270 likes | 757 Views
บทที่ 14 การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม (Social and Cultural Change).
E N D
บทที่ 14 การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม (Social and Cultural Change)
เป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นกับสังคมทุกสังคม แต่อัตราที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในและภายนอกของแต่ละสังคมซึ่งแตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางสังคมมีทั้งการเปลี่ยนแปลงที่สมาชิกไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นและเลวลงบางครั้งสมาชิกจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบางสิ่งตามการเปลี่ยนนั้นให้ทัน เพื่อให้ระบบสังคมสามารถดำรงอยู่ร่วมกันอย่างปกติและสามารถตอบสนองบางสิ่งตามการเปลี่ยนแปลงนั้นให้ทัน
การเปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์ (1) 1. การเปลี่ยนแปลงทางสังคม มุ่งถึงการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างของสังคมและระบบความสัมพันธ์ ระหว่างสมาชิกในสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอายุของประชากร ระดับการศึกษาของประชาชน อัตราการเพิ่มของประชากร การเปลี่ยนแปลงระบบความสัมพันธ์ของสังคมแบบชนบทไปสู่สังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างจากระบบที่ปราศจากแบบแผนไปสู่การจัดตั้งสหพันธ์กรรมกรและการใช้กฎหมายแรงงาน เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงสังคมมนุษย์ (2) 2. ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เน้นการประดิษฐ์ของสังคม ทั้งที่เป็นการประดิษฐ์ทางวัตถุ เช่น รถยนต์ ไอที และไม่ใช่วัตถุ เช่น ภาษา ศิลปะ ศีลธรรม ดนตรี การเล่นอันเป็นประเพณีต่าง ๆ รวมถึงความรู้ ความเชื่อ ค่านิยม และบรรทัดฐานทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมจะมีความเกี่ยวข้องระหว่างกัน เป็นกระบวนการต่อเนื่อง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน กระทบต่อแบบแผนการดำเนินชีวิต
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม • การเปลี่ยนแปลงโดยการปฏิวัติ (Revolution) หมายถึง ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสถาบันส่วนใหญ่ในสังคม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงค่านิยมสำคัญของสังคม อย่างรุนแรงและรวดเร็ว การปฏิวัติมักเกิดขึ้นในกรณีที่สมาชิกเกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจต่อสภาวะในสังคมของตนเมื่อเปรียบกับความเป็นอยู่ในอดีต หรือเมื่อเปรียบเทียบกับสังคมอื่น ความรู้สึกเช่นนี้ เรียกว่า Relative Deprivation การปฏิวัติต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการปรับปรุงโครงสร้างใหม่ให้คงที่
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม 2. การเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป (Trends) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกทีละเล็กละน้อยในระยะเวลาอันยาวนาน การเปลี่ยนแปลงจากสังคมแบบ Mechanical Solidarity อันเป็นสังคมเรียบง่าย แบบชนบท มีค่านิยมจารีตประเพณี เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวไปสู่สังคมแบบ Organic Solidarity
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม 3. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (Everyday Change) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์ไม่ค่อยได้สังเกต ดูเหมือนมีอิทธิพลน้อย เพราะสมาชิกไม่รู้ตัว แต่คนในยุคหลังได้สังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลานั้น จนเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ตามมา เช่น ทัศนคติต่อเรื่องเกย์ การทำศัลยกรรมเพื่อความสวยงาม เป็นต้น
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม • การค้นพบ (discovery)ซึ่งหมายถึง การที่สมาชิกสังคมรับรู้ร่วมกันในข้อเท็จจริง หรือรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันของสิ่งที่ทำการศึกษา • การประดิษฐ์ (Invention) ซึ่งหมายถึง การประมวลสิ่งที่ค้นพบและสิ่งที่สังคมเคยนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่าง ๆ มาสร้างเป็นสิ่งใหม่ - สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นวัตถุ ( Material Invention) - สิ่งประดิษฐ์ที่ไม่ใช่วัตถุ (Nonmaterial Invention)
องค์ประกอบของการประดิษฐ์องค์ประกอบของการประดิษฐ์ • รูปทรง ( form ) • ส่วนประกอบและการทำหน้าที่ของสิ่งประดิษฐ์ ( function ) • ประโยชน์ที่นำไปใช้ (meaning) • หลักของสิ่งประดิษฐ์นั้น (principle)
กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม (ต่อ) 3. การแพร่กระจาย (Diffusion) - การแพร่กระจายเป็นกระบวนการสองทาง (two-way process) - การแพร่กระจายเป็นกระบวนการเลือกสรร (selective process) - การแพร่กระจายองค์ความรู้ได้นำไปสู่การดัดแปลงแก้ไขใหม่ในสังคมของผู้รับ (modification)
อัตราการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมอัตราการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในขณะที่บางสังคมมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมในอัตราที่แตกต่างกันเหล่านี้ นักสังคมวิทยาได้สรุปไว้ 5 ประการ คือ 1. จำนวนประชากร 2. การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม 3. เทคโนโลยี และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ 4. การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม 5. การเกิดขึ้นของพฤติกรรมรวมหมู่และขบวนการสังคม
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของ เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลบงทางสังคมแบบเส้นตรง ( linear model ) เขาเสนอว่าปัจจัยที่ทำให้สังคมมีการพัฒนามีขนาดใหญ่ขึ้น เกิดจากปัจจัยภายในของสังคมนั้นเอง การรวมกันของระบบสังคมย่อยให้กลายเป็นระบบสังคมขนาดใหญ่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของสังคม (organic ) และองค์ความรู้ความคิดภายในสังคมนั้นด้วย ( Superoganic )
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของ เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ (ต่อ) ขั้นตอนของการพัฒนาองค์สังคม 1. สังคมขนาดเล็กไม่ซับซ้อน และปราศจากหัวหน้า 2. สังคมขนาดเล็กไม่ซับซ้อน มีหัวหน้า 3. สังคมที่มีความซับซ้อน 4. สังคมที่มีความซับซ้อนเป็น 2 เท่า 5. สังคมที่มีความซับซ้อนเป็นสามเท่า
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของ คาร์ล มาร์กซ์ ระบบทุนนิยมประกอบไปด้วยคนสองกลุ่มใหญ่ได้แก่ ชนชั้นนายทุนและชนชั้นกรรมกร ชนชั้นนายทุนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต นายทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องการผลิตทุกอย่าง ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคม คือ การแข่งขันกันระหว่างนายทุน เมื่อใดที่มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ สินค้าตัวใหม่ ๆ นายทุนจะพยายามแข่งขันเพื่อให้สินค้าของตัวเองสามารถขายออกได้มากกว่าเพื่อ กลวิธีที่เรียกร้องให้คนซื้อของได้มากที่สุด และหยุดการแข่งขันลงที่ราคาใดราคาหนึ่ง
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของ คาร์ล มาร์กซ์ (ต่อ) ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจภายใต้ระบบทุนนิยมเจริญได้อย่างรวดเร็ว คือ การใช้เครื่องจักรการแทนแรงงานคน ดังนั้นเพื่อผลกำไรแก่ตนเอง หรือใช้คนงานให้คุ้มค่าจ้างมากที่สุด วิธีการเหล่านี้ในทัศนะของมาร์กเชื่อว่าจะนำความหายนะมาสู่สังคมในที่สุด ทำให้เกิดการแบ่งชนนั้นอย่างชัดเจน และในที่สุดความขัดแย้งระหว่างชนชั้นจะนำไปสู่การต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจใหม่แนวคิดของมาร์กแม้จะมีส่วนถูกต้องอยู่มาก แต่ระบบทุนนิยมสามารถที่จะปรับตัวและแก้ปัญหาที่มาร์กกล่าวถึงได้
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของวิลเลี่ยม ออกเบิร์น ทฤษฎีความล้าหลัง วัฒนธรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ -วัฒนธรรมทางวัตถุ -วัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ วัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ มีการเปลี่ยนแปลงได้ช้ากว่าวัฒนธรรมทางวัตถุ ปัจจัยหนึ่งที่ทำวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุมีการเปลี่ยนแปลงช้าคือ กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่สูญเสียประโยชน์
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของวิลเลี่ยม ออกเบิร์น (ต่อ) ปัญหาความล้าหลังในสังคมปัจจุบันมีมากขึ้น เนื่องจากสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายและตลอดเวลา ทำให้สังคมมีเวลาในการปรับส่วนต่าง ๆ ให้สอดคล้องกันน้อยมาก
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของDaneil Lerner ทฤษฎีภาวะทันสมัย ( modernization ) ความหมายของภาวะทันสมัยว่า เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงสังคม ซึ่งประเทศหรือสังคมที่มีความเจริญด้อยกว่าพยายามพัฒนาให้สังคมของตนเองมีลักษณะ ( Characteristics ) เหมือนกับสังคมที่พัฒนาแล้ว
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของDaneil Lerner(ต่อ) กระบวนการพัฒนาไปสู่ภาวะทันสมัย (1) 1. การใช้เทคโนโลยีแบบพื้นบ้าน เปลี่ยนไปเป็นแบบทันสมัยหรือของตะวันตก 2. การเกษตรแบบพึ่งตนเองในนาแปลงเล็ก เปลี่ยนไปเป็นเกษตรกรรมเพื่อการค้า และนำเงินมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3. การอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานคนและสัตว์เปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรกลเป็นหลัก
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของDaneil Lerner(ต่อ) กระบวนการพัฒนาไปสู่ภาวะทันสมัย (2) 4. ระบบสังคมเปลี่ยนจากการให้ความสำคัญกับชนบทมาสู่เมือง เน้นให้เมืองเป็นศูนย์กลางความเจริญ 5. การเปลี่ยนแปลงทางด้านบุคลิกภาพสมาชิก นักสังคมวิทยาเห็นว่าการพัฒนาประเทศไปสู่ภาวะทันสมัย เป็นการพัฒนาไปสู่ความขัดแย้งด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลงได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างระบบประเพณีดั้งเดิมกับสภาวะทันสมัยที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของAndre Gunder Frank ทฤษฎีการพึ่งพิง ( Dependency) การพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่ระบบทุนนิยมของประเทศด้อยพัฒนายังอยู่ในขั้นแรก ๆ ของการพัฒนาแม้จะได้เริ่มพัฒนามานานพอสมควรแล้วก็ตาม ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วได้ผ่านขั้นตอนนี้ไปนานมาก ประเทศพัฒนาแล้วเปรียบเหมือนศูนย์กลาง ที่มีประเทศด้อยพัฒนาเป็นบริวาร ซึ่งทำให้ประเทศด้อยพัฒนาไม่สามารถควบคุมจัดการเรื่องภายในของตัวเองได้เต็มที่
แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของFernando Henrique Cardoso และ Enzo Falleto ทฤษฎีการพึ่งพิง ( Dependency) การพัฒนาไปสู่สังคมอุตสาหกรรมที่มีความอิสระจากประเทศพัฒนาแล้วแต่เป้าหมายของพวกเขาถูกขัดขวางโดยบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ที่ผูกขาดเทคโนโลยีและทุน ในที่สุดบริษัทของนักธุรกิจท้องถิ่นก็ตกอยู่ใต้การดำเนินการของต่างชาติ ผลคือนักธุรกิจหรือนักบริหารจัดการ (Entreprenuer ) เหล่านี้สูญเสียอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศของตัวเอง