460 likes | 708 Views
การเตรียมความพร้อมภาคเกษตรเพื่อก้าวสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน. สำนักเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เมษายน 2555. อาเซียน ( ASEAN) สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
E N D
การเตรียมความพร้อมภาคเกษตรเพื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนการเตรียมความพร้อมภาคเกษตรเพื่อก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำนักเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เมษายน 2555
อาเซียน (ASEAN)สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัญลักษณ์อาเซียน คือ ต้นข้าวสีเหลือง 10 ต้นมัดรวมกันไว้ หมายถึงประเทศสมาชิกรวมกันเพื่อมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สีน้ำเงินหมายถึง สันติภาพและความมั่นคง สีแดงหมายถึง ความกล้าหาญและความก้าวหน้า สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ และ สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
อาเซียน (ASEAN)สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • อาเซียน หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 8 สิงหาคม 2510 มีสมาชิกรวม 10 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน ลาว พม่า เวียดนาม และกัมพูชา • วัตถุประสงค์เพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาค 2540 2540 2510 2510 2538 2542 2527 2510 2510 2510 อาเซียน 6 สมาชิกใหม่ CLMV
ความสำคัญของอาเซียน ที่มา:ASEAN Secretariat, 2011
ตัวชี้วัดสำคัญทางเศรษฐกิจของอาเซียน (ปี2552) ที่มา:ASEAN Secretariat, 2011
ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) “One Vision, One Identity, One Community” • ปี 2546 ผู้นำอาเซียนเห็นพ้องกันว่า ภายในปี 2558 จะจัดตั้ง “ประชาคมอาเซียน” (ASEAN Community)ที่ประกอบด้วย 3 เสา คือ • ประชาคมการเมืองความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political security Community : APSC) • ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) • ประชาคมสังคมวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community : ASCC)
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) AEC เป็นตลาดและฐานการผลิตร่วมกัน ลักษณะ วัตถุประสงค์ การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานมีฝีมือ อย่างเสรี เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และความสามารถในการแข่งขันของอาเซียน เคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น
แนวทางการดำเนินงานไปสู่การเป็น AECเพื่อเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว เปิดเสรีการค้าสินค้า การเปิดเสรีการค้าบริการ การเปิดเสรีการลงทุน การเปิดเสรีด้านเงินทุน การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรี
เอกสารความตกลงสำคัญของอาเซียน ในการเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว 1. ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) 2. ความตกลงด้านการค้าบริการของอาเซียน 3. ความตกลงด้านการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Comprehensive Investment Agreement: ACIA) 4. ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของอาเซียน
ATIGA - ความตกลงด้านการค้าสินค้าอาเซียน 1. การเปิดเสรีการค้าสินค้า • ครอบคลุมมาตรการด้านการส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่าง 10 ประเทศ • ตารางการลดภาษีตามพันธกรณีของอาฟตา (AFTA) • กำหนดให้ใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี (NTMs) ได้เฉพาะเท่าที่จำเป็น • ส่งเสริมความสะดวกด้านการค้าสินค้าระหว่างกัน • หลักปฏิบัติด้านศุลกากรที่อ้างอิงหลักการของสากล • การปฏิบัติด้านเทคนิค กระบวนการตรวจสอบรับรองมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช • มาตรการเยียวยาทางการค้า
ปี 2553 ปี 2558 ภาษี 0% สินค้าในรายการลดภาษี ภาษี 0% อาเซียนเดิม เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา การเปิดเสรีการค้าสินค้า • การลด/ยกเลิกภาษี ยกเว้น สินค้าในรายการสินค้าอ่อนไหว(Sensitive List:SL)ภาษีไม่ต้องเป็น 0% แต่ต้อง <5% (ไทยมีเมล็ดกาแฟ มันฝรั่ง ไม้ตัดดอก เนื้อมะพร้าวแห้ง ภาษีเหลือ 5%) และสินค้าในรายการอ่อนไหวสูง (Highly Sensitive List:HSL)ลดภาษีลงในระดับที่ต้องตกลงกัน (ได้แก่ ข้าว (ID, MY, PH) และน้ำตาล (ID,PH)) • การขจัดมาตรการที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Measures) • การกำหนดกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิด (Rules of Origin)
สินค้าอ่อนไหวของประเทศอาเซียน (ภาษีนำเข้า 0-5%)
พันธกรณีการเปิดเสรีสินค้าของไทยพันธกรณีการเปิดเสรีสินค้าของไทย • ต้องลดภาษีทุกรายการสินค้า • เหลือ 0 % ในปี 2553 • (ยกเว้น เมล็ดกาแฟ มันฝรั่ง ไม้ตัดดอก เนื้อมะพร้าวแห้ง ภาษีเหลือ 5%) • ต้องยกเลิกโควตาสินค้าเกษตร • 23 รายการหมดไปในปี 2553
ยกเลิกโควตาแล้ว 23 ชนิด/รายการ แล้ว 1) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2) กากถั่วเหลือง 3)น้ำมันถั่วเหลือง 4)น้ำมันปาล์ม 5) หอมหัวใหญ่ 6) เมล็ดพันธุ์-หอมหัวใหญ่ 7) กระเทียม 8) มันฝรั่ง 9) ไหมดิบ 10) ลำไยแห้ง 11) พริกไทย 12) น้ำตาล 13) ใบยาสูบ 14) ชา 15) เมล็ดกาแฟ16) กาแฟสำเร็จรูป 17) น้ำนมดิบ/นมพร้อมดื่ม 18) นมผงขาดมันเนย 19) มะพร้าวผล 20) เนื้อ-มะพร้าวแห้ง 21 ) น้ำมันมะพร้าว 22) เมล็ดถั่ว-เหลือง 23) ข้าว
การเปิดเสรีการค้าสินค้า (ต่อ) • การปฏิบัติด้านเทคนิค กระบวนการตรวจสอบรับรองมาตรการ SPS • ปรับประสานมาตรฐาน กฎระเบียบด้านเทคนิคและการประเมินให้เป็นไปตามหลักสากล ปฏิบัติได้ และโปร่งใส • พัฒนาและใช้ระบบบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ทั้งพืช ประมง ปศุสัตว์ อาหาร • จัดตั้งระบบโดยใช้ GAP, GAHP, GHP, GMP, HACCP เป็นพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารให้สอดคล้องกับสากล • ปรับประสานระบบและเกณฑ์ต่างๆ เช่น ระบบการกักกันและตรวจสอบหรือสุ่มตัวอย่าง ระดับปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดในอาหาร มาตรฐานด้านความปลอดภัยและคุณภาพ แนวทางการใช้สารเคมี การควบคุมสุขภาพสัตว์ (สัตว์น้ำ/บก) เป็นต้น
ACIA – ความตกลงด้านการลงทุนของอาเซียน 2. การเปิดเสรีการลงทุน • มีเป้าหมายเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในอาเซียนและการลงทุนในอาเซียนโดยอาเซียนเอง • ACIAประกอบด้วยหลักการของการลงทุน 4 ด้านได้แก่ ส่งเสริมการลงทุนอำนวยความสะดวก การเปิดเสรีเพื่อให้เข้ามาลงทุน และการคุ้มครองการลงทุน • ครอบคลุม 1. ภาคการผลิต 2. เกษตร 3. ประมง 4.ป่าไม้ 5. เหมืองแร่ และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับทั้ง 5 สาขาการผลิต • เปิดโอกาสให้สมาชิกทำข้อสงวนสาขาที่ไม่ต้องการเปิดเสรีไว้ในตารางข้อผูกพันโดยไม่ต้องมีการเจรจาต่อรอง • ปัจจุบันอาเซียน 10 ประเทศได้ให้สัตยาบันในความตกลงฯ ครบแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2554 แต่ในทางปฏิบัติยังไม่ประกาศบังคับใช้ เนื่องจากรายการข้อสงวนหลายประเทศยังไม่แล้วเสร็จ
พันธกรณีของไทยภายใต้ ACIA • ภายใต้ความตกลงฯ เดิม ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่ปี 2541 ไทยผูกพันการเปิดเสรีการลงทุนภายในปี 2553 (ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2553 เป็นต้นไป) ใน 3 สาขา ดังนี้ - การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ - การทำไม้จากป่าปลูก - การเพาะ ขยาย และปรับปรุงพันธุ์พืช • อาเซียนเห็นด้วยให้ใช้วิธีการเปิดเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ปี 2553 ปี 2555 และ ปี 2557 • ปี 2553 ไทยจึงเปิดให้นักลงทุนอาเซียนถือหุ้นได้ไม่เกิน 51% ในสาขาเพาะเลี้ยงทูน่าในกระชังน้ำลึก การเพาะเลี้ยงกุ้งมังกรสายพันธุ์ในประเทศไทย และการเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์ เฉพาะเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่
ข้อสงวนของไทยภายใต้ ACIA • สาขาที่ไทยไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยเด็ดขาด ได้แก่ การทำนา ทำสวน ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ การแปรรูปไม้จากป่าธรรมชาติ การประมงในน่านน้ำไทย การสกัดพืชสมุนไพร (อยู่ในบัญชี 1 แนบท้าย พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542) การผลิตน้ำตาลจากอ้อย (เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก ครม.) • สาขาที่ไทยห้ามต่างชาติถือหุ้นข้างมากเว้นแต่ ครม. อนุญาต ได้แก่ การเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหมไทย การทอผ้าไหม การทำนาเกลือ การแปรรูปไม้เพื่อทำเครื่องเรือน (อยู่ในบัญชี 2) • สาขาที่ไทยห้ามคนต่างชาติถือหุ้นข้างมาก เว้นแต่ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พณ. อนุญาต ได้แก่ การสีข้าว การผลิตไม้อัด (อยู่ในบัญชี 3 เป็นธุรกิจที่ไทยไม่พร้อมแข่งขัน)
ประเด็นการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของอาเซียนประเด็นการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของอาเซียน อาเซียนได้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements: MRAs) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เป็นการเคลื่อนย้ายเสรีเฉพาะ “แรงงานฝีมือ” และต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ใน MRAs เท่านั้น ปัจจุบันอาเซียนได้จัดทำ MRAs ไว้แล้ว 8 สาขา คือ วิศวกรรม สถาปนิก แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ นักบัญชี การสำรวจและท่องเที่ยว ส่วนสาขาอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา (ไม่มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเกษตรอย่างเสรี !!!)
สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังการเป็น AEC มีการรวมตัวกันเป็นตลาดขนาดใหญ่ บรรยากาศการค้าและการลงทุนเสรีมากขึ้น มีการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมถึงกันหมด มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่เสมอภาค เชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศนอกภูมิภาค
โอกาสทางการค้าและการลงทุนจาก AEC • ขยายช่องทางและโอกาสการค้าเข้าสู่ตลาดอาเซียน มีสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและความหลากหลาย • เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) • ลดต้นทุน นำเข้าวัตถุดิบในราคาถูกลง ทำให้ผลิตและขายในราคาถูกลง • เสริมสร้างโอกาสในการลงทุน เช่น ขยายกิจการ ย้ายฐานการผลิต • สร้างงานเพิ่มขึ้น • เกิดการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ในสินค้าและบริการ • มีการพัฒนาและเพิ่มคุณภาพบุคลากร/แรงงาน ลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เพิ่มอำนาจการซื้อ • เศรษฐกิจในภาพรวมแข็งแกร่งขึ้น
ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากการเป็น AEC • ต้องเผชิญกับคู่แข่งขันและมีการแข่งขันในตลาดมากขึ้น • สินค้าหลากหลายที่ไม่ได้มาตรฐาน/คุณภาพต่ำเข้ามาขายในตลาดมากขึ้น • นักลงทุนต่างชาติที่ได้สิทธิการเป็นนักลงทุนอาเซียนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น • การเคลื่อนย้ายแรงงานมีฝีมือของไทยไปประเทศที่มีค่าตอบแทนสูงกว่า
การเตรียมความพร้อมของไทยการเตรียมความพร้อมของไทย
จุดเด่นของสินค้าเกษตรไทยในปัจจุบันจุดเด่นของสินค้าเกษตรไทยในปัจจุบัน • การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมาตรฐาน (สร้างความโดดเด่นและแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง) • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรองรับกลุ่มผู้บริโภค (กลุ่มประชาคมยุโรป เน้นอาหารปลอดสารหรือสินค้าอินทรีย์และอาหารฮาลาล สำหรับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศมุสลิม) • สินค้าเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั่วโลก (ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สินค้าเกษตรและอาหารขยายตัวโดยเฉลี่ยร้อยละ 10.7)
การค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับตลาดสำคัญการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับตลาดสำคัญ ที่มา : กรมศุลกากร หมายเหตุ : สินค้าเกษตรพิกัดศุลกากรที่ 1-24
การค้าสินค้าเกษตรและอาหารไทยกับประเทศในอาเซียน ปี 2554 ที่มา : กรมศุลกากร หมายเหตุ : สินค้าเกษตรพิกัดศุลกากรที่ 1-24
การค้าสินค้าเกษตรและอาหารไทยกับอาเซียน ปี 2554 การส่งออก - กลุ่มสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ • กลุ่มยางพาราธรรมชาติ • กลุ่มน้ำตาลและขนมที่ทำจากน้ำตาล • กลุ่มข้าวและธัญพืช • กลุ่มเครื่องดื่ม สุรา น้ำส้มสายชู • กลุ่มซอส และเครื่องปรุงรส • กลุ่มสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ที่มีการขยายสัดส่วนปริมาณและมูลค่าการส่งออกมากขึ้น 5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับปี 2553 ได้แก่ • กลุ่มวัตถุจากพืชที่ใช้จักสาน • กลุ่มเนื้อสัตว์และส่วนอื่นของสัตว์เพื่อบริโภค • กลุ่มหนัง เขา กระดูกสัตว์ • กลุ่มผลไม้ • กลุ่มเมล็ดพืชและผลไม้ที่มีน้ำมัน
การนำเข้า - กลุ่มสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ กลุ่มไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง นม กลุ่มซอส และเครื่องปรุงรสต่างๆ กลุ่มชา กาแฟ และเครื่องเทศ กลุ่มสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ ที่มีการขยายสัดส่วนปริมาณและมูลค่าการนำเข้ามากขึ้น5 อันดับแรก เมื่อเทียบกับปี 2553 ได้แก่ กลุ่มผลไม้ กลุ่มเนื้อสัตว์และชิ้นส่วนของสัตว์ ที่บริโภคได้ กลุ่มไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ กลุ่มอาหารปรุงแต่งจากเนื้อปลา ปลาและสัตว์น้ำ กลุ่มพืชผักเพื่อบริโภค การค้าสินค้าเกษตรและอาหารไทยกับอาเซียน ปี 2554
ผลต่อภาคเกษตรที่คาดว่าจะได้รับจากผลต่อภาคเกษตรที่คาดว่าจะได้รับจาก การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ผลประโยชน์ -ไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารได้มากขึ้น เนื่องจากภาษีที่ลดลง ราคาสินค้าถูกลง เพราะอาเซียนเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรเกือบ 600 ล้านคน ซึ่งสำคัญสำหรับไทย (สินค้าส่งออกสำคัญ เช่นข้าว น้ำตาล นมและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ไก่แปรรูป อาหารแปรรูป ซอสปรุงรสผลไม้สด เป็นต้น) - สินค้าวัตถุดิบนำเข้าราคาถูก ทำให้ลดต้นทุนการผลิตเพื่อส่งออก (เช่น ปลา และสัตว์น้ำ ชา กาแฟ) - เกษตรกร/ ผู้ประกอบการ เกิดการปรับตัวทางการผลิต ทำให้สามารถแข่งขันได้
ส่วนแบ่งการตลาดข้าวสารของไทยและเวียดนามในตลาดสิงคโปร์ส่วนแบ่งการตลาดข้าวสารของไทยและเวียดนามในตลาดสิงคโปร์ ที่มา: Trade Map
ส่วนแบ่งการตลาดข้าวสารของไทยและเวียดนามในตลาดมาเลเซียส่วนแบ่งการตลาดข้าวสารของไทยและเวียดนามในตลาดมาเลเซีย ที่มา: Trade Map
ผลกระทบทางลบ - เกษตรกรบางสาขาอาจได้รับผลกระทบด้านราคาสินค้าตกต่ำเมื่อมีการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากอาเซียน 9 ประเทศ - การแข่งขันจะสูงขึ้น อุตสาหกรรมเกษตรที่มีประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ต้นทุนสูง อาจแข่งขันไม่ได้ - มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) และความปลอดภัยด้านอาหารจะถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขในการค้ามากขึ้น
มาตรการห้ามนำเข้าเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตในประเทศ • การขออนุญาตนำเข้า (Import License) • การกำหนดใช้ลังพลาสติคของมาเลเซียเป็นภาชนะบรรจุปลานำเข้า • การกำหนดให้หน่วยงานเฉพาะของรัฐเป็นผู้นำเข้า เช่น มาเลเซียกำหนดให้ Bernas เป็นผู้นำเข้าข้าวแต่เพียงผู้เดียว • การขออนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแลก่อนการนำเข้า • กำหนดด่าน/ท่าเรือในการนำเข้าสินค้า • การบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชที่เข้มงวด มาตรการที่มิใช่ภาษีหลายรูปแบบถูกใช้มากขึ้น
ข้อเสนอแนวทางการเตรียมความพร้อมข้อเสนอแนวทางการเตรียมความพร้อม • ด้านการเปิดเสรีการค้าสินค้า • ด้านการลงทุน • การให้ความรู้ สร้างความเข้าใจเพื่อการปรับตัว
การเปิดเสรีสินค้าเกษตรการเปิดเสรีสินค้าเกษตร การป้องกันผลกระทบ (เชิงรับ) • การบริหารการนำเข้า เช่น • กำหนดให้เป็นสินค้าที่ต้องขอหนังสือรับรองนำเข้าและกำหนดคุณสมบัติผู้นำเข้า • กำหนดมาตรฐานการผลิต เช่น ต้องมีใบรับรองปริมาณสารพิษตกค้าง • กำหนดมาตรการสุขอนามัย(SPS) ที่เข้มงวด เช่นต้องแสดงใบรับรองสุขอนามัย จากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ในประเทศต้นทาง (อย.) • ตรวจเข้มใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (กรมศุลกากร) • กำหนดด่านนำเข้า (ให้นำเข้าเฉพาะด่านอาหารและยาและด่านตรวจพืช) • กำหนดช่วงเวลานำเข้า • การปราบปรามการลักลอบนำเข้า/ การนำเข้าที่ผิดกฎหมาย • ใช้มาตรการปกป้องพิเศษ (เก็บค่าธรรมเนียมปกป้อง)
ตัวอย่าง แนวทางรองรับการเปิดตลาดเสรีสินค้าเกษตรที่อาจจะได้รับผลกระทบ (ด้านการบริหารการนำเข้า) ของไทย
การเปิดเสรีสินค้าเกษตรการเปิดเสรีสินค้าเกษตร การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน (เชิงรุก) • ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (ระบบน้ำ/ระบบชลประทาน ปุ๋ย วิจัยและพัฒนาพันธุ์ดี) • พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรสู่สากล • สนับสนุนผู้ผลิตรายย่อยเข้าสู่ระบบมาตรฐาน • สร้างมูลค่าเพิ่มและผลิตสินค้าที่หลากหลายเพื่อเพิ่มศักยภาพ การแข่งขันในตลาดโลก • ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับเกษตรกร • เร่งปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร โดยใช้เงินกองทุน FTA • ส่งเสริมการทำเกษตรตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เกษตรกร
แนวทางเพิ่มความสามารถในการแข่งขันแนวทางเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน • ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยการ • กำหนดมาตรฐานสินค้าอาเซียนเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า ควบคู่ไปกับ • การกำหนดมาตรฐานบังคับสำหรับสินค้านำเข้าเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ • เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบรับรองและควบคุมด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้านำเข้า และ • เร่งรัดการจัดตั้งระบบเฝ้าระวัง/เตือนภัยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัยต่อการใช้
การเปิดเสรีการค้าบริการ การลงทุน และแรงงาน • กระตุ้นและเร่งรัดให้ผู้ประกอบการการใช้ประโยชน์จาก AEC โดยเข้าไปลงทุนทั้งเรื่องการผลิตสินค้าและบริการในประเทศอาเซียน เพื่อสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน ด้านต้นทุนการผลิต แรงงาน วัตถุดิบ หรือต้นทุนโลจิสติกส์ • เตรียมความพร้อมของบุคลากร/แรงงงานมีฝีมือให้มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษและภาษาในอาเซียนอื่นที่จำเป็น • ภาครัฐต้องเป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวกด้านการค้าและเน้นการวิจัยและพัฒนา สร้างความเข้าใจเพื่อเตรียมความพร้อมและปรับตัวรองรับการเปิดเสรีเต็มรูปแบบ
กองทุน FTA ของ กษ. • กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ตั้งขึ้นตาม มติ ครม. 20 ก.ค. 2547 • วัตถุประสงค์ เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิต แปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร • หลักการ ช่วยเหลือเยียวยาโดยการสนับสนุนปัจจัยการผลิต เทคโนโลยี งานวิจัย/พัฒนา การฝึกอบรม และปรับโครงสร้างการผลิต • ผลงานที่ผ่านมา ปี 50 -54 ให้การสนับสนุนโครงการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าสำคัญ14 โครงการ เป็นเงิน 544.31 ล้านบาท เช่น ข้าว โคเนื้อ โคนม สุกร ชา กาแฟ ปาล์มน้ำมัน • ล่าสุด อยู่ระหว่างการพิจารณา โครงการข้าวอินทรีย์ ข้าวคุณภาพ Q พัฒนาโรงฆ่าโคเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงปลากระพงขาว – โคนม ผักปลอดสารพิษวังน้ำเขียว รวม 340 ล้านบาท
สนใจติดต่อขอรับการสนับสนุนสนใจติดต่อขอรับการสนับสนุน กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โทร. 0-2561-4727 โทรสาร 0-2561-4726 www2.oae.go.th/FTA E-mail: FTA@oae.go.th 44
สรุป • AEC จะนำมาซึ่งโอกาสทั้งการค้าและการลงทุน • AEC จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจในภาพรวมให้ไทยและอาเซียนมีความโดดเด่นในระบบเศรษฐกิจของโลก • AEC ก่อให้เกิดผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบอย่างยากที่จะหลักเลี่ยง • จำเป็นต้องใช้จุดเด่นที่มีอยู่ สร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน • ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันเตรียมความพร้อมและเร่งปรับตัวรองรับการเปิดสรีอย่างเต็มรูปแบบ