1 / 90

4000107 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต

4000107 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต. บทที่ 2 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์  Computer System. Content. 1. ความหมายและคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ 2. ประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประเภทของคอมพิวเตอร์ 5 .1 Hardware 5.2 Software

piper
Download Presentation

4000107 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. 4000107 เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อชีวิต บทที่ 2 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์  Computer System

  2. Content 1. ความหมายและคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ 2. ประวัติความเป็นมา • วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ • ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์ • ประเภทของคอมพิวเตอร์ 5.1 Hardware 5.2 Software 5.3 Peopleware5.4 Data / Information 5.5 Procedure 5.6 Data Communication 6. การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ 7. ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 8. การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์

  3. องค์ประกอบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศองค์ประกอบของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นอาจกล่าวได้ว่าประกอบขึ้นจากเทคโนโลยีสองสาขาหลักคือ 1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ 2. เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม

  4. ความหมายของคอมพิวเตอร์ความหมายของคอมพิวเตอร์ • รากศัพท์เดิมของคำว่า คอมพิวเตอร์ (computer) มาจากภาษาละตินคือ computare ซึ่งหมายถึง การนับ การคำนวน และในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้ความหมายคอมพิวเตอร์ ไว้ว่า คำว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทําหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สําหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์

  5. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ • ความเป็นอัตโนมัติ (Self Acting)คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ขึ้นด้วยอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีการจัดเก็บหรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ การประมวลผลของคอมพิวเตอร์จะทำงานแบบอัตโนมัติภายใต้คำสั่งที่ได้ถูกกำหนดไว้ • ความเร็ว (Speed)คอมพิวเตอร์จะประมวลผลงานด้วยความเร็วสูง ต่างจากการประมวลผลงานในอดีตที่อาศัยแรงงานมนุษย์ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ช้ากว่ามาก งานๆหนึ่งหากใช้แรงงานคนอาจเสียเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการคิดและประมวลผล แต่หากนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้อาจลดเวลาและให้ผลลัพธ์ได้เพียงไม่กี่นาที

  6. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ • ความถูกต้องแม่นยำ (Accuracy ) คอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำและมีความผิดพลาดน้อยที่สุด • ความน่าเชื่อถือ (Reliability)ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ จะมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อไปได้ • การจัดเก็บข้อมูล (Storage Capability)คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความธรรมดาหลายๆล้านตัวอักษร เพลง ภาพถ่าย วีดีโอ หรือไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่จำนวนมาก

  7. คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ • ทำงานซ้ำๆได้ (Repeatability)คอมพิวเตอร์สามารถทำงานซ้ำๆกันได้หลายรอบ ช่วยลดปัญหาเรื่องความอ่อนล้าจากการทำงานของแรงงานคน นอกจากนั้นยังลดความผิดพลาดต่างๆได้ดีกว่าด้วย • การติดต่อสื่อสาร (Communication) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากันเป็นเครือข่ายมากยิ่งขึ้น แต่เดิมอาจจะเป็นแค่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลธรรมดา แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมาก เราสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเข้าหากันเป็นเครือข่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายภายในองค์กร หรือระดับเครือข่ายใหญ่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้การประมวลผลงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และไม่จำกัดยู่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งอีกต่อไป

  8. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • ประมาณ 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการคำนวณขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกว่า ลูกคิด ( Abacus) คอมพิวเตอร์มาจากแนวคิดของระบบตัวเลข ซึ่งพัฒนามาเป็นวิธีการคำนวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยในการคำนวณ คือ กระดานคำนวณ และลูกคิด

  9. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2158 นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณขึ้นมาเรียกว่า Napier’s Bones เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับตารางสูตรคูณในปัจจุบัน

  10. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ.2173 วิลเลียม ออตเทรต( William Oughtred) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้บรรทัดคำนวณ (Slide Rule) ซึ่งต่อมากลายเป็นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์แบบอนาลอก

  11. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ.2185 เบลส์ ปาสคาล ( Blaise Pascal) นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่องบวกลบขึ้น โดยใช้หลัการหมุนของฟันเฟือง และการทดเลขเมื่อฟันเฟืองหมุนไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 ออกที่หน้าปัด เครื่องมือของปาสคาล สามารถใช้ได้ดีในการคำนวณการบวกและลบ ส่วนการคูณและหารยังไม่ดีเท่าที่ควร

  12. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2214 กอตฟริต วิลเฮล์ม ไลบ์นิซ ( Gottfried Wilhelm Leibniz ) )นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน ทำการปรับปรุงเครื่องคำนวณของปาสกาลให้สามารถคูณและหารได้ และยังค้นพบเลขฐานสอง (Binary Number) คือ เลข 0 และเลข 1 ซึ่งเป็นระบบเลขที่เหมาะในการคำนวณ แต่ตัวเครื่องคำนวณยังคงอาศัยการหมุนวงล้อของเครื่อง

  13. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ.2288 โจเซฟ แมรี่ แจคคาร์ด ( Joseph Marie Jacquard) ชาวฝรั่งเศสพัฒนาเครื่องทอผ้าโดยใช้ บัตรเจาะรูในการบันทึกคำสั่ง ควบคุมเครื่องทอผ้าให้ทำตามแบบที่กำหนดไว้ และแบบดังกล่าวสามารถนำมา สร้างซ้ำๆ ได้อีกหลายครั้ง เครื่องทอผ้าเครื่องนี้ถือว่าเป็นเครื่องที่ทำงานตามโปรแกรมคำสั่งเป็นเครื่องแรก

  14. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ.2365 ชารลส์ แบบเบจ ( Charles Babbage) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์เครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องหาผลต่าง ( Difference Engine) เพื่อใช้คำนวณและพิมพ์ค่าทางตรีโกณมิติ และฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ • และได้พยายามสร้างเครื่องคำนวณอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทำงานของเครื่องออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเก็บข้อมูล (Store unit), ส่วนควบคุม (Control unit) และส่วนคำนวณ (Arithmetic unit) ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำมาใช้เป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จึงยกย่องว่าชารลส์ แบบเบจ เป็นบิดาแห่งเครื่องคอมพิวเตอร์

  15. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ แสดงภาพชารลส์ แบบเบจ และ เครื่องหาผลต่าง

  16. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2385 สุภาพสตรีชาวอังกฤษชื่อ Lady Ada Augusta Lovelace ได้ทำการแปลเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่อง Analytical Engine และได้เขียนขั้นตอนของคำสั่งวิธีใช้เครื่องนี้ให้ทำการคำนวณที่ยุ่งยากซับซ้อน จึงนับได้ว่า ออกุสต้า เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก และยังค้นพบอีกว่าชุดบัตรเจาะรูที่บรรจุชุดคำสั่งไว้สามารถนำกลับมาทำงานซ้ำใหม่ นั่นคือหลักการทำงานวนซ้ำ หรือที่เรียกว่า Loop

  17. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2393 นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ George Boole ได้สร้างระบบพีชคณิตแบบใหม่ เรียกว่า พีชคณิตบูลลีน (Boolean Algebra) ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการออกแบบวงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และการออกแบบทางตรรกวิทยาของเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันด้วย

  18. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ.2480-2481 ดร.จอห์น วินเซนต์ อตานาซอฟ ( Dr.Jobn Vincent Atansoff) และ คลิฟฟอร์ด แบรี่ (Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่อง ABC ( Atanasoff-Berry) ขึ้น โดยได้นำหลอดสุญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็นเครื่องคำนวณเครื่องแรกที่เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์

  19. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken จาก Harvard University ได้พัฒนาเครื่องคำนวณตามแนวคิดของแบบเบจ ร่วมกับวิศวกรของบริษัท ไอบีเอ็มได้สำเร็จ โดยเครื่องจะทำงานแบบเครื่องจักรกลปนไฟฟ้าและใช้บัตรเจาะรู เครื่องมือนี้มีชื่อว่า MARK Iหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนับเป็นเครื่องคำนวณแบบอัตโนมัติเครื่องแรกของโลก

  20. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2486 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศูนย์วิจัยของกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ต้องการเครื่องคำนวณหาทิศทางและระยะทางในการส่งขีปนาวุธ ซึ่งถ้าใช้เครื่องคำนวณสมัยนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชม.ต่อการยิง 1 ครั้ง ดังนั้น จึงให้ทุนอุดหนุนแก่ ดร.จอห์น ดับบลิว มอชลี่ (John W. MauchlyX และ จอห์น เพรสเปอร์ เอ็คเคิร์ท (John Persper Eckert) แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมา มีชื่อว่า ENIAC(Electronic Numerical Intergrater and Calculator) สำเร็จในปี 2489 โดยนำหลอดสุญญากาศจำนวน 18,000 หลอด ซึ่งมีข้อดีคือ ทำให้เครื่องมีความเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำในการคำนวณมากขึ้น

  21. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ เครื่อง ENIAC

  22. ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ • พ.ศ. 2492 Dr. John Von Neumann ได้พบวิธีการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำของเครื่องได้สำเร็จ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามแนวคิดนี้ได้แก่ EDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) • ในเวลาเดียวกันมหาวิทยาลัย เคมบริดจ์ ก็ได้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ในลักษณะคล้ายกับเครื่อง EDVAC นี้ และให้ชื่อว่า EDSAC (Electronic Delay Storage Automatic Calculator) แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไปคือ ใช้เทปแม่เหล็กในการบันทึกข้อมูล • ต่อมาศาสตราจารย์แอคเคิทและมอชลี ได้ร่วมมือกันสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์อีก ชื่อว่า UNIVAC I (Universal Automatic Calculator) ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อขายหรือเช่า เป็นเครื่องแรกที่ออกสู่ตลาด

  23. วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์วิวัฒนาการของเครื่องคอมพิวเตอร์ • จากประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์จะเห็นได้ว่าพัฒนาการของคอมพิวเตอร์ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น • ดังนั้นเราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์เป็นยุคต่างๆตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

  24. ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคของเครื่องคอมพิวเตอร์ • คอมพิวเตอร์ยุคที่หนึ่ง(พ.ศ. 2494 - 2501) • หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) • คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง (พ.ศ. 2502 - 2508) • ทรานซิสเตอร์ (Transistor) • คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม (พ.ศ. 2509 - 2513) • มีการพัฒนาวงจรไอซี (IC : Integrated Circuit) • คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่(พ.ศ. 2514 - 2532) • จากไอซีได้มีการพัฒนาเป็น VLSI (Very Large Scale integration) • คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า(พ.ศ. 2533 - ปัจจุบัน) • พัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีความสามารถทัดเทียมมนุษย์

  25. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Computer) • คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ได้แก่ UNIVAC, ENIAC, MARK I ลักษณะเฉพาะของคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 • ใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum tube) เป็นอุปกรณ์หลักในการประมวลผล • ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ใช้กำลังไฟฟ้าสูงเกิดความร้อนสูง • การป้อนข้อมูลและชุดคำสั่งให้แก่เครื่องคอมพิวเตอร์อาศัยบัตรเจาะรู แต่ระยะหลังใช้แถบแม่เหล็ก • ทำงานด้วยภาษาเครื่อง (Machine Language)

  26. Mark I เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ของไอบีเอ็ม

  27. ENIAC เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก

  28. EDVAC กับสถาปัตยกรรมฟอนนอยมานน์

  29. UNIVAC เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในงานธุรกิจเครื่องแรกของโลก

  30. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Computer) • ใช้อุปกรณ์ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซึ่งสร้างจากสารกึ่งตัวนำ (Semi-conductor) แทนหลอดสุญญากาศ • ใช้พลังงานไฟฟ้าและเกิดความร้อนน้อยลง ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มมากขึ้น • มีการใช้ความจำแบบแถบแม่เหล็ก (Magnetic tape) และแบบจานแม่เหล็ก (Magnetic disk)ในการเก็บบันทึกข้อมูล • ภาษาที่ใช้ในการกำหนดข้อมูลและคำสั่งในการทำงาน ได้แก่ภาษาสัญลักษณ์ (Assembly Language)

  31. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3(Third Generation Computer) • ใช้วงจรรวม ( Integrated Circuit: IC) และวงจรสเกลขนาดใหญ่ ( Large Scale Integration :LSI ) เรียกว่าไอซี เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน • ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ใช้พลังงานไฟฟ้าและเกิดความร้อนน้อย มีความสามารถและความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้น • ใช้ความจำแบบแถบแม่เหล็ก (Magnetic tape) และแบบจานแม่เหล็ก (Magnetic disk) • ภาษาที่ใช้กำหนดข้อมูลและโปรแกรม ได้แก่ ภาษาระดับสูง (High Level Language) • เครื่องรุ่นนี้ ได้แก่ IBM 360

  32. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4(Fourth Generation Computer) • ใช้อุปกรณ์วงจรรวมตัวใหม่ จากเทคโนโลยีการย่อรวมวงจรสเกลขนาดใหญ่มากขึ้น (Very Large Scale Integration : VLSI) เรียกว่า วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก ทำให้การประมวลผลต่อคำสั่งเร็วขึ้น • บริษัท Intel ได้ใช้เทคโนโลยี VLSI สร้างอุปกรณ์ประมวลผล (Processor) เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) รุ่น 4004 ขึ้นใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์ • ซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนาให้ใช้งานง่ายมากขึ้น • มีการพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง มี LAN, WAN Internet

  33. คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth Generation Computer) • เน้นการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีความสามารถทัดเทียมมนุษย์ และให้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน มีการพัฒนาสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กขึ้นใช้งาน • การพัฒนาคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เน้นการพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหาต่างๆได้ด้วยเหตุผล และช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เช่น พัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI)

  34. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ • ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Super Computer) • จัดเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เทียบได้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปเป็นพันๆ เครื่องความสามารถในการประมวลผลทำได้ถึงพันล้านคำสั่งต่อวินาที ใช้ในการประมวลผลข้อมูลที่มีจํานวนมาก และต้องการประมวลผลที่เร็วมาก เช่น ใช้ในการพยากรณ์อากาศ การทดสอบทางอวกาศ • ผู้ใช้สามารถเข้ามาใช้ข้อมูลหรือประมวลผลพร้อมกันผ่าน Terminal ได้เป็นพันๆเครื่อง • มีราคาสูงมาก หน่วยงานที่มีการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ได้แก่ องค์การนาซา (NASA)และหน่วยงานธุรกิจขนาดใหญ่มาก เป็นต้น

  35. ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ Cray

  36. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ 2. คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (Mainframe Computer) • เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก • นิยมใช้กับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้จำนวนมากในเวลาเดียวกัน (Multiple Uses) เช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียนของนักศึกษา บริษัทประกัน เป็นต้น

  37. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เมนเฟรม

  38. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ 3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) หรือ คอมพิวเตอร์ขนาดกลาง หรือเรียกว่า Mid – range Computer/Server • เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานในด้านความเร็ว และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลน้อยกว่าเมนเฟรม แต่สูงกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) และสามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงานที่แตกต่างกัน • ธุรกิจขนาดกลางและองค์กรหลายประเภท รวมทั้งสถาบันการศึกษานิยมนำมินิคอมพิวเตอร์มาใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น

  39. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์

  40. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ 4. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) • เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กราคาถูก เหมาะในการใช้งานส่วนตัว ใช้ในสํานักงาน หรือองค์การขนาดเล็ก หรือตามบ้านพักทั่วไป เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Personal Computer หรือ PC (พีซี) นั่นเอง • Microcomputer รุ่นแรกคือ IBM-PC โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดยลอกเลียนสถาปัตยกรรมของ IBM เรียกว่า IBM-Compatibles • ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท Macintosh คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า Apple Computer

  41. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์

  42. ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์ 5. คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา หรือคอมพิวเตอร์ขนาดมือถือ (Handheld Computer หรือ Personal Digital Assistants:PDA) เป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขนาดเล็กที่สามารถวางอยู่บนมือข้างเดียวได้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจัดการข้อมูลส่วนบุคคล จดบันทึก ปฏิทินนัดหมาย ตลอดจนการใช้งานอินเตอร์เนต ส่วนใหญ่มักจะติดตั้งโปรแกรมสําเร็จรูป เช่น โปรแกรมตารางนัดหมาย และ โปรแกรมรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มาพร้อมในตัว

  43. องค์ประกอบในกระบวนการทำงานองค์ประกอบในกระบวนการทำงาน ของระบบคอมพิวเตอร์ • ฮารดแวร (Hardware) • ซอฟตแวร (Software) • บุคลากร (Peopleware) • ขอมูลและสารสนเทศ (Data and Information) • กระบวนการทํางาน (Procedure) • การสื่อสารขอมูล (Data Communication)

  44. องค์ประกอบในกระบวนการทำงานองค์ประกอบในกระบวนการทำงาน ของระบบคอมพิวเตอร์ 1. ฮารดแวร (Hardware) • ฮารดแวรหมายถึง อุปกรณตางๆที่ทํางานประสานงานกันเพื่อใหเกิดการประมวลผล การจัดเก็บ และการเผยแพรขอมูลและสารสนเทศ ซึ่งหมายรวมถึงตัวคอมพิวเตอรและอุปกรณรอบขาง เป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ โดยมีทั้งที่ติดตั้งอยู่ภายในและภายนอกตัวเครื่อง 2. ซอฟตแวร(Software) • ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานให้ได้ตามผลลัพธ์ที่ต้องการ • ซอฟตแวรของระบบคอมพิวเตอรแบงออกเปน 2 ชนิด คือ ซอฟตแวรระบบ (System Software) และ ซอฟตแวรประยุกต (Application Software)

  45. องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 3. บุคลากร (People) • หมายถึงบุคคลที่เกี่ยวของกับระบบคอมพิวเตอรทั้งในสวนที่เปนฮารดแวร ซอฟตแวร และสารสนเทศ ซึ่งบุคคลเหลานี้เปนออกเปน 2 กลุมใหญ 1) ผูใชระบบคอมพิวเตอรเพื่อปฏิบัติงาน (End Users) 2) ผูเชี่ยวชาญ (Professional) หมายรวมถึง โปรแกรมเมอร (Programmers) นักวิเคราะหและออกแบบระบบ ผูดูแลและจัดการระบบฐานขอมูล ผูดูแลและจัดการระบบเครือขายคอมพิวเตอร ผูควบคุมระบบคอมพิวเตอร ผูปอนขอมูลเขาสูระบบคอมพิวเตอร และ นักโทรคมนาคม

  46. องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 4. ขอมูลและสารสนเทศ (Data and Information) • ในการทำงานต่างๆจะต้องมีข้อมูล(data)เกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานก็จะถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศ (Information) ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ การทำงานของคอมพิวเตอร์จะเกี่ยวข้องกับข้อมูลตั้งแต่การนำเข้าข้อมูลผ่านการประมวลผลจนกลายเป็นสารสนเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อาจจะเป็นได้ทั้งตัวเลข ตัวอักษร และข้อมูลในรูปแบบอื่นๆ เช่น ภาพ เสียง เป็นต้น • โดยความแตกต่างระหว่างข้อมูล และสารสนเทศ คือ ข้อมูล หมายถึง ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจริง แต่ สารสนเทศ หมายถึง สิ่งที่ได้จากการนำข้อมูลไปผ่านกระบวนการหนึ่งก่อน

  47. องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์องค์ประกอบในกระบวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 5. กระบวนการทํางาน (Procedure) • กระบวนการทำงานหรือโพรซีเยอร์ หมายถึง กระบวนการหลักสําหรับการดําเนินงานเพื่อใหระบบคอมพิวเตอรทํางานตามความตองการของผูใช 6. การสื่อสารขอมูล (Data Communication) • เปนอุปกรณที่ใชในการสงขอมูลสารสนเทศที่อยูในรูปดิจิตัล (Digital) ระหวางผูใชจากแหลงหนึ่งไปยังอีกแหลงหนึ่ง โดยมีอุปกรณประเภทตางๆ ทํางานรวมกันเพื่อใหสื่อสารกันได ตัวอยางของอุปกรณพื้นฐานที่ใชในการสื่อสารขอมูลเชน โมเด็ม(Modem) มัลติเพล็กเซอร (Multiplexer) และเราทเตอร (Router)

  48. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ • การศึกษา มีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เช่น การค้นหาข้อมูลข่าวสารความรู้ประกอบการเรียนการสอนจากอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ครู อาจารย์ยังใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) • งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำและติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งทำให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้น

  49. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ 3. งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนำคอมพิวเตอร์ มาใช้ในส่วนของการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของโลก การส่งจรวดไปสู่อวกาศ 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ ในการออกแบบ หรือจำลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคำนวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทำงาน 5. งานราชการ มีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ กรมสรรพากร ใช้ในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น

  50. ฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง • ฮารดแวรหมายถึง อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ โดยมีทั้งที่ติดตั้งอยู่ภายในและภายนอกตัวเครื่อง บางครั้งนิยมเรียกว่า device ซึ่งจะทำงานประสานกันตั้งแต่การป้อนข้อมูลเข้า (input) การประมวลผล (process) และการแสดงผลลัพธ์ (output) • แบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้ • อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล (Input Device) • อุปกรณ์ประมวลผล (Process Device) • หนวยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device) • อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ (Output Device)

More Related