การบริหารงานแบบกระจายอำนาจและการประเมินผลโดยรายงานจำแนกตามส่วนงาน

1. การบริหารงานแบบกระจายอำนาจและการประเมินผลโดยรายงานจำแนกตามส่วนงาน การบริหารงานแบบกระจายอำนาจและการประเมินผลโดยรายงานจำแนกตามส่วนงาน

2. การบริหารแบบกระจายอำนาจ(Decentralization)การบริหารแบบกระจายอำนาจ(Decentralization) ในการบริหารงานธุรกิจส่วนมากจะแบ่งออกเป็นหน่วยงานย่อยๆ ยิ่งธุรกิจมีความเจริญเติบโตขึ้นยิ่งมีหน่วยงานย่อยมากยิ่งขึ้น เจ้าของธุรกิจไม่สามารถบริหารได้เพียงลำพัง จะต้องจัดหาผู้บริหารมืออาชีพมาช่วยในการบริหารงานในด้านต่างๆ รวมทั้งการมอบหมายอำนาจและหน้าที่แก่ผู้บริหารในระดับต่างๆ เพื่อให้ผู้บริหารเหล่านี้ได้มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ และดำเนินงานตามหน้าที่ของผู้บริหารแต่ละระดับซึ่งจะมีมากน้อยแตกต่างกันไป

4. ข้อดีของการบริหารแบบกระจายอำนาจข้อดีของการบริหารแบบกระจายอำนาจ ข้อดีของการบริหารแบบกระจายอำนาจ • ทำให้การทำงานมีความคล่องตัวขึ้น • ทำให้ผู้บริหารมีเวลาว่างมากขึ้น และสามารถนำเวลาว่างที่มีอยู่ไปให้ความสำคัญกับการบริหารกลยุทธ์หรือการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ • เป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์และทักษะความเชี่ยวชาญให้กับพนักงานระดับล่างในการพัฒนาเป็นพนักงานระดับสูงต่อไป • สร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานได้ดีกว่าการบริหารแบบรวมอำนาจ • สามารถเข้าถึงข้อมูลที่นำมาใช้ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ดีกว่า และนำความคิดเห็นที่ได้มาวิเคราะห์และกลั่นกรองอีกทีโดยผู้บริหารระดับสูง

5. ข้อเสียของการบริหารแบบกระจายอำนาจข้อเสียของการบริหารแบบกระจายอำนาจ ข้อเสียของการบริหารแบบกระจายอำนาจ • ผู้บริหารระดับล่างขาดความเข้าใจในภาพรวมทำให้บางทีการตัดสินใจในบางอย่างไปขัดกับนโยบายรวมขององค์การ • ขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงาน ทำให้เกิดการแข่งขันขึ้นภายในกิจการ • มีโครงสร้างที่ซับซ้อนมากเกินไป พนักงานระดับต่างๆขาดความเข้าใจในวัตถุประสงค์หลักขององค์การ • ขาดแนวคิดการสร้างวัฒนธรรมใหม่

6. การบัญชีตามความรับผิดชอบและการประเมินผลการดำเนินงานการบัญชีตามความรับผิดชอบและการประเมินผลการดำเนินงาน ในการวางแผน ควบคุมและประเมินผลหน่วยงานต่างๆ มีเทคนิคที่สามาช่วยผู้บริหารแตกต่างกัน สำหรับการบัญชีตามความรับผิดชอบแบ่งได้ทั้งหมด 4 ลักษณะ • ศูนย์ต้นทุน(Costs Center) • ศูนย์รายได้(Revenue Center) • ศูนย์กำไร(Profit Center) • ศูนย์ลงทุน(Investment Center)

8. ศูนย์ต้นทุน(Cost Center) หน่วยงานที่เป็นศูนย์ต้นทุนคือหน่วยที่ทำหน้าที่ปฏิบัติการ ไม่ได้เป็นหน่วยงานที่ก่อให้เกิดรายได้โดยตรง ภายในหน่วยงานเหล่านี้จะมีแต่ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเท่านั้น เช่น แผนกผลิต แผนกบุคคล แผนกบัญชี และแผนกการเงิน เป็นต้น

9. ศูนย์รายได้ (Revenue Centers) หน่วยงานที่เป็นศูนย์รายได้คือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการดูแลรับผิดชอบรายได้ขององค์การเป็นหลัก ได้แก่ แผนกการตลาดขององค์การซึ่งมีหน้าที่หลักคือการสร้างรายได้แก่องค์การ แต่อย่างไรก็ตามส่วนงานเหล่านี้ก็มีค่าใช้จ่ายของแผนกตนที่ต้องรับผิดชอบด้วยเหมือนกัน เช่น เงินเดือน สวัสดิการพนักงานการตลาด ค่าโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ดังนั้นศูนย์รายได้จะต้องรับผิดชอบทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายของศูนย์ [1] Hilton International Corporation , http://www.ameinfo.com/news/Detailed/17766.html , (Online:26/08/2547)

10. ศูนย์กำไร (Profit Center) Revenues ศูนย์กำไรคือหน่วยงานที่ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบผลกำไร แต่อย่างไรก็ตามผลกำไรมาจากการนำรายได้หักต้นทุนและค่าใช้จ่ายจึงเป็นผลกำไร ดังนั้นหมายความว่าผู้บริหารศูนย์กำไรนี้จะต้องรับผิดชอบทั้ง การก่อให้เกิดรายได้ การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายภายในหน่วยงานของตนเพื่อให้ศูนย์มีอัตราการทำกำไรที่ดี Sales Interest Other Costs Mfg. costs Commissions Salaries Other

11. ศูนย์ลงทุน (Investment Center) คือหน่วยงานที่ผู้บริหารมุ่งให้ความสนใจทางด้านการตัดสินใจการลงทุนในหน่วยธุรกิจต่างๆ การประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน รวมทั้งการตัดสินใจการปรับปรุงหน่วยธุรกิจเมื่อเกิดปัญหา หรือแม้แต่การตัดสินใจขายหน่วยธุรกิจทิ้งหรือหน่วยธุรกิจมีอัตราการเจริญเติบโตไม่น่าพึงพอใจหรือให้ผลตอบแทนไม่น่าพึงพอใจ ซึ่งปกติจะเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงที่จะดูแลงานด้านนี้ โดยปกติผู้บริหารจะดูในภาพรวมของการลงทุนมากกว่าที่จะดูแลในระดับปฏิบัติการของแต่ละส่วนงาน แต่อย่างไรก็ตามผู้บริหารของหน่วยลงทุนมีอำนาจการบริหารเหนือหน่วยงานอื่นๆ มีสิทธิที่จะเรียกดูข้อมูลทั้งหมดของศูนย์ชนิดอื่น Corporate Headquarters

12. Cost, Profit, and Investments Centers Profit Center Investment Center Cost Center Revenue Center Cost, profit, and investment centers are all known as responsibility centers. Responsibility Center

13. How deep in separate a responsibility center?

14. Business Group

15. Investment Center Profit Center Cost Center Revenue Center

16. Firm

17. Investment Center Profit Center Revenue Center Cost Center

18. รายงานจำแนกตามส่วนงานรายงานจำแนกตามส่วนงาน (Segment Report)

19. รูปแบบของรายงานจำแนกตามส่วนงานรูปแบบของรายงานจำแนกตามส่วนงาน การแสดงผลการดำเนินงานแต่ละงวดควรแสดงผลการดำเนินงานเฉพาะงวดนั้น ไม่ควรให้มีปัจจัยต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายที่ข้ามงวดเวลา ทำให้ไม่สามารถประเมินผลการดำเนินงานที่แท้จริงในแต่ละงวดได้ จากคุณสมบัติดังที่กล่าวมาข้างต้น รายงานจำแนกตามส่วนงานทางการบริหารจึงควรจัดทำตามวิธีต้นทุนผันแปร The Guest Section of a hospitality

20. Segmented Reporting Cost Fixed Costs Variable Costs Mixed Costs

21. Segmented Reporting Costs Traceable Common Costs arise because of the existence of a particular segment. Costs arise because of overall operating activities.

22. Segmented Reporting Costs Don’t allocate common costs. Traceable Common Costs arise because of the existence of a particular segment. Costs arise because of overall operating activities.

23. Segmented Reporting Traceable costs would disappear over time if the segment itself disappeared. No computer division means . . . No computer division manager.

24. Identifying Common Fixed Costs Common costs arise because of overall operation of the company and are not due to the existence of a particular segment. No computer division but . . . We still have a company president.

25. สาเหตุที่ใช้งบกำไรขาดทุนวิธีต้นทุนผันแปรจัดทำรายงานจำแนกตามส่วนงานสาเหตุที่ใช้งบกำไรขาดทุนวิธีต้นทุนผันแปรจัดทำรายงานจำแนกตามส่วนงาน • แสดงผลการดำเนินงานแต่ละส่วนงานด้วยรูปแบบเดียวกัน สามารถเปรียบเทียบกันได้ • แสดงความสามารถในการสร้างกำไรส่วนเกิน และผลการดำเนินงานของแต่ละส่วนงาน • แสดงภาระต้นทุนคงที่ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายประจำงวดเวลาที่ผู้บริหารแต่ละส่วนงานต้องรับผิดชอบแต่ละงวด • แสดงผลการดำเนินงานเฉพาะงวดนั้นจริงๆ ไม่มีปัจจัยต้นทุนจากงวดที่แล้วเข้ามาเกี่ยวข้อง • สะดวกต่อการนำไปใช้ในการตัดสินใจอื่นๆ สำหรับผู้บริหาร

26. ระดับของการจัดทำรายงานจำแนกตามส่วนงานระดับของการจัดทำรายงานจำแนกตามส่วนงาน สำหรับการจัดทำรายงานจำแนกตามส่วนงานนั้นสามารถจัดทำโดยจำแนกได้หลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริหารว่าต้องการข้อมูลส่วนงานในระดับไหน หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งในที่นี้จะจำแนกให้ดูเป็น 3 ระดับ

27. ระดับเครือธุรกิจ

28. ระดับเครือธุรกิจ ผลรวมของ 3 ธุรกิจ

29. ระดับเครือธุรกิจ

30. ระดับเครือธุรกิจ

31. ระดับเครือธุรกิจ หัก ต้นทุนที่ทั้ง 3 ธุรกิจใช้ร่วมกัน

32. ระดับเครือธุรกิจ

33. ระดับเครือธุรกิจ

34. ระดับหน่วยธุรกิจ

35. ระดับธุรกิจ

36. ระดับเครือธุรกิจ

37. ระดับธุรกิจ

38. ระดับธุรกิจ

39. ระดับธุรกิจ

40. ระดับส่วนงาน

41. ระดับส่วนงาน

42. ระดับธุรกิจ

43. ระดับส่วนงาน

44. การวิเคราะห์ความสามารถทำกำไรการวิเคราะห์ความสามารถทำกำไร ก่อนอื่นต้องคำนวณหาค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ของตัวเลขแต่ละตัวที่มีอยู่ในงบกำไรขาดทุน เมื่อทราบค่าต่างๆเรียบร้อยแล้วจึงนำตัวเลขอัตรากำไรแต่ละส่วนงานมาเปรียบเทียบกัน หมายเหตุ อย่างไรก็ตามเราไม่ควรที่จะดูอัตรากำไรที่เป็นเปอร์เซ็นต์เพียงอย่างเดียว เราควรเปรียบเทียบที่จำนวนเงินของแต่ละส่วนงานด้วย

47. การวิเคราะห์ผลตอบแทน จากการลงทุน (Return On Investment: ROI)

48. Return on Investment (ROI) Formula Margin Turnover Net operating income Sales ROI = Sales Average operating assets ×

49. Return on Investment (ROI) Formula Margin Turnover Net operating income Sales ROI = Sales . Average operating assets × Income before interest and taxes (EBIT) Cash, accounts receivable, inventory, plant and equipment, and other productive assets.