1 / 38

เสนอ

เสนอ. นางสุภาวัลย์ บุญใส. โดย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 กลุ่ม 2 โรงเรียนขุ ขันธ์ จังหวัดศรีสะ เกษ.

stash
Download Presentation

เสนอ

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. เสนอ นางสุภาวัลย์ บุญใส โดย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 กลุ่ม 2 โรงเรียนขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

  2. คลื่นโทรทัศน์ คือ การส่งสัญญาณถ่ายทอดเสียงและภาพพร้อมกันจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยเครื่องที่เปลี่ยนสัญญาณภาพและเสียงเป็นคลื่นโทรทัศน์ เรียกว่า เครื่องส่งสัญญาณโทรทัศน์ และเครื่องที่เปลี่ยนคลื่นโทรทัศน์เป็นสัญญาณภาพและเสียง เรียกว่าเครื่องรับโทรทัศน์

  3. ปัจจุบันคลื่นโทรทัศน์นั้นมีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือสื่อสารขั้นพื้นฐานของโลกก็ว่าได้ ที่ไม่ว่าเกือบทุกครอบครัวก็ใช้สัญญาณนี้ในการติดต่อสื่อสาร หรือการรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ หรือแม้แต่เพื่อความบันเทิงผ่อนคลาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ก็ใช้การรับคลื่นโทรทัศน์ผ่านเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ ที่เราเรียกว่า โทรทัศน์ หรือทีวี นั่นเอง

  4. เมื่อ พ.ศ.2407 เจมส์ แมกเวลล์ (James Clerk Maxvell) ได้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ คลื่นแม่เหล็ก และ คลื่นไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปด้วยกัน แต่คลื่นทั้งสองตั้งฉากกัน ซึ่งต่อมาก็นำมาใช้เป็นคลื่นพาห์ซึ่งเป็นนำคลื่นเสียงในวิทยุและนำทั้งคลื่นเสียงและภาพในโทรทัศน์ เป็นการแพร่สัญญาณจากสถานีส่งไปยังเครื่องรับซึ่ง รูดอล์ฟเฮิร์ทซ์ (Rudolph Henrich Hertz) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ได้ผลิตเครื่องมือที่สามารถนำเอาคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาใช้เป็นประโยชน์ในการสื่อสารและได้ประกาศให้โลกยอมรับรู้เมื่อ พ.ศ.2429 และให้สื่อสิ่งที่เขาค้นพบว่า คลื่นเฮิร์ทซ์ (Hertzain Wave) และชื่อของเขาก็ได้รับการยกย่องให้ใช้เรียกหน่วยของความถี่คลื่นวิทยุทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้หน่วยของความถี่ (จำนวนที่เคลื่อนที่ผ่านจุดหนึ่งจุดใดในเวลา 1 วินาที) เรียกว่า ไซเกิ้ล

  5. ในศตวรรษที่ 19 นี้ ได้มีผู้ค้นพบโทรทัศน์ขึ้น คือ ปอลนิพโกว์ (Paul Nipkow) ชาวเยอรมัน ได้ค้นพบวิธีที่จะทำให้ภาพเป็นเส้นทางบนจอได้ ปอลนิพโกว์ ได้คิดค้นเครื่องสแกนภาพแบบใหม่ที่ใช้จานหมุนที่มีรูเล็กๆ เรียงกันในลักษณะเป็นก้นหอยเรียกว่านิพโกว์ดิสก์ (Nipkow disk) ในการอ่านภาพ ซึ่งถือเป็นประดิษฐ์กรรมต้นแบบของเครื่องสแกนรวมทั้งเทคโนโลยีการถ่ายทอดภาพของวงการโทรทัศน์ในปัจจุบัน ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโทรทัศน์ ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโทรทัศน์

  6. สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลกคือ บีบีซี ของอังกฤษแพร่ภาพออกสู่ประชาชนเป็นทางการครั้งแรกเมื่อ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2479 ได้มีพิธิเปิดแพร่ภาพเป็นครั้งแรกที่พระราชวังอเล็กซานด้าในกรุงลอนดอน โดยได้ใช้วิธีการสแกนภาพระบบของแบร์ด ในขณะนั้นทั่วประเทศอังกฤษมีเครื่องรับเพียง 100 เครื่องเท่านั้น แพร่ภาพครั้งหนึ่งไม่เกิน 3 ชั่วโมง จัดเป็นช่วงแพร่ภาพ 3 ช่วง ภาพที่เครื่องรับกว้าง 10 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ราคาเครื่องละประมาณ 6,000 บาท ในสมัยนั้นนับว่าแพงมาก แต่ในชั่วระยะเวลา 2 ปี ในอังกฤษก็มีเครื่องรับถึง 3,000 เครื่อง

  7. คลื่นโทรทัศน์มีความถี่ประมาณ 108เฮิรตซ์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงขนาดนี้จะไม่สะท้อนที่ชั้น ไอโอโนสเฟียร์ แต่จะทะลุผ่านชั้นบรรยากาศไปนอกโลก ดังนั้นในการส่งคลื่นโทรทัศน์ไปไกลๆ จะต้องใช้สถานีถ่ายทอดคลื่นเป็นระยะๆ เพื่อรับคลื่นโทรทัศน์จากสถานีส่งซึ่งมาในแนวเส้นตรง แล้วขยายให้สัญญาณแรงขึ้นก่อนที่จะส่งไปยังสถานีที่อยู่ถัดไป เพราะสัญญาณเดินทางเป็นเส้นตรง ดังนั้นสัญญาณจะไปได้ไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตร บนผิวโลกเท่านั้น

  8. ทั้งนี้เพราะผิวโลกโค้ง หรืออาจใช้คลื่นไมโครเวฟ นำสัญญาณจากสถานีส่งไปยังดาวเทียมซึ่งโคจรอยู่ในวงโคจรที่ตำแหน่งหยุดนิ่งเมื่อเทียบกับตำแหน่งหนึ่งๆ บนผิวโลก นั่นคือดาวเทียมมีความเร็วเชิงมุมเดียวกับความเร็วในการหมุนรอบตัวเองของโลก จากนั้นดาวเทียมจะส่งคลื่นต่อไปยังสถานีรับที่อยู่ไกลๆได้ คลื่นโทรทัศน์มีความยาวคลื่นสั้นจึงเลี้ยวเบนผ่านสิ่งกีดขวางใหญ่ๆ เช่น รถยนต์ หรือเครื่องบินไม่ได้ ดังนั้นจะเกิดการสะท้อนกับเครื่องบิน กลับมาแทรกสอดกับคลื่นเดิม ทำให้เกิดคลื่นรบกวนได้

  9. 1) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินเป็นการแพร่กระจายคลื่นสัญญาณไปในอากาศเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อติดตั้งเสาอากาศแล้วต่อสายนำสัญญาณเข้าเครื่องรับก็สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์จากสถานีส่งได้ การส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุส่งได้ในช่วงความถี่ 30- 300MHz จะเป็นช่วงของ Very high Frequency (VHF) และช่วงความถี่ 300 - 3000 MHz จะเป็นช่วงของ Ultra high Frequency (UHF)

  10. 2) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านช่องนำสัญญาณ เป็นการส่งสัญญาณไปตามสายนำสัญญาณหรือสายเคเบิลไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการติดต่อโดยตรงระหว่างสถานีส่งกับผู้รับสัญญาณ การส่งสัญญาณด้วยสายนำสัญญาณแบ่งออกเป็น      2.1) เคเบิลโทรทัศน์ชุมชน      2.2) ระบบเสาอากาศโทรทัศน์ชุมชน      2.3) ระบบเสาอากาศชุดเดียว

  11. 3) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์โดยผ่านดาวเทียมซึ่งใช้คลื่นไมโครเวฟเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณ 4) การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นการส่งสัญญาณโทรทัศน์โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (www.) สามารถเปิดใช้งานและรับชมได้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อผ่านระบบเครือข่ายเนตเวิร์ก ( Network )

  12. ประเทศไทยใช้ระบบโทรทัศน์ PAL ซึ่งแบ่งแถบคลื่นความถี่ของการใช้งานโทรทัศน์ออกเป็นย่านความถี่ VHF และ ความถี่ UHF โดยที่ย่านความถี่ VHFได้ถูกใช้จนเต็มแล้ว ดังนั้นสถานีโทรทัศน์ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่จึงต้องส่งสัญญาณโทรทัศน์ในย่านความถี่ UHF

  13. 1) ดาวเทียม ดาวเทียมมีความเกี่ยวข้องกับโทรทัศน์ในแง่ของการส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งสามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ได้ในทุกที่ 2) สายอากาศ เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ด้วยคลื่นวิทยุโดยที่มีระยะทางจำกัด 3) การผสมสัญญาณ เป็นการผสมสัญญาณระหว่างสัญญาณภาพกับสัญญาณคลื่นวิทยุและสัญญาณซิงโครไนซ์ เพื่อทำการส่งออกไปในรูปสัญญาณ เอ.เอ็ม. ( AM ) และยังเป็นการผสมสัญญาณเสียงกับคลื่นพาหะเสียงเพื่อส่งออกไปในรูปสัญญาณ เอฟ.เอ็ม. ( FM )

  14. 4) คลื่นไมโครเวฟ เป็นคลื่นวิทยุที่ใช้สำหรับการรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์ในระยะทางไกลเนื่องจากสามารถกำหนดทิศทางการส่งได้แน่นอนเพราะคลื่นมีความถี่สูงมากๆ จะมีการ หักเหน้อย 5) คลื่นวิทยุ เป็นคลื่นที่กระจายไปได้ทุกทิศทาง ใช้ในการรับ-ส่งสัญญาณโทรทัศน์อย่างแพร่หลาย สามารถส่งออกไปได้ในระยะทางไกล แต่เมื่อผ่านสิ่งกีดขวางกำลังในการส่งก็จะลดลงอย่างมาก

  15. ในภาคครัวเรือน รับชมสัญญาณโทรทัศน์ผ่านเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ เพื่อรับฟังข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งสื่อบันเทิง และสื่อต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ในหน่วยงานภาครัฐ ใช้คลื่นโทรทัศน์ในการกระจายข่างสารจากหน่วยงานรัฐให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ในหน่วยงานเอกชน ใช้สัญญาณโทรทัศน์ในการโฆษณาสินค้า หรือบริการต่าง ๆ ให้บุคคลหรือประชาชนได้รับทราบสินค้า หรือบริการขององค์กรนั้น ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ทางธุรกิจและการลงทุนต่าง ๆ ของหน่วยงานเอกชน

  16. - โดยเฉลี่ยแล้ว ในขณะที่รับชมสัญญาณโทรทัศน์หรือดูโทรทัศน์ อยูนั้นโทรทัศน์จะกระจายรังสีบางอย่างออกมาทำให้กระบวนการทางเคมีของร่างกาย (รวมทั้งการเผาผลาญแคลอรี) จะน้อยกว่าร้อยละ 14.5เมื่อเปรียบเทียบกับการนอนเฉยๆ - ผู้ชายที่รับชมสัญญาณโทรทัศน์หรือดูโทรทัศน์สามชั่วโมงหรือมากกว่านั้นต่อวัน มักจะมีลักษณะอ้วนฉุกว่าผู้ชายที่ดูโทรทัศน์วันละน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงสองเท่า - รังสีจากคลื่นโทรทัศน์ทำให้สมองเสื่อมได้ง่าย

  17. - รังสีจากคลื่นโทรทัศน์ทำให้เด็กทารกพัฒนาการช้ากว่าปกติ - หญิงที่ตั้งครรภ์อยู่และรับชมสัญญาณโทรทัศน์หรือดูโทรทัศน์บ่อยเกินไป เด็กที่อยู่ในครรภ์ที่เกิดมาอาจพิการ สติไม่สมประกอบ หรืออาจแท้งลูกได้โดยง่าย อันเนื่องจากการแผ่รังสีจากโทรทัศน์นั่นเอง - ทั้งเพศหญิงและเพศชาย หากได้รับรังสีจากคลื่นโทรทัศน์ บ่อย ๆ และมากเป็นประจำ อาจทำให้เป็นหมันได้

  18. สรุป 1.คลื่นโทรทัศน์หมายถึงการส่งสัญญาณถ่ายทอดภาพและเสียงพร้อมกันจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง 2.คลื่นโทรทัศน์มีความสำคัญในด้านการติดต่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ 3.พ.ศ.2407เจมส์ แมกเวลล์ เป็นผู้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถส่งสัญญาณภาพและเสียงได้ 4.ในศตวรรษที่ 19 ปอลนิพโกว์ เป็นผู้คิดค้นโทรทัศน์ขึ้น 5.สถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลกคือ บีบีซี ของอังกฤษ แพร่ภาพครั้งแรกเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2479 6.คลื่นโทรทัศน์มีความถี่คลื่นประมาณ 108เฮิร์ตซ์

  19. 7.คลื่นโทรทัศน์ต้องใช้สถานีย่อยในการถ่ายทอดคลื่นเป็นระยะๆ7.คลื่นโทรทัศน์ต้องใช้สถานีย่อยในการถ่ายทอดคลื่นเป็นระยะๆ 8.คลื่นโทรทัศน์เดินทางเป็นเส้นตรง และเดินทางได้ไกลเพียง 80 ก.ม. บนผิวโลก 9.คลื่นโทรทัศน์มีความยาวคลื่นสั้น จึงเลี้ยวเบนสิ่งกีดขวางไม่ได้ โดยเฉพาะสิ่งกีดขวางใหญ่ ๆ 10.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุในช่วงความถี่ 30-300 MHz เรียก VHF และอีกช่วงคือ 300-3000MHzเรียกUHF 11.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านช่องนำสัญญาณส่งได้ทางระบบเคเบิลทีวีชุมชน ระบบเสาอากาศชุมชน และระบบเสาอากาศชุดเดียว 12.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ใช้คลื่นไมโครเวฟเป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณ

  20. 13.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านอินเทอร์เน็ต รับชมได้ทางคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนผ่านเครือข่ายเน็ตเวิร์ก แอ็พสโตร์ หรือระบบเอ็นดรอย 14.ประเทศไทยใช้การส่งสัญญาณโทรทัศน์ด้วยระบบ PAL ซึ่งแบ่งเป็นย่านความถี่ VHF และ UHF ปัจจุบันย่านความถี่ VHF ถูกใช้จนเต็มแล้ว 15.ดาวเทียม สายอากาศ การผสมสัญญาณ คลื่นไมโครเวฟ และคลื่นวิทยุ คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับคลื่นโทรทัศน์ 16.สายอากาศเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการรับ-ส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุโดยที่มีระยะทางจำกัด 17.ประโยชน์ของคลื่นโทรทัศน์เช่น ช่วยในการติดต่อสื่อสาร ช่วยในการขายสินค้าและบริการ ช่วยกระจายข่าวสารต่าง ๆ เป็นต้น 18.โทษของคลื่นโทรทัศน์ เช่น ทำให้สมองเสื่อมง่าย ความจำสั้น เด็กทารกพัฒนาการช้า อาจเป็นหมันได้(จะเกิดขึ้นได้หากได้รับคลื่นบ่อยๆ)เป็นต้น

  21. 1.คลื่นโทรทัศน์มีความถี่คลื่นประมาณเท่าใด1.คลื่นโทรทัศน์มีความถี่คลื่นประมาณเท่าใด 1) 108 Hz 2) 109 Hz 3) 1010Hz 4) 108-109 Hz 5) 10-8-10-9Hz ตอนที่ 1 จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

  22. 2.ข้อใดถูกต้อง A.สถานีสงสัญญาณโทรทัศนแหงแรกของโลกคือ สถานีโทรทัศน์บีบีซี ประเทศอังกฤษ B.คลื่นโทรทัศนคือ การสงสัญญาณถายทอดภาพ C.สัญญาณโทรทัศนเดินทางเปนเสนหยัก 1) A 2) B 3) C 4) A & B 5) B & C

  23. 3. อุปกรณ์ชนิดใดที่ใช้ในการรับส่งสัญญาณโทรทัศน์ด้วยคลื่นวิทยุ โดยที่มีระยะทางจำกัด A.กลองรับสัญญาณทีวีผานดาวเทียม B.ระบบอินเทอรเน็ต C.สายอากาศ 1) A & B 2) B & C 3) A 4) B 5) C

  24. 4. ประโยชน์ของคลื่นโทรทัศน์ในข้อใดเป็นประโยชน์ที่สุด 1) ชาวบ้านรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่าง ๆ 2) ภาครัฐสามารถติดต่อกับกับภาคประชาชนได้ง่ายขึ้น 3) ภาคเอกชนสามารถกระจายสินคาและบริการไดอยางรวดเร็ว 4) ชวยในการสื่อสารขอมูลขาวสารตาง ๆ จากทุกภาคสวนถึง ประชาชน 5) ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมมีการลงทุนมากขึ้น

  25. 5. ข้อใดต่างจากข้ออื่น A.รังสีจากคลื่นโทรทัศนทําใหสมองเสื่อมงาย B.คลื่นโทรทัศนทําใหเด็กทารกมีพัฒนาการช้ากวาปกติ C.คลื่นโทรทัศนทําใหการติดตอสื่อสารตาง ๆ สะดวกสบายขึ้น 1) A & B 2) B & C 3) B 4) A 5) C

  26. 6.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินด้วยสัญญาณวิทยุในช่วงความถี่ 30 – 300 MHz ซึ่งเรียกช่วงความถี่นี้ว่า VHFคำที่ขีดเส้นใต้ย่อมาจากข้อใด 1) Very HierFrequengy 2) Varie High Regency 3) VevyHightFregency 4) Very High Frequency 5) Very Hight Frequency

  27. 7.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดิน จะส่งในช่วงความถี่ใด A. 30-300 MHz B. 120-1500 MHz C. 300-3000 MHz D. 1200-3000 MHz 1) A & D 2) A & B 3)A & C 4) B,C & D 5) ทุกข้อ

  28. 8.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านช่องนำสัญญาณ สามารถส่งสัญญาณได้ในข้อใด A. เคเบิลโทรทัศน์ชุมชน B.ระบบเสาอากาศชุมชน C.ระบบเสาอากาศชุดเดียว 1. A & B 2) B & C 3) A, B & C 4) A ข้อเดียว 5) A ,B ,C,D

  29. 9.การส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ใช้คลื่นใดเป็นตัวกลางในการส่ง A. คลื่นวิทยุ FM B. คลื่นวิทยุ AM C. คลื่นไมโครเวฟ D. คลื่นโทรทัศน์วิทยุ 1) D 2) C 3) B 4) A 5) C & D

  30. 10.ทุกข้อเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับคลื่นโทรทัศน์ ยกเว้นข้อใด A. ดาวเทียม B.สายอากาศ C.คลื่นไมโครเวฟ D.คลื่น WiFi E.คลื่นลมตะวันตก 1) only E 2) B & C 3) C & D 4) D & C 5) D & E

  31. ตอนที่ 2 จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1.ให้นักเรียนบอกประโยชน์ของคลื่นโทรทัศน์ 3 ข้อ 1)........................................................................................................ 2)........................................................................................................ 3)........................................................................................................

  32. 2.ให้นักเรียนบอกโทษของคลื่นโทรทัศน์ 3 ข้อ 1)........................................................................................................ 2)........................................................................................................ 3)........................................................................................................

  33. 3.ผู้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถส่งสัญญาณภาพและเสียงได้ เมื่อปี พ.ศ.2407 คือใคร ..................................................................................................... 4.ผู้ที่คิดค้น หรือค้นพบเครื่องโทรทัศน์ขึ้นในศตวรรษที่ 19 คือใคร ................................................................................................................

  34. ANSWER 1. ตอบ 1 2. ตอบ 1 3. ตอบ5 4. ตอบ4 5. ตอบ5 เฉลย ตอน ที่ 1 6. ตอบ 4 7. ตอบ 3 8. ตอบ 3 9. ตอบ 2 10. ตอบ5

  35. เฉลยตอนที่ 2 1.มีคำตอบที่หลากหลาย เช่น ช่วยในการติดต่อสื่อสาร ช่วยในการขายสินค้าและบริการ ช่วยในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ผู้คนรู้เท่าทันเหตุการณ์บ้านเมือง ช่วยในการพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ 2.มีหลากหลายคำตอบ เช่น ทำให้สมองเสื่อมง่าย ทำให้ความจำสั้น เด็กทารกพัฒนาการช้า หญิงตั้งครรภ์อาจแท้งลูกได้ ทั้งหญิงและชายอาจเป็นหมันได้ (หากถูกคลื่นโทรทัศน์บ่อย ๆ) ฯลฯ 3.ผู้ค้นพบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อปี พ.ศ.2407 คือ เจมส์ แมกเวลล์ (James ClerlMaxvell) 4.ผู้ที่คิดค้น หรือค้นพบเครื่องโทรทัศน์ขึ้นในศตวรรษที่ 19 คือปอลนิพโกว์(Paul Nipkow)

  36. Group Member 1.นายมานะ พงษ์วัน เลขที่ 4 2.นายเกรียงไกร ทองเรียม เลขที่ 8 3.นางสาวเบญจวรรณ ดอกบัว เลขที่ 18 4.นางสาวกาญจนา สมพันธ์ เลขที่ 42 5.นางสาวสุมาพร วรรณทะวงษ์ เลขที่ 47 6.นางสาวสุวนันท์ สุพันธ์ เลขที่ 48 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7

  37. THE END

More Related