบรวมปัญหา รอผลการปฏิบัติ (Gather Problem Related Feedback)

  32. ประโยชน์ของการวางแผน มีความชัดเจนในการดำเนินงานทุกระดับในองค์การ ลดความเสี่ยงของความผิดพลาดในการดำเนินงาน ลดความสูญเสีย (เวลา งบประมาณ ทรัพยากร) เพิ่มประสิทธิภาพงานตามเป้าหมาย เป็นเครื่องมือควบคุมงาน

  33. อุปสรรคของวางแผน ผู้บริหารกับการเห็นความสำคัญ สนับสนุน ความสมบูรณ์ของข้อมูลในการจัดทำแผน ความสามารถ ทักษะ ในการจัดทำแผน ความร่วมมือของคนในองค์การ ประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ

  34. แผน (Plan) แผน (Plan) แนวทางหรือวิธีการหรือกลุ่มของแผนงาน โดยจะรวมแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน

  35. ประเภทของแผน แผนแบ่งตามระยะเวลา • แผนระยะสั้น (Short – Range Plan) ระยะเวลา 1-2 ปี • แผนระยะปานกลาง (Medium – Range Plan) ระยะเวลา 5-7 ปี • แผนระยะยาว (Long – Range Plan) ระยะเวลา 10 ปีขึ้นไป

  36. ประเภทของแผน ระยะยาว แผนพัฒนา ระยะกลาง ระยะกลาง แผนยุทธศาสตร์ แผนกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ ระยะสั้น

  37. ตามสถานที่ แผนระดับชาติ แผนระดับภาค แผนระดับจังหวัด แผนระดับอำเภอ แผนระดับตำบล ตามหลักเศรษฐศาสตร์ แผนมหภาค แผนรายสาขา ตามสายงาน แผนระดับชาติ แผนระดับกระทรวง แผนระดับกรม หรือสำนักงาน หรือองค์การ แผนระดับกอง หรือฝ่าย ประเภทของแผน

  38. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 76 คณะรัฐมนตรีต้องจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อแสดงมาตรการและรายละเอียดของแนวทางในการปฏิบัติราชการในแต่ละปีของการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องจัดให้มีแผนการตรากฎหมายที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามนโยบายและแผนการบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  39. ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 กฎหมายที่เกี่ยวข้อง • ข้อ 28/1 ให้จังหวัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด และจัดส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนวันเริ่มต้นปีงบประมาณไม่น้อยกว่าสิบห้าวันพร้อมกับคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของจังหวัด แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแล้วในวรรคหนึ่ง ให้จังหวัดใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด

  40. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550 มาตรา 52 วรรคสามเพื่อประโยชน์ในการบริหารงานแบบบูรณาการในจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด ให้จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดยื่นคำขอจัดตั้งงบประมาณได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ในกรณีนี้ให้ถือว่าจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ มาตรา 53/1 ให้จังหวัดจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นในจังหวัด

  41. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 “การบริหารราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ กำหนดให้คณะรัฐมนตรีจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินตลอดระยะเวลาการบริหารราชการของคณะรัฐมนตรี (มาตรา 13) ให้ส่วนราชการต้องกำหนดแผนปฏิบัติราชการไว้ล่วงหน้า โดยแผนนั้นต้องมีรายละเอียดของขั้นตอน ระยะเวลา งบประมาณที่จะต้องใช้ดำเนินการในแต่ละขั้นตอน เป้าหมายของภารกิจและตัวชี้วัดความสำเร็จของภารกิจ และต้องจัดให้มีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส่วนราชการกำหนดขึ้น”

  42. สรุป นโยบาย (Policy) ข้อความหรือความเข้าใจร่วมกันอย่างกว้างๆ ที่ใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเพื่อการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ของผู้บริหาร ผู้ที่ออกนโยบายต้องเป็นที่มีอำนาจหน้าที่ในหน่วยงานองค์กรนั้น ๆ การวางแผน(Planning) กระบวนการกำหนดวัตถุประสงค์และการระบุถึงสิ่งที่ควรจะทำให้สำเร็จ ผลที่ได้จากการวางแผน คือตัวแผนนั่นเอง แผน (Plan) แนวทางหรือวิธีการหรือกลุ่มของแผนงาน โดยจะรวมแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน

  43. การวางแผนยุทธศาสตร์(StrategicPlanning)การวางแผนยุทธศาสตร์(StrategicPlanning)

  44. นำพาองค์กรสู่ความสำเร็จตามภารกิจนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จตามภารกิจ สามารถบรรลุวิสัยทัศน์ที่ได้วางไว้ ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน สามารถก่อให้เกิดคุณค่าหรือประโยชน์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เป้าหมายสูงสุดขององค์กร

  45. ทำไมต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ทำไมต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ • การวางแผนในองค์กรจะมองระยะยาว • การจัดโครงสร้างองค์กรจะเป็นแนวราบและเป็นเครือข่าย(Flat Organization & Networking) • การกระจายอำนาจตัดสินใจสู่ผู้ปฏิบัติจะมากขึ้น (Empowerment) • องค์กรช่วยเหลือตัวเองมากขึ้นรัฐจะช่วยน้อยลง (Self-sustainable) • ประชาคมจะมีส่วนร่วมมากขึ้น (Participation) • การใช้ความรู้เชิงสหวิทยาการมีความจำเป็นมากขึ้น • การแก้ปัญหาจะต้องมองภาพที่เป็นลักษณะองค์รวม

  46. ปัญหาและข้อจำกัดของวางแผนยุทธศาสตร์ในปัจจุบันปัญหาและข้อจำกัดของวางแผนยุทธศาสตร์ในปัจจุบัน • ความสับสนในความหมายที่แท้จริงของยุทธศาสตร์ • กำหนดยุทธศาสตร์โดยขาดพื้นฐานที่เพียงพอและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ • ความยึดมั่นในทฤษฎีมากเกินไป • การกำหนดยุทธศาสตร์มักจะมุ่งเน้นจากภายใน มากกว่ามองจากภายนอก • การบริหารยุทธศาสตร์ที่เป็นชิ้นส่วน (Parts) และเป็นขนมชั้น • การขาดความเชื่อมโยงที่นำไปสู่การปฏิบัติ • ผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง • บุคลากรมุ่งแต่งานประจำ ละเลยยุทธศาสตร์ • ขาดผู้รับผิดชอบหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์

  47. ความหมาย ยุทธศาสตร์ (Strategy) • ภาษากรีก Strategia หมายถึง การนำทัพ (Generalship) หรือ แปลว่า ศิลปะในการนำทัพของแม่ทัพ หรือความเป็นผู้นำ (Arts of general or Leadership) • สิ่งที่เกี่ยวกับกลวิธีที่ใช้เป็นหลักในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ (ทองหล่อ เดชไทย 2544) • วิธีหรือแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อให้เกิดผลดีที่เป็นข้อได้เปรียบ และสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์อันใดอันหนึ่งหรือหลายวัตถุประสงค์พร้อมกัน โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด (ธงชัย สันติวงษ์ 2539)

  48. ความหมาย ยุทธศาสตร์ (Strategy) วิธีหรือแนวทางในการบรรลุจุดหมายของหน่วยงาน ที่มีการใช้ความคิดเป็นพิเศษ เพื่อกลั่นเอาแนวทางที่ดีที่สุด และสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์ทุกประเภท ให้กลับกลายเป็นประโยชน์แก่หน่วยงาน ไม่ว่าขณะนั้นองค์การจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงได้เปรียบ หรือเสียเปรียบก็ตาม • วิธีหรือแนวทางที่พิเศษ ดีที่สุด • สามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์ทุกประเภท ให้กลับกลายเป็นประโยชน์แก่หน่วยงาน าม

  49. การวางแผนยุทธศาสตร์และการวางกลยุทธ์เป็นการกำหนดจุดมุ่งหมายและแนวทางการดำเนินงานขององค์การในระยะยาวการวางแผนยุทธศาสตร์และการวางกลยุทธ์เป็นการกำหนดจุดมุ่งหมายและแนวทางการดำเนินงานขององค์การในระยะยาว

  50. ลักษณะงานที่จัดอยู่ในยุทธศาสตร์ลักษณะงานที่จัดอยู่ในยุทธศาสตร์ งานใหม่ ยุทธศาสตร์ การพัฒนางานประจำ งานประจำที่ดำเนินการเป็นปกติ

More Related