460 likes | 991 Views
วิชาการประกวดและตัดสินสัตว์ (03-221-201) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี อาจารย์อมร อัศววงศานนท์ (09-1748175) สาขาวิชา วิทยาศาสตร์สุขภาพสัตว์. ตารางกำหนดน้ำหนักคะแนน. กำหนดการสอน 2/48. หน่วยเรียนที่ 1 ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์.
E N D
วิชาการประกวดและตัดสินสัตว์ (03-221-201)มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรีวิทยาเขตปทุมธานีอาจารย์อมร อัศววงศานนท์ (09-1748175)สาขาวิชา วิทยาศาสตร์สุขภาพสัตว์
ตารางกำหนดน้ำหนักคะแนนตารางกำหนดน้ำหนักคะแนน
หน่วยเรียนที่ 1ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1.1ปรัชญาของการตัดสินสัตว์ • 1.1.2ความสำคัญของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1.3ประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1.4วิวัฒนาการของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.2การตัดสินสัตว์ • 1.2.1ระบบการตัดสินสัตว์ • 1.2.2คุณสมบัติของผู้ตัดสินสัตว์
จุดประสงค์ • 1.1รู้ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1.1บอกปรัชญาของการตัดสินสัตว์ • 1.1.2บอกความสำคัญของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.1.4บอกวิวัฒนาการของการประกวดและตัดสินสัตว์ • 1.2รู้การตัดสินสัตว์ • 1.2.1บอกระบบการตัดสินสัตว์ • 1.2.2บอกคุณสมบัติของผู้ตัดสินสัตว์
หน่วยเรียนที่ 1 ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์
ปรัชญาของการตัดสินสัตว์ปรัชญาของการตัดสินสัตว์ การตัดสินสัตว์เป็นศาสตร์และศิลป์ในการประเมินคุณค่าของสัตว์จากภายนอกด้วยตาเปล่า ว่าเป็นสัตว์ที่ให้ผลผลิตดี ไม่ดี ผู้ตัดสินสัตว์ต้อง -มีศาสตร์ คือความรู้เกี่ยวกับคุณค่าของสัตว์ว่าลักษณะอย่างไรให้ผลผลิตเนื้อ นม ไข่หรือขนสัตว์มากน้อย -มีศิลปะในการสังเกต ก่อนจะตัดสินใจในการจัดอันดับความสำคัญของสัตว์แต่ละตัวว่าตัวใดมีความสำคัญมากน้อยกว่ากันให้ได้ -ควรคัดเลือก(Selection)ไว้ในฝูง -ทำการคัดทิ้ง(Culling)ออกจากฝูง และเปรียบเทียบว่าลักษณะอย่างไร่ดีกว่า สวยงามกว่า
การตัดสินต้องคำนึงถึงความสำคัญและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงสัตว์การตัดสินต้องคำนึงถึงความสำคัญและวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงสัตว์ -โคเนื้อ -กินเนื้อ -โคนม -กินน้ำนม -กระบือ -ใช้แรงงาน และกินเนื้อ -แพะ -กินเนื้อ และกินนม -แกะ -กินเนื้อ และใช้ขน -สุกร -กินเนื้อ -ไก่เนื้อ -กินเนื้อ -ไก่ไข่ -กินไข่ -ไก่พื้นเมือง -กีฬา อนุรักษ์ กินเนื้อ
1.เพื่อเป็นการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์สัตว์ 2.เป็นที่เผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ 3.เป็นการกระตุ้นธุรกิจการค้าสัตว์และธุรกิจ ต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับการประกวดสัตว์ 4.เป็นแหล่งรวบรวมสัตว์พันธุ์ดี 5.รู้ความต้องการของตลาด ความสำคัญและประโยชน์ของการประกวดและตัดสินสัตว์
1.1.3วิวัฒนาการของการประกวดและตัดสินสัตว์1.1.3วิวัฒนาการของการประกวดและตัดสินสัตว์ การประกวดสัตว์นั้นเริ่มโดยการประกวดสุนัข ปีค.ศ. 1830-1840 มีกฎหมายห้าม การกัดสุนัขและการให้สุนัขสู้กับวัว ดังนั้น จ้าของสุนัข จึงหากิจกรรมใหม่ ซึ่งวิวัฒนาการเป็นการประกวดสุนัขครั้งแรกใน ปีค.ศ. 1859ที่เมืองนิวคาสเซิล ซึ่งการประกวดในระยะแรก ที่ยังไม่มีการกำหนด ระเบียบต่างๆไม่มีการกำหนดมาตรฐานของพันธุ์ จึงทำให้เกิดการถกเถียง กัน อย่างมาก ปี ค.ศ. 1873มีการก่อตั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขในประเทศอังกฤษ เพื่อจดทะเบียนสุนัข พันธุ์ต่างๆและกำหนดมาตรฐานของพันธุ์รวมทั้งมีการร่างกฎและ หลักเกณฑ์การให้คะแนน สมาคมมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และปรับปรุง พันธุ์สุนัขให้พัฒนาขึ้น ต่อมาผู้ที่เลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นจึงยึดถือการประกวด สุนัขเป็นแนวทาง และพัฒนาการประกวดให้เหมาะสมกับสัตว์ชนิดนั้นๆ
1.2 การตัดสินสัตว์ การตัดสินสัตว์ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนในการเปรียบเทียบสัตว์ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ โดยการคัดเลือกสัตว์ที่ดีกว่าตัวอื่นๆจำนวน 4 ตัวจากนั้นให้แบ่งเป็น 2 คู่ คือคู่ดี-คู่เลว จากนั้นทำการเปรียบเทียบสัตว์เป็นคู่ๆ จะทำให้การตัดสินเกิดความผิดพลาดได้น้อยที่ที่สุด แต่บางครั้ง สรุปขั้นตอนที่ผู้ตัดสินต้องปฏิบัติในการตัดสินสัตว์ 1.ศึกษาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะสัตว์ในอุดมคติชนิดที่จะทำการตัดสิน การแบ่งรุ่น และจำนวนของรางวัลให้ละเอียด 2.ในการตัดสินต้องสังเกตและพิจารณาในการเปรียบเทียบสัตว์ในรุ่นที่ประกวดอย่างมีสมาธิ 3.ตัดสินสัตว์ตัวที่ดีที่สุดให้ได้รับรางวัลชนะเลิศ และตัวที่ดีรองลงมาก็ได้รับรางวัลรองลงมาตามลำดับอย่างถูกต้อง 4.สรุปผลการตัดสินในแต่ละรุ่นให้ผู้ชมได้รับทราบอย่างเป็นทีพอใจ หมายเหตุ หากมีการตัดสินสัตว์ที่ดีที่สุดในพันธุ์(Beest of breed) ผู้ตัดสินต้องมีความรู้ถึงพัฒนาการและลักษณะในแต่ละช่วงของสัตว์ด้วย
1.2.1ระบบการตัดสินสัตว์ 1.ระบบการรวมคะแนนของแต่ละลักษณะ (Use of unified score card for type evaluation) เป็นการตัดสินโดยใช้บัตรให้คะแนน(score card) ให้ คะแนนตามน้ำหนักของคะแนนในแต่ละลักษณะที่มีความสำคัญ มากน้อย 2.ระบบการตัดสินเปรียบเทียบ (Comparative Judging) การตัดสินระบบนี้เป็นการมองดูรูปร่างภายนอก เพื่อพิจารณา รูปร่าง ลักษณะประจำพันธุ์ และลักษณะทางเศรษฐกิจ
3.ระบบการตัดสินแบบเดนมาร์ก (Danish system) ระบบการตัดสินแบบนี้มักใช้กับการประกวดโคนมและอาจใช้กับการประกวดสัตว์ชนิดอื่นๆก็ได้ โดยพิจารณาจากรูปร่างร่วมกับผลผลิต แล้วแบ่งสัตว์เป็นเกรด 4-5 เกรดตามสีของริบบิ้นหรือสายสะพาย ดังนี้ A (Excellent or very Good)ริบบิ้นสี น้ำเงิน B (Good plus) ริบบิ้นสี แดง C (Good) ริบบิ้นสี ขาว D (Fair) ริบบิ้นสี เหลือง E (Poor) ไม่ได้รับริบบิ้น (มักไม่พบในการประกวด) 4.ระบบการตัดสินที่พิจารณารูปร่างร่วมกับผลผลิต(Combination of Type and Production Judging) ต้องเป็นสัตว์ที่โตเต็มวัยและให้ผลผลิตแล้ว(mature) และต้องเป็นผลผลิตที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ โดยการให้คะแนนจะแบ่งคะแนนรูปร่าง และการให้ผลผลิตอย่างละครึ่ง
5.ระบบการตัดสินโดยจัดสัตว์ให้ได้ตามแบบฉบับ(Type Classification) การตัดสินระบบนี้เป็นการตัดสินที่เน้นรูปร่างตามแบบฉบับและมีรูปร่างที่จะให้ผลผลิตดีด้วยแต่ไม่เน้นถึงความสวยงามมากนัก มีการให้คะแนนตามสภาพของสัตว์ Excellent 90 % ขึ้นไป Very Good 85-90% Good plus 80-85% Good 75-80% Fair 70-75% Poor ต่ำกว่า 70 % 6.ระบบการตัดสินหมู่(Group Judging) ระบบการตัดสินเป็นหมู่เป็นการคัดเลือกสัตว์ที่ดีเลิศเป็นกลุ่ม โดยดูเฉพาะลักษณะรูปร่าง(conformation) ของสัตว์เท่านั้น สัตว์ที่เข้าประกวดควรเป็นสัตว์ที่โตเต็มวัย และกำลังให้ผลผลิต นอกจากนี้ควรเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกันที่มีรูปร่างลักษณะดีและตรงตรงตามเหมือนกันทั้งกลุ่ม
1.2.2คุณสมบัติของผู้ตัดสินสัตว์ 1.2.2คุณสมบัติของผู้ตัดสินสัตว์ 1.มีความตั้งใจจริงที่จะรู้จักสัตว์ ไม่ใช่เพียงรู้จักสัตว์เท่านั้นแต่ต้องทำความคุ้นเคยและคลุกคลี กับสัตว์ให้รู้ถึงความแตกต่างของสัตว์แต่ละตัว แม้ว่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวกันที่มีสีเหมือนกันทั้งตัวก็ตาม 2.มีความรู้เกี่ยวกับกายวิภาคและสรีรวิทยาของสัตว์ ลักษณะคุณภาพซาก และความต้องการของ ตลาดหรือผู้บริโภค 3.มีภาพสัตว์ในอุดมคติอยู่ในใจ เพื่อเปรียบเทียบกับสัตว์ที่เข้าประกวดกับสัตว์สัตว์ในอุดมคติ และเปรียบเทียบระหว่างสัตว์ที่เข้าประกวดเอง
4.มีความเข้าใจและเล็งเห็นคุณค่าของสมรรถนะ(Performance) และลักษณะที่ใช้คัดเลือกสัตว์ 5.มีไหวพริบความเฉียบแหลมในการสังเกต การตรวจสัตว์ต้องกระทำอย่างถูกต้องสมบูรณ์ สม่ำเสมอ และรวดเร็ว ซึ่งต้องอาศัยความช่างสังเกต ละเอียดรอบคอบ ความจำ ไหวพริบและความกล้าตัดสินใจอย่างรวดเร็ว 6.มีความยุติธรรมตัดสินอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือเอื้อประโยชน์ต่อผู้สนับสนุนการจัดประกวด 7.มีความคิดเห็นอิสระไม่โอนเอียงเสียงวิจารณ์ เมื่อทำการตัดสินอย่างรอบคอบแล้วไม่ควรเปลี่ยนแปลงผลการตัดสิน แต่ต้องคำวิจารณ์ไปปรับปรุงการตัดสินสัตว์ในครั้งต่อไป
8.มีความสามารถในการให้เหตุผลให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งการชี้แจงเหตุผลในการตัดสินมีหลักดังนี้ -เปรียบเทียบเป็นคู่ๆ เฉพาะในรุ่นนั้นๆ ไม่พูดเลยไปถึงสัตว์ตัวอื่นซึ่งไม่อยู่ในสนามประกวดในเวลานั้น -อธิบายสั้นๆ ให้ตรงจุด โดยเน้นเฉพาะส่วนที่มีความแตกต่างกันของสัตว์ -กล่าวถึงข้อดีของสัตว์ตัวที่ด้อยกว่าเสียก่อน แล้วจึงให้เหตุผลว่าอีกตัวหนึ่งดีกว่าอย่างไร โดยหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ข้อเสียของสัตว์ -พูดให้เป็นจังหวะไม่ตื่นเต้น เน้นเสียงให้น่าสนใจ และใช้เวลาในการพูดไม่มากนัก
ผู้ตัดสินที่ดีควรมีหลักปฏิบัติดังนี้ ผู้ตัดสินที่ดีควรมีหลักปฏิบัติดังนี้ 1.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการประกวดอย่างถี่ถ้วน ก่อนถึงวันประกวด ซึ่งสิ่งที่ควรรู้ได้แก่ ชื่องาน วัตถุประสงค์ในการจัด ผู้ดำเนินการจัดการประกวด ชนิดสัตว์และการแบ่งรุ่น หลักเกณฑ์หรือกฎกติกาในการตัดสิน(ซึ่งบางครั้งอาจมีหลักเกณฑ์พิเศษเพิ่มเติม) เวลาในการจัดงาน จำนวนและมูลค่าของรางวัล 2.แต่งกายสุภาพและเหมาะสมกับงาน ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสุภาพ เช่น สีน้ำตาล สีกรมท่า สีเท่าหรือสีดำ ไม่ควรใช้สีที่ฉูดฉาด เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลืองหรือสีเขียว 3.มาถึงสนามประกวดก่อนเวลาตัดสินเริ่มขึ้นอย่างน้อย 30 นาที เพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวตัดสิน
4.วางตัวให้เหมาะสม ไม่แสดงความสนินสนมกับใครคนใดคนเป็นพิเศษ ถึงแม้จะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งอาจทำได้เพียงทักทายเล็กน้อยตามธรรมเนียม เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา 5.ดำเนินการประกวดตรงตามเวลา ไม่ควรให้เสร็จเร็วหรือช้ากว่ากำหนด 6.ตัดสินอย่างตรงไปตรงมา ควรกล่าวชื่นชมแสดงความยินดีกับผู้ที่ชนะ และให้กำลังใจกับผู้ที่พลาดรางวัล 7.การอธิบายเหตุผลในการตัดสิน หากมีผู้ซักถามควรตอบข้อซักให้เป็นที่เข้าใจแก่ผู้ที่รอฟังเหตุผล
โดยการลดคะแนนจาก 100 คะแนน หากมีการตัดสินผิดพลาด ซึ่งความสำคัญของการลดคะแนนจะต่างกัน ถ้ามีการเลือกคู่ดี-คู่เลวผิดพลาดจะหักคะแนนมากที่สุดรองลงมาคือคู่ดี และคู่เลวตามลำดับ การจัดอันดับใช้ได้ทั้งระบบตัวเลข เช่น 1 2 3 4 หรือระบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ A B C D ซึ่งจะเป็นอันดับ(order) ทั้งหมด 24 แบบ(combination) มีวิธีการคิดสูตรการให้คะแนนหลายแบบ ซึ่งในในที่นี้จะใช้สูตรการให้คะแนนของ Dr. R. Neidermeier ภาควิชาวิทยาศาสตร์โคนม มหาวิทยาลัยคอนซิน ดังนี้ การให้คะแนนในการจัดอันดับการแข่งขันตัดสินสัตว์
การลดคะแนนจากการจัดอันดับสลับคู่ มี 2 กรณี คือ ตัวอย่างจากแบบที่ 1 ลำดับที่ถูก A B C D ได้ 100 คะแนน สลับคู่หลัง A B D C ได้ 96 คะแนน สลับคู่กลาง A C B D ได้ 90 คะแนน สลับคู่หน้า B A C D ได้ 92 คะแนน
ตัวอย่างการตัดสินของผู้ฝึกหัดตัวอย่างการตัดสินของผู้ฝึกหัด t m b (8) (10) (4) ลำดับที่ถูกต้อง A B C D ลำดับที่ผู้ฝึกหัดตัดสินได้ D C B A วิธีคิด D > C หัก 4 คะแนน D > B หัก 14 คะแนน D > A หัก 22 คะแนน C > B หัก 10 คะแนน C > A หัก 18 คะแนน B > A หัก 8 คะแนน รวมถูกหัก 76 คะแนน (100-76 = 24 คะแนน)
ตัวอย่างที่ 2การตัดสินของผู้ฝึกหัด t m b (8) (10) (4) ลำดับที่ถูกต้อง A B C D ลำดับที่ผู้ฝึกหัดตัดสินได้ C D B A วิธีคิด D > B หัก 14 คะแนน D > A หัก 22 คะแนน C > B หัก 10 คะแนน C > A หัก 18 คะแนน B > A หัก 8 คะแนน รวมถูกหัก 72 คะแนน (100-72 = 28คะแนน)
ตัวอย่างที่ 3 การตัดสินของผู้ฝึกหัด t m b (8) (10) (4) ลำดับที่ถูกต้อง A B C D ลำดับที่ผู้ฝึกหัดตัดสินได้ C B A D วิธีคิด C > B หัก 10 คะแนน C > A หัก 18 คะแนน B > A หัก 8 คะแนน รวมถูกหัก 36 คะแนน (100-36 = 64คะแนน)
ตัวอย่างที่ 2การตัดสินของผู้ฝึกหัด t m b (8) (10) (4) ลำดับที่ถูกต้อง B D C A ลำดับที่ผู้ฝึกหัดตัดสินได้ C AD B วิธีคิด A >D หัก 14 คะแนน A> Bหัก 22 คะแนน C > Dหัก 10 คะแนน C > Bหัก 18 คะแนน D> B หัก 8 คะแนน รวมถูกหัก 72 คะแนน (100-72 = 28คะแนน)
ตารางเปรียบเทียบคะแนนการตัดสินสัตว์ตารางเปรียบเทียบคะแนนการตัดสินสัตว์