1 / 28

รูปแบบการวิจัย Research Design

รูปแบบการวิจัย Research Design. ผศ. ( พิเศษ ) น.พ.นภดล สุชาติ พ.บ. M.P.H. การวิจัย.

harva
Download Presentation

รูปแบบการวิจัย Research Design

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. รูปแบบการวิจัยResearch Design ผศ.(พิเศษ)น.พ.นภดล สุชาติ พ.บ. M.P.H.

  2. การวิจัย • เป็นการค้นคว้า อย่างเป็นระบบ มีเหตุมีผล เพื่อผลิตความรู้ใหม่ ซึ่งความรู้ใหม่ อาจเป็นความรู้ใหม่ เชิงทฤษฏี หรือการประยุกต์ปฏิบัติก็ได้ แต่ต้องอยู่บนรากฐาน ของความถูกต้อง โดยต้องพยายาม หลีกเลี่ยง ความแปรปรวน และอคติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้รูปแบบการวิจัย วิธีการวิจัย และสถิติที่เหมาะสม

  3. ขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูลและ พิสูจน์สมมติฐาน ข้อสรุปจากการศึกษา ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว่ สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว่ รับรองสมมติฐาน ได้สมมติฐานใหม่

  4. โลกความจริง โลกสมมติ กำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน พิสูจน์สมมติฐาน ผลที่ได้จากการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล การแปลผล ข้อสรุป

  5. เกณฑ์พิจารณาว่าเรื่องใดเป็นงานวิจัยเกณฑ์พิจารณาว่าเรื่องใดเป็นงานวิจัย • ความสมบูรณ์ของกระบวนการ • ความลึกซึ้งของการค้นคว้า • ได้ความรู้ใหม่ • ความถูกต้องและความเชื่อถือได้

  6. การวิจัย 2 แบบ • การวิจัยเชิงคุณภาพ • การวิจัยเชิงปริมาณ

  7. การวิจัยเชิงคุณภาพ • การวิจัยเชิงคุณภาพ (เชิงคุณลักษณะ) • เครื่องมือคือนักวิจัย ถามเฉพาะคนที่รู้เรื่องดี • การสังเกต(Observation) • Participant Observation • Non-Participant Observation • Focus Group, • in-depth Interview, • Life history collection

  8. การวิจัยเชิงคุณภาพ • Observation- Structured Observation- Unstructured Observation • สัมภาษณ์ทางลึก (In-depth Interview) คำถามปลายเปิด (Open ended questions) • การสนทนากลุ่ม (Focus group) ผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้มีความรู้ (Key Informants) มีนักวิจัย ผู้จดบันทึก ใช้เทปบันทึก ถอดเทปสรุปวิเคราะห์ข้อมูล • การศึกษาเฉพาะราย (Case study, Life history collection)

  9. การวิจัยเชิงปริมาณ • ต้องมีกลุ่มตัวอย่างจำนวนที่กำหนด มีเครื่องมือ เช่น แบบสอบถามใช้หลักวิชาสถิติวิเคราะห์ จำแนกตามวิธีการวิจัย แบ่งเป็น Observational Study และ Experimental study

  10. ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ตัวแปรตาม (Dependent Variables) เป็นต้นเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง เป็นตัวกำหนด มีอิทธิพล

  11. ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม • โดยที่ตัวแปรอิสระ เป็นตัวแปรที่อาจเป็นต้นเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยง (Risk Factor) หรือเป็นตัวที่กำหนด (Determines) หรือเป็นตัวที่มีอิทธิพล (Influences) ต่อตัวแปรตาม (Andrew Fisher, John Laing, John Stoeckel, 1984)

  12. ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม • เช่น ถ้าตัวแปรอิสระ คือการสูบบุหรี่ ตัวแปรตาม คือโรคมะเร็งปอด • ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดับการศึกษา ตัวแปรตาม คือระดับรายได้ หรือระดับตำแหน่งหน้าที่ • ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดับรายได้ ตัวแปรตาม คือระดับการมีคุณภาพชีวิต และการมีสุขภาพอนามัยดี เป็นต้น

  13. กลุ่มควบคุม • กลุ่มควบคุม (Control Group) หรือ กลุ่มเปรียบเทียบ (Comparison Group) • อายุ เพศ เชื้อชาติ อาชีพ คล้ายๆกัน • จำนวนกลุ่มควบคุมเท่าๆกัน หรืออาจเป็น 2 เท่าของกลุ่มทดลอง

  14. รูปแบบการวิจัย • การวิจัยโดยการสังเกต (Observation Research) • การวิจัยโดยการทดลอง (Experimental Research) • Risk Factor เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือว่าผู้ทดลองเป็นผู้กำหนดให้ตัวอย่างได้รับ Risk Factor

  15. จำแนกรูปแบบการวิจัย • จำแนกตามเป้าหมาย • จำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษา • จำแนกตามเวลา • จำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัย

  16. จำแนกตามเป้าหมาย • การวิจัยพื้นฐาน (Basic Research) • การวิจัยประยุกต์ (Applied Research)

  17. จำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษาจำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษา • วิจัยเอกสาร (Documentary Research) • วิจัยทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Research) • วิจัยในสัตว์ทดลอง (Animal Research) • วิจัยทางคลินิก (Clinical Research) • วิจัยชุมชน (Community Research) • วิจัยปฏิบัติการ (Operational Research) • วิจัยระบบบริการสาธารณสุข (Health Service Research)

  18. จำแนกตามเวลา • การวิจัยย้อนหลัง (Retrospective) • การวิจัยไปข้างหน้า (Prospective)

  19. จำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัยจำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัย • การวิจัยโดยการสังเกต (Observation Research) • วิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) • วิจัยเชิงวิเคราะห์ (Analytical Research) • การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research)

  20. Cross-sectional (Prevalence) การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) Longitudinal (Incidence) ผู้วิจัยกำหนด Exposure การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Study) ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-sectional) การวิจัยโดยการสังเกต (Observational Research) ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ Exposure เกิดตามธรรมชาติ การวิจัยเชิงวิเคราะห์ (Analytic Study) ชนิดไปข้างหน้า (Cohort or Prospective) มีกลุ่มเปรียบเทียบ ชนิดย้อนหลัง (Case control or Retrospective)

  21. Descriptive Study • Cross-sectional study ศึกษาความชุก (Prevalence) • Longitudinal study ศึกษาอุบัติการณ์ (Incidence)

  22. Analytic Study • Cohort or prospective • Case Control or retrospective study • Cross-sectional พบเหตุและผลได้พร้อมๆกัน

  23. เลือกรูปแบบการวิจัย • ประเมินขนาดของปัญหา ใช้การวิจัยเชิงพรรณนา • ศึกษาธรรมชาติของโรค ใช้การวิจัยเชิงพรรณนา • ค้นหาสาเหตุปัจจัยเสี่ยงของโรค เช่น พิสูจน์สมมติฐานความสัมพันธ์บุหรี่กับมะเร็งปอด การวิจัยเชิงวิเคราะห์หรือการวิจัยเชิงทดลอง • การวิจัยเชิงทดลองให้ผลวิจัยเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะออกแบบให้หลีกเลี่ยง Bias ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่มีปัญหาด้านจริยธรรมได้ • ประเมินผลระบบบริการ ใช้การวิจัยเชิงทดลอง

  24. ข้อดี ไม่มีปัญหาจริยธรรรมเพราะเป็นการสังเกตตามธรรมชาติ มีอคติน้อยกว่าเพราะกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกเข้าได้ (Eligibility) หา Incidence ของโรคได้ ข้อเสีย ใช้ เงิน คน เวลา มากกว่า ถ้าโรคนั้นพบน้อยหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดโรคก็ต้องติดตามนานมาก ไม่สามารถควบคุมปัจจัยกวนให้กระจายเท่ากัน การวิจัยแบบไปข้างหน้าCohort หรือ Prospective study

  25. ข้อดี เหมาะสำหรับศึกษาโรคที่มีอุบัติการณ์ต่ำ ประหยัด ง่ายและรวดเร็ว วัดปัจจัยเสี่ยงได้หลายอย่าง ไม่มีปัญหาด้านจริยธรรม ข้อเสีย เลือกกลุ่มควบคุมได้ยาก Recall Bias ซักย้อนหลังไปนานจึงจำไม่ได้ Exposure Suspicion Bias ผู้สัมผัสสี่งคุกคามจะถูกซักถามมากกว่า การวิจัยแบบไปข้างหลังCase-Control หรือ Retrospective study

  26. Experimental Study • Researcher assign exposure status to population New Treatment Success Fail Population Random Control or Standard Treatment Success Fail

  27. Phase 1 ประมาณ10 คน พิสูจน์ว่าปลอดภัย • Phase 2 ประมาณ 50 คน เรื่องขนาดยาและพิสูจน์ว่าได้ผล • Phase 3Standard RCT Safety & Efficacy • Phase 4 Post-marketing surveillance

  28. Experimental study • Quasi Experimental study • No randomization

More Related