650 likes | 1.13k Views
โครงการ Antibiotics Smart Use. ภญ.ดร.นิธิมา สุ่มประดิษฐ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา nithimaj@hotmail.com. หยุดเรียก “ ยาปฏิชีวนะ ” ว่า “ ยาแก้อักเสบ ”. การอักเสบ. การอักเสบแบบติดเชื้อ. การอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ ภูมิแพ้ โรค SLE ยาสเตียรอยด์ ( Steriods)
E N D
โครงการ Antibiotics Smart Use ภญ.ดร.นิธิมา สุ่มประดิษฐ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา nithimaj@hotmail.com
หยุดเรียก“ยาปฏิชีวนะ”ว่า“ยาแก้อักเสบ”หยุดเรียก“ยาปฏิชีวนะ”ว่า“ยาแก้อักเสบ” การอักเสบ การอักเสบแบบติดเชื้อ • การอักเสบแบบไม่ติดเชื้อ • เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ ภูมิแพ้ โรค SLE • ยาสเตียรอยด์ (Steriods) • ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะเป็น “ยาอันตราย” ความหมายที่ 1: ยาปฏิชีวนะเป็นยาอันตราย ตาม พรบ. ยา
ยาปฏิชีวนะเป็น “ยาอันตราย” ความหมายที่ 2:อันตรายจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ • แพ้ยา • อาการข้างเคียงจากการใช้ยา • เชื้อดื้อยา
Antibiotic Associated Colitis (AAC) ที่มา: Slides บรรยายโดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
อาการไม่พึงประสงค์ Penicillins ที่มา: Slides บรรยายโดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ ทำให้เชื้อดื้อยาอย่างรวดเร็ว • การดื้อยาทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ในอันตราย
National Antimicrobial Resistance Surveillance, Thailand ( NARST ) • Acinetobacter • 1998 : 98% susceptible to imipenem • 2006 : only 43%susceptible to imipenem • E.coli • 1999 : 90% susceptible to ceftriaxone • 2006 :only 68% susceptible to ceftriaxone ที่มา: Slide บรรยายโดย นพ.เชิดศักดิ์ มาศมหิศักดิ์
การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมเกิดขึ้นบ่อยมากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสมเกิดขึ้นบ่อยมาก ที่มา: Slides บรรยายโดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
Inappropriate use of antibiotics in teaching hospitals ที่มา: Slides บรรยายโดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล 91% HogerzeilHV. Promoting rational prescribing: An international perspective. Br J Clin Pharmac. 1995;39:1-6
การใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ = การทำร้ายครอบครัวและคนรอบข้าง • เชื้อดื้อยาแบ่งตัว และถ่ายทอดจากคนหนึ่งสู่คนอื่น ๆ ได้ ผ่านทางการไอ จาม การกิน และการสัมผัส • ผู้มีความเสี่ยงสูงจากการติดเชื้อดื้อยา • เด็ก • คนแก่ • คนที่เป็นเบาหวาน • คนที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำหรือบกพร่อง
Mariana bridi: นางแบบชาวบราซิล ปรับปรุงจาก: Slide บรรยายโดย นพ.เชิดศักดิ์ มาศมหิศักดิ์
เสียชีวิตในวัยเพียง 20 ปี...เพราะเชื้อดื้อยา แพทย์ตัดมือและเท้าทั้งสองข้าง ของนางแบบชาวบราซิล (พยายามที่จะรักษาชีวิตเธอไว้ แต่ไม่สำเร็จ)
รายงาน ADR พบปัญหาจากการใช้ยาฆ่าเชื้อ/ยาปฏิชีวนะสูงเป็นอันดับ 1 อัตราเชื้อดื้อยาเพิ่มสูงถึงร้อยละ 25-50 ขณะที่อัตราเชื้อดื้อยาสูงขึ้น แต่การคิดค้นยาปฏิชีวนะใหม่กลับลดลง ตลาดยาปฏิชีวนะไม่คุ้มทุน เพราะไม่นานก็เกิดเชื้อดื้อยา มูลค่าการผลิตและนำเข้าของยาฆ่าเชื้อ/ยาปฏิชีวนะสูงเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน คิดเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่ายาทั้งหมด คนไทยใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรือ ต่างจังหวัดกินยาปฏิชีวนะรักษาหวัดคิดเป็นร้อยละ 40-60 และสูงถึงร้อยละ 70-80 ใน กทม. โรงเรียนแพทย์พบการใช้ยาปฏิชีวนะไม่สมเหตุผลถึง 30-90% สถานการณ์ยาปฏิชีวนะในประเทศไทย วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา คือ หยุดใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรือ จุดเริ่มต้นของโครงการ Antibiotics Smart Use
เป้าหมายโครงการ Antibiotics Smart Use • เป้าหมายหลัก:ลดการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะของบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยนอกที่ป่วยด้วย 3 โรคเป้าหมาย ที่พบบ่อยซึ่งเป็นโรคที่ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ • โรค URI (หวัด-เจ็บคอ) • ท้องร่วงเฉียบพลัน • แผลเลือดออก • เหตุผล • บุคลากรทางการแพทย์– เพราะเป็นผู้สั่งใช้ยาโดยตรง และเป็นแบบอย่างของการใช้ยาที่ผู้ป่วยและคนรอบข้างมักจดจำไปทำตาม • ผู้ป่วยนอก– ผู้ป่วยนอกที่สุขภาพทั่วไปแข็งแรง และอายุ 2 ปีขึ้นไป จึงไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ • 3 โรคเป้าหมาย–เพราะเป็นโรคที่พบบ่อย หายได้เองไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ • เป้าหมายอีกชุด คือ: • พัฒนาเป็นนโยบายระดับประเทศเกี่ยวกับการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งเป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริงในพื้นที่ (bottom-up policy development) • ปลูกฝังฐานความคิดเกี่ยวกับการใช้ยาที่สมเหตุผล • พัฒนาและเพิ่มศักยภาพเครือข่ายด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
URI ไม่ให้ยาปฏิชีวนะ • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส • มีน้ำมูกมาก จามบ่อย เสียงแหบ ตาแดง มีผื่นตามตัว มีแผลในช่องปาก ถ่ายเหลว ไอมาก etc. • หวัดในระยะใกล้หายน้ำมูกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหลือง
URI ให้ยาปฏิชีวนะ • เกิดจากการติดเชื้อ Group A Beta hemolytic Streptococcus • มีไข้สูงร่วมกับอาการเจ็บคอมาก มีจุดขาวที่ต่อมทอนซิล มีต่อมน้ำเหลืองใต้คอโต ลิ้นไก่บวมแดง มีจุดเลือดออกที่เพดานปาก
ท้องร่วง • จากตัวอย่าง 1.4 ล้านรายที่กรมควบคุมโรคได้รับรายงาน พบว่าโรคท้องร่วงเฉียบพลันที่สามารถเพาะเชื้อแบคทีเรียได้จากอุจจาระมีเพียง 5.6 % และมีเพียง 1.3% ที่เข้าข่ายต้องได้ยาปฏิชีวนะ (98.7% ไม้ต้องได้ยาปฏิชีวนะ) • ไม่ให้ยาปฏิชีวนะใน อาหารเป็นพิษ หรือ viral infection • ให้ยาปฏิชีวนะในผู้ป่วยที่มีอาการต่อไปนี้ • ไข้ 38ºC ขึ้นไป และ • อุจจาระมีเลือดปนเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือตรวจพบเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในอุจจาระ
ให้เพื่อป้องกัน Dicloxacillin 2 วัน (8 เม็ด) แผลเลือดออก บาดแผลที่ต้องให้ antibiotic เพื่อป้องกัน • บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน • บาดแผลจากการบดอัด เช่น โดนประตูหนีบอย่างแรง • แผลที่เท้า • แผลที่มีขอบหยึกหยัก • บาดแผลในผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง, ผู้ป่วยหลอดเลือดส่วนปลายตีบ, ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ รวมถึงผู้ป่วยที่ทานยากดภูมิต้าน ทาน เช่น ยา steroid บาดแผลที่ ไม่ต้องให้ antibiotic • บาดแผลเปิดที่มีขอบเรียบ ล้างทำความสะอาดได้ง่าย • บาดแผลที่ไม่มีเนื้อตาย • บาดแผลที่ไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่ภายในเช่น เศษดิน หากมีก็สามารถล้างออกได้โดยง่าย • บาดแผลที่ไม่ปนเปื้อนกับสิ่งที่มีแบคทีเรียจำนวนมากเช่น อุจจาระ, มูลสัตว์, น้ำครำ • ไม่ใช่บาดแผลที่มีสิ่งปนเปื้อน
Antibiotics Smart Use เพื่อใคร • สังคม ลูกหลาน และประเทศชาติ • คนไข้ • บุคลากรทางการแพทย์ – พรบ. พิจารณาคดีผู้บริโภค
ปรับปรุงจาก: Slide บรรยายโดย นพ.เชิดศักดิ์ มาศมหิศักดิ์
ประชาชนสามารถเดินไปที่ที่ศาลและฟ้องร้องด้วยวาจา ไม่มีค่าใช้จ่าย อายุความ 3 ปี สามารถเรียกค่าเสียหายสูงได้ถึง 2 เท่าของค่าเสียหายจริง (ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางจิตใจได้ด้วย) ภาระในการพิสูจน์อยู่ที่ผู้ให้การรักษาว่าได้รักษาถูกต้องหรือไม่ ศาลสามารถเปลี่ยนคำพิพากษาภายหลังให้โทษ แรงขึ้นกว่าเก่าได้
ระดับ 0 ยังไม่ได้ดำเนินการ
ข้อตกลงเบื้องต้น ASU # 1 1. ปรัชญาของทำงาน ASU เน้น decentralization และการทำงานอย่างเป็นเครือข่าย (networking) เพื่อให้เกิด sense of ownership ของสถานพยาบาลและจังหวัดที่ทำโครงการ • พื้นที่เป็นเจ้าของโครงการ แต่ละจังหวัดมีทีม ASU ของตนเอง • ส่วนกลางจะเป็นที่ปรึกษา (พี่เลี้ยง)ที่จะส่งเสริมศักยภาพของจังหวัด • จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการฯ ก่อน จะเป็น “พี่เลี้ยง” ให้กับจังหวัดอื่นๆ ต่อไปได้
ประวัติของ ASU ASU I: สระบุรี ก.ย. 2549 อย.ขอทุนจาก WHO ทำต้นแบบ การใช้ยาอย่างสมเหตุผล ส.ค. 2550 เริ่มโครงการนำร่อง ASU ที่สระบุรี ส.ค. 2551 สรุปผลโครงการนำร่อง ก.ค. 2552 สรุปผลความยั่งยืนโครงการนำร่อง ASU II: อุบลราชธานี อยุธยา สมุทรสงคราม รพ.กันตัง และกลุ่ม รพ.ศรีวิชัย ก.ย. 2551 อย. รับทุนจาก สวรส. เพื่อหารูปแบบ การขยาย ASU สู่ความยั่งยืน มีจังหวัด อุบลราชธานี อยุธยา สมุทรสงคราม รพ.กันตัง (จ.ตรัง) กลุ่ม รพ. ศรีวิชัย เข้าร่วมโครงการ ส.ค. 2552 สรุปผลโครงการ ASU I: ทำอย่างไรจึงเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ASU II: ทำอย่างไรจึงจะยั่งยืน ASU III: สถานพยาบาล/จังหวัดอื่นๆ มี.ค.2551 ออกนิทรรศการ HA forum มี.ค. 2552 สปสช. ประกาศตัวชี้วัด
ข้อตกลงเบื้องต้น ASU # 2 2. ASU เป็นวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Participatory Action research: PAR) • เรียนรู้โดยลงมือทำ (Learning by doing) ทำไปเก็บข้อมูลไป เป็นกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และมีการปรับการดำเนินการตามสถานการณ์ • มุ่งในการนำผลการวิจัยมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในสภาวะจริง เนื่องจากทดลองทำจริงโดยไม่มีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน • ส่งผลทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการกลายเป็นนักวิจัยไปด้วยกัน • เกิดผลลัพธ์ 2 แบบ • ผลตามวัตถุประสงค์ / ตัวชี้วัด • ผลจากการสะท้อนการดำเนินการที่ผ่านมา (reflective thinking) ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานในรอบ/ครั้งต่อไป
ชุดประสบการณ์ “บทเรียน” ผลตามตัวชี้วัด
ท่านเรียนรู้เกี่ยวกับโครงการโดยผ่านประสบการณ์ของทีมส่วนกลางและทีม ASU รุ่นก่อนๆ ท่านเทียบเคียงข้อมูลข้างต้นกับปัญหาและบริบทของท่าน ตั้งเป้าหมาย และวางแผนให้สอดคล้องกับพื้นที่ของท่าน ปริมาณการใช้ ABO ลดลง ( e.g., 10%) * ความรู้ทัศนคติดีขึ้นหลังการอบรม * คนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO หายป่วยและพึงพอใจ (e.g., 80%) คนไม่ได้ยา ABO เพิ่มขึ้น (e.g., 20 %) APR จากการใช้ ABO ลดลง (e.g., 20%) เตรียมการ และลงมือทำตามแผน อบรม รณรงค์ ใช้สื่ออุปกรณ์ เก็บข้อมูลและวัดผล ปริมาณการใช้ยา ABO * ความรู้ทัศนคติดีขึ้นหลังอบรมหรือไม่ * คนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO หายป่วยหรือไม่ พึงพอใจมากหรือน้อย ร้อยละคนไม่ได้ยา ABO เพิ่มหรือไม่ APR จากการใช้ ABO ลดลง สรุปบทเรียน เป็นพี่เลี้ยง วิทยากร หรือ แหล่งศึกษาดูงานให้ ASU รุ่นต่อไป ขั้นตอนหลักโครงการ ASU
ASU @ ปีที่ 1 โครงการนำร่องในจังหวัดสระบุรี ทดสอบว่า Interventions ใช้ได้ผลหรือไม่ (รพช.ทุกแห่ง 10 แห่ง สอ.ทุกแห่งในสังกัดรวม 87 แห่งในสระบุรี)
ที่มา: นิธิมา สุ่มประดิษฐ์ และคณะ (2552) โครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use: การนำร่องในจังหวัดสระบุรี (working manuscript) Source: Green & Krenter, 1999 ขั้นที่ 9ประเมินผลลัพธ์(Outcome evaluation) ขั้นที่ 8ประเมินผลกระทบ(Impact evaluation) กรอบแนวคิดของ ASU ตาม Precede-Proceed Planning Model ขั้นที่ 4วินิจฉัยสาเหตุ ขั้นที่ 3วินิจฉัยพฤติกรรม & สิ่งแวดล้อม ขั้นที่ 1วินิจฉัยด้านสังคม ขั้นที่ 2 วินิจฉัยด้านระบาดวิทยา ขั้นที่ 5วินิจฉัยนโยบายและการบริหาร มาตรการส่งเสริมสุขภาพ ปัจจัยนำความรู้ ทัศนคติความเชื่อมั่น ความตั้งใจ การให้ความรู้Healtheducation พฤติกรรมการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะ ปัจจัยเสริมการร้องขอยาจากคนไข้อิทธิพลเพื่อนร่วมงานอิทธิพลจากบริษัทยา มาตรการอื่นๆ:- นโยบายหรือการควบคุม- บริหารจัดการ- การจูงใจ สุขภาพของคนไข้ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมใน รพ. (และชุมชน) ปัจจัยเอื้อการมียาทดแทนยา ABOอุปกรณ์ตรวจโรค ขั้นที่ 6การลงมือปฏิบัติ ขั้นที่ 7ประเมินกระบวนการ(Process evaluation)
การประชุมกลุ่มย่อยระดมความคิดการประชุมกลุ่มย่อยระดมความคิด • การใช้ยา ABO พร่ำเพรื่อทำให้เกิดอะไร • ใครบ้างที่ใช้ยา ABO พร่ำเพรื่อเพราะเหตุใด • เรียงลำดับปัจจัย (สาเหตุ) ที่ทำให้ใช้ยา • ABO พร่ำเพรื่อ โดยเรียงตามความสำคัญ • และความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลง • ผลการประชุม: • สาเหตุหลักของการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะใน รพช. และ สอ. 2 ประการ คือ • ความรู้ ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของบุคลากรทางการแพทย์ • แรงกดดันจากคนไข้ ภาพการประชุมที่จังหวัด พระนครศรีอยุธยา14 ส.ค. 51
3. วางแผนกิจกรรมอย่างละเอียด และจัดทำสื่ออุปกรณ์ • 2. สาเหตุที่ทำให้สั่งใช้ยา ABO คือ • ความรู้/ความเชื่อที่คลาดเคลื่อน ทักษะ • การร้องขอยาจากคนไข้ 1. ศึกษาปัญหา วางกรอบแนวคิด ตั้งเป้าหมาย ประสานความร่วมมือกับ สสจ.
บุคลากรทางการแพทย์ คนไข้ และประชาชนทั่วไป
ไข้สูง 39๐C หนองที่ต่อมทอนซิล จุดเลือดออกที่เพดานปาก ไม่มีอาการหวัด (น้ำมูก ไอ) ที่เด่นชัด
บริหารจัดการ อบรมในพื้นที่ 4 Multifaceted intervention (พ.ย. 2550) นโยบาย สิ่งจูงใจ 3. วางแผนกิจกรรมอย่างละเอียด และจัดทำสื่ออุปกรณ์ • 2. Need assessment พบ 2 สาเหตุ • ความรู้/ความเชื่อที่คลาดเคลื่อน ทักษะ • การร้องขอยาจากคนไข้ สู่การ ปฏิบัติ 5. ผู้สั่งใช้ยานำไปปฏิบัติ ถ่ายทอดสู่กัน 6. กระจายสู่ชาวบ้าน และสื่อชุมชน • 7. ประเมินผล • ปริมาณยาปฏิชีวนะ • ร้อยละผู้ป่วยที่ไม่ได้/ได้ยาปฏิชีวนะ • สุขภาพและความพึงพอใจของผู้ป่วย • ความรู้ ทัศนคติ ความเชื่อมั่นของผู้สั่งใช้ยา 1. ศึกษาปัญหา วางกรอบแนวคิด ตั้งเป้าหมาย ประสานความร่วมมือ สสจ.
เจ้าหน้าที่เข้ารับการอบรมAntibiotics Smart Use ถ่ายทอดความรู้ ASU ให้ทีมงานที่ไม่ได้ไปอบรม ถ้าเจอคนไข้หวัดขอยาปฏิชีวนะ จ่ายยา ฟ้าทะลายโจรแทนนะ คุณเกศณีย์ คงสมบรูณ์ (พยาบาลวิชาชีพ) สอ.หลังเขา สระบุรี
นำความรู้และสื่ออุปกรณ์ไปสู่การปฏิบัตินำความรู้และสื่ออุปกรณ์ไปสู่การปฏิบัติ
สานต่อโครงการ Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี แลก “ยาปฏิชีวนะ” ด้วย “ยาสามัญประจำบ้าน” ในร้านขายของชำโดย นพ.สมชาติ สุจริตรังสีรพ. ดอนพุดสระบุรี โครงการ ASU สู่ชุมชนโดย คุณเกศนีย์ คงสมบรูณ์ สถานีอนามัยหลังเขาอ.มวกเหล็ก สระบุรี
สถานีอนามัยหลังเขา (สระบุรี)ได้รับรางวัลระดับประเทศ • หลังการดำเนินโครงการ และมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง • สถานีอนามัยหลังเขา ได้ส่งผลงานในโครงการ ASU ตนเองเข้าประกวด และได้รับ “รางวัลยอดเยี่ยม ประจำปี 2552” จากการประกวดผลงาน R-2-R ของสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิจากทั่วประเทศ
สร้างเสริมกำลังใจของสมาชิกโครงการสร้างเสริมกำลังใจของสมาชิกโครงการ • หลักการ • ให้เกียรติซึ่งกันและกัน (recognition) • แบ่งปันกำลังใจไม่โดดเดี่ยว (social support) • สร้างความภูมิใจร่วมกันที่ได้ทำความดี (meaningful action) ให้สังคมและประเทศชาติ • วิธีการ • จดหมายข่าว - เผยแพร่ข้อมูลและกิจกรรมการดำเนินโครงการของพื้นที่แต่ละแห่งในกลุ่มสมาชิกและหน่วยงานส่วนกลางต่างๆ • สื่อสาธารณะ: หนังสือพิมพ์
ประเมินผล • ตัวชี้วัด • ปริมาณการใช้ยา ABO • ความรู้ ความเชื่อมั่น ความตั้งใจ ก่อนและหลังอบรมของผู้สั่งใช้ยา • สุขภาพและความพึงพอใจของคนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO • ร้อยละคนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO ใน 3 โรคเป้าหมาย
ที่มา: นิธิมา สุ่มประดิษฐ์ และคณะ (2552) โครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use: การนำร่องในจังหวัดสระบุรี (working manuscript) Source: Green & Krenter, 1999 ขั้นที่ 9ประเมินผลลัพธ์(Outcome evaluation) ขั้นที่ 8ประเมินผลกระทบ(Impact evaluation) กรอบแนวคิดของ ASU ตาม Precede-Proceed Planning Model # 2ความรู้ ความเชื่อมั่น ความตั้งใจ ก่อนและหลังอบรมของผู้สั่งใช้ยา ขั้นที่ 4วินิจฉัยสาเหตุ ขั้นที่ 3วินิจฉัยพฤติกรรม & สิ่งแวดล้อม ขั้นที่ 1วินิจฉัยด้านสังคม ขั้นที่ 2 วินิจฉัยด้านระบาดวิทยา ขั้นที่ 5วินิจฉัยนโยบายและการบริหาร # 1ปริมาณการใช้ยา ABO # 4ร้อยละคนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO ใน 3 โรคเป้าหมาย มาตรการส่งเสริมสุขภาพ ปัจจัยนำความรู้ ทัศนคติความเชื่อมั่น ความตั้งใจ การให้ความรู้Healtheducation พฤติกรรมการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะ ปัจจัยเสริมการร้องขอยาจากคนไข้ มาตรการอื่นๆ:- นโยบายหรือการควบคุม- บริหารจัดการ- การจูงใจ สุขภาพของคนไข้ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมใน รพ. (และชุมชน) ปัจจัยเอื้อการมียาทดแทนยา ABOอุปกรณ์ตรวจโรค # 3สุขภาพและความพึงพอใจของคนไข้ที่ไม่ได้ยา ABO ขั้นที่ 6การลงมือปฏิบัติ ขั้นที่ 7ประเมินกระบวนการ(Process evaluation)
ตัวชี้วัด 1:การเปลี่ยนแปลงการใช้ยาปฏิชีวนะในช่วง 6 เดือนก่อนและหลัง intervention ในช่วงเวลาเดียวกัน(ตั้งเป้าหมายตอนเริ่มต้นว่า ลดลงร้อยละ 10) ปริมาณการใช้ปฏิชีวนะ (แสนเม็ด/แคปซูล) ปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะ (พันขวด) -18% (1.44 แสนบาท) -23% (0.4 แสนบาท) -46% (0.5 แสนบาท) -39% (1.41 แสนบาท) • ใน 6 เดือน สอ 44 แห่ง รพช 8 แห่ง ประหยัดค่ายาได้ 381,427 บาท • คำนวนย้อนกลับเป็นของรพช.ทุกแห่ง (n=10) และ สอ.ทุกแห่งที่อยู่ในสังกัดรพช.(n=87) • ใน 1 ปีจะประหยัดค่ายาได้กว่า 1.2 ล้านบาท ที่มา: กองควบคุมยา ผู้ประเมิน: กัญญดา อนุวงศ์ และคณะ (2551) รายงานฉบับสมบรูณ์การประเมินโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี
ตัวชี้วัด 3:ร้อยละของผู้ป่วย 3 โรคเป้าหมายที่ไม่ได้ยาปฏิชีวนะ ในช่วง 6 เดือน ก่อนและหลัง intervention (ตั้งเป้าหมายตอนเริ่มต้นว่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และเพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มควบคุม) สระบุรี 8,099 ราย อยุธยา 5,865 ราย 74.6 45.5 44.2 42.3 ผู้ป่วยที่ไม่ได้ยา ABO ในสระบุรีเพิ่มขึ้น 29% หรือคิดเป็นร้อยละ 64 ของสัดส่วนคนไข้เดิมที่ไม่ได้ยา ABO (p < 0.00) ที่มา: กองควบคุมยา ผู้ประเมิน: กัญญดา อนุวงศ์ และคณะ (2551) รายงานฉบับสมบรูณ์การประเมินโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี
ตัวชี้วัด 2: ความรู้และทัศนคติของบุคลากรทางการแพทย์ก่อน-หลังการอบรม(ตั้งเป้าหมายตอนเริ่มต้นว่า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติหลังจากได้รับการอบรม) • ใช้แบบสอบถาม Pre-test and post-test design (แบบสอบถามผ่านการทำ pilot test และ reliability test) • ข้อมูลพื้นฐาน: ผู้หญิง 87%, พยาบาล 64%, ทำงานในโรงพยาบาล 74%, อายุเฉลี่ย 36 ปี • ความรู้ ที่มา: กองควบคุมยา ผู้ประเมิน: กัญญดา อนุวงศ์ และคณะ (2551) รายงานฉบับสมบรูณ์การประเมินโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี
Mean comparison (t-test): ทัศนคติ ความเชื่อมั่น ความตั้งใจ ที่มา: กองควบคุมยา ผู้ประเมิน: กัญญดา อนุวงศ์ และคณะ (2551) รายงานฉบับสมบรูณ์การประเมินโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี
ตัวชี้วัด 4: สุขภาพและความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ไม่ได้ยาปฏิชีวนะ • วิธีการ:โทรศัพท์สัมภาษณ์ผู้ป่วย 3 โรคเป้าหมายที่ไม่ได้รับ ยาปฎิชีวนะ 1,200 คน • เดือนละ 100 คนแรก/โรค นาน 4 เดือน: ธันวาคม 2550 - มีนาคม 2551 • สัมภาษณ์ในระยะ 7-10 วันหลังการรักษา • โทรศัพท์ติดตาม 3 ครั้ง ต่างวัน และต่างเวลา • เป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ • ผู้ป่วยอย่างน้อยร้อยละ 70 มีอาการดีขึ้น ความพึงพอใจในการรักษามีความรู้ความเข้าใจ และไม่แสวงหาการรักษาเพิ่มเติม ที่มา: กองควบคุมยา ผู้ประเมิน: กัญญดา อนุวงศ์ และคณะ (2551) รายงานฉบับสมบรูณ์การประเมินโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล Antibiotics Smart Use ในจังหวัดสระบุรี